[CR] กาญจนบุรีทริปย้อนวัยเที่ยวสวนสัตว์ ล่องแพเขื่อน

ตื่นตี 5 เพื่อไปกาญจนบุรีมันก็จะสะโหลสะเหลหน่อย ๆ เปิดทริปด้วยสวนสัตว์เปิดซาฟารีปาร์ค กาญจนบุรี ตั้งใจว่าจะไปให้ถึงสวนสัตว์สัก 09.00 น. พอดีกะเวลาเปิดคนจะได้น้อย ๆ ขึ้นรถบัสจะได้เป็นไพรเวท 555++ ผลปรากฎว่าเนวิเกเตอร์พาหลงวนไปค่ะ  เราไปถึงประมาณ 10.20 น. คนก็ยังไม่ได้เยอะมาก ไปค่ะไปซื้อตั๋วกัน

ค่าเข้าชมสวนสัตว์
ผู้ใหญ่ (คนไทย)       200 บาท
เด็ก (คนไทย)        100 บาท (ความสูงไม่เกิน 120 ซ.ม.)
ผู้ใหญ่ (ต่างชาติ)      550 บาท
เด็ก (ต่างชาติ)        350 บาท (ความสูงไม่เกิน 120 ซม.)
หมายเหตุ : เด็กอายุไม่เกิน 3 ขวบไม่เสียค่าบัตรผ่านประตู

ด้านหน้าที่จำหน่ายตั๋วจะมีอาหารป้อนสัตว์ 1 ชุด (4 ขัน) ราคา 100 บาท อย่าลืมซื้อติดไม้ติดมือไปด้วยนะ มันดีมว๊ากกกก……….

เราสามารถขับรถส่วนตัวเข้าไปเองได้ หรือเลือกขึ้นรถบัสของทางสวนสัตว์เข้าไปก็ได้ แต่เราเลือกขึ้นรถบัสของสวนสัตว์เข้าไป

สวนสัตว์จะแบ่งเป็น 2 โครงการ

โครงการที่ 1 สวนสัตว์เปิด แบ่งออกเป็น 8 โซนสัตว์
โซนที่ 1 กวางฟลอโลว์สีแฟนซี

พอประตูเปิดปุ๊บรถแล่นเข้าสู่โซน น้องกวางทั้งหลายก็วิ่งมาหากันเลยจ้ามากันแบบใกล้ชิดข้างรถ คุณลุงคนขับจะบอกว่าอย่าเพิ่งให้อาหารหมดนะ ข้างในยังมีอีก

โซนที่ 2 หมีควาย

โซนนี้อาจจะต้องอาศัยดวงกันนิดนึง เราเข้าไปคุณหมีแกเข้าถ้ำนอนกันหมดล่ะ คุณลุงคนขับบอกอดนะโซนนี้พร้อมกับขับเลยไปเลยจ้า 555++

โซนที่ 3 แบล๊คบัคและเนื้อทราย

อันนี้ก็เหมือนกวางนะ ไม่รู้นะแยกไม่ออกแต่ในโซนนี้เค้าจะกลัว ๆ คนหน่อยไม่กล้าเข้ามาหาเราต้องโยนผักผลไม้ไปให้เค้าไกล ๆ หน่อย

โซนที่ 4 เสือโคร่ง

เสือโคร่งนี่ตัวใหญ่อยู่นะ มีหลายตัวเลย คือพี่แกมองมาแบบหน้าไม่ค่อยจอยกับเราเท่าไหร่ ไม่กล้าจองนานกลัวพี่แกจะวิ่งเข้าใส่หวาดเสียว โซน 4, 5 และ 6 จะมีป้ายเตือน ห้ามเปิดกระจกและลงจากรถ

โซนที่ 5 สิงโตอัฟริกา

คุณพี่สิงโตที่มีแผงคอหน่อย ๆ เราเห็นคุณพี่คนนี้คนเดียวนะที่มีแผงคอ แกก็จะหยิ่ง ๆ หน่อยพอเห็นเรายกกล้องขึ้นมาก็แบบหันหน้าหนี

