เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นวันหยุด ซึ่งหนูก็ไม่รู้จะไปไหน นึกได้ว่าที่ชลมีสะพานเปิดใช้งานแห่งใหม่เลยคิดอยากจะไปชมตะวันตกแบบโรแมนติคริมทะเลสักหน่อย ก็ขับจากบ้านที่รามคำแหงตั้งแต่บ่าย3กว่า ไปแบบไม่รีบไม่ร้อน ขับไปเปิดกระจกรับลมฟังเพลงเบาๆไป ตั้งcruiseไว้70-80สลับไปตามการจราจรบนถนนบางนา-บางปะกง
พอไปถึงบางทรายก็เลี้ยวเข้าทางต้นสะพาน หูววว!!!!!ตรงข้างหน้าที่กำลังไต่ขึ้นสะพานไปคือภาพพระอาทิตย์สีชมพูกำลังจะลับขอบฟ้า เลยรีบหาเพื่อจะถ่ายรูป โดยกลับรถทันทีที่จุดกลับรถแรก แล้วก็จอดซ้าย ลงจากรถอย่างด่วนจี๋ มุดไปหยิบกล้อง ประกอบเลนส์ ใส่ขาตั้งเล็ก วางบนขอบสะพาน แล้วภาพที่ฝันไว้มันก็สลายไปต่อหน้า พระอาทิตย์ตกไปแล้ว เศร้าใจ......!!!! 2ชม.ครึ่งเพื่อมาดู แล้วก็ไม่ทัน

ก็เลยยืนรับลมมองทะเลที่กำลังมืดลงเรื่อยๆจนทะเลมืดมิดไปในที่สุด ตลอดเวลาที่ยืนรับลม ก็มีรถจอดตามริมขอบสะพาน ทั้ง2ฝั่ง บ้างก็มาเป็นกลุ่ม บ้างก็มาเป็นคู่ บางก็มาเดี่ยวแต่น้อยยยยยมากนัก สิ่งที่เห็นก็มานั่งเมาท์ ยืนเมาท์ วิ่งออกกำลัง ปูเสื่อนั่งทานข้าวกัน บางคนยกหม้อ ชุดอาหารมาทาน บ้างก็ซื้อจากรถพ่วงที่ขายลูกชิ้น ส้มตำ หมึกย่าง ที่ส่วนมากไม่ใช่คนไทยขาย ซึ่งมันเป็นภาพที่ดูสบายใจที่แทบหาไม่ได้ในเมืองใหญ่ แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่อยากเห็นเลย คือพวกแกงค์แว๊น ที่มาบิด มายกล้อ โชว์ความบ้า โดยไม่สน ไม่แคร์ผู้ร่วมใช้ทาง อย่าว่าแต่มอเตอร์ไซค์ค่ะ พวกกระบะแต่งท่อ เก๋งแต่งท่อ ก็มาเหยียบ มาวัดความเร็วกันมากมาย โดยที่ไม่คำนึงเลยว่าจะพลาดไปเฉี่ยวไปชนรถที่จอดอยู่ริมถนน คนที่ยืนอยู่ นั่งอยู่และวิ่งอยู่

พอหนูเต็มอิ่มกับบรรยากาศแล้วก็เกือบ2ทุ่ม เลยออกรถเพื่อจะไปหาอะไรทานก่อนกลับเข้ากรุง แต่ก็คิดอยากรู้สะพานนี้จะยาวไปถึงไหน เลยกลับรถแล้วขับไปเรื่อยๆ พอไปได้ช่วงกลางของความยาวแถวๆที่มีเรือประมงจอด ก็เห็นว่าข้างหน้ามีรถติดอยู่ตรงเลนขวา หนูก็ค่อยๆเลื่อนตามไปเรื่อยๆจนรู้ล่ะว่าทำไม มีมอเตอร์ไซค์ล้มอยู่กลางเลน ลักษณะคือไปชนท้ายกับรถเก๋งนิวบิทเทิลที่กำลังจอดจะกลับรถตรงจุดกลับรถ หนูไม่เห็นว่ามีผู้บาดเจ็บไหม แต่เห็นคนมุงกันอยู่ หนูก็ขับไปต่อจนเลยวงเวียนปลาฉลาม จนไปสุดสะพานแล้วก็กลับรถเพื่อจะวิ่งยาวไปจนสุดอีกด้านแล้วออกไปทานข้าว
ตอนขากลับ ตลอดทางก็มีรถจอดเรียงราย ทั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ มีทั้งเครื่องเสียงแน่นๆเปิดกันหูจะดับ ทั้งที่ขับจี้ตูด เปิดเพลงดังชนิดที่เป็นคนใจดีเผื่อแผ่เพลงชาวบ้านข้างทาง พวกทีชอบขับรถบ้าง จอดรถบ้างเปิดเครื่องเสียงยังกับงานวัด ปวดหูเครื่องเสียงไม่พอ ยังต้องมาปวดหูกับพวกมอเตอร์ไซค์ท่อดังๆบิดแข่งกันเอาเป็นเอาตาย มีบางช่วงเด็กแว๊นมาเป็นกลุ่ม ทำโชว์ยกล้อ สรุปกลิ้งเป็นหมาโดนเตะตัดขา ทิ้งร่องรอยบนถนนทั้งรอยครูดและรองเท้าแตะ แล้วก็รีบหนีไปเพราะความอาย สมเพชจัง
