ในคลิปเป็นแบบย่อนะครับ
เรื่องมีอยู่ว่า....
ในหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งยังมีความใกล้ชิดกับเหล่าทวยเทพนั้น ผู้คนกำลังดิ้นรนทำมาหากินกันอย่างสุดกำลัง เหล่าทวยเทพ ไม่ได้มาช่วยเหลือพวกเขาเลย ยกเว้นเป็นเพียงที่ปรึกษาเท่านั้น ก็นะ การทำมาหากิน มันก็เป็นหน้าที่ของแต่ละคน คงไม่มีใครมาช่วยกันเรื่อยๆ อยู่แล้ว
แต่ยังมีวัยรุ่นหนุ่มคนหนึ่ง รูปร่างละม้ายคล้ายมนุษย์น้ำ กล่าวคือ เขามีตัวเป็นสีฟ้า หัวแหลมๆ คล้ายหมดน้ำ มีตาสีเหลือง ที่สำคัญคือ เขาไม่ใส่เสื้อผ้า และมันก็ไม่ได้ดูโป๊เปลือยหรืออนาจารแต่อย่างใด
อ่อ เกือบลืม นายคนนี้ มีชื่อว่า “ดรอป” ที่แปลว่าหยด (น้ำ) นั่นเอง
“ดรอป” อยากร่ำรวย มีชีวิตที่สุขสบาย แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เขาพยายามถามทุกๆ คนที่เขารู้จัก แต่ถามไปเท่าไรๆ ก็ยังรู้สึกว่า คำตอบที่ตนได้รับนั้นยังไม่เพียงพอ จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้พบกับ “เทพอายีรักก้า” ที่กำลังจะเอา “เฟรี่ในโหล” ไปปล่อยโดยบังเอิญ
ดรอปไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ วิ่งเข้าชาร์ตเทพอายีรักก้าทันที พร้อมกับตะโกนเรียกชื่อท่านรัวๆ
“เทพอายีรักก้า เทพอายีรักก้า เทพอายีรักก้า” ด้วยความตกใจระคนกลัวเทพอายีรักก้าจึงยกเท้าขึ้นมายันหน้าบุคคลต้องสงสัย แต่จริงๆ แล้วต้องบอกว่า ท่านแค่ยกฝ่าเท้า ส่วนนายคนนั้น วิ่งเอาหน้ามาจูบฝ่าเท้าท่านเองถึงจะถูก
“โอ้ เราต้องขอโทษด้วย พอดีเราตกใจ เจ้าเป็นอะไรมากไหม” เทพอายีรักก้าฉุดนายหยดน้ำที่นั่งอยู่กับพื้นขึ้นมา
“ทำอย่างไรข้าถึงจะร่ำรวย และประสบความสำเร็จ” ทันทีที่ดรอปถาม เทพอายีรักก้าก็รู้ เหมือน “คนอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่” (หมายถึงแค่พูดก็รู้แล้วว่านายนี่คิดอะไร)
“ชะรอย หมอนี่ต้องถามคนแบบนี้ไปเรื่อยแน่ ถึงให้คำตอบไป ก็คงไม่มีประโยชน์ อืม......... จริงสิ ให้ไปหาเทพองค์นั้นละกัน” เทพอายีรักก้าคิดในใจ ก่อนจะตอบกลับไปว่า
“เราว่าเราคงตอบคำถามของเจ้าไม่ได้หรอก”
“หา!! ขนาดท่านที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพนักปราชญ์เนี่ยนะ” ดรอปแทบไม่อยากเชื่อหูตนเอง
“แต่ข้ารู้ว่า มีเทพองค์หนึ่งที่ตอบคำถามเจ้าได้ และเทพองค์นั้นก็หาตัวไม่ยาก เจ้ารู้จักศาลานาฬิกาหรือเปล่า” เทพอายีรักก้าพูดพลาง เปิดโหลปล่อยเฟรี่ไปพลาง
“ข้ารู้จัก มันอยู่ไม่ไกลจากที่ๆ ข้าอยู่เลย แต่มันดูร้างๆ นะ”
