ฮัลโหลลลล เพื่อนๆสมาชิกชาวพันทิปทุกคน
ทริปนี้คือทริปแรกของเจ้าของกระทู้กับเพื่อนๆนะคะ
พวกเราก็เลยจะมารีวิวทริป Train To เมืองกาญ ไม่ได้ตามซอมบี้ แต่หนีออกนอกกรุง
จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยง โอบล้อมด้วยภูเขา เราจึงอดไม่ได้ที่จะมาพูดถึงความสวยงามของจังหวัดกาญจนบุรีกันค่ะ ตามไปเลย
กำหนดการ
14 ตุลาคม 2017 : สถานีกรุงธนบุรี - สะพานข้ามแม่น้ำแคว - ถ้ำกระแซ
15 ตุลาคม 2017 : ถ้ำกระแซ - อุทยานประวัติศาสตร์ - วัดถ้ำพุหว้า - ต้นจามจุรียักษ์
Day 1
พวกเรามีคลาสเรียนตอนเช้าทำให้จำเป็นต้องออกเดินทางในตอนบ่าย
พวกเราถึงสถานีรถไฟกรุงธนบุรี เวลาประมาณ 13.30 น.
จากนั้นก็ไปรับตั๋วรถไฟฟรีที่จุดจำหน่ายตั๋ว
เราได้รถไฟรอบ 13.55 น.
ON THE WAY
ระหว่างทางเราได้เห็นรถไฟเปลี่ยนหัวรถจักรด้วยยย
สะพานข้ามแม่น้ำแคว
วิวแม่น้ำแควจากบนรถไฟ
หลังจากผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแควมาแล้วจุดที่น่าสนใจจุดถัดไปก็คือสถานีปลายทางของพวกเราคือ " สถานีถ้ำกระแซ" ซึ่งอยู่บริเวณโค้งมรณะของเส้นทางรถไฟสายมรณะ แต่สถานีถ้ำกรแซนั้นมีจุดจอดอยู่ 2 จุด คือต้นทางของโค้งมรณะ และปลายทางของโค้งมรณะ โดยพวกเราเลือกลงที่จุดจอดบริเวณต้นทางของโค้งมรณะ เพื่อรอรถจากทางที่พักมารับพวกเราไปยังที่พัก
เราพักที่ บ้านริมแคว แพริมน้ำ เราเลือกนอนแพ คนละ 400฿ / คืน ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมค่ะ
แต่ถ้าสนใจร่วมทริปล่องเเพกับทางที่พักก็จะมีแพคเกจให้เลือกมากมายค่ะ ลิ้งเพจด้านล่างเลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.banrimkwae.com/index.php
และเเล้วในท่สุดที่ก็ฒาถึงที่พักเรือนแพ เราก็ไม่รอช้าค่ะ รีบไปตั้งกล้องถ่ายภาพบรรากาศตรงริมน้ำแควกันเลย
Day 2
ตอนเช้าตื่นออกมาสูดอากาศด้านนอกแพที่พัก ก็จะเห็นโค้งมรณะ แล้วชมรถไฟขณะวิ่งผ่านโค้งมรณะอย่างช้าๆ
ฝนไม่ตก แดดอ่อนๆ ตอนเช้าหนาว กลางวันร้อน ตอนเย็นฝนตก เรียกได้ว่าครบจริงๆค่ะ
และเราก็พร้อมออกไปเที่ยวตามทริปของเรากันเเล้ว แฮ่!!
