สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคนค่ะ
ปกติเป็นคนที่ชอบติดตามอ่านกระทู้ต่างๆในพันทิปอยู่เป็นประจำ เลยเกิดไอเดียว่าอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การเรียนต่อและข้อมูลเรื่องทุนการศึกษาที่มหาลัยที่เราเรียนอยู่ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจหรือหาข้อมูลเรื่องการศึกษาต่อที่ประเทศสวีเดน
เพื่อให้กระทู้นี้ของเราอ่านเข้าใจง่าย เราเลยขออนุญาตแบ่งกระทู้เราเป็น 3 หัวข้อใหญ่นะคะ
*รูปภาพที่เราใส่เข้ามาในกระทู้อาจจะไม่ได้สวยมากเพราะฝีมือเราเอง แต่เราแค่อยากให้ทุกคนได้เห็นภาพรวมต่างๆค่ะ
ด้านล่างเป็นรูปภาพบรรยากาศภายในมหาลัย Chalmers ช่วง Autumn ค่ะ
หัวข้อที่ 1 ทำไมเราถึงตัดสินใจมาเป็นฮิปเตอร์อยู่ที่ขั้วโลกเหนือในเมืองอันแสนหนาวเหน็บ
ต้องท้าวความว่าก่อนหน้าที่เราจะมาเรียน ป.โท ที่สวีเดน เราเรียนจบ ป.ตรี จาก สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร หรือ SIIT มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สาขา IT ด้วยเกรดที่พอถูๆไถๆไม่ได้ดีเริ่ดมากมายถึงขั้นได้เกียรตินิยม แต่ก็ไม่ได้แย่มาก เอาเป็นว่าเป็นนักเรียนชนชั้นกลางของภาคค่ะ พอหลังจากที่เรียนจบมาก็ทำงานอยู่ที่บริษัท IT Consulting ข้ามชาติเจ้าหนึ่ง ในตำแหน่ง SAP Consultant อยู่ประมาณ 3 ปี ตอนนั้นก็เริ่มคิดว่าถ้าตัวเองยังคงทำงานต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้อีกไม่นานคงหมดไฟกับการเรียน เลยตัดสินใจหาข้อมูลเรื่องการศึกษาระดับป.โท ทั้งในและนอกประเทศ
ตอนนั้นด้วยความที่จบมาและทำงานทางสาย IT มาตลอด แล้วบวกกับว่าตอนทำงานเริ่มมองเห็นภาพว่าอยากหาความรู้เพิ่มเติมในด้านอื่นๆบ้างที่ไม่ใช่ IT เพื่อเอามาต่อยอดกับสิ่งที่ทำอยู่ปัจจุบัน เลยมองหาด้าน Management ดู แล้วพอดีตอนนั้นมีเพื่อนที่เรียนอยู่ที่สวีเดน 2 คน แนะนำให้ลองดู Chalmers University of Technology ที่อยู่ในเมือง กอเทนเบิร์ก ประเทศสวีเดน ในระดับ ป.โท เพราะเค้าแจกทุนให้กับเด็กนักเรียนไทยเยอะ พอเราลองไปหาข้อมูลดูก็มาโดนกับคณะ International Project Management ซึ่งเป็นสิ่งที่เราตามหาและอยากเรียนต่อค่ะ และด้วยความที่มหาวิทยาลัย Chalmers เค้าจะดังทางด้าน Engineering และ Technology เราก็เลยมองว่ามันเหมาะกับเราที่จะมาเรียนที่นี้เพราะคณะที่เราเรียนเป็นด้าน Management แต่เค้าก็สามารถให้เราเลือกเรียน Elective Course ในวิชาอื่นๆที่เราสนใจนอกเหนือจากด้าน Management ได้ถึง 5 วิชา แล้วตัวเราเองอยากจะเรียนบางวิชาทางฝั่งคณะ Software Engineering บ้างอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างในระดับ ป.โท การเรียนการสอนของมหาลัยจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดค่ะ ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานภาษาสวีดิชมาก่อนก็เรียนได้
