.
คุณรู้จักความรักแค่ไหน
คำถามที่อยากถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย...เอ..ครั้งสุดท้ายของคุณหรือของผม หรือมนุษย์ชาติคนใดก็แล้วแต่เถอะ หรือแม้แต่ตัวของผมเองก็ช่างมันเถอะครับ ไม่ได้มีความหมายอะไร เพียงฟังเรื่องเล่าของผมสักนิด ไม่นานก็จะจบแล้ว
เรามาถึงเมืองแห่งนี้ตอนบ่ายอันร้อนระอุ อีกไม่นานก็จะถึงจุดหมาย แต่เธอดูอ่อนล้าลงทุกทีจากการขาดอาหารมาเป็นเวลาหลายวัน เมืองแห่งนี้คงไม่ต่างจากเมืองอื่นๆที่ผ่านมา แต่ผมก็ยังมีความหวังและแผนสำรองเสมอ แต่ไม่ว่าอย่างไร ผมต้องดูแลเธอเหมือนดูแลหัวใจของตัวเอง คนที่ไม่ไม่มีหัวใจให้ดูแลไม่รู้ว่าพวกเขาหรือเธอมีชีวิตเพื่ออะไร หรือระบายวันเวลาผ่านไปเพียงรอวันเวลาและจุดจบของทุกสิ่งทุกอย่าง
“รอผมอยู่นี่....ที่รัก” ผมก้มกระซิบข้างหูขก่อนบรรจงจูบหน้าผากเธอแผ่วเบาอย่างปลอบประโลมใจ เธอมองหน้าผมแล้วยิ้มให้กำลังใจผมเช่นกัน ทั้งที่เธอเองก็หิวและเหนื่อยเต็มทีแล้ว ความรักความเข้าใจลึกซึ้งต้องมาจากสถานการณ์เลวร้ายเพื่อวัดหัวใจกัน ผมจึงไม่เคยเชื่อมั่นความรักอันจอมปลอม เสแสร้งไร้ความจริงใจ เหมือนนิยายน้ำเน่าในอดีตกาล ที่มอมเมาผู้คนจนไม่รู้ว่าอะไรคืออะไร
เรากำลังเดินทางไปงานแต่งงาน
ยังเมืองที่ไกลออกไป
การเดินทางเป็นไปเชื่องช้าและลำบาก เพราะถนนหลวงหลายสายเต็มไปด้วยรถราระเกะระกะขวางทางจราจรเต็มไปหมด รถยนต์จอดนิ่งอยู่กับที่เพราะปราศจากคนขับ ไม่น่าแปลกเพราะพวกเขาอาจตายไปแล้ว โดยไม่มีใครสนใจ ไม่มีซากศพของผู้คนกระจัดกระจายตามรายทางเหมือนอย่างควรจะเป็น
ในเวลานี้ การแต่งงานอย่างถูกต้องตามขนบธรรมเนียมเป็นเรื่องลำบากเหลือเกิน หลังจากสงครามครั้งใหญ่ผ่านไป โลกทั้งใบเต็มไปด้วยร่องรอยเสียหายจากผลของระเบิดร้ายแรง ยิ่งกว่าฝันร้าย กลิ่นไอของความตายและความทุกข์ทรมานปกคลุมไปทั่วโลก บางทีอาจทะลุผ่านขึ้นไปถึงสรวงสวรรค์และแทรกซึมลงไปถึงในขุมนรกอเวจี ผมเริ่มไม่เชื่อพระเจ้าหรือซาตาน มันไร้สาระ
หลังการขับรถคู่ชีพรอนแรมมานาน ผ่านเมืองรกร้างว่าเปล่ามาหลายเมือง แวะเติมน้ำมันจากปั๊มน้ำมันที่ไม่มีคนเป็นเจ้าของซึ่งมีมากมายตามรายทาง ผ่านกาลเวลาอันหิวโหย ผ่านความลำบากสุดแสน ผ่านความร้อนแรงของแสงแดดยามกลางวันและความเย็นยะเยือกยามราตรี ผ่านความเป็นและความตาย ในที่สุดผมพาเธอใกล้จุดหมายเข้าไปทุกที
ตัวเมืองดูเงียบสงบราวกับผู้คนกำลังพากันหลับใหลอยู่ในอาคารบ้านเรือนทั้งที่เป็นเวลาเที่ยง ผมรู้ว่าไม่ใช่เช่นนั้น เมืองนี้ก็คงเหมือนหลายๆเมืองที่ผ่านมา
ไม่มีผู้คน
ไม่มีอาหาร