“เจ้าหาต้มยำกุ้งชามนึง ไปวางไว้ที่ศาล พร้อมกับช้อน กระดาษ และน้ำหนึ่งแก้ว หันหน้าออกมานอกศาล ยืนเงียบๆ ห้านาที แล้วจะมีเทพองค์หนึ่งมา ซึ่งจะตอบคำถามของเจ้าได้อย่างแน่นอน”
“ทำไมมันรู้สึกวุ่นวายจัง ข้าไม่อยากทำเลย” ดรอปเริ่มเบะปาก ทำท่าเหม็นเบื่อ
“เจ้าไม่อยากทำก็เรื่องของเจ้านะ เจ้าอยากได้คำตอบหรือเปล่าล่ะ คำแนะนำของข้าก็มีแค่นี้แหล่ะ ข้าไปก่อนนะ” ว่าแล้วเทพอายีรักก้าก็ขี่ฟลายอิ้งบอร์ดจากไป
ในศาลเจ้านาฬิกา เวลาพลบค่ำ มีชามต้มยำกุ้งหนึ่งชาม ช้อนหนึ่งคัน แก้วน้ำหนึ่งใบ และกระดาษ มีผู้ชาย (มั้ง) คนหนึ่งยืนอยู่ข้างนอก เหมือนเฝ้าศาลาอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“นี่ขนาดแอบมาตอนที่ไม่น่าจะมีคนเห็นแล้ว ทำไมตรูยังรู้สึกโง่ๆ วะเนี่ย” ดรอปพูดไปยืนดูนาฬิกาไป เวลาเพิ่งจะครบห้านาทีพอดี
“เจ้าอยากรู้เรื่องอนาคตของเจ้าหรือ” เสียงหนึ่งพูดออกมาจากข้างหลัง เมื่อหันกลับไปมอง ภาพที่เห็นคือ ชายผู้หนึ่งกำลังนั่งถือชามต้มยำกุ้งและเอาช้อนตักซดน้ำอยู่ ที่แขนมีนาฬิกาข้อมือหลายเส้นสวมอยู่ และที่เสื้อ ยังมีนาฬิกาพกวงกลมสีทองห้อยอยู่
“เอ่อ จะนาฬิกาเยอะไปไหน” ดรอปเผลอพูดออกมา
“อ๋อ นี่น่ะแหละ ก็เวลาโตเกียว เวลามุมไบ เวลานิวยอร์ค เป็นพวกช่วงเวลาที่เราไปบ่อยๆ น่ะ” ท่านเทพอธิบายไปโดยหน้าไม่เงยจากต้มยำกุ้ง “รอเรากินเสร็จก่อนนะ แล้วเดี๋ยวจะจัดการธุระของเจ้าให้”
“แล้วทำไมต้องรอห้านาทีด้วย ข้าเกือบจะไม่ทำแล้วเพราะเงื่อนไขมากมายนี่” ดรอปเริ่มบ่น
“แต่เจ้าก็ทำแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมต้องห้านาที เพราะว่า น้ำซุปมันจะอุ่นกำลังพอดี แต่ส่วนใหญ่กว่าจะได้กิน กว่าจะยกมาถึงนี่ ก็คงเกินห้านาทีทั้งนั้นแหละ แต่ถ้าจะให้เสร็จแล้ววางทันที ใครจะมาทำล่ะแค่ชามเดียว จริงหรือเปล่า” เทพเหลือบตาขึ้นมามองคนถาม
อืม เป็นเทพที่มีเหตุผลแท้
หลังจากกินต้มยำกุ้งเสร็จก็เข้าสู่ช่วงคำถาม
“เอาล่ะ เจ้าอยากรู้เรื่องอะไร เราลูม่าเทพแห่งกาลเวลาจะบอกให้”
“ผมอยากรู้ว่า ทำยังไงผมถึงจะรวยๆๆๆ” เสียงรวยค่อยๆ เอคโค่จางหายไปในอากาศ
“เอาเป็นว่า เจ้าอยากรู้ว่าเจ้าจะรวยไหม ถือว่าถามแบบนี้ละกัน เอาล่ะ จับมือเราไว้” ทันทีที่ดรอปจับมือกับเทพลูม่า ทุกอย่างรอบตัวกลายเป็นสีเทา สีทอง ภาพทุกอย่างดูบิดเบี้ยว เมื่อสภาพรอบข้างกลับมาดูเป็นโลกเป็นสิ่งต่างๆ ดังเดิม