ในปีนั้นเราก็จัดแจงเตรียมตัวสมัครเรียนอย่างจริงจัง และผลปรากฎว่าเราได้รับเลือกให้เรียนในสาขา International Project Management และได้รับทุนการศึกษาที่ชื่อว่า Avancez ซึ่งเป็นทุนการศึกษาที่ให้ค่าเรียน 75% มันประจวบเหมาะกับที่เราทำงานมา 3 ปีเต็มก็เลยพอจะมีเงินเก็บเพื่อเอามาส่งเสียตัวเองเรียนอยู่บ้าง แล้วทางบ้านก็สนับสนุนให้มาเรียน เราก็ได้ตัดสินใจที่จะมาเรียนต่อ แล้วก็มาเป็นฮิปเตอร์อยู่ในดินแดนอันหนาวเหน็บนี้ค่ะ แล้วหลังจากที่เรียนมาเป็นเวลา 1 ปี เราอยากจะบอกว่าเราตัดสินใจไม่ผิดจริงๆที่มาเรียนต่อที่นี้ค่ะ
มหาลัยเรามี 2 campuses นะคะ
ด้านล่างนี้คือ Johanneberg Campus
แล้วอันนี้คือ Lindholmen Campus
หัวข้อที่ 2 การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ Chalmers University of Technology
ด้วยความที่มหาลัยมีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดในระดับ ป.โท ทำให้ environment รอบๆตัวมีความเป็น International สูงมากค่ะ เพื่อนๆที่เรียนในสาขาเดียวกันบอกได้เลยว่ามาจากทั่วทุกมุมโลก มีตั้งแต่ แคนาดา เอธิโอเปีย เยอรมัน ฟินแลนด์ สวีเดน เนเธอร์แลนด์ กรีก อินเดีย ปากีสถาน จีน ซีเรีย ตุรกี เอาเป็นว่ามาเรียนทีมีเพื่อนทั่วโลก
หลักสูตรการเรียนการสอนที่นี้จะเรียน ป.โท เป็นเวลา 2 ปีนะคะ การเรียนการสอนที่นี้จะเน้นการปฎิบัติจริงและก็คิดวิเคราะห์เป็นส่วนใหญ่ค่ะ แทบทุกคลาสที่เคยเรียนมาจะมีงานกลุ่มและเวิร์คช้อป แล้วต้องปฎิบัติจริงด้วยการสัมภาษณ์บริษัท หรือทำโปรเจคที่เค้าจะเอาไปใช้จริงได้ค่ะ และรวมถึงมีการสอบข้อเขียนในบ้างวิชา ถามว่าเรียนยากไหม พูดได้คำเดียวเลยนะคะ ว่ายากมากตั้งแต่เกิดมาอ่านหนังสือมากที่สุดในชีวิตก็คราวนี้เลยค่ะ แต่มันก็คุ้มค่าจริงๆค่ะ อาจารย์ที่นี่จะไม่ถือตัวเองว่าเป็นอาจารย์ที่มีความรู้มากกว่าลูกศิษย์ แต่อาจารย์ที่นี่วางตัวเหมือนเป็นเพื่อนเราอีกคนที่เราสามารถโต้แย้ง เถียงและถามคำถามได้ มันเลยทำให้บรรยากาศในห้องเรียนดูสนุกและน่าสนใจมากขึ้นค่ะ