มันเป็นผลมาจากระเบิดอัปมงคลที่พวกทหารพากันเรียกว่าระเบิดควอนตัมหรืออะไรสักอย่าง ผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ใจคือผลของมันทำให้สิ่งมีชีวิตกลับกลายเป็นอนุภาคขั้นพื้นฐาน สลายตัวออกจากรูปทรงปกติ เมื่อเปิดอาหารกระป๋องออกมา เราจะรู้สึกถึงอนุภาคพุ่งกระจายสลายออกมาเ หลือแต่ความว่างเปล่า มันเป็นเรื่องน่าสยดสยองเหลือเกิน เมื่อคิดว่าดวงจิตวิญญาณของผู้คนและสิ่งมีชีวิตอื่นๆจะล่องลอยอยู่แห่งหนตำบลใด
แต่มนุษย์ไม่มีวันหายไปจากโลกจนหมดสิ้น
พวกที่หลงเหลือพากันรวมตัวและสร้างสังคมตามแบบฉบับของพวกเขาขึ้นมาเพื่อความอยู่รอด ท่ามกลางกลิ่นไอของความหิวโหยและความตายรายรอบ
เรากำลังจะไปแต่งงาน แต่อาหารที่มีอยู่อย่างจำกัดหมดลงนานแล้ว
ผมทิ้งเธอไว้ในรถยนต์ ติดเครื่องทิ้งเอาไว้ โดยไม่ลืมล๊อคประตูเพื่อความไม่ประมาท ผมกลัวพวกผู้คนหิวโหยที่ยังเหลือรอดอยู่แถวนี้จะมาจับเธอไปกินอาหาร ผู้คนรอดตายมาเป็นเวลานานบางกลุ่มพากันไปอย่างสุสานและขุดหลุมฝังศพเพื่อหาอาหาร โลกของเราเหลืออาหารพวกโปรตีนไม่มากนัก วัฒนธรรมการกินของผู้คนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ห้างสรรพสินค้าที่ผมเข้าไปค้นดูไม่เหลืออาหารเลยสักนิด แผนกอาหารสดอาหารแห้งเหลือไม่มีเหลือ พวกมันพลอยสลายตัวไปด้วยทั้งที่ไม่มีชีวิต อาหารกระป๋องหลายใบซึ่งลองเปิดฝาออกมาดูมีแต่ความว่างเปล่าอย่างที่คาดเอาไว้ แต่ผมไม่ละความพยายาม อย่างน้อยก็มีน้ำหลงเหลือมากมาย แต่สิ่งที่ผมต้องการไม่ใช่น้ำ
บนเคาน์เตอร์ของร้านและตามทางเดินมีเสื้อผ้าสิ่งของเครื่องใช้ กองกระจัดกระจายรวมทั้งมีเงินทองซึ่งเคยมีค่ามหาศาล แต่ตอนนี้เป็นเพียงเศษกระดาษ ใช้งานอะไรไม่ได้ สู้เนื้อแห้งสักชิ้นก็ยังไม่ได้
ผมพอนึกภาพออก ผู้คนกำลังจับจ่ายซื้อข้าวของอย่างสบายใจ ไม่มีใครคาดคิด ระเบิดตูม....ร่างกายหายวับ เสื้อผ้าอาภรณ์หลุดร่วงลงกับพื้น เป็นภาพน่าขนลุก..พวกเขาไม่มีโอกาสตั้งตัวรู้ตัวด้วยซ้ำ แต่นั่นก็เป็นความโชคดีของพวกเขา ไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมานเหมือนผมซึ่งรอดมาได้เพราะอยู่ห้องใต้ดิน พวกเรา..หมายถึงเธอกับผมกำลังพากันลงไปเลือกเหล้าไวน์เพื่อใช้ในงานแต่งงาน
ลองเปิดทีวีซึ่งวางโชว์อยู่แถวนั้นดู แม้จะรู้ว่าไม่มีมีสถานีไหนส่งคลื่นโทรทัศน์ออกมาแล้วก็ตาม ระบบไฟฟ้าของเมืองยังคงใช้งานได้ มันเป็นเรื่องตลกร้ายเหลือเกินทว่าไม่มีใครมาใช้ให้คุ้มค่า ถ้ามีเวลาผมเคยคิดอยากมาเปิดไฟฟ้าให้สว่างทั้งเมืองในยามราตรี พาเธอมานั่งดูไฟแสงสีทั้งคืน คงมีความสุขเหลือเกิน แต่ผมไม่มีเวลาทำแบบนั้น
ผมตรวจดูแผนกยา ยังมียาจำนวนมากไม่ถูกทำลายไปด้วย ทั้งยาฆ่าเชื้อ ยาแก้ปวด ยาสารพัดตามแต่จะเลือกใช้
บรรดาเครื่องใช้ไฟฟ้ายังคงใช้งานได้ แต่ใครจะใช้งานมันล่ะ.....