โซนที่ 6 เสือดาว

เสือดาวจะดูซอฟ ๆ ลงมาหน่อยออกแนวมุ้งมิ้ง อยู่บนตนไม้บ้างไรบ้าง

โซนที่ 7 กวางดาวอินเดีย กวางฟลอโลว์สีขาว นกอีมู

กวางโซนนี้จะตัวเล็ก ๆ กว่าโซนก่อนหน้า

โซนที่ 8 ยีราฟ ม้าลาย นกกระจอกเทศ

โซนนี้ไฮไลท์เลยนะ เปิดประตูพอรถเข้าโซนมานางรีบมาเลยจ้าทั้งยีราฟ และม้าลายตอบรับกันแบบอบอุ่น คือเรานี้ตื้นเต้นมากเด็ก ๆ ในรถคันเดียวกันก็สนุกมาก เหมาะมากที่จะพาลูกหลานมาเที่ยวช่วงปิดเทอม คือด้วยความที่คอนางยาวก็ยื่นหัวเข้ามาในรถบัสเพื่อขอผักผลไม้กินอย่างแนบชิดสนิทกัน

โครงการที่ 2 การแสดงโชว์
1. การแสดงโชว์ช้างแสนรู้
2. การแสดงโชว์จับจระเข้ด้วยมือเปล่า
รถบัสจะพามาส่งที่โซนนี้ รอบ ๆ บริเวณก็จะมีสัตว์อื่น เช่น ลิง ค่าง ชะนี แรคคูน ที่อยู่ในกรงบางตัวหน้ากรงจะมีป้ายบอกว่าไม่ทานผัก ทานแต่ผลไม้เท่านั้น (แหน่ะมีแอบเลือก) ซึ่งบริเวณนั้นก็จะมีผักและผลไม้จำหน่าย จะมีชะนีอยู่หนึ่งนางต้องส่งกะลามังไปให้นางเลือกหยิบเองนะ เพราะถ้าไม่ให้เลือกส่งให้นางก็ไม่กินจ้า ในส่วนของโซนการแสดงนั่นเราไม่ได้เข้าไปดู เนื่องจากงานเข้าซะก่อน (งานจริง ๆ ที่ทำอยู่เลยนะ) ตารางเวลาการแสดงจะมีติดอยู่ตรงที่เราซื้อบัตรเข้าชมนะ

ตอนจะกลับก็ออกมาขึ้นรถด้านหน้าโซนที่รถบัสมาส่งตอนแรก เพื่อกลับออกไปที่ด้านหน้าสวนสัตว์

โดยรวมนะสำหรับเราที่โอเคเลยสนุก และตื่นเต้นเลยกับโซนยีราฟ และม้าลายใกล้ชิดกันมว๊ากกกก…….ไม่เคยมีประสบการ์ณใกล้ชิดกันขนาดนี้มาก่อน เคยไปแต่เขาดิน ฟาร์มจระเข้ (ไม่เคยไปสวนสัตว์เปิด)  แต่จำนวนสัตว์ของที่ยังน้อยถ้าเทียบกับสวนสัตว์ที่อื่น

เราใช้เวลาอยู่ที่สวนสัตว์ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เริ่มหิวอีกแล้ววว….ไปหาข้าวกินกันเสริจกูลเกิ้ลแล้วจิ้มเอาเลยจ้า สุ่มไปที่ร้านอาหาร “เรือนธารา” บรรยากาศดี วิวเขื่อนศรีนครินทร์ มีสวนดอกไม้สามารถลงไปถ่ายรูปได้ อาหารรสชาติใช้ได้ราคาไม่แพง
วิวจากร้านอาหาร

ปลาทอดตัวใหญ่เบิ่มเลยนะ มื้อนี้ค่าเสียหาย 880 บาท แกงส้มหน่อไม้ดองปลาคัง นี่จัดว่าเด็ดเลยนะ

เติมพลังเรียบร้อยเราก็จะขึ้นไปชมวิวที่สันเขื่อนกัน วันนี้ท้องฟ้าสีสวยมาก แดดก็ร้อนมากเช่นกัน พวกเราน่าจะได้ชมวิวประมาณ 15 นาที 555++ ร้อนมากจริงหมดแรงชมวิว แทบจะวิ่งกลับขึ้นรถ