เราทานอาหารเช้าที่ที่พัก และตอน 9.00น. ที่พักมีเรือข้ามฝากพาเราไปเที่ยวชมความสวยงามของถ้ำกระแซ
ถ้ำกระแซ เป็นถ้ำเล็กๆ ตั้งอยู่ริมหน้าผาใกล้กับทางรถไฟ เคยเป็นที่พักของเชลยศึก ในช่วงที่มีการสร้างทางรถไฟสายมรณะ ไทย-พม่า เส้นทางรถไฟบริเวณนี้ที่ถือว่า เป็นจุดอันตรายที่สุดในการก่อสร้างทางรถไฟ
วิวด้านหน้าถ้ำกระแซ
ทางโค้งมรณะ
ภายในถ้ำกระแซ
หลังจากชมถ้ำกระแซเสร็จแล้ว เราก็ไปล่องแพ ทางที่พักมีกิจกรรมให้กับลูกค้า โดยเาจะให้ล่องแพกลางเเม่น้ำแควไปไกลกว่า 2 กิโลเมตร และว่ายน้ำกลับที่พักเอง โดยมีเจ้าที่ดูแลอยู่ตลอดเส้นทาง ตอนแรกคิดว่ามาไกลมาก แต่พอได้ลงไปจริงๆกลับรู้สึกว่าใกล้มากๆ ถ้าใครได้มาพักที่นี่ก็แนะนำสำหรับกิจกรรมนี้เลยนะคะ ว่าสวยและรู้สึกสนุกมากๆ
ว่ายน้ำและชมรถไฟไปพร้อมกัน เป็นบรรยการที่หาชมได้ยากมากค่ะ
หลังล่องแพเสร็จแล้ว เราได้ติดต่อรถสองแถวมารับเราที่ที่พัก และพาไปยังที่ที่เราวางแผนไว้
ที่แรกคือ อุทยานประวัติศาสตร์
อุทยานประวัติศาสตร์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธศาสนสถานในพุทธศาสนา นิกายมหายาน ซึ่งมีสถาปัตยกรรม และปฏิมากรรม คล้ายคลึงกับของสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พบศิลปกรรมที่สำคัญยิ่งคือ พระพุทธรูปนาคปรก พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และ นางปรัชญาปารมิตา และยังพบรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีอีกองค์หนึ่ง รูปลักษณ์คล้ายกับที่พบในประเทศกัมพูชา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://travel.trueid.net/detail/30563
สถาที่ที่2 คือ วัดถ้ำพุหว้า
ระหว่างทางไปถ้ำพุหว้า ได้พบกับทุ่งดอกไม้สีเหลือง
วัดเป็นศิลปะแบบขอมประยุกต์ที่สวยงาม เป็นวัดป่าอยู่ในอ้อม กอดของขุนเขามีบรรยากาศร่มรื่น และสงบเหมาะสำหรับแก่การวิปัสสนาและสงบจิตใจ
ภายในวัดถ้ำพุหว้า
สถาที่ที่3 คือ ต้นจามจุรียักษ์
ต้นจามจุรียักษ์ คาดว่ามีอายุ 100 ปีจากการสอบถามผู้สูงอายุในพื้นที่ซึ่งมีอายุ 95 ปี ได้เล่าให้ฟังว่าเริ่มมารับราชการเป็นลูกจ้างประจำเมื่ออายุประมาณ 20 ปี ก็เห็นต้นจามจุรีนี้มีขนาดใหญ่มากแล้ว
ต้นจามจุรีย์ยักษ์นี้อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาI 20 นาที ระยะทางไม่ค่อยไกลมากแต่เส้นทางค่อนข้างซับซ้อน แต่ก็มีผู้คนเข้ามาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกจำนวนมาก เมื่อมาถึงก็ไม่รอช้า รีบลงมาถ่ายรูปคู่ รูปหมู่ รูปเดี่ยว กันอย่างสนุกสนาน พอได้เข้าไปใก้ลๆก็รับรู้ได้ว่าต้องใช้ 5 คนโอบรอบต้นจริงๆค่ะ มัน ใหญ่ มาก
เมื่อถ่ายภาพกันเรียบร้อยเเล้วก็ต้องจากลา กลับกันจริงๆแล้วค่ะ