+++++
แต่ผมก็ไม่เคยทำให้เธอผิดหวัง ผมหาอาหารให้เธอได้เสมอ แม้ว่าตัวผมจะหิวจนตาลายและเหนื่อยอ่อนขนาดไหนก็ตาม ผมจะอดทน..เหมือนหลายๆวันที่ผ่านมา เราจะต้องไปงานแต่งงานให้ได้
“ผมได้อาหารมาแล้ว...” ผมพยายามยิ้มกว้างและทำหน้าตาให้สดชื่นขณะบอกกับเธอ แม้จะรู้ว่าสภาพของพวกเราตอนนี้ย่ำแย่เต็มที ตอนผมผ่านกระจกหน้าร้านมองเห็นสภาพตัวเองไม่ต่างจากขอทานอดโซผมเผ้าหนวดเครารุงรังยิ่งกว่ามหาโจร เปรียบเทียบกับเธอแล้วราวเป็นอสุรกายกับนางฟ้า ผมไม่สนใจภาพลักษณ์ภายนอก สนใจแต่หาอาหาร..มาให้เธอ
เธอจะต้องดูดี ขณะเธอกินอาหารผมบรรจงหวีผมให้เธออย่างแผ่วเบา เส้นผมยาวสลวยจรดกลางหลังของเธอดูอ่อนนุ่มละมุนมือชวนให้สัมผัสจับต้องไม่เคยเบื่อหน่าย
แต่ผมก็ทำได้ไม่มากกว่านี้ แม้หลายครั้งเมื่อเราจำเป็นต้องนอนเตียงเดียวกัน ผมไม่เคยล่วงเกินเธอไปมากกว่านี้ ผมรู้ว่ามีระดับความรักอีกระดับหนึ่งรอคอยจิตใจของมนุษย์ให้โบยบินไปสัมผัสถึง ความรักอันงดงามตลอดกาลไม่จืดจางร้างหายไปกับคราบสังขารและกาลเวลา
เธอยื่นอาหารให้ผม
“ผมทานอะไรรองท้องบ้างแล้วครับ..ไม่ต้องห่วง”
อะไรของผมหมายถึงน้ำ....น้ำที่ไม่ให้พลังงานเลยสักแคลอรี แต่ผมพยายามใช้คำพูดให้ฟังแล้วดูดี ไม่อยากให้เธอกังวลใจ เมื่อเห็นดวงตาของเธอสดใสขึ้นบ้างผมก็สบายใจ
"ท่าทางคุณไม่สบายนะตะ” เธอตั้งข้อสังเกตขณะผมเริ่มขับรถออกจากเมืองร้างแห่งนี้ แม้จะเป็นเวลากลางวันแต่เมืองซึ่งเต็มไปด้วยวิญญาณของผู้คนหลงทางมากมาย ทำให้ผมรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ คนพวกนั้นตายโดยไม่ทันรู้ตัว ป่านนี้คงวนเวียนอยู่ในโลกแห่งความตายอย่างไม่รู้จุดหมายปลายทาง ผมรู้สึกว่าหลายครั้งพวกเขาพยายามติดต่อกับผม
“ผมไม่เป็นไร..”
ฝืนยิ้มให้เธอ ฝืนยิ้มเหมือนหลายๆครั้งที่ผ่านมา ผมทำอะไรก็ได้เพื่อให้เธอสบายใจ ชุดแต่งงานยังวางอยู่เบาะหลัง เมื่อนึกถึงภาพเธออยู่ในชุดเจ้าสาว ผมก็อดยิ้มไม่ได้ทุกครั้ง แม้ในใจจะรู้สึกปวดร้าวลึกๆอยู่ก็ตาม
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงเมืองแห่งความฝัน ในเวลาที่กำหนด ผมมีเวลาพอจะแวะเมืองเล็กๆก่อนหน้าจะถึงจุดหมายเล็กน้อย พาเธอไปแต่งชุดเจ้าสาวในร้านขายเครื่องสำอางอันปราศจากผู้คน ช่วยเธอแต่งหน้าให้เธอตามมีตามเกิดแต่ก็บรรจงตั้งใจสุดชีวิต
เธอจะต้องดูสวยที่สุดในวันนี้
“คุณสวยมาก..”