ไปค่ะเข้าที่พักกันเราจองที่พักกันไว้ที่ The Raft ก็ดูรีวิวมาอ่ะเนอะ ก็จองตามเค้าไปก็มาอ่านรีวิวของจริงอีกก็แอบสะอึกเบา ๆ แต่ก็จองแล้วอ่ะเนอะต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองกันเลยจ้า มีคอนเฟริมและสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ผ่านทางไลน์ก็ได้รับคำตอบเป็นอย่างดี ทาง The Raft นัดหมายจุดนัดพบที่บริเวณหน้าวัดหม่องกระแทะ เพื่อเช็คอินเมื่อถึงแล้วให้โทรหาจะมีพนักงานมารับ เพื่อไปเช็คอินที่ออฟฟิศ (จากที่เราอ่านรีวิวผู้เข้าพักจริงมีคนบ่นเรื่องหายาก และหาไม่เจอเยอะเหมือนกัน ทาง The Raft ก็พยายามแก้ไขโดยการนัดจุดพบ และให้พนักงานมารับ)

บ้านที่เราจองไว้จะเป็นหลังเล็กนอนได้ 4-6 คน ราคา 4,500 บาท คนที่ 5 และ 6 เพิ่มคนล่ะ 500 บาท เราจองแบบไม่รวมอาหารนะ เพราะเราพกแม่ครัวมาเอง

เรามาถึงประมาณช่วงสามสี่โมงเย็นแดดส่องมาที่บริเวณบ้านพักพอดี อากาศจึงร้อนมาก แต่พอช่วงเย็นก็จะเริ่มปาร์ตีได้ช่วงหัวค่ำอากาศก็จะเย็นลง

อาหารเช้าทำกินเองชุดใหญ่ไฟกระพริบกันเลยทีเดียว

อิ่มแล้วเราก็อาบน้ำเก็บของกันจ้า ก่อนกลับทางแพเค้าจะไปเราไปวนชมวิวก่อน 1 รอบมันก็จะฟิน ๆ หน่อยไว้ตัดต่อคลิปเสร็จแล้วจะเอามาแปะไว้ให้ดูกันนะ

ไปกันต่อที่ ถ้ำกระแซ ทางรถไปสายมรณะ ตอนรถไปถึงรถไฟเพิ่งออกไปพอดีอดนะแจ๊ะ บริเวณด้านหน้าทางเข้ามีร้านค้าขายสินค้าเยอะเลยนะ ไอติมกะทิด้านหน้าตรงที่จอดรถอร่อย

ถ้ำกระแซ ตั้งอยู่ในอำเภอไทรโยค เป็นถ้ำเล็กๆ ตั้งอยู่ริมหน้าผาใกล้กับทางรถไฟ เคยเป็นที่พักของเชลยศึก ในช่วงที่มีการสร้างทางรถไฟสายมรณะ ไทย-พม่า เส้นทางประมาณ 400 เมตร ความยากลำบากในการเข้าถึงพื้นที่ที่เป็นป่าเขารกทึบ ทั้งโรคภัยไข้เจ็บ ภาวะขาดแคลนอาหารในช่วงสงคราม และความรีบเร่งในการสร้าง ทำให้เชลยศึกและแรงงานจ้างต้องเสียชีวิตลงหลายพันคน จนเป็นที่มาของคำว่า “เส้นทางรถไฟสายมรณะ”

แนะนำให้ไปช่วงเช้า 8-10 โมง หรือ ช่วงเย็นไปเลยเนอะเนื่องจากอากาศร้อนมาก ไปหาข้าวกินกันเถอะหิวแล้วเราเลือกมาที่ร้าน

คีรีธารา (Kere Tara) ร้านอาหารริมสะพานข้ามแม่น้ำแคว ร้านนี้อาหารอร่อย บรรยกาศดีแพด้านล่างจะเปิดช่วงเย็นต้องโทรจองนะ เราเห็นมีป้ายจองเต็มทุกโต๊ะเลย มีกาแฟและเบเกอร์รี่ด้วย ร้านเลยมาทางด้านขวาของสะพานข้ามแม่น้ำแคว เดินมาสัก 150 เมตร

อาหารอร่อยทุกอย่างเลยนะ ของหวานจะเป็นลอดช่องเผือกน้ำกะทิแล้วก็มีไอศครีมโฮมเมดค่าเสียหาย 2,520 บาท ทั้งหมด 7 คน

เจอกันใหม่ทริปหน้า

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชื่อสินค้า:   สวนสัตว์เปิดซาฟารีปาร์ค กาญจนบุรี
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่