สวัสดีครับ
พอดีกลับมา มีเวลาว่างๆ ก็เลยจะมาเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตที่ เมืองนี้กัน (สำหรับ เด็กเวิร์คเลย)
เมืองนี้ที่ว่าคือ เมือง Outer bank เป็นชื่อเรียกของเกาะยาวๆ ที่ทอดตัวตาม รัฐ NC
ซึ่งเกาะยาวๆนี้ประกอบไปด้วยหลายเมืองเลยครับ เช่น Corolla,Duck,Kitty Hawk,Kill Devil Hills Nags Head Manteo(เมืองนี้เป็นเกาะแยกไปอีกครับ) เป็นต้น
Chapter 1. เลือก Agency
เอาจริงๆแล้วไปมาหลายที่เหมือนกันก็มาจบที่.....ออฟฟิศเขาจะอยู่ใน "อาคารสภาคริสตจักรแห่งประเทศไทย" ถ้ายังไม่รู้ก็หลังไมค์มาครับ ผมจะพยายามรีบตอบ ตอนแรกก็เลือก แม็คโดนัล ใกล้ๆนิวยอร์ค....สุดท้ายโดนเท ไม่ผ่านที่ CV (โอเครไม่เป็นไร)
ถัดมาเลือก Red Jacket Resort ก็สัมภาษณ์ผ่าน ทุกอย่างผ่าน แต่นายจ้างไม่ยอมตอบกลับ ทางพี่ๆเขาก็เสนอให้ไปทำอีกงาน....งานร้านอาหารอิตาลี เรท 7 หรียญ/ชม. ค่าบ้าน 105 เหรียญ/วีค (ไม่ไหวไม่เอา เขาก็พยายามอวยนะว่าที่นี่หางานสองง่าย แต่ก็ไม่อ่า กลัว!!! 55)
สุดท้ายก็มาเลือก Dunes Restaurant เป็น Prep. Cook, rate 9 เหรียญ/ชม. บ้าน 100 หรียญ/วีค ก็โอเคร (คือไม่ได้สนใจเลยว่ามันอยู่ตรงไน 55) ซึง AWE เป็น Agency ที่เมกา(ขอย่อหน่อยๆนะ) ก็อะ ตามน้ำไป มาปฐมนิเทศไรก็ว่าไป จนมาเจอเพื่อนอีกสองคน ก็อะ สบายใจ มีเพื่อร่วมเดินทาง จากนนั้น ก็รอ DS2019 แล้วก็ ทำวีซ่า (ง่ายจนไม่อยากเชื่อ!!!! ถามแค่ไปไหน ทำไร อ่านคู่มือที่ให้ยัง ถ้าเกิดเรื่องต้องติดต่อใคร อะไรประมาณนี้ อีก 4-5 วัน ก็ได้ละ ไปรับที่ไปรษณีย์รองเมือง จบปิ๊ง) พอได้วีซ่าก็เอาละ ชิว ได้ไปแน่
Chapter2. How to go there
จริงๆ แล้ว Agency ที่ไทยนี้เขาจะให้เราจองตั๋วกับ บริษัท ที่เขาเตรียมมา อะ เราก็ จัดเตรียม หาตั๋วราคาถูกๆ ไปเสนอเขา ก็พยายามหา ได้มา สามหมื่นหน่อยๆ....แต่ๆๆๆๆ นี่แค่ BKK to LAX คือยังไม่ถึงเมืองที่ต้องไป อะ ก็มาจองต่อ ก็ จองจาก LAX to ORF ซึ่งตรงนี้ ผมจองเอง ผ่าน expedia ของ United ประมาณ อีก เจ็ดพันกว่าบาท ยังไม่รวมค่ากระเป๋าอีก ประมาณ 875 บาท ซึ่งไปจ่ายตอนขึ้นเครื่องที่ LA และ.....ประเด็นคือ ผมเองก็เอา บัตรไปนะ ของกสิกร แบบรูด ไม่มีชิป ใช้ไม่ได้ เงิบละ เขาก็บอกให้ไปซื้อบัตร เดบิตของเขา 5 เหรียญ บวกกับค่ากระเป๋า อีก 25 เหรียญ อะ ก็ ตามน้ำไป ทั้งๆที่ไม่อยาก ก็บลาๆ เสร็จละ ก็ได้เช็คอิน โหลดกระเป๋า ตรวจร่างกายก่อน เกท และ สุดท้าย ก็ผ่านเกท ( .......มันไม่ใช่แค่นี้ คือเพื่อนอีกสองคน เขาเช็คตั้งแต่ที่ สุวรรณภูมิ พวกเขาไม่โดนค่ากระเป๋า งื้อ!!!!! ทำไมต้องเป็นเรา ทำไมเราไม่เช็คตั้งแต่ที่นู้น ก็อะ....... ไม่เป็นไร ฟาดเคราะห์ไป ทีหลังนะ ดูให้ดีนะมีค่ากระเป๋าไหม ถ้ามี เช็คตั้งแต่ที่ สุวรรณภูมิ เลย จะได้ไม่ต้องมาเสีย โอเค?? ไม่รู้ว่าเป็นทุกสายการบินป่าวนะ ??!!! )