ส่วนเรื่องการแบ่งภาคเรียน ที่นี้จะเรียนปีละ 2 เทอม และใน 1 เทอม จะแบ่งออกเป็น 2 periods นะคะ โดยในแต่ละ period จะเรียน 2 วิชาและมีเวลาเรียน 2 เดือนค่ะ ข้อดีของการเรียนที่ประเทศนี้คือถ้าสมมุติว่าเราสอบตก เราไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินลงทะเบียนเรียนใหม่เราแค่ทำการ Re-Exam พูดง่ายๆคือไม่ต้องเรียนใหม่และไม่ต้องเสียตังค์แต่ไปสอบกี่ครั้งก็ได้จนกว่าจะสอบผ่านค่ะ แต่ถามว่าการจะสอบผ่านนั้นยากไหม พูดได้คำเดียวเลยว่ายากสุดๆ จนเพื่อนชาวสวีเดนของเราพูดติดตลกและแซวกันว่า "If you never do the re-exam, you are not a true Chalmerist"
นอกเหนือจากการเรียนอันเข้มข้นจนต้อง Re-Exam กันไปเป็นแถว จะบอกว่า Chalmers ขึ้นชื่อเรื่องปาร์ตี้อันหนักหน่วงด้วยเช่นกัน ทุกๆวันพฤหัสแรกของแต่ละ period จะมีevent ชื่อ Pub Crawl คือการเปลี่ยนตึกเรียนของแต่ละคณะให้เป็นผับ นักเรียนก็จะปาร์ตี้กันโดยในคืนนั้นจะเริ่มจากผับใดผับหนึ่งแล้วก็ย้ายไปผับของคณะอื่นๆ เรื่อยๆจนกว่าเพื่อนๆในแก๊งค์จะล้มหายตายจากกันไปทีละคนค่ะ ฮาฮ่า แล้วก็มีอีกevent ชื่อ Fest U คือเป็นการปิด Student Union ในมหาลัยให้กลายเป็นผับอันยักษ์ใหญ่ภายในมหาลัยค่ะ เรียกได้ว่านักเรียนที่นี้ "Study Hard but Party Harder" นอกเหนือจากการเรียนและปาร์ตี้อันหนักหน่วง ก็ยังมี event ในมหาลัยต่างๆอีกมากมายให้นักเรียนได้เข้าร่วมค่ะ ไม่ว่าจะเป็น event ของแต่ละคณะในมหาลัย, มีงานประเพณีคล้ายๆเดินขบวนล้อการเมืองของธรรมศาสตร์ชื่อว่า Chalmerscortegen, และยังมี event ต่างๆที่บริษัทในประเทศสวีเดนเข้ามาจัดในมหาลัยอีกมากมาย เรียกได้ว่าคุ้มค่าสุดๆกับการมาเรียนที่นี่จริงๆค่ะ
*ขอเสริมเรื่องการทำ Master Thesis นิดนึงนะคะ
การทำ Master Thesis ที่ Chalmers มี 2 แบบคือสามารถเลือกทำกับมหาลัยหรือว่าทำกับบริษัทก็ได้ค่ะ ซึ่ง Master Thesis จะเริ่มทำตอนเทอมสุดท้ายของการเรียนปีที่ 2 แต่ในบางกรณีสามารถเลือกทำ Master Thesis ทั้งปีก็ได้ค่ะถ้าใครเป็นสายที่ต้องทำการทดลองหรือสนใจที่จะต่อ ป.เอก ส่วนเราเพิ่งได้รับการตอบรับเข้าไปทำ Master Thesis กับบริษัท Ericsson เอาไว้ถ้ามีโอกาสจะกลับมาอัพเดทให้ฟังกันนะคะ หวังว่าจะมีคนสนใจ
รูปงาน Chalmerscortegen ค่ะ
รูปงาน Party ต่างๆภายใน Chalmers ค่ะ
หัวข้อที่ 3 เรื่องทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัย Chalmers
เอาเป็นว่าเราจะคัดเอาแต่ทุนที่เกี่ยวข้องและแจกให้กับคนไทยเท่านั้น เพื่อมาอธิบายแต่ละทุนให้ฟังกันนะคะ
1. Sievert Larsson Scholarship : ทุนนี้จะเป็นทุนการศึกษาที่แจกให้กับนักเรียนไทยโดยเฉพาะค่ะ พูดง่ายๆคือเราคนไทยแข่งกันเองโดยที่ไม่ต้องไปแข่งกับคนทั่วโลกค่ะ ทุนนี้จะมี 2 versions
- Version 1: เป็นทุนการศึกษา 100% เป็นเวลา 2 ปี
