แชร์การต่อวีซ่าอเมริกา 10 ปี เสร็จภายใน 30 นาที

พอดีวันนี้มีโอกาสได้ไปต่อวีซ่าอเมริกามาค่ะ เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ ครั้งแรกที่ได้วีซ่ามา 10 ปีไม่ได้แชร์ไว้แล้วก็ลืมๆ เลยอยากบันทึกไว้ให้อ่านกันค่ะ

ขอเล่าคร่าวๆ ก่อนละกันเนอะ เราเคยขอวีซ่าอเมริกาครั้งแรกปี 2002 ตอนนั้นอายุ 20 กว่าๆ เงินเดือนนิดเดียว โสด ไม่เคยไปต่างประเทศ ภาษาอังกฤษอ่อนมากๆ เพิ่งเริ่มทำงานที่แรก อายุงานประมาณปีกว่าๆ แต่เราอยากไปหาโอกาสใหม่ๆ ที่อเมริกา เพราะมีน้องสาวและญาติๆ อยู่ที่โน่นหลายคน ไม่มีหลักฐานการจองโรงแรมเพราะรู้อยู่แล้วว่าจะไปอยู่บ้านน้องสาว แต่ระบุในใบ D-160 ว่าไม่มีญาติและไม่รู้จักใครที่โน่น (เคยอ่านเจอว่าถ้ามีญาติอยู่ที่โน่น โอกาสได้วีซ่าจะน้อย) หลักฐานการเงินแม่เราโอนเงินก้อนเข้าบัญชีเพื่อสร้าง statement ให้ประมาณ 5 แสน และมีเอกสารขอลางาน 3 เดือน (ตั้งใจว่าถ้าวีซ่าผ่านค่อยลาออก) - แน่นอนวีซ่าไม่ผ่านค่ะ (เพราะเรามีเจตนาแอบแฝงจริงและไม่ว่าจะโกหกด้วยเอกสารยังไง เขาก็ดูรู้ค่ะ อย่าลืมว่าเขาอยู่ตรงนั้นวันๆ นึงมีคนหลายชนชั้นหลายประเภทมาขอวีซ่าในรุปแบบที่แตกต่างกันตลอดเวลา) แต่ยังไม่วายรู้สึกโมโหที่โดนปฏิเสธวีซ่า เพราะถึงเราอยากจะไปหาโอกาสที่โน่นแต่คิดว่ายังไงก็ต้องกลับมาเมืองไทยอยู่แล้ว และคิดว่าชาตินี้คงจะไม่ไปเหยียบอเมริกาแน่นอน เลยไปขอประเทศออสเตรเลียในปีเดียวกัน (ประชด) ปรากฎว่าขอไปออสเตรเลียเราได้วีซ่า (ที่ยื่นคือต้องไปเที่ยวออสเตรเลียจริงๆ ไม่เคยไปต่างประเทศ ไม่มีญาติ ต้องจองโรงแรม ตั๋วเครื่องยิน วางแผนการเดินทางจริงทุกอย่าง ลางานจริงได้แค่ 5 วัน รวมเสาร์อาทิตย์เป็น 7 เพราะกลัวกลับมาแล้วไม่มีงานทำ) ได้วีซ่าแบบ single entry มา 10 วัน