อะ พอเสร็จทุกอย่างก็เริ่มเดินทางจาก LAX to ORD to ORF (LA to Chicago to Norfolk) โอยยยยยย!!!!!!!!!!!! โคตรเหนื่อย 5555555 พอมาถึง ORF เกือบๆเที่ยงคืน....เรื่องราวก็บังเกิด....(ต้องท้าวความก่อนว่า เอเจนซี่ไทยอะ เขาก็ให้ผมจ่ายค่า deposit บ้าน 210 เหรียญ แล้วผมก็ถามว่า แล้วจะไปถึงที่ทำงานได้ไง เพราะตอนนั้นรู้แล้วว่า ไม่มี รถโดยสารประจำทาง!!!!!!!!!!! ไม่มีเลย OMG!!!!! เขาก็บอกเดี๋ยวติดต่อให้นะ ...............ก่อนไป สามวันได้ ก็ส่งรายละเอียดก่อนการเดินทางมา ..... อ่านไปบลาๆ บอกว่าต้องจ่าย ให้คนขับรถคนละ 100 เหรียญ อะ ก็ทำไรไม่ได้ละ ก็ยอมรับไป) กลับมาปัจจุบัน ตอนนั้น ที่สนามบิน ORF ช่างมืดหม่น ดุจป่าช้า ผมก็ไปรับกระเป๋า.....ข้าศึกบุก บอกเพื่อน "เห้ย ไป อี้ แปป..!!!" .....ขอเล่าเรื่องห้องน้ำหน่อย คือ
ประตูจะยกสูงไปไหน เย็น ตรูสสส มาก!! แล้วแบบ เงียบมาก และ กระดาษชำระ ก็เช็ดไปแล้ว นะ แล้วไอ้นี่กระดาษอะไร ??????? มันคืออะไร ก็หยิบมาดู นี่มันกระดาษรองก้น เพื่อ??? "กูอี้เสร็จละ ถ้ากูมัวใช้ไอ้นี่รองอี้คงเลอะเต็มโถ อะ โว๊ะ เยอะชิบ" ก็อะ รีบทำธุรให้เสร็จเดวเพื่อนรอ (เอาจริงๆ ไม่ได้สำคัญแต่มันอดเล่าไม่ได้ ขอโทษนะครับ 5555) ก็ออกมา เจอฝรั่งคนหนึ่ง ชื่อ โอวี่ ก็พาพวกเราเข้าเมืองไปหน่อยเพื่อไปพัก ที่บ้านพักที่หนึ่ง ....ซึ่งไปถึงก็มีเด็กๆ อยู่เหมือนกัน โอวี่ก็บอกว่า นี่นะ นอนข้างบนคืนหนึ่ง เดว พน มารับตอน สิบโมง โอเครตกลง...ก่อนไป....เขาบอก ค่านอน คืนละ 30 เหรียญนะ บวกกับค่าไปส่ง พน อีก คนละ 70 เหรียญนะ .....ก็เตรียมใจไว้ละ ....ผมก็อะ ....เดี๋ยว พน ให้นะครับ .....คืนนั้นเอง ก็อะ ผมก็เตรียมจะนอน เพื่อนก็เตรียมจะนอนเหมือนกัน เพื่อน(นามสมมติ P) เพื่อน P เนี่ยกระเป๋าเปิดไม่ได้ เพราะรหัสไม่ถูก ก็งัดแงะ เปิดยูทูปกว่า จะถอดได้ ก็เรียกได้ว่า เป็นนักแงะกระเป๋าได้เลย.....ต่อๆ ก็เดินขึ้นบันได ต้องบอกก่อนว่า ที่นอนมันอยู่ชั้นสองใต้หลังคา มีแอร์ตัวเล็กๆ ก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ......ตื่นเช้ามา อันสดใส ก็ตื่นมาอาบน้ำ ล้างหน้าอะไรก็ว่าไป ก็เดินออกมา สูดอากาศ ทำตัวเหมือนคนอกหักมาหนีเที่ยวต่างประเทศอะ....(อกหักจริง!!! 5555 เรื่องมันเศร้า ขอเหล้าเข้มๆ T^T) อะ ก็ใช้ไวไฟ โทรหาพ่อมแม่ มาถึงอย่างเป็นทางการละนะ ไม่ต้องห่วง ก็เดินไปเดินมา ไป ก็เดินไปถึงชายหาด (Virginia Beach). ชายหาดสวยมากครับ สะอาด สงบ ลมแรง แดดดี แล้วก้มีถนนตลอดชายหาด เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาเดินมาวิ่ง ผมก็เดินไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปบ้างไรบ้าง สักพักก็กลับเพราะใกล้สิบโมงที่นัด โอวี่ ไว้ละ พอมาถึงเขายังไม่มาเลย ....สุดท้าย โอวี่มาตอนเที่ยง ก็อะ พวกเราสามคน และก็เพื่อนตุรกีคนหนึ่ง ขึ้นรถคันเดียวกันไป ......พวกผมใช้เวลากว่า 2 ชม. โดยรถยนต์ กว่าจะถึงบ้านพัก ระหว่างนั้นรู้เลยว่าตายแน่ ป่าขนาดนี้ ข้างทางมีแต่สวน เห้อ...... บ้านพักพวกผม ....4301 South Croatan Highway, Nags Head, NC, USA เข้าไปถึงก็ พวกจาไมก้า พวกยูเครน ซึ่งคนก็เริ่มเยอะ ......จนกระทั่ง พวกผมต้องย้ายบ้านนนนนน !!!!!!!!!!!!!!!!!!!! (จบการเดินทาง)