- Version 2: เป็นทุนการศึกษา 100% และ เงินค่าครองชีพเป็นเวลา 2 ปีเป็นจำนวน 230000 SEK ซึ่งจะแบ่งจ่ายเป็นรายเดือน
2. Swedish Institute Scholarship : ทุนนี้เป็นทุนของรัฐบาลสวีเดนค่ะ ซึ่งทุนจะครอบคลุมค่าเรียน 100% และค่าครองชีพในแต่ละเดือนเป็นเวลา 2 ปี
3. Avancez Scholarship : เป็นทุนการศึกษาของมหาวิทยลัย Chalmers ให้กับนักศึกษาที่ไม่ได้เป็น EU citizen โดยจะครอบคลุมค่าเรียน 75% เป็นเวลา 2 ปี (เป็นทุนที่เราได้รับเองค่ะ)
4. IPOET Scholarship : เป็นทุนการศึกษาของรัฐบาลสวีเดนที่จ่ายให้กับนักเรียน Chalmers ที่ไม่ได้เป็น EU citizen โดยจะครอบคลุมค่าเรียน 75% เป็นเวลา 2 ปี
นอกเหนือจากทุนที่เราได้อธิบายไปแล้ว ในระหว่างเรียนถ้าผลการเรียนเราดียังสามารถขอทุนการศึกษาระหว่างที่เราเรียนได้ด้วยนะคะ
เรื่องทุนการศึกษาสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
http://www.chalmers.se/en/education/fees-finance/Pages/scholarships.aspx
*สุดท้ายนี้เราหวังว่ากระทู้ของเราอาจจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่สนใจหาข้อมูลการเรียนต่ออยู่นะคะ หวังว่าทุกคนคงจะชอบค่ะ เอาไว้โอกาสหน้าจะมาเขียนเล่าประสบการณ์อื่นๆในประเทศสวีเดนอีกนะคะ
แชร์ประสบการณ์การเป็นเด็กนักเรียนทุนที่ Chalmers University of Technology ณ ประเทศสวีเดน
ปกติเป็นคนที่ชอบติดตามอ่านกระทู้ต่างๆในพันทิปอยู่เป็นประจำ เลยเกิดไอเดียว่าอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การเรียนต่อและข้อมูลเรื่องทุนการศึกษาที่มหาลัยที่เราเรียนอยู่ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจหรือหาข้อมูลเรื่องการศึกษาต่อที่ประเทศสวีเดน
เพื่อให้กระทู้นี้ของเราอ่านเข้าใจง่าย เราเลยขออนุญาตแบ่งกระทู้เราเป็น 3 หัวข้อใหญ่นะคะ
*รูปภาพที่เราใส่เข้ามาในกระทู้อาจจะไม่ได้สวยมากเพราะฝีมือเราเอง แต่เราแค่อยากให้ทุกคนได้เห็นภาพรวมต่างๆค่ะ
ด้านล่างเป็นรูปภาพบรรยากาศภายในมหาลัย Chalmers ช่วง Autumn ค่ะ
หัวข้อที่ 1 ทำไมเราถึงตัดสินใจมาเป็นฮิปเตอร์อยู่ที่ขั้วโลกเหนือในเมืองอันแสนหนาวเหน็บ
ต้องท้าวความว่าก่อนหน้าที่เราจะมาเรียน ป.โท ที่สวีเดน เราเรียนจบ ป.ตรี จาก สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร หรือ SIIT มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สาขา IT ด้วยเกรดที่พอถูๆไถๆไม่ได้ดีเริ่ดมากมายถึงขั้นได้เกียรตินิยม แต่ก็ไม่ได้แย่มาก เอาเป็นว่าเป็นนักเรียนชนชั้นกลางของภาคค่ะ พอหลังจากที่เรียนจบมาก็ทำงานอยู่ที่บริษัท IT Consulting ข้ามชาติเจ้าหนึ่ง ในตำแหน่ง SAP Consultant อยู่ประมาณ 3 ปี ตอนนั้นก็เริ่มคิดว่าถ้าตัวเองยังคงทำงานต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้อีกไม่นานคงหมดไฟกับการเรียน เลยตัดสินใจหาข้อมูลเรื่องการศึกษาระดับป.โท ทั้งในและนอกประเทศ
