[Review] ทริปเวียดนามใต้ 2017 (ดาลัท - มุยเน่ - โฮจิมินห์)

สวัสดีค่ะ วันนี้เราก็จะมารีวิวทริปเวียดนาม โฮจิมินห์ - ดาลัท - มุยเน่ ถึงแม้ว่าเราจะเห็นคนรีวิว 3 ที่นี้เยอะแต่เราว่าทุกคนก็มีประสบการณ์ต่างกันเน้อะ และกระทู้นี้ก็เป็นกระทู้แรกของเราหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ ^^

เริ่มกันเลยย!!



ทริปนี้เป็นทริปที่เราเดินทางตอนต้นเดือน ตุลาคม 2560 โดยสายการบิน นกแอร์ ส่วนจังหวัดที่ไปก็จะมี ดาลัท - มุยเน่ - โฮจิมินห์ โดยรายละเอียดค่าใช้จ่ายเราจะสรุปดังนี้

ค่าตั๋วเครื่องบิน + กระเป๋า คนละ 4,151 บาท
ค่ากองกลาง(ค่ารถ+ค่าโรงแรม+ค่าอาหาร) คนละ 4,800 บาท
ซึ่งทั้งหมดก็ตกคนละ 8,951 บาท และสำหรับทริปครั้งนี้คือส่วนมากจะใช้เงินกองกลางกันทั้งหมดดังนั้นเงินส่วนตัวของบางคนก็เหลือกันบานเลยค่ะ (เราไปกันทั้งหมด 6 คน)
ส่วนเรื่องซิมการ์ดเราซื้อที่สนามบินเลยค่ะ พอออกมาให้เลี้ยวซ้ายแล้วเดินไปสุดจะมีร้านขายซิม เราซื้อแค่ 5 Gb 105,000 VND = 160 บาท ก็ใช้เหลือเฟือเลย


D-1 : BANGKOK - HO CHI MINH - DALAT  

ในวันแรกไฟลท์บินจากกรุงเทพไปโฮจิมินห์ของเราคือ 7.35 น. ถึงที่โฮจิมินห์ประมาณ 9.05 น. หลังจากนั้นก็เช่ารถแท๊กซี่จากสนามบิน(ประมาณ 290 บาท = 200,000 VND) ไปที่บริษัทรถที่จองไว้เพื่อนั่งไปดาลัทโดยรถที่เราจองไว้เป็น Sleeping Bus ค่ะ



** ค่าตั๋วรถคนละ 210,000 VND = 300 บาท

Ps. รูปในรถ Sleeping Bus เราไม่ได้ถ่ายมา ขออนุญาติดึงรูปจากกูเกิ้ลเด้ออ


แล้วเราก็มารีวิวบรรยากาศในรถ Sleeping Bus ดีกว่าอิอิ

คือในวันแรกกลุ่มเราไปกัน 5 คนเพราะอีก 1 คนจะตามมาในวันต่อไปเราก็เลยได้ที่ 5 คน ซึ่งที่สำหรับ 5 คนในรถจะมีอยู่หลังรถสุดและเป็นที่ติดกันและมี 2 ชั้น พวกเราก็เลยเลือกกันข้างล่างเพราะคิดว่าจะสะดวกกว่า พอขึ้นไปบนรถปุ้ป เห็นที่ที่เราจองกันไว้ปั๊ปมองหน้ากันงงเลย555555 เพราะว่ามันค่อนข้างแออัดเพราะมันเล็กและเตี้ยมากคือง่ายๆเดินเข้าไปได้แต่นอนอย่างเดียวลุกขึ้นนั่งหัวก็ติดแล้วและที่พีคคือ แอร์ข้างหลังไม่ออกเลยเหงื่อแตกกันเป็นแถว TT ตอนแรกเราก็ขอคนรถย้ายขึ้นไปข้างบนแต่เค้าไม่ยอมก็นั่งทนร้อนกันไปจนไม่ไหวเดินขึ้นไปเองเลยเพราะที่ข้างบนมันโล่งเยอะมากๆ พอได้ขึ้นไปโอ้โห้เหมือนคนละโลก นอนสบายแอร์เย็นฉ่ำเลย