“เจ้าเห็นนั่นไหม นี่สิบปีจากที่เรากินต้มยำกุ้งชามนั้น นั่นก็คือเจ้า” ทิศทางที่ทั้งสองมองไป คือดรอปกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น แต่ก็ยังบ่นงึมงำๆ ท่าทางยังเหมือนตัวเองในปัจจุบันไม่มีผิด “ก็ยังดูเป็นคนธรรมดา ไม่รวยตรงไหน เอ้า ไปดูกันอีก ไปอีกสิบปีถัดไป” ทัศนะวิสัยบิดเบี้ยวอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เห็นดรอปนั่งพักทานกาแฟอยู่ที่บ้าน “อืม วันนี้เป็นวันหยุดพอดี แต่ดูจากสิ่งของต่างๆ ในบ้าน ก็ยังไม่รู้สึกว่าร่ำรวยนะ” ระหว่างที่ดรอปดื่มกาแฟก็หยิบหนังสือมาอ่าน เป็นหนังสือแนวเดียวกับที่ดรอปอ่านในปัจจุบันไม่มีผิด
“เอาล่ะ พร้อมจะไปต่อหรือยัง” ดรอปส่ายหน้า และตอบว่า
“เออ ท่านเทพ สิ่งที่ผมอยากจะรู้คือ ทำยังไงให้ผมรวยครับ ไม่ใช่ถามว่าอนาคตผมจะรวยหรือเปล่า” เทพลูม่ามองหน้าดรอป เอามือมาจับปลายคาง
“โฮ่ แสดงว่าเจ้าไม่เชื่อว่าอนาคตนี้จะเป็นจริงสินะ หึๆ เจ้าคิดถูกแล้วล่ะ แต่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น” เทพลูม่ากอดอกแล้วยิ้ม “แล้วเจ้าคิดว่า เราพาเจ้ามาทำไมกันล่ะ”
“เพื่อให้ผมยอมรับว่า ผมจะไม่มีวันรวยอย่างนั้นหรือครับ ผมไม่เชื่อหรอก อนาคตมันเปลี่ยนกันได้” เทพลูม่าได้ยินดังนั้นก็ยิ้ม และหัวเราะ
“ถูกต้อง อนาคตมันเปลี่ยนกันได้ แล้วเจ้ารู้ไหมล่ะว่าทำไมเจ้าถึงยังเห็นตัวเองเช่นนี้ เพราะไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปเท่าไร แต่มนุษย์นั้น มีสิ่งที่ยากจะเปลี่ยน” เทพลูม่า ชี้ไปที่หน้าอกของดรอป “ความคิดกับจิตใจยังไงล่ะ ทันทีที่เจ้าเห็นตัวเจ้าในอนาคต เจ้ามีความคิดว่า ช่างเหมือนตัวเองในปัจจุบันจริงๆ หรือเปล่า”
“ใช่ครับ ดูยังไงก็ตัวผมแน่ๆ นิสัย ความชอบ ยังไงๆ นี่ก็เป็นตัวผม”
“ฉะนั้น สิ่งที่ทำให้เจ้าไม่รวย คือความคิด จิตใจ และการดำเนินชีวิตของเจ้า ทุกสิ่งในโลกที่คนอยากได้นั้น ช่างมากมาย แต่สิ่งที่ไม่อยากทำก็มีมากนัก ก่อนที่เจ้าจะมาหาเรา เจ้ามีความคิดว่าไม่อยากวุ่นวายมาเตรียมต้มยำกุ้งให้เราหรือเปล่าล่ะ ไหนจะยกชามกลับไปล้าง ต้องเก็บเศษอาหารอีก”
“พูดไป มันก็เรื่องธรรมดานี่ครับ สิ่งที่ไม่อยากทำ ก็ไม่อยากทำอยู่ดีนั่นล่ะ”
“งั้นเราจะบอกความลับที่จะทำให้เจ้ารวยให้ ฟังให้ดีๆ เจ้าจงตัด อ อ่างทิ้งไปเสีย” ดรอปทำท่าคิ้วขมวด (แม้ตัวเขาจะไม่มีคิ้วให้ขมวด)
“ตัด อ อ่าง คืออะไร”
“ทุกครั้งที่เจ้ามีความคิดว่า ไม่(อ)ยากทำ จงตัด อ อ่างออกเสีย มันจะเป็นคำว่าไม่ยากทำ แล้วจงทำทุกสิ่งโดยไม่รู้สึกว่ามันยาก แค่นี้เอง ทำได้ไหม” ดรอปฟังแล้วทำท่ากอดอก รู้สึกยุ่งยากไม่อยากทำตามความเชื่อแปลกๆ ขึ้นมา