ผมตะลึงมองสาวสวยในชุดเจ้าสาวขาวบริสุทธิ์ ถึงโลกจะปลี่ยนไปก้ยังมีหลายอย่างไม่เปลี่ยนไป อย่างน้อยรูปแบบของความรักและความผูกพันธ์ไม่เคยเปลี่ยนไป ผู้คนต่างหากที่เปลี่ยนไป
เธอยิ้ม และทำไมต้องยิ้มเศร้าแบบนั้น
ผมรู้ว่าเมืองนี้ได้รับผลกระทบจากระเบิดน้อยที่สุด สัญญาณการติดต่อขาดหายไปนานแล้ว เราติดต่อใครไม่ได้ แต่กำหนดงานแต่งงานต้องเป็นไปตามกำเนิดเดิม เธอจะมีความสุขอยู่ในเมืองนี้ อย่างน้อยที่นี่ก็มีระบบสังคมของมันเอง และว่าที่สามีของเธอก็คงดูแลเธอได้เป็นอย่างดี
ผมหมายถึงผู้ชายหน้าตาดีคนนั้น เขามากับคนของเขาหลายคนแสดงถึงกำลังอำนาจของเขาในเมืองนี้ ผมรู้ว่าเขารักเธอไม่น้อยกว่าที่ผมรัก ผมทำหน้าที่ของผมเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว นำเจ้าสาวมาส่งเจ้าบ่าวอย่างปลอดภัย
เราได้แค่มองตากันเท่านั้นเป็นการอำลา
แค่นั้นก็พอแล้ว....
***********
ทะเลยามเย็นสวยงานดวงอาทิตย์สีแดงกลมโตแตะโค้งขอบฟ้ากลางทะเล
จิตใจของผมเยือกเย็นลงอย่างประหลาด เมื่อนึกถึงเธอ จะมากจะน้อยเธอก็อยู่กับคนที่รักเธอและเธอก็รักเขา หน้าที่ของผมจบลงแล้วและสิ่งคงเหลืออยู่ในใจคือความรักซึ่งจะอยู่กับผมจนวินาทีสุดท้ายของลมหายใจ เธออยู่ในใจของผมก็พอแล้ว
รถที่ขับเป็นรถโบราณไม่มีเกียร์อัตโนมัติ ผมเหยียบรัชไม่ถนัดนักเพราะถึงจะใช้ยาระงับปวดยาชามากมายปานใด ก็ยังทำให้เจ็บทุกครั้งเมื่อเหยียบกดเท้าแรงๆลงไป ขาของผมข้างซ้ายแทบไม่เหลือเนื้ออยู่อีกแล้ว เพราะผมเฉือนมันออกมาทำเป็นอาหารให้เธอกินประทังชีวิตในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผมจำเป็นต้องทำแบบนั้น เพื่อให้เธอไม่อดตายก่อนวันแต่งงาน ความจริงผมยังเตรียมแขนซ้ายสำรองเอาไว้แล้วในกรณีขาขวาไม่พอเพียง
ผมรวบรวมพลังหลงเหลือน้อยนิดในคราบสังขาร เหยียบตันเร่งเป็นครั้งสุดท้าย ขณะรถพุ่งลงจากหน้าผาสูงลงสู่อ้อมแขนของสายน้ำระยิบเบื้องล่างท่ามกลางแสงแดดยามพลบค่ำและเกลียวคลื่น หลับตาไม่ได้นึกหวาดกลัวอะไร อย่างน้อยหัวใจอันอ่อนล้าเต็มทีของผมก็ยังมีเธออยู่ในหัวใจตราบวินาทีที่เหลือ
ที่รัก...........ผมรักคุณ
ผมรักคุณ.....ผมรัก....................หัวใจของผม ความรู้สึกของผม จะตอกย้ำคำนี้ ให้มันฝังไปในใจ จนลมหายใจสุดท้าย รักอมตะนิรันดร ไม่มีจริง แต่ความรักสุดท้าย จนลมหายใจสุดท้ายมีจริง ที่รัก..................
เป็นการพักใจพักกายชั่วกัลป์
The end.