หลังจากนั้นเราก็นั่งๆนอนๆดูวิวกันไปซึ่งการนั่งรถจาก โฮจิมินห์-ดาลัท ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 8 ชม.ได้ คือเราเสียเวลาวันนึงไปกับการนั่งรถเลยแหละ

สำหรับข้อเสียของการนั่ง Sleeping Bus (โดยส่วนตัว) คือ

1. รถเปิดเพลงเวียดนามดังมากเพราะลำโพงจะอยู่บนหัวทุกคนที่นั่งชั้นบนระหว่างทาง 8 ชั่มโมงนั้นก็นั่งๆนอนๆฟังเพลงเวียดนามไปตลอดทาง
2. เรานั่งกับคนอื่นๆด้วยดั้งนั้นความปลอดภัยของเขิงต่างๆก็ต้องดูแลกันดีๆหน่อย
3. ถ้าเจอแอร์ไม่ทำงานก็ซวยไปเล๊ยยย

พอถึงดาลัท เราก็ถึงกันประมาณ 6 โมงถึงทุ่มแล้ว พวกเราก็ตรงไปที่โรงแรมเช็คอินเลยโดยเรียกรถแท๊กซี่ไปต่อ ซึ่งแท๊กซี่ที่เวียดนามคือแค่เปิด Address ให้เค้าดูมีเลขที่ มีชื่อถนน เค้าพาไปได้เลยและตั้งแต่ที่นั่งมา 4 วันยังไม่เคยมีแท๊กซี่พาหลงเลย

ส่วนโรงแรมที่เราพักกันในดาลัทคือ Stop And Go Hotel ซึ่งโรมแรมนี้เราประทับใจในระดับนึงเลย ด้วยสไตล์การตกแต่ง การบริการถือว่าดี ความสะอาดใช้ได้ และพนักงานเฟรนด์ลี่มากๆ ถึงบางคนพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่งแต่เค้าพยายามสื่อสารกับพวกเราตลอดประทับใจมาก ส่วนราคาก็คืนละประมาณ 1,500 บาทค่ะ


พูดถึงโรงแรมคือโรงแรมนี้ไม่ใช้โรงแรมแบบใหญ่ๆนะคะ เป็นตึกเล็กๆ มี 3 ชั้น ชั้นนึงมีประมาณ 4 ห้อง วิวมองออกไปก็เป็นภูเขาและที่สำคัญอากาศที่ดาลัทดีมากๆ วันแรกที่เราตื่นมาคือ 9 องศา และทั้งวันก็เย็นๆไป ดีมากๆ แล้วก็มีอาหารเช้าให้ซึ่งอาหารเช้าก็จะมี เฝอ ขนมปังของเวียดนาม(เหมือนขนมปังฝรั่งเศษแต่ขนาดเล็กๆอ้วนๆกว่า) แล้วก็มีออมเล็ต แต่ออมเล็ตของเค้าก็คือไข่เจียวบ้านเราเองจ้าา มีกาแฟ น้ำชา นม(นมอร่อยมากมันเป็นนมเหมือนน้ำเต้าหู้ใส่น้ำตาลลงไปสัก 1-2 ช้อนกินร้อนๆตอนเช้าคือดีเลย) มีกล้วย ข้าวโพด แล้วก็มันนึ่งด้วย local สุดๆ


D-2 DALAT - MUINE

พอตื่นมาวันที่ 2 คือหลังจากกินอาหารเช้าของโรงแรมเสร็จเราก็ลุยเที่ยวแลนด์มาร์คในดาลัทเลยค่ะ ที่แรกที่เราไปคือ Datanla Waterfalls พอไปถึงก็ซื้อตั๋วเข้าไปชมน้ำตกและวิธีการที่จะลงไปน้ำตกก็มี 2 วิธีคือ เดิน และขับ Roller Coaster โดยพวกเราเลือกวิธีที่ 2 ค่ะคือนั่งโรลเลอร์ โคสเตอร์ ซึ่งมันก็จะเป็นเหมือนรถบั้ม แต่เล็กกว่าแล้วก็มี 2 ที่หน้าข้างหน้าข้างหลัง โดยคนนั่งหลังเป็นคนขับ(นั่ง 1 หรือ 2 คนก็ได้) แล้วระหว่างทางลงไปคือสวยมากกถ้าคนชอบ Advanture น่าจะชอบแต่ถ้าใครกลัวก็กรี๊ดกันไปเลย มันให้อารมณ์เดียวกับรถไฟเหาะเลยแต่แค่ช้ากว่า