“มันจะได้ผลเหรอครับ ฟังดูไม่น่าเชื่อยังไงไม่รู้” เทพลูม่ายิ้มจนเห็นฟัน เหมือนผู้ใหญ่แหย่เด็ก
“ไม่(อ)ยากทำเหรอ ง่ายๆ แค่นี้เนี่ยนะ” ดรอปเงียบ และตอบว่า
“เดี๋ยวผมกลับไปคิดดูละกัน” ทันใดนั้น ทุกอย่างก็กลับมาสู่สภาพปกติ ห้วงเวลาเดิมที่ทั้งสองจากมา ศาลานาฬิกาที่โทรมๆ ปรากฏอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
“อื้ม เราก็หมดหน้าที่ของเราแต่เพียงเท่านี้ ขอให้เจ้าโชคดีกับทางเลือกของเจ้าละกัน” แสงสว่างจ้าสีทองออกมาจากตัวเทพลูม่า แล้วเทพลูม่าก็หายไป
หลังจากนั้น ดรอปก็ยังคงเดินทางถามคนอื่นๆ ถึงวิธีทำให้รวยต่อไป
“เฮ้อออออ มนุษย์ทำให้ตัวเองยุ่งยากแท้ๆ เรื่องง่ายๆ ไปทำให้มันยาก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรมนุษย์ก็ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ”
สิ่งที่ทำให้มนุษย์ต่างจากสัตว์อื่นๆ นอกจากสติปัญญาแล้ว ก็มีความยึดติด คนเรามีแนวโน้มจะทำให้ทุกสิ่งรองรับกับความต้องการของเราดูได้จากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แต่เรากลับไม่ปรับตัว หรือเปลี่ยนแปลงเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระดับความคิดจิตใจ ซึ่งมันผิดจากกฎของธรรมชาติ ที่ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และสิ่งที่อยู่นิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหว มักจะเป็นสิ่งไม่มีชีวิตหรือสิ่งที่ตายแล้วนั่นเอง
คนเราก็เช่นกัน ถ้าภายในไม่เปลี่ยนแปลง ก็จะทุกข์ทรมาน จากความผิดหวังซ้ำๆ จากปัญหาเดิมๆ และการทำแบบเดิมๆ ซึ่งที่จริงแล้วตั้งแต่เกิดมานั้น เราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ฉะนั้นตอนโตก็ไม่ควรจะหยุดเปลี่ยนแปลงด้วย โดยสังเกตจากสิ่งเล็กๆ คำพูดน้อยๆ หากปรับเปลี่ยนสิ่งน้อยๆ เหล่านี้ ก็จะเกิดผลกระทบยิ่งใหญ่กับตัวคุณ
ถ้าวันนี้คุณทำตัวเช่นไร ก็เดาได้เลยครับว่า อนาคตคุณก็ไม่ต่างจากนี้เท่าไหร่นั่นเอง
เนื่องด้วยครั้งที่แล้วนำเรื่องแฉเกรียนสโนไวท์ไปทำคลิป แล้วคลิปยาวลากเลือดมาก คลิปนี้ จึงทำแบบตัดย่อและตัดทอนไปเยอะ (เหลือประมาณ 5 นาที) แล้วเพื่อนๆ คิดว่า คลิปที่น่าสนใจ ความยาวไม่ควรเกินเท่าไร และควรจะมีอะไรบ้าง เราจะได้เอามาทำและยำใหม่ (ป.ล. เรื่องหน้าจะทำภาพประกอบให้เยอะกว่านี้ละ)
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ
เรื่องของหยดน้ำ (นิทานอนาคต)
เรื่องมีอยู่ว่า....
ในหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งยังมีความใกล้ชิดกับเหล่าทวยเทพนั้น ผู้คนกำลังดิ้นรนทำมาหากินกันอย่างสุดกำลัง เหล่าทวยเทพ ไม่ได้มาช่วยเหลือพวกเขาเลย ยกเว้นเป็นเพียงที่ปรึกษาเท่านั้น ก็นะ การทำมาหากิน มันก็เป็นหน้าที่ของแต่ละคน คงไม่มีใครมาช่วยกันเรื่อยๆ อยู่แล้ว
แต่ยังมีวัยรุ่นหนุ่มคนหนึ่ง รูปร่างละม้ายคล้ายมนุษย์น้ำ กล่าวคือ เขามีตัวเป็นสีฟ้า หัวแหลมๆ คล้ายหมดน้ำ มีตาสีเหลือง ที่สำคัญคือ เขาไม่ใส่เสื้อผ้า และมันก็ไม่ได้ดูโป๊เปลือยหรืออนาจารแต่อย่างใด
อ่อ เกือบลืม นายคนนี้ มีชื่อว่า “ดรอป” ที่แปลว่าหยด (น้ำ) นั่นเอง
“ดรอป” อยากร่ำรวย มีชีวิตที่สุขสบาย แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เขาพยายามถามทุกๆ คนที่เขารู้จัก แต่ถามไปเท่าไรๆ ก็ยังรู้สึกว่า คำตอบที่ตนได้รับนั้นยังไม่เพียงพอ จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้พบกับ “เทพอายีรักก้า” ที่กำลังจะเอา “เฟรี่ในโหล” ไปปล่อยโดยบังเอิญ
ดรอปไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ วิ่งเข้าชาร์ตเทพอายีรักก้าทันที พร้อมกับตะโกนเรียกชื่อท่านรัวๆ
“เทพอายีรักก้า เทพอายีรักก้า เทพอายีรักก้า” ด้วยความตกใจระคนกลัวเทพอายีรักก้าจึงยกเท้าขึ้นมายันหน้าบุคคลต้องสงสัย แต่จริงๆ แล้วต้องบอกว่า ท่านแค่ยกฝ่าเท้า ส่วนนายคนนั้น วิ่งเอาหน้ามาจูบฝ่าเท้าท่านเองถึงจะถูก
“โอ้ เราต้องขอโทษด้วย พอดีเราตกใจ เจ้าเป็นอะไรมากไหม” เทพอายีรักก้าฉุดนายหยดน้ำที่นั่งอยู่กับพื้นขึ้นมา
“ทำอย่างไรข้าถึงจะร่ำรวย และประสบความสำเร็จ” ทันทีที่ดรอปถาม เทพอายีรักก้าก็รู้ เหมือน “คนอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่” (หมายถึงแค่พูดก็รู้แล้วว่านายนี่คิดอะไร)
“ชะรอย หมอนี่ต้องถามคนแบบนี้ไปเรื่อยแน่ ถึงให้คำตอบไป ก็คงไม่มีประโยชน์ อืม......... จริงสิ ให้ไปหาเทพองค์นั้นละกัน” เทพอายีรักก้าคิดในใจ ก่อนจะตอบกลับไปว่า
“เราว่าเราคงตอบคำถามของเจ้าไม่ได้หรอก”
“หา!! ขนาดท่านที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพนักปราชญ์เนี่ยนะ” ดรอปแทบไม่อยากเชื่อหูตนเอง
“แต่ข้ารู้ว่า มีเทพองค์หนึ่งที่ตอบคำถามเจ้าได้ และเทพองค์นั้นก็หาตัวไม่ยาก เจ้ารู้จักศาลานาฬิกาหรือเปล่า” เทพอายีรักก้าพูดพลาง เปิดโหลปล่อยเฟรี่ไปพลาง
“ข้ารู้จัก มันอยู่ไม่ไกลจากที่ๆ ข้าอยู่เลย แต่มันดูร้างๆ นะ”