ตอนนั้นด้วยความที่จบมาและทำงานทางสาย IT มาตลอด แล้วบวกกับว่าตอนทำงานเริ่มมองเห็นภาพว่าอยากหาความรู้เพิ่มเติมในด้านอื่นๆบ้างที่ไม่ใช่ IT เพื่อเอามาต่อยอดกับสิ่งที่ทำอยู่ปัจจุบัน เลยมองหาด้าน Management ดู แล้วพอดีตอนนั้นมีเพื่อนที่เรียนอยู่ที่สวีเดน 2 คน แนะนำให้ลองดู Chalmers University of Technology ที่อยู่ในเมือง กอเทนเบิร์ก ประเทศสวีเดน ในระดับ ป.โท เพราะเค้าแจกทุนให้กับเด็กนักเรียนไทยเยอะ พอเราลองไปหาข้อมูลดูก็มาโดนกับคณะ International Project Management ซึ่งเป็นสิ่งที่เราตามหาและอยากเรียนต่อค่ะ และด้วยความที่มหาวิทยาลัย Chalmers เค้าจะดังทางด้าน Engineering และ Technology เราก็เลยมองว่ามันเหมาะกับเราที่จะมาเรียนที่นี้เพราะคณะที่เราเรียนเป็นด้าน Management แต่เค้าก็สามารถให้เราเลือกเรียน Elective Course ในวิชาอื่นๆที่เราสนใจนอกเหนือจากด้าน Management ได้ถึง 5 วิชา แล้วตัวเราเองอยากจะเรียนบางวิชาทางฝั่งคณะ Software Engineering บ้างอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างในระดับ ป.โท การเรียนการสอนของมหาลัยจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดค่ะ ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานภาษาสวีดิชมาก่อนก็เรียนได้
ในปีนั้นเราก็จัดแจงเตรียมตัวสมัครเรียนอย่างจริงจัง และผลปรากฎว่าเราได้รับเลือกให้เรียนในสาขา International Project Management และได้รับทุนการศึกษาที่ชื่อว่า Avancez ซึ่งเป็นทุนการศึกษาที่ให้ค่าเรียน 75% มันประจวบเหมาะกับที่เราทำงานมา 3 ปีเต็มก็เลยพอจะมีเงินเก็บเพื่อเอามาส่งเสียตัวเองเรียนอยู่บ้าง แล้วทางบ้านก็สนับสนุนให้มาเรียน เราก็ได้ตัดสินใจที่จะมาเรียนต่อ แล้วก็มาเป็นฮิปเตอร์อยู่ในดินแดนอันหนาวเหน็บนี้ค่ะ แล้วหลังจากที่เรียนมาเป็นเวลา 1 ปี เราอยากจะบอกว่าเราตัดสินใจไม่ผิดจริงๆที่มาเรียนต่อที่นี้ค่ะ
มหาลัยเรามี 2 campuses นะคะ
ด้านล่างนี้คือ Johanneberg Campus
แล้วอันนี้คือ Lindholmen Campus
หัวข้อที่ 2 การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ Chalmers University of Technology