Chapter3 Work Work Work
บ้านที่ผมกล่าวถึงเมื่อกี้ คนเข้าอาศัยอยู่เริ่มเยอะแล้ว แต่ก็ยัง พอมีเตียงให้พวกเราสามคนได้นอน เป็นหลังใหญ่มีทั้งเด็กๆ J-1 และก็คนแถวนั้นพักอาศัยอยู่ ส่วนสำหรับเด็กๆ ก็จะมีเกือบ 10 ห้องได้ครับ มีครัว 1 ครัว ชั้นบน มีครัวข้างล่างอีกนิดหน่อย พอล้างจานและใช้ไมโครเวฟได้ มีห้องน้ำ+ที่อาบน้ำ 2 ห้อง และห้องอาบน้ำอย่างเดียว อีก 1 ห้อง ที่จริงพวกผมเองก็ไม่โอเครละ เพราะคนเยอะ สามสิบคนได้ละ พวกผมก็ทนไป เพราะก็ไม่ได้แย่ไรมาก พวกผมมาถึงวันที่ 3 มิ.ย. 2017 ก็พยายามไปหานายจ้างเพื่อติดต่อขอเริ่มงาน มีอยู่วันหนึ่งจำได้ พวกเราต้องเดินไปร้านอาหาร (Dunes Restaurant) ใช้เวลา กว่า 1 ชั่วโมงได้ แล้วแดด โคตรร้อน ก็อะ ทนไป พอไปถึงก็เจอนายจ้าง ซึ่งคนนี้ เป็นคนเจ้าของที่นี่ ชื่อ รูฟัส ก็ถามชื่อแซ่ไป เคยทำอาหารไหม แล้วก็นัดมาอีกที วันพุธที่ 7 มิ.ย. 2017 ตอนบ่ายสอง แล้วโอเคร พอจะกลับ ก็มีคนแก่ใจดี กับภรรยาเขามาช่วนเราไปส่ง พวกเขาเป็นอยู่ที่โบสถ์ คอยดูแลเด็กแลกเปลี่ยน มีจักรยานให้ยืม มีปาร์ตี้ พวกเขาก็พยายามอธิบายให้ผมฟัง และ บอกว่าพวกเขาเคยไป ประเทศไทยมาก่อน ......ก็โชคดีไป ดีกว่าเดินกลับ 55555 ระหว่างนั้นพวกผมก็ แอบยืมจักรยานโดยไม่บอกอนุญาติ ของคนอื่นมาใช้ประทังชีวิตการเดินทาง เพราะจะไปไหน ต้องพึ่งจักรยานเท่านั้น ซึ่งที่บ้านนี้เขาจะมีจัรกยานให้ยืมฟรี แต่ต้องรอ ถ้าใครรอไม่ไหวก็ไม เช่ามา 20เหรียญ แถวๆ โบสถ์ HIS DREAM ซึ่งไกล!!!!!!! แต่ก็ต้องยอม ถ้าซื้อก็ต้องไปอีกไกลมากเช่นกัน อะ ก็จิ๊ก จักรยานคนอื่นไปซื้อของแถว FOOD LION(ดีหน่อยที่มี อยู่ใกล้ๆ เดินไป 15 นาทีก็ถึง ซึ่งแถวนั้นก็มีร้านอาหาร ร้านกิ๊ฟชอปอยู่ด้วย รวมไปถึงไปทำบัญชี ธนาคาร BB&T ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆกันกับ FOOD LION ก่อนถึงวันงานเราก็ได้จักรยานใช้จากคนดูแลบ้าน เขาเองก็มาทำเอกสาร ชี้แจง การอยู่บ้าน .....วันแห่งการทำงาน วันนั้นเป็นวันแรก พวกเราไปถึงใกล้ๆเวลาบ่ายสอง พวกเราเจอ รูฟัสและอีกตัวละครหนึ่งก็คือ แพททริก เขาเป็นลูกของรูฟัส และ เป็นเมเนจเจอร์ที่นี่ งานแรกที่ได้ทำคือ ล้างจาน! ก็อะ ทำไป คงเป็นช่วงฝึกงาน เขาก็สอนว่าทำไง ตรงไหนเป็นยังไง พอเขาไปก็พวกเราก็ งงๆ เพราะยังไม่ค่อยเป็น ทันไดนั้น ก็มีตาลุงแก่ๆ มาช่วย เขาเป็นหัวหน้าเชฟ ชื่อ ทรอย เขาช่วยเยอะมาก และก็บอกว่าควรทำแบบนี้มากกว่าเมื่อกี้....