เรากลับรถไฟเที่ยวสุดท้ายไม่ทัน ขากลับเราจึงนั่งรถตู้จากสถานีขนส่ง กาญจนบุรี - หมอชิต กลับกันค่ะ
เรื่องราวทั้งหมดถูกบันทึกไว้ไม่เพียงแค่ในภาพแต่มันยังอยู่ในคามทรงจำของพวกเราที่จัดทริปนี้ขึ้นมา อาจจะไม่ได้ตรงตามแผนสักเท่าไหร่ แต่ก็คุ้มค่ากับประสบการณที่ได้รับมากจริงๆค่ะ นี่เป็นทริปแรกในชีวิตที่มา ที่เราวางแผนกันเอง เราหาที่พักกันเอง เราหาข้อมูลกันเอง เริ่มต้นมันอาจจะยาก แลดูเหนื่อย แต่พอเรามาแล้ว เรารู้สึกว่ามันจะต้องมีทริปต่อไปแน่ๆค่ะ
'ระหว่างทางที่สวยงาม กับจุดหมายที่น่าจดจำ'
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ค่ารถไปสถานีกรุงธนบุรี =135
ค่าที่พัก 400*4 =1600
ค่าอาหารเย็น = 650
ค่าเข้าอุทยาน= 80
ค่ารถสองแถว = 1000
ค่ารถขากลับ 120*4 = 480
รวม 3,945฿
เฉลี่ยคนละ 987฿
[CR] 1พัน 2วัน 1คืน -TRAIN to เมืองกาญ- นั่งรถไฟ ไปเที่ยวถ้ำ ล่องแม่น้ำแคว แลแหล่งประวัติศาสตร์ไทย
ฮัลโหลลลล เพื่อนๆสมาชิกชาวพันทิปทุกคน
ทริปนี้คือทริปแรกของเจ้าของกระทู้กับเพื่อนๆนะคะ
พวกเราก็เลยจะมารีวิวทริป Train To เมืองกาญ ไม่ได้ตามซอมบี้ แต่หนีออกนอกกรุง
จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยง โอบล้อมด้วยภูเขา เราจึงอดไม่ได้ที่จะมาพูดถึงความสวยงามของจังหวัดกาญจนบุรีกันค่ะ ตามไปเลย
กำหนดการ
14 ตุลาคม 2017 : สถานีกรุงธนบุรี - สะพานข้ามแม่น้ำแคว - ถ้ำกระแซ
15 ตุลาคม 2017 : ถ้ำกระแซ - อุทยานประวัติศาสตร์ - วัดถ้ำพุหว้า - ต้นจามจุรียักษ์
ระหว่างทางเราได้เห็นรถไฟเปลี่ยนหัวรถจักรด้วยยย
หลังจากผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแควมาแล้วจุดที่น่าสนใจจุดถัดไปก็คือสถานีปลายทางของพวกเราคือ " สถานีถ้ำกระแซ" ซึ่งอยู่บริเวณโค้งมรณะของเส้นทางรถไฟสายมรณะ แต่สถานีถ้ำกรแซนั้นมีจุดจอดอยู่ 2 จุด คือต้นทางของโค้งมรณะ และปลายทางของโค้งมรณะ โดยพวกเราเลือกลงที่จุดจอดบริเวณต้นทางของโค้งมรณะ เพื่อรอรถจากทางที่พักมารับพวกเราไปยังที่พัก
เราพักที่ บ้านริมแคว แพริมน้ำ เราเลือกนอนแพ คนละ 400฿ / คืน ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมค่ะ
แต่ถ้าสนใจร่วมทริปล่องเเพกับทางที่พักก็จะมีแพคเกจให้เลือกมากมายค่ะ ลิ้งเพจด้านล่างเลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และเเล้วในท่สุดที่ก็ฒาถึงที่พักเรือนแพ เราก็ไม่รอช้าค่ะ รีบไปตั้งกล้องถ่ายภาพบรรากาศตรงริมน้ำแควกันเลย
ตอนเช้าตื่นออกมาสูดอากาศด้านนอกแพที่พัก ก็จะเห็นโค้งมรณะ แล้วชมรถไฟขณะวิ่งผ่านโค้งมรณะอย่างช้าๆ
ฝนไม่ตก แดดอ่อนๆ ตอนเช้าหนาว กลางวันร้อน ตอนเย็นฝนตก เรียกได้ว่าครบจริงๆค่ะ
และเราก็พร้อมออกไปเที่ยวตามทริปของเรากันเเล้ว แฮ่!!