“เจ้าหาต้มยำกุ้งชามนึง ไปวางไว้ที่ศาล พร้อมกับช้อน กระดาษ และน้ำหนึ่งแก้ว หันหน้าออกมานอกศาล ยืนเงียบๆ ห้านาที แล้วจะมีเทพองค์หนึ่งมา ซึ่งจะตอบคำถามของเจ้าได้อย่างแน่นอน”
“ทำไมมันรู้สึกวุ่นวายจัง ข้าไม่อยากทำเลย” ดรอปเริ่มเบะปาก ทำท่าเหม็นเบื่อ
“เจ้าไม่อยากทำก็เรื่องของเจ้านะ เจ้าอยากได้คำตอบหรือเปล่าล่ะ คำแนะนำของข้าก็มีแค่นี้แหล่ะ ข้าไปก่อนนะ” ว่าแล้วเทพอายีรักก้าก็ขี่ฟลายอิ้งบอร์ดจากไป
ในศาลเจ้านาฬิกา เวลาพลบค่ำ มีชามต้มยำกุ้งหนึ่งชาม ช้อนหนึ่งคัน แก้วน้ำหนึ่งใบ และกระดาษ มีผู้ชาย (มั้ง) คนหนึ่งยืนอยู่ข้างนอก เหมือนเฝ้าศาลาอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“นี่ขนาดแอบมาตอนที่ไม่น่าจะมีคนเห็นแล้ว ทำไมตรูยังรู้สึกโง่ๆ วะเนี่ย” ดรอปพูดไปยืนดูนาฬิกาไป เวลาเพิ่งจะครบห้านาทีพอดี
“เจ้าอยากรู้เรื่องอนาคตของเจ้าหรือ” เสียงหนึ่งพูดออกมาจากข้างหลัง เมื่อหันกลับไปมอง ภาพที่เห็นคือ ชายผู้หนึ่งกำลังนั่งถือชามต้มยำกุ้งและเอาช้อนตักซดน้ำอยู่ ที่แขนมีนาฬิกาข้อมือหลายเส้นสวมอยู่ และที่เสื้อ ยังมีนาฬิกาพกวงกลมสีทองห้อยอยู่
“เอ่อ จะนาฬิกาเยอะไปไหน” ดรอปเผลอพูดออกมา
“อ๋อ นี่น่ะแหละ ก็เวลาโตเกียว เวลามุมไบ เวลานิวยอร์ค เป็นพวกช่วงเวลาที่เราไปบ่อยๆ น่ะ” ท่านเทพอธิบายไปโดยหน้าไม่เงยจากต้มยำกุ้ง “รอเรากินเสร็จก่อนนะ แล้วเดี๋ยวจะจัดการธุระของเจ้าให้”
“แล้วทำไมต้องรอห้านาทีด้วย ข้าเกือบจะไม่ทำแล้วเพราะเงื่อนไขมากมายนี่” ดรอปเริ่มบ่น
“แต่เจ้าก็ทำแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมต้องห้านาที เพราะว่า น้ำซุปมันจะอุ่นกำลังพอดี แต่ส่วนใหญ่กว่าจะได้กิน กว่าจะยกมาถึงนี่ ก็คงเกินห้านาทีทั้งนั้นแหละ แต่ถ้าจะให้เสร็จแล้ววางทันที ใครจะมาทำล่ะแค่ชามเดียว จริงหรือเปล่า” เทพเหลือบตาขึ้นมามองคนถาม
อืม เป็นเทพที่มีเหตุผลแท้
หลังจากกินต้มยำกุ้งเสร็จก็เข้าสู่ช่วงคำถาม
“เอาล่ะ เจ้าอยากรู้เรื่องอะไร เราลูม่าเทพแห่งกาลเวลาจะบอกให้”
“ผมอยากรู้ว่า ทำยังไงผมถึงจะรวยๆๆๆ” เสียงรวยค่อยๆ เอคโค่จางหายไปในอากาศ
“เอาเป็นว่า เจ้าอยากรู้ว่าเจ้าจะรวยไหม ถือว่าถามแบบนี้ละกัน เอาล่ะ จับมือเราไว้” ทันทีที่ดรอปจับมือกับเทพลูม่า ทุกอย่างรอบตัวกลายเป็นสีเทา สีทอง ภาพทุกอย่างดูบิดเบี้ยว เมื่อสภาพรอบข้างกลับมาดูเป็นโลกเป็นสิ่งต่างๆ ดังเดิม