ปี 2007 เราจำเป็นต้องขอวีซ่าอเมริกาอีกครั้ง เพราะว่าแม่เราอยากไปเยี่ยมหลานชายที่ย้ายไปอยู่กับน้องสาวตั้งแต่ 5 ขวบ และน้องสาวเราเพิ่งคลอดลูกสาวอีก 1 คน เราไม่ได้อยากไปแต่ต้องพาแม่ไป เพราะแม่เราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เราว่างงานด้วยซ้ำตอนนั้น เพิ่งออกจากงานเก่าที่ทำมา 11 ปี และย้ายไปอยู่กับแฟนที่ภูเก็ต แม่เราเปิดร้านสปาที่บ้านให้แต่เราไม่ค่อยดูแลเท่าไหร่ ให้น้องสะไภ้ดูแลกิจการแทนมากกว่า ตั้งใจว่าจะแค่พาแม่เดินทางไปส่งให้ถึง california แล้วก็อยู่สักอาทิตย์แล้วกลับ ส่วนแม่เราจะอยู่ต่อสักเดือนนึงแล้วค่อยกลับมาเมืองไทยพร้อมน้องสาว ก็เตรียมเอกสารทุกอย่างตามความเป็นจริง ก็คิดว่าถ้าคราวนี้ไม่ได้อีกก็ไม่เป็นไรเพราะไม่ได้อยากไปเลย
     - เรากรอกทุกอย่างตามจริง ไม่มีใบรับรองเงินเดือน ทำธุรกิจส่วนตัว (ร้านสปาและเสริมสวย)
     - กรอกเอกสารทุกอย่างของแม่และของเราตามจริง ระบุที่อยู่ของน้องสาวใน california พร้อมชื่อและเบอร์โทร ของแม่ระบุระยะเวลาพำนัก 30 วัน ของเราอยู่ 2 สัปดาห์
     - เหตุผลในการเดินทางคือ แม่ต้องการไปเยี่ยมลูกสาว (น้องสาวเรา) และหลานๆ ก่อนจะไม่มีโอกาสเพราะแม่อายุมากแล้ว (54) และมีโรคประจำตัว และแม่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เราเลยต้องบินไปเป็นเพื่อน แต่เราจะอยู่แค่ 2 สัปดาห์และกลับก่อน เพราะต้องกลับมาหาแฟน และดูแลกิจการกับคุณพ่อที่บ้าน
     - ค่าใช้จ่ายในการเดินทางออกกันเองทั้งหมด ไม่มี sponsor เรามีเงินในบัญชีแค่ 9 หมื่นกว่าบาท ของแม่ประมาณ 3 แสน
     - พาสปอร์ตของเราเดินทางไปประเทศเพื่อนบ้านบ้าง เพราะเรื่องงานและมีวีซ่าออสเตรเลีย
     - มีใบจองตั๋วเครื่องบินระบุวันกลับพร้อม
วันสัมภาษณ์ เราใช้ภาษาอังกฤษ เพราะตอนนั้นมีแฟนต่างชาติ และภาษาอังกฤษเราเริ่มแข็งแรง ตอบตามจริงทุกอย่าง แทบไม่ขอดูเอกสารที่เตรียมไป - ผลคือวีซ่าผ่านทั้งคู่ได้คนละ 10 ปีมาแบบงงๆ และเดินทางครั้งแรกหลังได้วีซ่ามา 3 เดือน

วีซ่า 10 ปีที่ได้มา เรากับแม่ไปหาน้องสาวที่ california และอยู่ประมาณ 1 เดือน ทนหนาวไม่ไหวก็กลับเมืองไทย หลังจากนั้นก็มีไปยี่ยมน้าๆ เข้าออกที่ Hawaii อีก 2-3 ครั้ง อยู่นานที่สุดที่คือ 5 เดือน ตอนปี 2013 เพราะว่างงาน

ปี 2017 วันนี้วีซ่า 10 ปี กำลังจะหมดอายุในเดือนธันวาคม และเรามีแพลนต้องไป Hawaii อีกแล้ว (แฟนใหม่ซื้อบ้านที่ Hawaii เอาไว้และอยากให้เราไปช่วยตกแต่ง) และแม่เราก็อยากไปเยี่ยมน้าๆ ด้วย เราทั้งคู่เลยต้องไปต่ออายุวีซ๋าที่ได้มาอีกครั้ง

- เริ่มจากหาข้อมูล หลายที่บอกว่าการต่อวีซ่าสามารถยื่นเอกสารทางไปรษณีย์ได้และไม่ต้องถูกสัมภาษณ์ เราก็ทำตามขั้นตอนที่หลายเวปไซต์ (ที่เชื่อถือได้) แนะนำไว้
- กรอกข้อมูล D-160 ของทั้งเราและแม่ คราวนี้ปลายทางที่ต้องการไปคือ Hawaii ใช้ที่อยู่ของลุงที่ Honolulu และชื่อบุคคลอ้างอิงคือน้าสาวเราเอง
- ระบุญาติทางตรงคือ น้องสาวของเรา (หรือลูกสาวของแม่) ที่อยู่ california
- ระบุวันเดินทาง 2 สัปดาห์ คือ 18-31 ธันวาคม (ยังไม่ได้จองตั๋วเครื่องบิน)
- ของเรา ระบุข้อมูลที่ทำงานใหม่ พร้อมตำแหน่งและเงินเดือน 6 หลัก
- ของแม่ ระบุว่าเป็นแม่บ้าน ไม่มีอาชีพ ไม่มีรายได้และเป็นแม่หม้าย (คุณพ่อเพิ่งเสีย) และระบุชื่อเราเป็นผู้กรอกเอกสารในฟอร์ม D-160 แทนทั้งหมด