ก็ว่าไป พอร้านเปิด ตอน สี่โมงเย็น จานก็ยังไม่มี พวกเขาก็จะให้ไปเตรียมอาหารบ้างเช่น ตัดขนมปัง แพ็คอาหาร แต่ถ้าจานมาละก็...คือเยอะมาก ล้างไม่ทัน คืองี้.....เด็กเสิร์ฟมา ทิ้งเศษอาหาร แยกจาน แยกช้อน เราก็ต้องขัดเล็กน้อย วางบนตะกร้าทรงแปลกๆ มีแหลมๆ ขึ้นมา วางลงไปให้เต็ม ดันเข้าเครื่องอบ พออบเสร็จก็ต้องดึงออกมา (ไอ้ตอนดึงนี่โดนน้ำร้อนๆหยดบ่อยมาก แต่ตรงนี้เพื่อนทำเยอะกว่า) ผมเป็นคนเก็บ ซึ่งต้องหยิบจานร้อนๆ มาเก็บไว้เป็นชั้นๆ ไม่ใช่แค่จาน อุปกรณ์ทุกชนิด ต้องเอาไปเก็บให้เข้าที่ พอร้านปิดก็ต้องล้างของทุกชนิดกว่าจะเสร็จก็ สี่-ห้าทุ่ม เหนื่อยมาก แต่อย่างน้อยเขาก็ทำอาหารกลับให้เรากิน จากนั้นก็ขี่จันยานกลับบานอีกประมาณ 25 นาที ถึงบ้านก็กินข้าว อาบน้ำเข้านอน.........แต่......มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น......บางวันทำงานแล้วฝนมันตกข้างนอก ตอนขากลับมันหนาวแบบ ฝนตกอะ แย่โคตร ....บางวันอากาศร้อน แถมลมแรงขี่กันน่องปวด.....เหนื่อยอะ งานก็หนักแถมยังต้องปั่นจักรยานอีก T^T ….เดือนแรกนี่ปรับตัวเยอะมาก และบ้านเปิอแอร์ 24 ชั่วโมง เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน ไม่ป่วยก็บุญมากแล้ว 55555555 แต่ก็ยังเพื่อนๆ คนไทยคนอื่นด้วยนะ ก็คอยช่วยเหลือกัน พวกเขามาก่อน ก็จะคอยแนะนำได้หลายเรื่อง ต้องขอบคุณมากๆไว้ ณ ที่นี้ด้วย......ยังไม่หมด......คือบ้านเนี่ยคนเริ่มเยอะ เริ่มมีคนอื่นมาเติมเรื่อยๆ และก็มีเพื่อคนไทยมาเติมอีก เพื่อนจาไมก้าก็มีมาอีก โอยยยยยย 40 คนได้แล้ว คือค่อนข้างลำบากมาก.....แถมมีอยู่วันหนึ่ง เกิด สัญญาณไฟดัง ก็เป็นเรื่องอีก วุ่นวายไปหมด ทุกคนก็เริ่มบอก อาเจนซี่ตัวเองละ จนท้ายที่สุด ทุกคนก็เริ่มโดนย้ายออก รวมไปถึงพวกผมเอง ด้วยเหตุที่ว่า บ้านนี้ไม่ปลอดภัยที่จะอยู่ .....พวกผมโดนย้ายออกวันที่ 1 ก.ค. 2017 ....พวกผมโดนย้ายไปอยู่บ้านของนายจ้าง แพททริก (7022 South Virginia Dare Trail ,NH,NC 27959) เขามีสุนัขอยู่ตัวหนี่งชื่อ แซม พวกเรา 4 คน และ สุนัข 1 ตัว ก็อาศัยอยู่ด้วยกันอย่าง.......ยัง ยัง ยัง ไม่ใช่อย่างนั้น....กลิ่นสุนัข....แล้วหมาตัวใหญ่พันโกเด้นมั้ง?? แต่ขนมันสีดำอะ....เหม็นมาก..แต่มันก็แก่มากละ พวกเราก็ทนอยู่ไป และ จักรยาน ทีนี้แหละ คือต้องบอกก่อนว่า ไม่จำเป็นนะเราว่า เพราะบ้านนายจ้าง อยู่ข้างหลังร้านอาหาร เดินไป 3 นาทีก็ถึง แต่มันต้องใช้เพื่อขี่ไปซื้อของและทำงานสอง สำหรับผมเองมีงานสองอยู่ที่ DUCK DONUTS แถวๆ FOOD LION ซึงต้องก็ไปเช่า....โชคดีที่มีร้านจักรยานเช่าใกล้ๆ เขาใจดีมากเลย ต่อรองราคาได้ ผมไปเช่า 2 เดือน 20 เหรียญ ก็ โชคดีไป.....จริงๆแล้ว จิ๊ก จักรยานบ้านเก่ามาก็ได้นะ...ผมก็ทำในช่วงแรก...สุดท้ายก็เอาไปคืน....55555 เป็นคนดีเวอร์!!!!....