ไปแต่งงานกับผมนะคนดี.......สุดที่รัก
คุณรู้จักความรักแค่ไหน
คำถามที่อยากถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย...เอ..ครั้งสุดท้ายของคุณหรือของผม หรือมนุษย์ชาติคนใดก็แล้วแต่เถอะ หรือแม้แต่ตัวของผมเองก็ช่างมันเถอะครับ ไม่ได้มีความหมายอะไร เพียงฟังเรื่องเล่าของผมสักนิด ไม่นานก็จะจบแล้ว
เรามาถึงเมืองแห่งนี้ตอนบ่ายอันร้อนระอุ อีกไม่นานก็จะถึงจุดหมาย แต่เธอดูอ่อนล้าลงทุกทีจากการขาดอาหารมาเป็นเวลาหลายวัน เมืองแห่งนี้คงไม่ต่างจากเมืองอื่นๆที่ผ่านมา แต่ผมก็ยังมีความหวังและแผนสำรองเสมอ แต่ไม่ว่าอย่างไร ผมต้องดูแลเธอเหมือนดูแลหัวใจของตัวเอง คนที่ไม่ไม่มีหัวใจให้ดูแลไม่รู้ว่าพวกเขาหรือเธอมีชีวิตเพื่ออะไร หรือระบายวันเวลาผ่านไปเพียงรอวันเวลาและจุดจบของทุกสิ่งทุกอย่าง
“รอผมอยู่นี่....ที่รัก” ผมก้มกระซิบข้างหูขก่อนบรรจงจูบหน้าผากเธอแผ่วเบาอย่างปลอบประโลมใจ เธอมองหน้าผมแล้วยิ้มให้กำลังใจผมเช่นกัน ทั้งที่เธอเองก็หิวและเหนื่อยเต็มทีแล้ว ความรักความเข้าใจลึกซึ้งต้องมาจากสถานการณ์เลวร้ายเพื่อวัดหัวใจกัน ผมจึงไม่เคยเชื่อมั่นความรักอันจอมปลอม เสแสร้งไร้ความจริงใจ เหมือนนิยายน้ำเน่าในอดีตกาล ที่มอมเมาผู้คนจนไม่รู้ว่าอะไรคืออะไร
เรากำลังเดินทางไปงานแต่งงาน
ยังเมืองที่ไกลออกไป
การเดินทางเป็นไปเชื่องช้าและลำบาก เพราะถนนหลวงหลายสายเต็มไปด้วยรถราระเกะระกะขวางทางจราจรเต็มไปหมด รถยนต์จอดนิ่งอยู่กับที่เพราะปราศจากคนขับ ไม่น่าแปลกเพราะพวกเขาอาจตายไปแล้ว โดยไม่มีใครสนใจ ไม่มีซากศพของผู้คนกระจัดกระจายตามรายทางเหมือนอย่างควรจะเป็น
ในเวลานี้ การแต่งงานอย่างถูกต้องตามขนบธรรมเนียมเป็นเรื่องลำบากเหลือเกิน หลังจากสงครามครั้งใหญ่ผ่านไป โลกทั้งใบเต็มไปด้วยร่องรอยเสียหายจากผลของระเบิดร้ายแรง ยิ่งกว่าฝันร้าย กลิ่นไอของความตายและความทุกข์ทรมานปกคลุมไปทั่วโลก บางทีอาจทะลุผ่านขึ้นไปถึงสรวงสวรรค์และแทรกซึมลงไปถึงในขุมนรกอเวจี ผมเริ่มไม่เชื่อพระเจ้าหรือซาตาน มันไร้สาระ
หลังการขับรถคู่ชีพรอนแรมมานาน ผ่านเมืองรกร้างว่าเปล่ามาหลายเมือง แวะเติมน้ำมันจากปั๊มน้ำมันที่ไม่มีคนเป็นเจ้าของซึ่งมีมากมายตามรายทาง ผ่านกาลเวลาอันหิวโหย ผ่านความลำบากสุดแสน ผ่านความร้อนแรงของแสงแดดยามกลางวันและความเย็นยะเยือกยามราตรี ผ่านความเป็นและความตาย ในที่สุดผมพาเธอใกล้จุดหมายเข้าไปทุกที
ตัวเมืองดูเงียบสงบราวกับผู้คนกำลังพากันหลับใหลอยู่ในอาคารบ้านเรือนทั้งที่เป็นเวลาเที่ยง ผมรู้ว่าไม่ใช่เช่นนั้น เมืองนี้ก็คงเหมือนหลายๆเมืองที่ผ่านมา
ไม่มีผู้คน
ไม่มีอาหาร