พอลงไปถึงน้ำตกคือคนค่อนข้างเยอะแต่สวยดีนะคะ เดินไปถ่ายรูปได้สวยๆสบายๆเลย และที่น้ำตกก็มีกิจกรรมหลายอย่างไม่ใช้แค่โรลเลอร์ โคสเตอร์ด้วย ถ้าใครมีเวลาเที่ยวเยอะๆอยากทำกิจกรรรมก็แนะนำเลยค่ะ



** ค่าตั๋วเข้าชมน้ำตก 30,000 VND = 45 บาท / ค่าโรลเลอร์ โคสเตอร์แบบไป-กลับ 100,000 VND = 150 บาท

หลังจากออกมาจากน้ำตกเราก็เดินทางไปขึ้นเคเบิล คาร์ชมวิวเมืองดาลัท เรียกว่า Robin hill Cable car ซึ่งที่ที่นั่งเคเบิล คาร์กับน้ำตกไม่ห่างกันมากเลยค่ะ สำหรับเคเบิล คาร์ก็ไม่มีอะไรมากไปนั่งพักผ่อนหย่อนใจชมวิวไปเพลินๆเลย


** ค่าตั๋วขึ้นเคเบิล คาร์ 80,000 VND = 120 บาท

พอจบเคเบิล คาร์เราก็ไปกันต่อที่ Tuyen lam lake แต่ที่นี้เราไม่ค่อยได้ทำอะไรมากเลยเพราะมันเป็นแค่ประภาคารเล็กๆกลางทะเลสาบแล้วอีกอย่างถ่ายรูปได้ไม่เยอะเพราะคนเยอะบดบังทุกอย่างไปเลย



และก่อนที่เราจะกลับโรงแรมไปเช็คเอ้าท์เราก็ไปกินมื้อเที่ยงกันที่ BaHung เป็นร้านแหนมเนืองชื่อดังเลย และเราจะมารีวิวรสชาติกันสักหน่อยดีกว่า แหนมเนืองของที่นี้คือบอกก่อนเลยว่าไม่เหมือนที่ไทยเลยนะคะ คือแผ่นแป้งเค้าจะออกแข็งๆและเหนียว รวมถึงไส้ข้างในอย่างที่บ้านเราจะเป็นหมูยอ แต่ของเค้าจะเป็นหมูแดงๆเราก็ไม่ทราบว่าเรียกว่าอะไรแล้วตอนกินเข้าไปรสสัมผัสมันเหมือนแหนมแต่มันไม่ใช่ แล้วก็จะมีแป้งทอด แล้วก็ผักจานเบอเริ่มแค่นั้น แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าอร่อยดีนะคะถ้าใครจะไปก็ลองไปกินกันดู​

** เราสั่งแหนมเนืองอย่างเดียวมา 2 ชุด 224,000 VND = 330 บาท

หลังจากนั้นก็กลับไปที่โรงแรมประมาณเที่ยงกว่าๆ ไปเช็คเอ้าท์แล้วก็รอรถที่จะมารับไปมุยเน่ค่ะ โดยรถที่ไปคือเราเหมารถไปเลย ประมาณ 3,400 บาท เป็นรถ 7 ที่นั่ง โดยระยะทางและเวลาจากดาลัทไปมุยเน่ใช้เวลา 4-5 ชั่วโมงค่ะ

พอเข้ามุยเน่ ระหว่างทางของมุยเน่คือให้ฟีลเหมือนอยู่อเมริกาเลยข้างซ้ายเป็นทะเลข้างขวาเป็นทะเลทรายแบบภูเขาทรายแล้วตอนเราถึงคือพระอาทิตย์เริ่มจะตกพอดี มันดีมากก


สำหรับที่พักในมุยเน่คือเราพักที่ Ocean Vista เป็นอพาร์ทเม้นแบบเช่า ราคาประมาณ 4,600 บาท ขนาดห้องค่อนข้างใหญ่เลยค่ะ มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น และห้องครัว วิวติดทะเล และสถานที่ตั้งของอพาร์ทเม้นคือติดถนนใหญ่เลย