[CR] Work & travel ที่ Outer bank, NC กับงานดี ๆ ที่ Dunes Restaurant
เมืองนี้ที่ว่าคือ เมือง Outer bank เป็นชื่อเรียกของเกาะยาวๆ ที่ทอดตัวตาม รัฐ NC
ซึ่งเกาะยาวๆนี้ประกอบไปด้วยหลายเมืองเลยครับ เช่น Corolla,Duck,Kitty Hawk,Kill Devil Hills Nags Head Manteo(เมืองนี้เป็นเกาะแยกไปอีกครับ) เป็นต้น
เอาจริงๆแล้วไปมาหลายที่เหมือนกันก็มาจบที่.....ออฟฟิศเขาจะอยู่ใน "อาคารสภาคริสตจักรแห่งประเทศไทย" ถ้ายังไม่รู้ก็หลังไมค์มาครับ ผมจะพยายามรีบตอบ ตอนแรกก็เลือก แม็คโดนัล ใกล้ๆนิวยอร์ค....สุดท้ายโดนเท ไม่ผ่านที่ CV (โอเครไม่เป็นไร)
ถัดมาเลือก Red Jacket Resort ก็สัมภาษณ์ผ่าน ทุกอย่างผ่าน แต่นายจ้างไม่ยอมตอบกลับ ทางพี่ๆเขาก็เสนอให้ไปทำอีกงาน....งานร้านอาหารอิตาลี เรท 7 หรียญ/ชม. ค่าบ้าน 105 เหรียญ/วีค (ไม่ไหวไม่เอา เขาก็พยายามอวยนะว่าที่นี่หางานสองง่าย แต่ก็ไม่อ่า กลัว!!! 55)
สุดท้ายก็มาเลือก Dunes Restaurant เป็น Prep. Cook, rate 9 เหรียญ/ชม. บ้าน 100 หรียญ/วีค ก็โอเคร (คือไม่ได้สนใจเลยว่ามันอยู่ตรงไน 55) ซึง AWE เป็น Agency ที่เมกา(ขอย่อหน่อยๆนะ) ก็อะ ตามน้ำไป มาปฐมนิเทศไรก็ว่าไป จนมาเจอเพื่อนอีกสองคน ก็อะ สบายใจ มีเพื่อร่วมเดินทาง จากนนั้น ก็รอ DS2019 แล้วก็ ทำวีซ่า (ง่ายจนไม่อยากเชื่อ!!!! ถามแค่ไปไหน ทำไร อ่านคู่มือที่ให้ยัง ถ้าเกิดเรื่องต้องติดต่อใคร อะไรประมาณนี้ อีก 4-5 วัน ก็ได้ละ ไปรับที่ไปรษณีย์รองเมือง จบปิ๊ง) พอได้วีซ่าก็เอาละ ชิว ได้ไปแน่
จริงๆ แล้ว Agency ที่ไทยนี้เขาจะให้เราจองตั๋วกับ บริษัท ที่เขาเตรียมมา อะ เราก็ จัดเตรียม หาตั๋วราคาถูกๆ ไปเสนอเขา ก็พยายามหา ได้มา สามหมื่นหน่อยๆ....แต่ๆๆๆๆ นี่แค่ BKK to LAX คือยังไม่ถึงเมืองที่ต้องไป อะ ก็มาจองต่อ ก็ จองจาก LAX to ORF ซึ่งตรงนี้ ผมจองเอง ผ่าน expedia ของ United ประมาณ อีก เจ็ดพันกว่าบาท ยังไม่รวมค่ากระเป๋าอีก ประมาณ 875 บาท ซึ่งไปจ่ายตอนขึ้นเครื่องที่ LA และ.....ประเด็นคือ ผมเองก็เอา บัตรไปนะ ของกสิกร แบบรูด ไม่มีชิป ใช้ไม่ได้ เงิบละ เขาก็บอกให้ไปซื้อบัตร เดบิตของเขา 5 เหรียญ บวกกับค่ากระเป๋า อีก 25 เหรียญ อะ ก็ ตามน้ำไป ทั้งๆที่ไม่อยาก ก็บลาๆ เสร็จละ ก็ได้เช็คอิน โหลดกระเป๋า ตรวจร่างกายก่อน เกท และ สุดท้าย ก็ผ่านเกท ( .......มันไม่ใช่แค่นี้ คือเพื่อนอีกสองคน เขาเช็คตั้งแต่ที่ สุวรรณภูมิ พวกเขาไม่โดนค่ากระเป๋า งื้อ!!!!! ทำไมต้องเป็นเรา ทำไมเราไม่เช็คตั้งแต่ที่นู้น ก็อะ....... ไม่เป็นไร ฟาดเคราะห์ไป ทีหลังนะ ดูให้ดีนะมีค่ากระเป๋าไหม ถ้ามี เช็คตั้งแต่ที่ สุวรรณภูมิ เลย จะได้ไม่ต้องมาเสีย โอเค?? ไม่รู้ว่าเป็นทุกสายการบินป่าวนะ ??!!! )