มันเป็นผลมาจากระเบิดอัปมงคลที่พวกทหารพากันเรียกว่าระเบิดควอนตัมหรืออะไรสักอย่าง ผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ใจคือผลของมันทำให้สิ่งมีชีวิตกลับกลายเป็นอนุภาคขั้นพื้นฐาน สลายตัวออกจากรูปทรงปกติ เมื่อเปิดอาหารกระป๋องออกมา เราจะรู้สึกถึงอนุภาคพุ่งกระจายสลายออกมาเ หลือแต่ความว่างเปล่า มันเป็นเรื่องน่าสยดสยองเหลือเกิน เมื่อคิดว่าดวงจิตวิญญาณของผู้คนและสิ่งมีชีวิตอื่นๆจะล่องลอยอยู่แห่งหนตำบลใด
แต่มนุษย์ไม่มีวันหายไปจากโลกจนหมดสิ้น
พวกที่หลงเหลือพากันรวมตัวและสร้างสังคมตามแบบฉบับของพวกเขาขึ้นมาเพื่อความอยู่รอด ท่ามกลางกลิ่นไอของความหิวโหยและความตายรายรอบ
เรากำลังจะไปแต่งงาน แต่อาหารที่มีอยู่อย่างจำกัดหมดลงนานแล้ว
ผมทิ้งเธอไว้ในรถยนต์ ติดเครื่องทิ้งเอาไว้ โดยไม่ลืมล๊อคประตูเพื่อความไม่ประมาท ผมกลัวพวกผู้คนหิวโหยที่ยังเหลือรอดอยู่แถวนี้จะมาจับเธอไปกินอาหาร ผู้คนรอดตายมาเป็นเวลานานบางกลุ่มพากันไปอย่างสุสานและขุดหลุมฝังศพเพื่อหาอาหาร โลกของเราเหลืออาหารพวกโปรตีนไม่มากนัก วัฒนธรรมการกินของผู้คนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ห้างสรรพสินค้าที่ผมเข้าไปค้นดูไม่เหลืออาหารเลยสักนิด แผนกอาหารสดอาหารแห้งเหลือไม่มีเหลือ พวกมันพลอยสลายตัวไปด้วยทั้งที่ไม่มีชีวิต อาหารกระป๋องหลายใบซึ่งลองเปิดฝาออกมาดูมีแต่ความว่างเปล่าอย่างที่คาดเอาไว้ แต่ผมไม่ละความพยายาม อย่างน้อยก็มีน้ำหลงเหลือมากมาย แต่สิ่งที่ผมต้องการไม่ใช่น้ำ
บนเคาน์เตอร์ของร้านและตามทางเดินมีเสื้อผ้าสิ่งของเครื่องใช้ กองกระจัดกระจายรวมทั้งมีเงินทองซึ่งเคยมีค่ามหาศาล แต่ตอนนี้เป็นเพียงเศษกระดาษ ใช้งานอะไรไม่ได้ สู้เนื้อแห้งสักชิ้นก็ยังไม่ได้
ผมพอนึกภาพออก ผู้คนกำลังจับจ่ายซื้อข้าวของอย่างสบายใจ ไม่มีใครคาดคิด ระเบิดตูม....ร่างกายหายวับ เสื้อผ้าอาภรณ์หลุดร่วงลงกับพื้น เป็นภาพน่าขนลุก..พวกเขาไม่มีโอกาสตั้งตัวรู้ตัวด้วยซ้ำ แต่นั่นก็เป็นความโชคดีของพวกเขา ไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมานเหมือนผมซึ่งรอดมาได้เพราะอยู่ห้องใต้ดิน พวกเรา..หมายถึงเธอกับผมกำลังพากันลงไปเลือกเหล้าไวน์เพื่อใช้ในงานแต่งงาน
ลองเปิดทีวีซึ่งวางโชว์อยู่แถวนั้นดู แม้จะรู้ว่าไม่มีมีสถานีไหนส่งคลื่นโทรทัศน์ออกมาแล้วก็ตาม ระบบไฟฟ้าของเมืองยังคงใช้งานได้ มันเป็นเรื่องตลกร้ายเหลือเกินทว่าไม่มีใครมาใช้ให้คุ้มค่า ถ้ามีเวลาผมเคยคิดอยากมาเปิดไฟฟ้าให้สว่างทั้งเมืองในยามราตรี พาเธอมานั่งดูไฟแสงสีทั้งคืน คงมีความสุขเหลือเกิน แต่ผมไม่มีเวลาทำแบบนั้น
ผมตรวจดูแผนกยา ยังมียาจำนวนมากไม่ถูกทำลายไปด้วย ทั้งยาฆ่าเชื้อ ยาแก้ปวด ยาสารพัดตามแต่จะเลือกใช้
บรรดาเครื่องใช้ไฟฟ้ายังคงใช้งานได้ แต่ใครจะใช้งานมันล่ะ.....