เสียดายทัศนียภาพที่สวยงาม เพราะพวกไร้ความเกรงใจ ไร้ความละอาย คงเป็นครั้งแรกที่ไป และคงเป็นครั้งสุดท้ายค่ะ
สะพานชลมารควิถี เพื่อประชาชนทั่วไป หรือ เพื่อแว๊น
พอไปถึงบางทรายก็เลี้ยวเข้าทางต้นสะพาน หูววว!!!!!ตรงข้างหน้าที่กำลังไต่ขึ้นสะพานไปคือภาพพระอาทิตย์สีชมพูกำลังจะลับขอบฟ้า เลยรีบหาเพื่อจะถ่ายรูป โดยกลับรถทันทีที่จุดกลับรถแรก แล้วก็จอดซ้าย ลงจากรถอย่างด่วนจี๋ มุดไปหยิบกล้อง ประกอบเลนส์ ใส่ขาตั้งเล็ก วางบนขอบสะพาน แล้วภาพที่ฝันไว้มันก็สลายไปต่อหน้า พระอาทิตย์ตกไปแล้ว เศร้าใจ......!!!! 2ชม.ครึ่งเพื่อมาดู แล้วก็ไม่ทัน
ก็เลยยืนรับลมมองทะเลที่กำลังมืดลงเรื่อยๆจนทะเลมืดมิดไปในที่สุด ตลอดเวลาที่ยืนรับลม ก็มีรถจอดตามริมขอบสะพาน ทั้ง2ฝั่ง บ้างก็มาเป็นกลุ่ม บ้างก็มาเป็นคู่ บางก็มาเดี่ยวแต่น้อยยยยยมากนัก สิ่งที่เห็นก็มานั่งเมาท์ ยืนเมาท์ วิ่งออกกำลัง ปูเสื่อนั่งทานข้าวกัน บางคนยกหม้อ ชุดอาหารมาทาน บ้างก็ซื้อจากรถพ่วงที่ขายลูกชิ้น ส้มตำ หมึกย่าง ที่ส่วนมากไม่ใช่คนไทยขาย ซึ่งมันเป็นภาพที่ดูสบายใจที่แทบหาไม่ได้ในเมืองใหญ่ แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่อยากเห็นเลย คือพวกแกงค์แว๊น ที่มาบิด มายกล้อ โชว์ความบ้า โดยไม่สน ไม่แคร์ผู้ร่วมใช้ทาง อย่าว่าแต่มอเตอร์ไซค์ค่ะ พวกกระบะแต่งท่อ เก๋งแต่งท่อ ก็มาเหยียบ มาวัดความเร็วกันมากมาย โดยที่ไม่คำนึงเลยว่าจะพลาดไปเฉี่ยวไปชนรถที่จอดอยู่ริมถนน คนที่ยืนอยู่ นั่งอยู่และวิ่งอยู่
พอหนูเต็มอิ่มกับบรรยากาศแล้วก็เกือบ2ทุ่ม เลยออกรถเพื่อจะไปหาอะไรทานก่อนกลับเข้ากรุง แต่ก็คิดอยากรู้สะพานนี้จะยาวไปถึงไหน เลยกลับรถแล้วขับไปเรื่อยๆ พอไปได้ช่วงกลางของความยาวแถวๆที่มีเรือประมงจอด ก็เห็นว่าข้างหน้ามีรถติดอยู่ตรงเลนขวา หนูก็ค่อยๆเลื่อนตามไปเรื่อยๆจนรู้ล่ะว่าทำไม มีมอเตอร์ไซค์ล้มอยู่กลางเลน ลักษณะคือไปชนท้ายกับรถเก๋งนิวบิทเทิลที่กำลังจอดจะกลับรถตรงจุดกลับรถ หนูไม่เห็นว่ามีผู้บาดเจ็บไหม แต่เห็นคนมุงกันอยู่ หนูก็ขับไปต่อจนเลยวงเวียนปลาฉลาม จนไปสุดสะพานแล้วก็กลับรถเพื่อจะวิ่งยาวไปจนสุดอีกด้านแล้วออกไปทานข้าว
ตอนขากลับ ตลอดทางก็มีรถจอดเรียงราย ทั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ มีทั้งเครื่องเสียงแน่นๆเปิดกันหูจะดับ ทั้งที่ขับจี้ตูด เปิดเพลงดังชนิดที่เป็นคนใจดีเผื่อแผ่เพลงชาวบ้านข้างทาง พวกทีชอบขับรถบ้าง จอดรถบ้างเปิดเครื่องเสียงยังกับงานวัด ปวดหูเครื่องเสียงไม่พอ ยังต้องมาปวดหูกับพวกมอเตอร์ไซค์ท่อดังๆบิดแข่งกันเอาเป็นเอาตาย มีบางช่วงเด็กแว๊นมาเป็นกลุ่ม ทำโชว์ยกล้อ สรุปกลิ้งเป็นหมาโดนเตะตัดขา ทิ้งร่องรอยบนถนนทั้งรอยครูดและรองเท้าแตะ แล้วก็รีบหนีไปเพราะความอาย สมเพชจัง
เสียดายทัศนียภาพที่สวยงาม เพราะพวกไร้ความเกรงใจ ไร้ความละอาย คงเป็นครั้งแรกที่ไป และคงเป็นครั้งสุดท้ายค่ะ