อะ พอเสร็จทุกอย่างก็เริ่มเดินทางจาก LAX to ORD to ORF (LA to Chicago to Norfolk) โอยยยยยย!!!!!!!!!!!! โคตรเหนื่อย 5555555 พอมาถึง ORF เกือบๆเที่ยงคืน....เรื่องราวก็บังเกิด....(ต้องท้าวความก่อนว่า เอเจนซี่ไทยอะ เขาก็ให้ผมจ่ายค่า deposit บ้าน 210 เหรียญ แล้วผมก็ถามว่า แล้วจะไปถึงที่ทำงานได้ไง เพราะตอนนั้นรู้แล้วว่า ไม่มี รถโดยสารประจำทาง!!!!!!!!!!! ไม่มีเลย OMG!!!!! เขาก็บอกเดี๋ยวติดต่อให้นะ ...............ก่อนไป สามวันได้ ก็ส่งรายละเอียดก่อนการเดินทางมา ..... อ่านไปบลาๆ บอกว่าต้องจ่าย ให้คนขับรถคนละ 100 เหรียญ อะ ก็ทำไรไม่ได้ละ ก็ยอมรับไป) กลับมาปัจจุบัน ตอนนั้น ที่สนามบิน ORF ช่างมืดหม่น ดุจป่าช้า ผมก็ไปรับกระเป๋า.....ข้าศึกบุก บอกเพื่อน "เห้ย ไป อี้ แปป..!!!" .....ขอเล่าเรื่องห้องน้ำหน่อย คือ ประตูจะยกสูงไปไหน เย็น ตรูสสส มาก!! แล้วแบบ เงียบมาก และ กระดาษชำระ ก็เช็ดไปแล้ว นะ แล้วไอ้นี่กระดาษอะไร ??????? มันคืออะไร ก็หยิบมาดู นี่มันกระดาษรองก้น เพื่อ??? "กูอี้เสร็จละ ถ้ากูมัวใช้ไอ้นี่รองอี้คงเลอะเต็มโถ อะ โว๊ะ เยอะชิบ" ก็อะ รีบทำธุรให้เสร็จเดวเพื่อนรอ (เอาจริงๆ ไม่ได้สำคัญแต่มันอดเล่าไม่ได้ ขอโทษนะครับ 5555) ก็ออกมา เจอฝรั่งคนหนึ่ง ชื่อ โอวี่ ก็พาพวกเราเข้าเมืองไปหน่อยเพื่อไปพัก ที่บ้านพักที่หนึ่ง ....ซึ่งไปถึงก็มีเด็กๆ อยู่เหมือนกัน โอวี่ก็บอกว่า นี่นะ นอนข้างบนคืนหนึ่ง เดว พน มารับตอน สิบโมง โอเครตกลง...ก่อนไป....เขาบอก ค่านอน คืนละ 30 เหรียญนะ บวกกับค่าไปส่ง พน อีก คนละ 70 เหรียญนะ .....ก็เตรียมใจไว้ละ ....ผมก็อะ ....เดี๋ยว พน ให้นะครับ .....คืนนั้นเอง ก็อะ ผมก็เตรียมจะนอน เพื่อนก็เตรียมจะนอนเหมือนกัน เพื่อน(นามสมมติ P) เพื่อน P เนี่ยกระเป๋าเปิดไม่ได้ เพราะรหัสไม่ถูก ก็งัดแงะ เปิดยูทูปกว่า จะถอดได้ ก็เรียกได้ว่า เป็นนักแงะกระเป๋าได้เลย.....ต่อๆ ก็เดินขึ้นบันได ต้องบอกก่อนว่า ที่นอนมันอยู่ชั้นสองใต้หลังคา มีแอร์ตัวเล็กๆ ก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ......ตื่นเช้ามา อันสดใส ก็ตื่นมาอาบน้ำ ล้างหน้าอะไรก็ว่าไป ก็เดินออกมา สูดอากาศ ทำตัวเหมือนคนอกหักมาหนีเที่ยวต่างประเทศอะ....(อกหักจริง!!! 5555 เรื่องมันเศร้า ขอเหล้าเข้มๆ T^T) อะ ก็ใช้ไวไฟ โทรหาพ่อมแม่ มาถึงอย่างเป็นทางการละนะ ไม่ต้องห่วง ก็เดินไปเดินมา ไป ก็เดินไปถึงชายหาด (Virginia Beach). ชายหาดสวยมากครับ สะอาด สงบ ลมแรง แดดดี แล้วก้มีถนนตลอดชายหาด เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาเดินมาวิ่ง ผมก็เดินไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปบ้างไรบ้าง สักพักก็กลับเพราะใกล้สิบโมงที่นัด โอวี่ ไว้ละ พอมาถึงเขายังไม่มาเลย ....สุดท้าย โอวี่มาตอนเที่ยง ก็อะ พวกเราสามคน และก็เพื่อนตุรกีคนหนึ่ง ขึ้นรถคันเดียวกันไป ......พวกผมใช้เวลากว่า 2 ชม. โดยรถยนต์ กว่าจะถึงบ้านพัก ระหว่างนั้นรู้เลยว่าตายแน่ ป่าขนาดนี้ ข้างทางมีแต่สวน เห้อ...... บ้านพักพวกผม ....4301 South Croatan Highway, Nags Head, NC, USA เข้าไปถึงก็ พวกจาไมก้า พวกยูเครน ซึ่งคนก็เริ่มเยอะ ......จนกระทั่ง พวกผมต้องย้ายบ้านนนนนน !!!!!!!!!!!!!!!!!!!! (จบการเดินทาง)