“เจ้าเห็นนั่นไหม นี่สิบปีจากที่เรากินต้มยำกุ้งชามนั้น นั่นก็คือเจ้า” ทิศทางที่ทั้งสองมองไป คือดรอปกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น แต่ก็ยังบ่นงึมงำๆ ท่าทางยังเหมือนตัวเองในปัจจุบันไม่มีผิด “ก็ยังดูเป็นคนธรรมดา ไม่รวยตรงไหน เอ้า ไปดูกันอีก ไปอีกสิบปีถัดไป” ทัศนะวิสัยบิดเบี้ยวอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เห็นดรอปนั่งพักทานกาแฟอยู่ที่บ้าน “อืม วันนี้เป็นวันหยุดพอดี แต่ดูจากสิ่งของต่างๆ ในบ้าน ก็ยังไม่รู้สึกว่าร่ำรวยนะ” ระหว่างที่ดรอปดื่มกาแฟก็หยิบหนังสือมาอ่าน เป็นหนังสือแนวเดียวกับที่ดรอปอ่านในปัจจุบันไม่มีผิด
“เอาล่ะ พร้อมจะไปต่อหรือยัง” ดรอปส่ายหน้า และตอบว่า
“เออ ท่านเทพ สิ่งที่ผมอยากจะรู้คือ ทำยังไงให้ผมรวยครับ ไม่ใช่ถามว่าอนาคตผมจะรวยหรือเปล่า” เทพลูม่ามองหน้าดรอป เอามือมาจับปลายคาง
“โฮ่ แสดงว่าเจ้าไม่เชื่อว่าอนาคตนี้จะเป็นจริงสินะ หึๆ เจ้าคิดถูกแล้วล่ะ แต่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น” เทพลูม่ากอดอกแล้วยิ้ม “แล้วเจ้าคิดว่า เราพาเจ้ามาทำไมกันล่ะ”
“เพื่อให้ผมยอมรับว่า ผมจะไม่มีวันรวยอย่างนั้นหรือครับ ผมไม่เชื่อหรอก อนาคตมันเปลี่ยนกันได้” เทพลูม่าได้ยินดังนั้นก็ยิ้ม และหัวเราะ
“ถูกต้อง อนาคตมันเปลี่ยนกันได้ แล้วเจ้ารู้ไหมล่ะว่าทำไมเจ้าถึงยังเห็นตัวเองเช่นนี้ เพราะไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปเท่าไร แต่มนุษย์นั้น มีสิ่งที่ยากจะเปลี่ยน” เทพลูม่า ชี้ไปที่หน้าอกของดรอป “ความคิดกับจิตใจยังไงล่ะ ทันทีที่เจ้าเห็นตัวเจ้าในอนาคต เจ้ามีความคิดว่า ช่างเหมือนตัวเองในปัจจุบันจริงๆ หรือเปล่า”
“ใช่ครับ ดูยังไงก็ตัวผมแน่ๆ นิสัย ความชอบ ยังไงๆ นี่ก็เป็นตัวผม”
“ฉะนั้น สิ่งที่ทำให้เจ้าไม่รวย คือความคิด จิตใจ และการดำเนินชีวิตของเจ้า ทุกสิ่งในโลกที่คนอยากได้นั้น ช่างมากมาย แต่สิ่งที่ไม่อยากทำก็มีมากนัก ก่อนที่เจ้าจะมาหาเรา เจ้ามีความคิดว่าไม่อยากวุ่นวายมาเตรียมต้มยำกุ้งให้เราหรือเปล่าล่ะ ไหนจะยกชามกลับไปล้าง ต้องเก็บเศษอาหารอีก”
“พูดไป มันก็เรื่องธรรมดานี่ครับ สิ่งที่ไม่อยากทำ ก็ไม่อยากทำอยู่ดีนั่นล่ะ”
“งั้นเราจะบอกความลับที่จะทำให้เจ้ารวยให้ ฟังให้ดีๆ เจ้าจงตัด อ อ่างทิ้งไปเสีย” ดรอปทำท่าคิ้วขมวด (แม้ตัวเขาจะไม่มีคิ้วให้ขมวด)
“ตัด อ อ่าง คืออะไร”
“ทุกครั้งที่เจ้ามีความคิดว่า ไม่(อ)ยากทำ จงตัด อ อ่างออกเสีย มันจะเป็นคำว่าไม่ยากทำ แล้วจงทำทุกสิ่งโดยไม่รู้สึกว่ามันยาก แค่นี้เอง ทำได้ไหม” ดรอปฟังแล้วทำท่ากอดอก รู้สึกยุ่งยากไม่อยากทำตามความเชื่อแปลกๆ ขึ้นมา