เราทานอาหารเช้าที่ที่พัก และตอน 9.00น. ที่พักมีเรือข้ามฝากพาเราไปเที่ยวชมความสวยงามของถ้ำกระแซ
ถ้ำกระแซ เป็นถ้ำเล็กๆ ตั้งอยู่ริมหน้าผาใกล้กับทางรถไฟ เคยเป็นที่พักของเชลยศึก ในช่วงที่มีการสร้างทางรถไฟสายมรณะ ไทย-พม่า เส้นทางรถไฟบริเวณนี้ที่ถือว่า เป็นจุดอันตรายที่สุดในการก่อสร้างทางรถไฟ
หลังจากชมถ้ำกระแซเสร็จแล้ว เราก็ไปล่องแพ ทางที่พักมีกิจกรรมให้กับลูกค้า โดยเาจะให้ล่องแพกลางเเม่น้ำแควไปไกลกว่า 2 กิโลเมตร และว่ายน้ำกลับที่พักเอง โดยมีเจ้าที่ดูแลอยู่ตลอดเส้นทาง ตอนแรกคิดว่ามาไกลมาก แต่พอได้ลงไปจริงๆกลับรู้สึกว่าใกล้มากๆ ถ้าใครได้มาพักที่นี่ก็แนะนำสำหรับกิจกรรมนี้เลยนะคะ ว่าสวยและรู้สึกสนุกมากๆ
ว่ายน้ำและชมรถไฟไปพร้อมกัน เป็นบรรยการที่หาชมได้ยากมากค่ะ
หลังล่องแพเสร็จแล้ว เราได้ติดต่อรถสองแถวมารับเราที่ที่พัก และพาไปยังที่ที่เราวางแผนไว้
ที่แรกคือ อุทยานประวัติศาสตร์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สถาที่ที่2 คือ วัดถ้ำพุหว้า
ระหว่างทางไปถ้ำพุหว้า ได้พบกับทุ่งดอกไม้สีเหลือง
ภายในวัดถ้ำพุหว้า
สถาที่ที่3 คือ ต้นจามจุรียักษ์
ต้นจามจุรียักษ์ คาดว่ามีอายุ 100 ปีจากการสอบถามผู้สูงอายุในพื้นที่ซึ่งมีอายุ 95 ปี ได้เล่าให้ฟังว่าเริ่มมารับราชการเป็นลูกจ้างประจำเมื่ออายุประมาณ 20 ปี ก็เห็นต้นจามจุรีนี้มีขนาดใหญ่มากแล้ว
ต้นจามจุรีย์ยักษ์นี้อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาI 20 นาที ระยะทางไม่ค่อยไกลมากแต่เส้นทางค่อนข้างซับซ้อน แต่ก็มีผู้คนเข้ามาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกจำนวนมาก เมื่อมาถึงก็ไม่รอช้า รีบลงมาถ่ายรูปคู่ รูปหมู่ รูปเดี่ยว กันอย่างสนุกสนาน พอได้เข้าไปใก้ลๆก็รับรู้ได้ว่าต้องใช้ 5 คนโอบรอบต้นจริงๆค่ะ มัน ใหญ่ มาก
เมื่อถ่ายภาพกันเรียบร้อยเเล้วก็ต้องจากลา กลับกันจริงๆแล้วค่ะ
เรากลับรถไฟเที่ยวสุดท้ายไม่ทัน ขากลับเราจึงนั่งรถตู้จากสถานีขนส่ง กาญจนบุรี - หมอชิต กลับกันค่ะ
เรื่องราวทั้งหมดถูกบันทึกไว้ไม่เพียงแค่ในภาพแต่มันยังอยู่ในคามทรงจำของพวกเราที่จัดทริปนี้ขึ้นมา อาจจะไม่ได้ตรงตามแผนสักเท่าไหร่ แต่ก็คุ้มค่ากับประสบการณที่ได้รับมากจริงๆค่ะ นี่เป็นทริปแรกในชีวิตที่มา ที่เราวางแผนกันเอง เราหาที่พักกันเอง เราหาข้อมูลกันเอง เริ่มต้นมันอาจจะยาก แลดูเหนื่อย แต่พอเรามาแล้ว เรารู้สึกว่ามันจะต้องมีทริปต่อไปแน่ๆค่ะ
'ระหว่างทางที่สวยงาม กับจุดหมายที่น่าจดจำ'
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ค่ารถไปสถานีกรุงธนบุรี =135
ค่าที่พัก 400*4 =1600
ค่าอาหารเย็น = 650
ค่าเข้าอุทยาน= 80
ค่ารถสองแถว = 1000
ค่ารถขากลับ 120*4 = 480
รวม 3,945฿
เฉลี่ยคนละ 987฿