บ้านที่ผมกล่าวถึงเมื่อกี้ คนเข้าอาศัยอยู่เริ่มเยอะแล้ว แต่ก็ยัง พอมีเตียงให้พวกเราสามคนได้นอน เป็นหลังใหญ่มีทั้งเด็กๆ J-1 และก็คนแถวนั้นพักอาศัยอยู่ ส่วนสำหรับเด็กๆ ก็จะมีเกือบ 10 ห้องได้ครับ มีครัว 1 ครัว ชั้นบน มีครัวข้างล่างอีกนิดหน่อย พอล้างจานและใช้ไมโครเวฟได้ มีห้องน้ำ+ที่อาบน้ำ 2 ห้อง และห้องอาบน้ำอย่างเดียว อีก 1 ห้อง ที่จริงพวกผมเองก็ไม่โอเครละ เพราะคนเยอะ สามสิบคนได้ละ พวกผมก็ทนไป เพราะก็ไม่ได้แย่ไรมาก พวกผมมาถึงวันที่ 3 มิ.ย. 2017 ก็พยายามไปหานายจ้างเพื่อติดต่อขอเริ่มงาน มีอยู่วันหนึ่งจำได้ พวกเราต้องเดินไปร้านอาหาร (Dunes Restaurant) ใช้เวลา กว่า 1 ชั่วโมงได้ แล้วแดด โคตรร้อน ก็อะ ทนไป พอไปถึงก็เจอนายจ้าง ซึ่งคนนี้ เป็นคนเจ้าของที่นี่ ชื่อ รูฟัส ก็ถามชื่อแซ่ไป เคยทำอาหารไหม แล้วก็นัดมาอีกที วันพุธที่ 7 มิ.ย. 2017 ตอนบ่ายสอง แล้วโอเคร พอจะกลับ ก็มีคนแก่ใจดี กับภรรยาเขามาช่วนเราไปส่ง พวกเขาเป็นอยู่ที่โบสถ์ คอยดูแลเด็กแลกเปลี่ยน มีจักรยานให้ยืม มีปาร์ตี้ พวกเขาก็พยายามอธิบายให้ผมฟัง และ บอกว่าพวกเขาเคยไป ประเทศไทยมาก่อน ......ก็โชคดีไป ดีกว่าเดินกลับ 55555 ระหว่างนั้นพวกผมก็ แอบยืมจักรยานโดยไม่บอกอนุญาติ ของคนอื่นมาใช้ประทังชีวิตการเดินทาง เพราะจะไปไหน ต้องพึ่งจักรยานเท่านั้น ซึ่งที่บ้านนี้เขาจะมีจัรกยานให้ยืมฟรี แต่ต้องรอ ถ้าใครรอไม่ไหวก็ไม เช่ามา 20เหรียญ แถวๆ โบสถ์ HIS DREAM ซึ่งไกล!!!!!!! แต่ก็ต้องยอม ถ้าซื้อก็ต้องไปอีกไกลมากเช่นกัน อะ ก็จิ๊ก จักรยานคนอื่นไปซื้อของแถว FOOD LION(ดีหน่อยที่มี อยู่ใกล้ๆ เดินไป 15 นาทีก็ถึง ซึ่งแถวนั้นก็มีร้านอาหาร ร้านกิ๊ฟชอปอยู่ด้วย รวมไปถึงไปทำบัญชี ธนาคาร BB&T ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆกันกับ FOOD LION ก่อนถึงวันงานเราก็ได้จักรยานใช้จากคนดูแลบ้าน เขาเองก็มาทำเอกสาร ชี้แจง การอยู่บ้าน .....วันแห่งการทำงาน วันนั้นเป็นวันแรก พวกเราไปถึงใกล้ๆเวลาบ่ายสอง พวกเราเจอ รูฟัสและอีกตัวละครหนึ่งก็คือ แพททริก เขาเป็นลูกของรูฟัส และ เป็นเมเนจเจอร์ที่นี่ งานแรกที่ได้ทำคือ ล้างจาน! ก็อะ ทำไป คงเป็นช่วงฝึกงาน เขาก็สอนว่าทำไง ตรงไหนเป็นยังไง พอเขาไปก็พวกเราก็ งงๆ เพราะยังไม่ค่อยเป็น ทันไดนั้น ก็มีตาลุงแก่ๆ มาช่วย เขาเป็นหัวหน้าเชฟ ชื่อ ทรอย เขาช่วยเยอะมาก และก็บอกว่าควรทำแบบนี้มากกว่าเมื่อกี้....