ด้วยความที่มหาลัยมีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดในระดับ ป.โท ทำให้ environment รอบๆตัวมีความเป็น International สูงมากค่ะ เพื่อนๆที่เรียนในสาขาเดียวกันบอกได้เลยว่ามาจากทั่วทุกมุมโลก มีตั้งแต่ แคนาดา เอธิโอเปีย เยอรมัน ฟินแลนด์ สวีเดน เนเธอร์แลนด์ กรีก อินเดีย ปากีสถาน จีน ซีเรีย ตุรกี เอาเป็นว่ามาเรียนทีมีเพื่อนทั่วโลก
หลักสูตรการเรียนการสอนที่นี้จะเรียน ป.โท เป็นเวลา 2 ปีนะคะ การเรียนการสอนที่นี้จะเน้นการปฎิบัติจริงและก็คิดวิเคราะห์เป็นส่วนใหญ่ค่ะ แทบทุกคลาสที่เคยเรียนมาจะมีงานกลุ่มและเวิร์คช้อป แล้วต้องปฎิบัติจริงด้วยการสัมภาษณ์บริษัท หรือทำโปรเจคที่เค้าจะเอาไปใช้จริงได้ค่ะ และรวมถึงมีการสอบข้อเขียนในบ้างวิชา ถามว่าเรียนยากไหม พูดได้คำเดียวเลยนะคะ ว่ายากมากตั้งแต่เกิดมาอ่านหนังสือมากที่สุดในชีวิตก็คราวนี้เลยค่ะ แต่มันก็คุ้มค่าจริงๆค่ะ อาจารย์ที่นี่จะไม่ถือตัวเองว่าเป็นอาจารย์ที่มีความรู้มากกว่าลูกศิษย์ แต่อาจารย์ที่นี่วางตัวเหมือนเป็นเพื่อนเราอีกคนที่เราสามารถโต้แย้ง เถียงและถามคำถามได้ มันเลยทำให้บรรยากาศในห้องเรียนดูสนุกและน่าสนใจมากขึ้นค่ะ
ส่วนเรื่องการแบ่งภาคเรียน ที่นี้จะเรียนปีละ 2 เทอม และใน 1 เทอม จะแบ่งออกเป็น 2 periods นะคะ โดยในแต่ละ period จะเรียน 2 วิชาและมีเวลาเรียน 2 เดือนค่ะ ข้อดีของการเรียนที่ประเทศนี้คือถ้าสมมุติว่าเราสอบตก เราไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินลงทะเบียนเรียนใหม่เราแค่ทำการ Re-Exam พูดง่ายๆคือไม่ต้องเรียนใหม่และไม่ต้องเสียตังค์แต่ไปสอบกี่ครั้งก็ได้จนกว่าจะสอบผ่านค่ะ แต่ถามว่าการจะสอบผ่านนั้นยากไหม พูดได้คำเดียวเลยว่ายากสุดๆ จนเพื่อนชาวสวีเดนของเราพูดติดตลกและแซวกันว่า "If you never do the re-exam, you are not a true Chalmerist"
นอกเหนือจากการเรียนอันเข้มข้นจนต้อง Re-Exam กันไปเป็นแถว จะบอกว่า Chalmers ขึ้นชื่อเรื่องปาร์ตี้อันหนักหน่วงด้วยเช่นกัน ทุกๆวันพฤหัสแรกของแต่ละ period จะมีevent ชื่อ Pub Crawl คือการเปลี่ยนตึกเรียนของแต่ละคณะให้เป็นผับ นักเรียนก็จะปาร์ตี้กันโดยในคืนนั้นจะเริ่มจากผับใดผับหนึ่งแล้วก็ย้ายไปผับของคณะอื่นๆ เรื่อยๆจนกว่าเพื่อนๆในแก๊งค์จะล้มหายตายจากกันไปทีละคนค่ะ ฮาฮ่า แล้วก็มีอีกevent ชื่อ Fest U คือเป็นการปิด Student Union ในมหาลัยให้กลายเป็นผับอันยักษ์ใหญ่ภายในมหาลัยค่ะ เรียกได้ว่านักเรียนที่นี้ "Study Hard but Party Harder" นอกเหนือจากการเรียนและปาร์ตี้อันหนักหน่วง ก็ยังมี event ในมหาลัยต่างๆอีกมากมายให้นักเรียนได้เข้าร่วมค่ะ ไม่ว่าจะเป็น event ของแต่ละคณะในมหาลัย, มีงานประเพณีคล้ายๆเดินขบวนล้อการเมืองของธรรมศาสตร์ชื่อว่า Chalmerscortegen, และยังมี event ต่างๆที่บริษัทในประเทศสวีเดนเข้ามาจัดในมหาลัยอีกมากมาย เรียกได้ว่าคุ้มค่าสุดๆกับการมาเรียนที่นี่จริงๆค่ะ