วันสัมภาษณ์ นัด 09:30
09:15 มาถึงหน้าสถานทูต มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงขอดูเอกสารนัดสัมภาษณ์และพาสปอร์ต ให้บัตรผ่านมา 2 ใบ เอาไปยื่นให้จุดตรวจคนละใบ ทำการปิดโทรศัพท์มือถือและใช้บัตรประชาชนฝากของไว้

09:20 เข้ามานั่งรอด้านใน ก้นยังไม่ทันหย่อนถึงเก้าอี้ ก็มีเจ้าหน้าที่เรียก "คนที่มาสัมภาษณ์รอบ 7:30-9:30 เชิญเข้าแถวค่ะ" เราก็ไปเข้าแถว เจ้าหน้าที่ขอแค่เอกสารการกรอกฟอร์ม D-160 พร้อมพาสปอร์ตเล่มปัจจุบัน และถามว่าเคยได้วีซ่ามาแล้วใช่หรือไม่คะ และขอพาสปอร์ตเล่มที่มีวีซ่าอเมริกาไปด้วย เรายื่นให้เจ้าหน้าที่จัดเอกสารใส่พลาสติกใสเป็นสองชุด พร้อมเขียนคำว่า IWP ไว้บนเอกสารทั้งสองชุด และบอกว่าให้ไปอ่านป้ายข้างหลัง (คือป้ายว่าให้เราจดหมายเลข EMS ไว้เพื่อติดตามสถานะการส่งพาสปอร์ตคืน) และเดินเข้าห้อง

09:30 เดินเข้าห้องไปหยุดรอยื่นเอกสารช่อง 11-13 เพื่อพิมพ์นิ้วมือ จนท.ไม่ถามอะไรมาก ให้พิมพ์นิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว และขอรูปถ่ายที่เตรียมไป 1 ใบติดกาวลงในฟอร์ม (สงสัยรูปที่ถ่ายตอนกรอกฟอร์มจะใช้ไม่ได้) แล้วยื่นเอกสารคืนให้ สักพักก็มองจอแล้วขอเอกสารเรากลับไปอีกรอบและขีดฆ่า IWP ของเราทิ้ง (ของแม่ไม่โดนขีดฆ่า) แล้วให้ไปเข้าแถวเพื่อสัมภาษณ์ที่ช่อง 7-9 (มารู้ทีหลังว่า IWP ย่อมาจาก Interview Waiver Program คือการต่อวีซ่าที่เคยได้รับและยกเว้นการสัมภาษณ์ ซึ่งตรงนี้ของเราโดนขีดฆ่าออกแปลว่าเราต้องไปสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่อีกรอบ -_-)