+++++
แต่ผมก็ไม่เคยทำให้เธอผิดหวัง ผมหาอาหารให้เธอได้เสมอ แม้ว่าตัวผมจะหิวจนตาลายและเหนื่อยอ่อนขนาดไหนก็ตาม ผมจะอดทน..เหมือนหลายๆวันที่ผ่านมา เราจะต้องไปงานแต่งงานให้ได้
“ผมได้อาหารมาแล้ว...” ผมพยายามยิ้มกว้างและทำหน้าตาให้สดชื่นขณะบอกกับเธอ แม้จะรู้ว่าสภาพของพวกเราตอนนี้ย่ำแย่เต็มที ตอนผมผ่านกระจกหน้าร้านมองเห็นสภาพตัวเองไม่ต่างจากขอทานอดโซผมเผ้าหนวดเครารุงรังยิ่งกว่ามหาโจร เปรียบเทียบกับเธอแล้วราวเป็นอสุรกายกับนางฟ้า ผมไม่สนใจภาพลักษณ์ภายนอก สนใจแต่หาอาหาร..มาให้เธอ
เธอจะต้องดูดี ขณะเธอกินอาหารผมบรรจงหวีผมให้เธออย่างแผ่วเบา เส้นผมยาวสลวยจรดกลางหลังของเธอดูอ่อนนุ่มละมุนมือชวนให้สัมผัสจับต้องไม่เคยเบื่อหน่าย
แต่ผมก็ทำได้ไม่มากกว่านี้ แม้หลายครั้งเมื่อเราจำเป็นต้องนอนเตียงเดียวกัน ผมไม่เคยล่วงเกินเธอไปมากกว่านี้ ผมรู้ว่ามีระดับความรักอีกระดับหนึ่งรอคอยจิตใจของมนุษย์ให้โบยบินไปสัมผัสถึง ความรักอันงดงามตลอดกาลไม่จืดจางร้างหายไปกับคราบสังขารและกาลเวลา
เธอยื่นอาหารให้ผม
“ผมทานอะไรรองท้องบ้างแล้วครับ..ไม่ต้องห่วง”
อะไรของผมหมายถึงน้ำ....น้ำที่ไม่ให้พลังงานเลยสักแคลอรี แต่ผมพยายามใช้คำพูดให้ฟังแล้วดูดี ไม่อยากให้เธอกังวลใจ เมื่อเห็นดวงตาของเธอสดใสขึ้นบ้างผมก็สบายใจ
"ท่าทางคุณไม่สบายนะตะ” เธอตั้งข้อสังเกตขณะผมเริ่มขับรถออกจากเมืองร้างแห่งนี้ แม้จะเป็นเวลากลางวันแต่เมืองซึ่งเต็มไปด้วยวิญญาณของผู้คนหลงทางมากมาย ทำให้ผมรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ คนพวกนั้นตายโดยไม่ทันรู้ตัว ป่านนี้คงวนเวียนอยู่ในโลกแห่งความตายอย่างไม่รู้จุดหมายปลายทาง ผมรู้สึกว่าหลายครั้งพวกเขาพยายามติดต่อกับผม
“ผมไม่เป็นไร..”
ฝืนยิ้มให้เธอ ฝืนยิ้มเหมือนหลายๆครั้งที่ผ่านมา ผมทำอะไรก็ได้เพื่อให้เธอสบายใจ ชุดแต่งงานยังวางอยู่เบาะหลัง เมื่อนึกถึงภาพเธออยู่ในชุดเจ้าสาว ผมก็อดยิ้มไม่ได้ทุกครั้ง แม้ในใจจะรู้สึกปวดร้าวลึกๆอยู่ก็ตาม
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงเมืองแห่งความฝัน ในเวลาที่กำหนด ผมมีเวลาพอจะแวะเมืองเล็กๆก่อนหน้าจะถึงจุดหมายเล็กน้อย พาเธอไปแต่งชุดเจ้าสาวในร้านขายเครื่องสำอางอันปราศจากผู้คน ช่วยเธอแต่งหน้าให้เธอตามมีตามเกิดแต่ก็บรรจงตั้งใจสุดชีวิต
เธอจะต้องดูสวยที่สุดในวันนี้
“คุณสวยมาก..”
