พอของคาวเสร็จก็ต้องของหวานต่อ เลยไปแวะที่สวนเมลอน ของ พ.ฟาร์ม นครนายก ผมยังจอดรถไม่ทันเสร็จเพื่อนนี่รีบวิ่งเข้าร้านเลย สงสัยหิว   
ที่สวนจะมีร้านคาเฟ่เล็กๆ เเต่อาหารที่สั่งไปรสชาตินี่สุดติ่งเลยครับ คงไม่มากไปถ้าจะบอกว่าเป็นเมลอนที่อร่อยมากกกกกก แปปเดียวหมดละ ราคาก็ประมาณตามร้านทั่วๆไป ไม่แพง พอกินเสร็จก็ไปเดินย่อยที่สวนเมลอนสักหน่อย ก็เดินได้แปปเดียวเพราะร้อนมาก เลยขับไปที่ต่อไปๆๆๆ

ก่อนจะขึ้นเขาใหญ่ เราเเวะซื้อเสบียงที่โลตัส ปากช่องก่อนเพื่อจะเอาไปทำอาหารเย็น ซึ่งเป็นมื้อที่เราจะจัดเต็มเรื่องอาหาร 5555 ก็ได้หมู ไก่เเละก็ลูกชิ้นตามสูตร เพื่อมาย่างกินตอนเย็น และก็ไปหาซื้อข้าวที่ข้าง 7-11 ก่อนขึ้นเขา เเล้วก็พร้อมลุย
   พอขับมาถึงเขาใหญ่ ก็จ่ายค่าเข้าคนละ 40 บาท พร้อมค่ารถอีก 50 บาท และก็เลยมาเเวะไหว้ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เพื่อสิริมงคล และก็ขับตรงไปที่พัก เราไปพักกันที่ลานกางเต๊นท์ตรงผากล้วยไม้ เเละก็เช่าเต๊นท์ของอุทยานมาสองหลัง เช่าเตาเเละก็อื่นๆ ก็ใช้เวลาค่อนข้างนานเพราะไม่เคยกลางเต๊นเเบบนี้มาก่อน 555555555

พอกินได้สักพักฝนก็ตกลงมา ก็หนักพอสมควร ซึ่งหมูและไก่ของพวกเราก็ได้เป็นหมูลอยน้ำเรียบร้อย มันเหลือเยอะมากที่ยังไม่ได้กิน 5555  เราก็เลยพากันเข้ามาหลบที่เต๊นท์ เนื่องจากประสบการณ์อันน้อยนิดของเรา เราก็ได้ไปกางเต๊นท์ที่มันเป็นแอ่งพอดี น้ำเลยไปขังรวมกันที่เต๊นท์เราพอดี เลยได้ประสบการณ์ในการนอนใหม่ ได้อารมณ์แบบนอนในหนองน้ำ นอนในเเพประมาณนี้ (ปลอบใจตัวเอง 5555)  เลยพากันย้ายขึ้นมาที่สูง และก็นำเบาะรองที่เช่ามาไปเปลี่ยนใหม่เผื่อจะนอนได้ แต่ฝนก็ตกมาทั้งคืน ซึ่งคิดในใจไว้เเล้วว่าฝนตกแบบนี้ พรุ่งนี้เช้าคงมีหมอกเยอะเเน่ๆ (ซึ่งบางคนเขาไม่รู้) ก็เลยพากันนอน รอให้เช้าจะได้ไปดูทะเลหมอก

วันที่สอง

เราตื่นกันตอนตี4 เพราะนอนไม่ได้มันเปียก 55555 ก็เลยลุกมาถ่ายดาว ซึ่งมันสวยมากกกกกก เเต่ถ่ายรูปมาไม่สวย 55555