09:45 สัมภาษณ์กับฝรั่งกลางคนผู้ชายช่อง 8  
เรา: good morning  
จนท : สวัสดีครับ คุณแม่พูดภาษาอังกฤษได้ไหม
เรา : No, she can't - (แม่ยิ้มอย่างเดียว)
จนท.: คุณแม่วางมือขวานะคร่บ
แม่ : วางนิ้วเพื่อแสกน เสร็จแล้วหันกลับมาถามเราต่อ
จนท.: why are you going to America?
เรา : travelling (เสียงสูง) we're going to Hawaii (ยิ้มหวาน)
จนท.: do you have any relative over there?  
เรา : Yes, my sister lives in California and my auntie is in Hawaii
จนท. is your sister a resident or citizen
เรา : she's a citizen
จนท. is she married to American?
เรา : yes
จนท. how long does she live in the US?
เรา : about 15-16 years
จนท. and your auntie is a citizen too?
เรา : yes
จนท : You're going to Hawaii but you're not going to visit your sister in California?
เรา : Actually... my sister is coming to Thailand on 8th November (เสียงสูง) so we will go to Hawaii this time (เราหันกลับไปคุยกับแม่ว่า หรือแม่อยากจะไปเยี่ยมน้องที่ california ไหม แม่บอกก็ไปได้ ไป ๆ มาๆ)
จนท. ถามเรื่องที่ทำงาน ตำแหน่งอะไร และทำมากี่ปีแล้ว
เรา : ตอบรายละเอียดที่ทำงาน ตำแหน่งและอายุงาน
จนท. have I asked you to scan your fingers?
เรา : (มองบน) here?.. not yet (พร้อมแสกนนิ้วมือขวา 4 นิ้วอีกครั้ง)
จนท.: ถามซ้ำว่า ไม่ไปเยี่ยมน้องสาวที่ california แน่นะ
เรา : hmmm...she's visiting us next month so not this time... may be next year? (ยิ้มหวาน)
จนท. : thank you you'll get your visa in 1 week
เรากับแม่ : ยิ้มหน้าบาน thank you พร้อมยกมือไหว้  

09:54 ออกจากสถานทูต ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 30 นาที ตอนนี้ก็ได้แต่รอวีซ่ามาส่งทางไปรษณีย์จ้าาา เพิ่งนึกได้ว่าเขายึดพาสปอร์ตไปทั้งสองเล่ม เล่มปัจจุบันและเล่มที่เคยได้วีซ่า และเห็นแวบๆ ว่าจนท.ลงตราประทับเต็มหน้าวีซ่าเดิมด้วย น่าจะเป็นตราประทับแบบยกเลิก มีการยื่นขอใหม่แล้ว หรือห้ามใช้อะไรประมาณนี้ และพาสปอร์ตเล่มปัจจุบันเรามีวีซ่า schengen ที่ได้มา 1 ปียังไม่หมดอายุอยู่ด้วย

ปล. เอกสารที่เตรียมไปเพิ่มเติม มีแค่ด้านการเงินคือ  1) Statement บัญชีย้อนหลัง 6 เดือน 2) สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน แต่จนท.ไม่ขอดูเอกสารใดๆ เพิ่มเติมทั้งสิ้น

เราว่าหัวใจสำคัญของการขอวีซ่าอเมริกา คือ
1. การระบุข้อมูลที่เป็นความจริงและให้สัมภาษณ์ตามจริง ทุกอย่างต้องสัมพันธ์กัน (จนท.ทุกคนน่าจะผ่านการฝึกจับเท็จมา) ข้อมูลพื้นฐานต้องมีความน่าเชื่อถือ ต้องไม่มีพิรุธหรือเจตนาอื่นแอบแฝง เอกสารและหลักฐานทุกอย่าง ต้องซัพพอร์ทเจตนาของการเดินทางได้ (แม้เขาจะไม่ขอดู แต่อาจจะแค่ถาม) ข้อมูลทุกอย่างที่เรากรอกไว้ใน D-160 สำคัญมาก

2. ตอนสัมภาษณ์เขาดูความเป็นไปได้จากเจตนาที่เราต้องการเข้าประเทศเขา และพิจารณาจากหลักฐาน และความหนักแน่นของตัวบุคคลที่มีต่อถิ่นพำนักในเมืองไทย

เราว่าวีซ่าอเมริกาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าเราไม่ได้มีเจตนาจะไปโดดร่มหรืออยู่เกินจนเป็นภาระให้ประเทศเขา หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้าง เอาใจช่วยทุกคนนะคะ

ปล.2 พ่อเราเคยพูดไว้ว่า "เป็นสิงห์อยู่ในป่า ดีกว่าเป็นหมาอยู่ในบ้าน" คำพูดนี้เปลี่ยนความคิดเราไปเลย และก็มาเปรียบเทียบว่า เออจริง เรามีตัวตนที่เมืองไทยมีหน้าที่การงานที่ดี มีเพื่อนและครอบครัวที่น่ารักห้อมล้อม ทำไมเราจะอยากไปเป็นประชากรชั้นสองของประเทศอื่นล่ะ ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  วีซ่า สหรัฐอเมริกา เที่ยวต่างประเทศ Tourist Visa
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่