ก็ว่าไป พอร้านเปิด ตอน สี่โมงเย็น จานก็ยังไม่มี พวกเขาก็จะให้ไปเตรียมอาหารบ้างเช่น ตัดขนมปัง แพ็คอาหาร แต่ถ้าจานมาละก็...คือเยอะมาก ล้างไม่ทัน คืองี้.....เด็กเสิร์ฟมา ทิ้งเศษอาหาร แยกจาน แยกช้อน เราก็ต้องขัดเล็กน้อย วางบนตะกร้าทรงแปลกๆ มีแหลมๆ ขึ้นมา วางลงไปให้เต็ม ดันเข้าเครื่องอบ พออบเสร็จก็ต้องดึงออกมา (ไอ้ตอนดึงนี่โดนน้ำร้อนๆหยดบ่อยมาก แต่ตรงนี้เพื่อนทำเยอะกว่า) ผมเป็นคนเก็บ ซึ่งต้องหยิบจานร้อนๆ มาเก็บไว้เป็นชั้นๆ ไม่ใช่แค่จาน อุปกรณ์ทุกชนิด ต้องเอาไปเก็บให้เข้าที่ พอร้านปิดก็ต้องล้างของทุกชนิดกว่าจะเสร็จก็ สี่-ห้าทุ่ม เหนื่อยมาก แต่อย่างน้อยเขาก็ทำอาหารกลับให้เรากิน จากนั้นก็ขี่จันยานกลับบานอีกประมาณ 25 นาที ถึงบ้านก็กินข้าว อาบน้ำเข้านอน.........แต่......มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น......บางวันทำงานแล้วฝนมันตกข้างนอก ตอนขากลับมันหนาวแบบ ฝนตกอะ แย่โคตร ....บางวันอากาศร้อน แถมลมแรงขี่กันน่องปวด.....เหนื่อยอะ งานก็หนักแถมยังต้องปั่นจักรยานอีก T^T ….เดือนแรกนี่ปรับตัวเยอะมาก และบ้านเปิอแอร์ 24 ชั่วโมง เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน ไม่ป่วยก็บุญมากแล้ว 55555555 แต่ก็ยังเพื่อนๆ คนไทยคนอื่นด้วยนะ ก็คอยช่วยเหลือกัน พวกเขามาก่อน ก็จะคอยแนะนำได้หลายเรื่อง ต้องขอบคุณมากๆไว้ ณ ที่นี้ด้วย......ยังไม่หมด......คือบ้านเนี่ยคนเริ่มเยอะ เริ่มมีคนอื่นมาเติมเรื่อยๆ และก็มีเพื่อคนไทยมาเติมอีก เพื่อนจาไมก้าก็มีมาอีก โอยยยยยย 40 คนได้แล้ว คือค่อนข้างลำบากมาก.....แถมมีอยู่วันหนึ่ง เกิด สัญญาณไฟดัง ก็เป็นเรื่องอีก วุ่นวายไปหมด ทุกคนก็เริ่มบอก อาเจนซี่ตัวเองละ จนท้ายที่สุด ทุกคนก็เริ่มโดนย้ายออก รวมไปถึงพวกผมเอง ด้วยเหตุที่ว่า บ้านนี้ไม่ปลอดภัยที่จะอยู่ .....พวกผมโดนย้ายออกวันที่ 1 ก.ค. 2017 ....พวกผมโดนย้ายไปอยู่บ้านของนายจ้าง แพททริก (7022 South Virginia Dare Trail ,NH,NC 27959) เขามีสุนัขอยู่ตัวหนี่งชื่อ แซม พวกเรา 4 คน และ สุนัข 1 ตัว ก็อาศัยอยู่ด้วยกันอย่าง.......ยัง ยัง ยัง ไม่ใช่อย่างนั้น....กลิ่นสุนัข....แล้วหมาตัวใหญ่พันโกเด้นมั้ง?? แต่ขนมันสีดำอะ....เหม็นมาก..แต่มันก็แก่มากละ พวกเราก็ทนอยู่ไป และ จักรยาน ทีนี้แหละ คือต้องบอกก่อนว่า ไม่จำเป็นนะเราว่า เพราะบ้านนายจ้าง อยู่ข้างหลังร้านอาหาร เดินไป 3 นาทีก็ถึง แต่มันต้องใช้เพื่อขี่ไปซื้อของและทำงานสอง สำหรับผมเองมีงานสองอยู่ที่ DUCK DONUTS แถวๆ FOOD LION ซึงต้องก็ไปเช่า....โชคดีที่มีร้านจักรยานเช่าใกล้ๆ เขาใจดีมากเลย ต่อรองราคาได้ ผมไปเช่า 2 เดือน 20 เหรียญ ก็ โชคดีไป.....จริงๆแล้ว จิ๊ก จักรยานบ้านเก่ามาก็ได้นะ...ผมก็ทำในช่วงแรก...สุดท้ายก็เอาไปคืน....55555 เป็นคนดีเวอร์!!!!....