จากนั้นเวลา 5.40 เราพากันขับรถไปที่ผาเดียวดายซึ่งห่างจากที่เราพักประมาณ 15 กิโล พอขับมาได้สักพักก็อย่างที่คิดไว้เลยครับ หมอกเยอะมากๆๆ ทำให้เราขับรถลำบาก มองไม่ค่อยเห็นเเต่ก็ดีที่เราจะได้ไปดูทะเลหมอกสวยๆๆ ขับมาเรื่อยๆก็เจอลิงบ้าง เม่นบ้าง เพื่อนนี่ตกใจร้องเสียงดังเลย ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเราก็มาถึงผาเดียวดาย ก็มีคนมาถึงก่อนเราเเล้วประมาณ 3-4 คัน เพราะคนอื่นคงไม่ตื่น เพราะอากาศมันน่านอนมากกว่า                (ถ้าไม่เปียกนะ) 55555

ภาพที่ได้ก็อย่างที่เห็นแหละครับ มันสวยมากก (สวยกว่าในภาพอีก) เหมือนน้ำตกบนสวรรค์ ผมมาได้เวลาพอดีพระอาทิตย์ขึ้นเลยถ่ายมาให้ดู

พอกลับมาที่พักก็อาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปที่ต่อไป วันนี้เราไปที่น้ำตกเหวสุวัติที่อยู่ใกล้ๆที่พัก และก็ขับรถลงเขาไปที่บ่น้ำผุด ไร่มณีไปดูดอกทานตะวัน (ซึ่งไม่มีดอกทานตะวัน 555 ) และก็ไปนั่งกินข้าวที่พิชญ์เขาวงกต ย้ำว่ากินข้าวเฉยๆ ไม่ได้เข้าไป 555555 และก็ไปต่อกันที่ร้าน chocolate factory ซึ่งคนเยอะมาก ก็ไม่แปลกหรอกครับ เพราะขนมที่นั้นน่ากินทุกอย่างงง โดยเฉพาะคุณผู้หญิงนี่ชอบเเน่นอน

กินอิ่ม ง่วงสิครับ รออะไร ก็เลยเข้าไปนอน ประมาณ 23.00 เพื่อ พรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวที่ต่อไป Zzzzzzz

วันที่สาม

วันนี้ตื่นประมาณ6.00น. เพราะคนเขาตื่นกันเยอะแล้วก็เลย อาบน้ำเเต่งตัว หาอะไรกินรองท้องสักหน่อย และก็เดินทางอ่างเก็บน้ำสายศร ไปถ่ายรูป เพราะเมื่อวานฝนก็ตกเลยไม่ได้ถ่าย และก็ไปต่อกันที่น้ำตกเหวนรกกันต่อ ขอบอกว่านรกจริงๆครับ แต่เป็นนรกที่สวยมากกกก เเนะนำให้ไปเลยครับเดินไม่ไกล แต่ทางลงน้ำตก ยากเดินสักนิด

พอออกจากน้ำตกก็ไปแวะกินไอติมกะทิ กันที่ตลาดวังกระโจม นครนายก ไปตามที่เขารีวิวมา ก็ถือว่าอร่อยกว่าร้านทั่วๆ เเนะนำให้ไปเลยครับบบบ
ก่อนจะจบทริปนี้ ก็ไปแวะกินบะหมี่โหน่งสักหน่อย เพราะเที่ยงเเล้ว 555555 กินเสร็จก็ขับรถกลับบ้าน ถือว่าทริปนี้สนุกและก็ได้อะไรอีกมากมายเลยครับ

ขอฝากอะไรหน่อยนะครับ ผมว่าชีวิตของคนเรา ต้องหาอะไรที่ใหม่ๆเข้ามาในชีวิต อะไรที่ไม่เคยทำก็ไปลองทำ หรืออะไรที่อยากทำก็ให้ทำเลยครับอย่ามัวเเต่รอเวลา แล้วให้มันผ่านไปเฉยๆๆ ให้ลองเที่ยวดูครับแล้วจะได้อะไรที่ใหม่ๆเข้ามาในชีวิตเรา อิอิ


  รวมค่าเสียหาย 5 คน จะประมาณคนละ 1700 ที่เยอะเพราะค่าเต๊นท์และก็ค่าอารหาร เพราะเพื่อนเรากินเยอะ 555 เเนะนำให้เอาเต๊นท์ไปเองนะครับจะประหยัดได้มากกก   


ขอบคุณที่อ่านครับบบบบบ