        


D-3 : MUINE - HO CHI MINH

เช้าวันที่สามเป็นวันที่เรารอคอยเลยทีเดียวเพราะเราจะได้นั่งรถจี๊ปไปทะเลทรายกันค่ะ เริ่มด้วยเช้าที่สดใสตี 4 คือเวลาที่ต้องตื่นเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและรถก็จะมารับตอน 4.45 แต่สุดท้าย เราก็เลทกันไป 15 นาทีเลยออกจากอพาร์ทเม้นตอนตี 5 ปรากฏว่าพระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้ว พี่คนขับก็รีบขับให้เลยและสุดท้ายก็ไม่ทันแต่เราก็ได้เห็นระหว่างทางเอาซึ่งในระหว่างทางที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นมันก็สวยมากๆ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าไปทันมันจะสวยขนาดไหน


** เราเหมารถจี๊ปไป 1,800,000 VND = 2,650 บาท

หลังจากที่เราดูไม่ทันแล้วเราก็เลยมุ่งหน้าไปที่ White Sand Dunes เลย เป็นทะเลทรายสีขาว (ทะเลทรายจะมี 2 ที่ 2 สี คือ White Sand Dunes กับ Red Sand Dunes) ระหว่างทางเราขับผ่าน Red Sand ตอนประมาณตี 5 ครึ่งมองขึ้นไปคือคนเยอะมากเลยหวั่นใจว่าที่ที่เราจะไปจะเยอะมั้ยแต่พอไปถึงคนก็เยอะพอๆกันแหละค่ะ555555 คือพอไปถึงเราจะต้องจอดรถจี๊ปไว้แล้วค่อยนั่ง ATV เข้าไปอันนี้คืออีกรอบสำหรับคนรัก Advanture มันมันส์สุดๆแบบลองคิดภาพนั่งเอทีวีข้ามภูเขาทรายขึ้นลงมันส์ดีเว่ออ แต่ไม่ได้นั่งนานมากก็ถึงยอดเขาแล้วค่ะ หลังจากนั้นก็ชมวิวดื่มด่ำทรายถ่ายรูปกันมันส์


จบจากทะเลทรายได้รูปสะใจแล้วเราก็จะนั่งรถไปเรื่อยๆแล้วก็จะเปลี่ยนรถเป็นรถธรรมดาเพื่อไป Fairy Stream ต่อ ในส่วนของ Fairy Stream คือไม่ค่อยมีอะไรมากส่วนมากก็จะเป็นที่ถ่ายรูปมากกว่าคือพอเราไปถึงเราจะต้องเดินลุยน้ำ+ทรายเพื่อไปข้างในแต่ แต่ แต่ ไม่ลึกนะคะแค่ข้อเท้าแล้วก็เป็นที่เปิดโล่งๆตลอดทางเพื่อเดินไปชมหินผาต่างๆ น้ำเย็นๆดีค่ะ


ในตอนแรกหลังจากที่ออกมาจาก Fairy Stream แล้วแพลนของเราต่อไปคือจะไป Ke Ga Lighthouse แต่เราใช้เวลาอยู่ที่แฟรี่เยอะไปหน่อย แล้วระยะเวลาที่จะไป Lighthouse ใช้เวลา 3  ชม. ซึ่งมันไม่ทันกับเวลาที่เราจองรถไว้ค่ะ(คือเราจองรถถึงแค่เที่ยง) ตอนนั้นออกมาประมาณ 9 โมงกว่าๆก็เลยตัดสินใจกลับโรงแรมไปพักกัน พอบ่ายโมงก็ขึ้นรถกลับโฮจิมินห์เลยส่วนเวลาที่เดินทางกลับไปโฮจิมนห์จากมุยเน่ก็ใช้เวลาประมาณ 5 ชม. เช่นเดียวกันค่ะ แต่ครั้งนี้เราจองรถใหญ่ขึ้นเพราะที่ผ่านมานั่งไม่พอเป็นรถตู้เลยค่ะ ราคาประมาณ 3,400 บาท

ต่อที่คอมเม้นนะคะ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่