ผมตะลึงมองสาวสวยในชุดเจ้าสาวขาวบริสุทธิ์ ถึงโลกจะปลี่ยนไปก้ยังมีหลายอย่างไม่เปลี่ยนไป อย่างน้อยรูปแบบของความรักและความผูกพันธ์ไม่เคยเปลี่ยนไป ผู้คนต่างหากที่เปลี่ยนไป
เธอยิ้ม และทำไมต้องยิ้มเศร้าแบบนั้น
ผมรู้ว่าเมืองนี้ได้รับผลกระทบจากระเบิดน้อยที่สุด สัญญาณการติดต่อขาดหายไปนานแล้ว เราติดต่อใครไม่ได้ แต่กำหนดงานแต่งงานต้องเป็นไปตามกำเนิดเดิม เธอจะมีความสุขอยู่ในเมืองนี้ อย่างน้อยที่นี่ก็มีระบบสังคมของมันเอง และว่าที่สามีของเธอก็คงดูแลเธอได้เป็นอย่างดี
ผมหมายถึงผู้ชายหน้าตาดีคนนั้น เขามากับคนของเขาหลายคนแสดงถึงกำลังอำนาจของเขาในเมืองนี้ ผมรู้ว่าเขารักเธอไม่น้อยกว่าที่ผมรัก ผมทำหน้าที่ของผมเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว นำเจ้าสาวมาส่งเจ้าบ่าวอย่างปลอดภัย
เราได้แค่มองตากันเท่านั้นเป็นการอำลา
แค่นั้นก็พอแล้ว....
***********
ทะเลยามเย็นสวยงานดวงอาทิตย์สีแดงกลมโตแตะโค้งขอบฟ้ากลางทะเล
จิตใจของผมเยือกเย็นลงอย่างประหลาด เมื่อนึกถึงเธอ จะมากจะน้อยเธอก็อยู่กับคนที่รักเธอและเธอก็รักเขา หน้าที่ของผมจบลงแล้วและสิ่งคงเหลืออยู่ในใจคือความรักซึ่งจะอยู่กับผมจนวินาทีสุดท้ายของลมหายใจ เธออยู่ในใจของผมก็พอแล้ว
รถที่ขับเป็นรถโบราณไม่มีเกียร์อัตโนมัติ ผมเหยียบรัชไม่ถนัดนักเพราะถึงจะใช้ยาระงับปวดยาชามากมายปานใด ก็ยังทำให้เจ็บทุกครั้งเมื่อเหยียบกดเท้าแรงๆลงไป ขาของผมข้างซ้ายแทบไม่เหลือเนื้ออยู่อีกแล้ว เพราะผมเฉือนมันออกมาทำเป็นอาหารให้เธอกินประทังชีวิตในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผมจำเป็นต้องทำแบบนั้น เพื่อให้เธอไม่อดตายก่อนวันแต่งงาน ความจริงผมยังเตรียมแขนซ้ายสำรองเอาไว้แล้วในกรณีขาขวาไม่พอเพียง
ผมรวบรวมพลังหลงเหลือน้อยนิดในคราบสังขาร เหยียบตันเร่งเป็นครั้งสุดท้าย ขณะรถพุ่งลงจากหน้าผาสูงลงสู่อ้อมแขนของสายน้ำระยิบเบื้องล่างท่ามกลางแสงแดดยามพลบค่ำและเกลียวคลื่น หลับตาไม่ได้นึกหวาดกลัวอะไร อย่างน้อยหัวใจอันอ่อนล้าเต็มทีของผมก็ยังมีเธออยู่ในหัวใจตราบวินาทีที่เหลือ
ที่รัก...........ผมรักคุณ
ผมรักคุณ.....ผมรัก....................หัวใจของผม ความรู้สึกของผม จะตอกย้ำคำนี้ ให้มันฝังไปในใจ จนลมหายใจสุดท้าย รักอมตะนิรันดร ไม่มีจริง แต่ความรักสุดท้าย จนลมหายใจสุดท้ายมีจริง ที่รัก..................
เป็นการพักใจพักกายชั่วกัลป์
The end.