“มันจะได้ผลเหรอครับ ฟังดูไม่น่าเชื่อยังไงไม่รู้” เทพลูม่ายิ้มจนเห็นฟัน เหมือนผู้ใหญ่แหย่เด็ก
“ไม่(อ)ยากทำเหรอ ง่ายๆ แค่นี้เนี่ยนะ” ดรอปเงียบ และตอบว่า
“เดี๋ยวผมกลับไปคิดดูละกัน” ทันใดนั้น ทุกอย่างก็กลับมาสู่สภาพปกติ ห้วงเวลาเดิมที่ทั้งสองจากมา ศาลานาฬิกาที่โทรมๆ ปรากฏอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
“อื้ม เราก็หมดหน้าที่ของเราแต่เพียงเท่านี้ ขอให้เจ้าโชคดีกับทางเลือกของเจ้าละกัน” แสงสว่างจ้าสีทองออกมาจากตัวเทพลูม่า แล้วเทพลูม่าก็หายไป
หลังจากนั้น ดรอปก็ยังคงเดินทางถามคนอื่นๆ ถึงวิธีทำให้รวยต่อไป
“เฮ้อออออ มนุษย์ทำให้ตัวเองยุ่งยากแท้ๆ เรื่องง่ายๆ ไปทำให้มันยาก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรมนุษย์ก็ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ”
สิ่งที่ทำให้มนุษย์ต่างจากสัตว์อื่นๆ นอกจากสติปัญญาแล้ว ก็มีความยึดติด คนเรามีแนวโน้มจะทำให้ทุกสิ่งรองรับกับความต้องการของเราดูได้จากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แต่เรากลับไม่ปรับตัว หรือเปลี่ยนแปลงเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระดับความคิดจิตใจ ซึ่งมันผิดจากกฎของธรรมชาติ ที่ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และสิ่งที่อยู่นิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหว มักจะเป็นสิ่งไม่มีชีวิตหรือสิ่งที่ตายแล้วนั่นเอง
คนเราก็เช่นกัน ถ้าภายในไม่เปลี่ยนแปลง ก็จะทุกข์ทรมาน จากความผิดหวังซ้ำๆ จากปัญหาเดิมๆ และการทำแบบเดิมๆ ซึ่งที่จริงแล้วตั้งแต่เกิดมานั้น เราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ฉะนั้นตอนโตก็ไม่ควรจะหยุดเปลี่ยนแปลงด้วย โดยสังเกตจากสิ่งเล็กๆ คำพูดน้อยๆ หากปรับเปลี่ยนสิ่งน้อยๆ เหล่านี้ ก็จะเกิดผลกระทบยิ่งใหญ่กับตัวคุณ
ถ้าวันนี้คุณทำตัวเช่นไร ก็เดาได้เลยครับว่า อนาคตคุณก็ไม่ต่างจากนี้เท่าไหร่นั่นเอง
เนื่องด้วยครั้งที่แล้วนำเรื่องแฉเกรียนสโนไวท์ไปทำคลิป แล้วคลิปยาวลากเลือดมาก คลิปนี้ จึงทำแบบตัดย่อและตัดทอนไปเยอะ (เหลือประมาณ 5 นาที) แล้วเพื่อนๆ คิดว่า คลิปที่น่าสนใจ ความยาวไม่ควรเกินเท่าไร และควรจะมีอะไรบ้าง เราจะได้เอามาทำและยำใหม่ (ป.ล. เรื่องหน้าจะทำภาพประกอบให้เยอะกว่านี้ละ)
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