*ขอเสริมเรื่องการทำ Master Thesis นิดนึงนะคะ
การทำ Master Thesis ที่ Chalmers มี 2 แบบคือสามารถเลือกทำกับมหาลัยหรือว่าทำกับบริษัทก็ได้ค่ะ ซึ่ง Master Thesis จะเริ่มทำตอนเทอมสุดท้ายของการเรียนปีที่ 2 แต่ในบางกรณีสามารถเลือกทำ Master Thesis ทั้งปีก็ได้ค่ะถ้าใครเป็นสายที่ต้องทำการทดลองหรือสนใจที่จะต่อ ป.เอก ส่วนเราเพิ่งได้รับการตอบรับเข้าไปทำ Master Thesis กับบริษัท Ericsson เอาไว้ถ้ามีโอกาสจะกลับมาอัพเดทให้ฟังกันนะคะ หวังว่าจะมีคนสนใจ
รูปงาน Chalmerscortegen ค่ะ
รูปงาน Party ต่างๆภายใน Chalmers ค่ะ
หัวข้อที่ 3 เรื่องทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัย Chalmers
เอาเป็นว่าเราจะคัดเอาแต่ทุนที่เกี่ยวข้องและแจกให้กับคนไทยเท่านั้น เพื่อมาอธิบายแต่ละทุนให้ฟังกันนะคะ
1. Sievert Larsson Scholarship : ทุนนี้จะเป็นทุนการศึกษาที่แจกให้กับนักเรียนไทยโดยเฉพาะค่ะ พูดง่ายๆคือเราคนไทยแข่งกันเองโดยที่ไม่ต้องไปแข่งกับคนทั่วโลกค่ะ ทุนนี้จะมี 2 versions
- Version 1: เป็นทุนการศึกษา 100% เป็นเวลา 2 ปี
- Version 2: เป็นทุนการศึกษา 100% และ เงินค่าครองชีพเป็นเวลา 2 ปีเป็นจำนวน 230000 SEK ซึ่งจะแบ่งจ่ายเป็นรายเดือน
2. Swedish Institute Scholarship : ทุนนี้เป็นทุนของรัฐบาลสวีเดนค่ะ ซึ่งทุนจะครอบคลุมค่าเรียน 100% และค่าครองชีพในแต่ละเดือนเป็นเวลา 2 ปี
3. Avancez Scholarship : เป็นทุนการศึกษาของมหาวิทยลัย Chalmers ให้กับนักศึกษาที่ไม่ได้เป็น EU citizen โดยจะครอบคลุมค่าเรียน 75% เป็นเวลา 2 ปี (เป็นทุนที่เราได้รับเองค่ะ)
4. IPOET Scholarship : เป็นทุนการศึกษาของรัฐบาลสวีเดนที่จ่ายให้กับนักเรียน Chalmers ที่ไม่ได้เป็น EU citizen โดยจะครอบคลุมค่าเรียน 75% เป็นเวลา 2 ปี
นอกเหนือจากทุนที่เราได้อธิบายไปแล้ว ในระหว่างเรียนถ้าผลการเรียนเราดียังสามารถขอทุนการศึกษาระหว่างที่เราเรียนได้ด้วยนะคะ
เรื่องทุนการศึกษาสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.chalmers.se/en/education/fees-finance/Pages/scholarships.aspx
*สุดท้ายนี้เราหวังว่ากระทู้ของเราอาจจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่สนใจหาข้อมูลการเรียนต่ออยู่นะคะ หวังว่าทุกคนคงจะชอบค่ะ เอาไว้โอกาสหน้าจะมาเขียนเล่าประสบการณ์อื่นๆในประเทศสวีเดนอีกนะคะ