[CR] เที่ยว South Africa ขับรถรอบ Cape Town ค่าครองชีพไม่แพงแถมกิจกรรมสนุกๆเพรียบบบ ใครๆก็เก็บตังค์ไปได้

ทริปนี้เดินทางวันที่ 2 ตุลา- 12 ตุลา 60 เดินทาง 2 คนค่ะ งบเบ็ดเสร็จทั้งหมดไม่รวมตั๋วเครื่องบินจากเชียงใหม่ อยู่ที่ 45-46,000 บาทค่ะ
ซึ่งหากเทียบกับราคาทัวร์ทั่วไปและกับความสะดวกสะบาย เค้าจะจัดกันอยู่ทที่ 69-100k ค่ะ

จองตั๋วตั้งแต่ต้นปีไว้ ได้ของ Kenya Airways ราคาเกือบๆ 17k บินฟูลเซอร์วิส จากสุวรรณภูมิ ไป stop ที่ประเทศเคนย่าประมาณ 2 ชั่วโมงแล้วบินต่อไป Johannesburg
สาเหตุที่จองไปแอฟริกาใต้ก็เพราะแฟนเปิดเว็บแล้วเจอตั๋วถูกพอดี 55555 ก็เลยเออออตามกันไปค่ะ
แต่ประเทศที่คิดว่าไม่มีอะไร น่าจะร้อนน่าดู แล้วก็จะไปทำไรหรอ ส่องสัตว์ ….. ทุกอย่างที่คิดไว้กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะประเทศนี้มีกิจกรรมสนุกๆให้ทำเพรียบบบ อากาศเย็นสบาย ลมพัดแรงจนรถสั่น (อันนี้ไม่ได้เวอร์นะคะ สั่นจริงๆ) แถมผู้คน(บางคน)ที่คิดว่าน่ากลัวก็ยังเฟรนลี่ นิสัยดีมากๆอีกด้วย คนที่เห้ ก็จริงๆอ่าแหล่ะ เรามีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่นั่น ทั้งสนุกปนเศร้า เลยอยากเอาประสบการณ์มาแชร์ เผื่อคนที่คิดจะไปจะได้ทราบและเตรียมตัวก่อนไปได้อย่างถูกวิธีค่ะ

สถานที่ท่องเที่ยวที่ดังๆ ถ้าหากนึกถึง South Africa หล่ะก็ คงเป็นการไปส่องสัตว์ หรือไป Safari นั่นเอง นอกจากนี้ยังมีแหลมกู๊ดโฮป ที่เคยเรียนกันมาแต่เด็กๆ และเมืองที่มีชื่อเสียงกับนักท่องเที่ยวมากที่สุดนั่นคือ Cape Town

อ้อ ประเทศนี้เคยเป็นเจ้าภาพการจัดแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อปี 2010 มาแล้ว ตอนอ่านรีวิวจะเปิดเพลง This time for Africa ไปด้วย ก็จะได้อารมณ์ไปอีกแบบนะ

ความสะดวกของประเทศนี้คือ ไม่ต้องไปทำวีซ่าให้ยุ่งยาก และไม่ต้องไปฉีดวัคซีนไข้เหลืองให้เจ็บตัว และผู้คนยังใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการในการสื่อสารทั่วไปอีกด้วยค่ะ

การเดินทางพวกเราเริ่มต้นจากเชียงใหม่ เก็บของกันคืนนั้นเลยค่ะ เนื่องจากเรื่องงานที่ต้องสะสางให้เสร็จจนวินาทีสุดท้าย ถึงจะบินช่วงบ่าย แต่วันนั้นก็ยังต้องทำงานกันอยู่ โชคดีที่เราสองคนทำธุรกิจส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องลางานกับใคร เพียงแต่วันที่จะเดินทางต้องเคลียทุกอย่างให้เรียบร้อยเท่านั้น

สิ่งของจำเป็นสำหรับคนไปฤดูนี้คือ เสื้อกันหนาวค่ะ เพราะอากาศ 12-14 องศา มีฝนตกบางวัน และหมอกลงหนาด้วย
รูปส่วนใหญ่ที่เอามารีวิวจะมาจากกล้องใหญ่ปนๆกับไอโฟน 6 นะคะ
ความพีคเรื่องแรกที่ออกเดินทางเลยคือ ด้วยความรีบขึ้นรถแดงไปสนามบิน ดันหยิบมือถือสลับกัน คือ ดันหยิบ i6 มา แทนที่จะเอามือถือปกติที่ใช้คือ i7 ก็เลยคิดว่า เออ ช่างมันเหอะ ยังไงเราก็ใช้ซิมใหม่อยู่แล้ว

ก่อนเดินทาง ให้ซื้อ Sim2fly ของ AIS ไปด้วยนะคะ ราคา 899 บาท ใช้งานได้ดีมาก เน็ตเร็วดี ((อันนี้ล่าสุดเคยเอาไปใช้ที่ Romania และ Greece ก็ใช้งานได้ดีมากค่ะ)) ถ้าเป็นประเทศโซน Asia หล่ะก็ ซื้อแบบ 399 บาท ค่ะ

จากสุวรรณภูมินั่งเครื่องถึงเคนย่า ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง ดูหนังกับกินวนไปค่ะ มาถึงเคนย่าจะหาทานอาหารเช้า ถ้าไม่มีเงินเคนย่าให้รูดบัตรเอาค่ะ
หากแตกเงินดอล เดี่ยวเค้าทอนมาเป็นเงินเคนย่าเราจะไม่ได้ใช้ค่ะ

พอไปถึง Johannesburg มี 2 วิธีสำหรับไปที่พัก คือรถไฟฟ้าความเร็วสูงและtaxi เราเลือกนั่ง taxi เพื่อจะให้ไปส่งถึงที่พักเลย
ที่พักที่ โจเบิร์ก ( ขออนุญาตใช้คำว่าโจเบิร์กย่อๆนะคะ) 2 คืน จองผ่าน airbnb ค่ะ ได้คืนละประมาณ 1,100 บาท พักแถวๆ Santon ค่ะ เป็นย่านที่ชื่อว่าปลอดภัยที่สุดของโจเบิร์ก
ห้องสะอาด ไม่กว้างมาก พออยู่ได้ น้ำอุ่นดีมากค่ะ  
เดินจากที่พักไปสถานีรถไฟใต้ดินเพียง 1 กิโล

เมืองนี้ติดโผเมืองท่องเที่ยวที่อันตรายที่สุด มีทั้งอาชญากรรม ดักจี้ ปล้น ทำร้ายร่างกาย การมาเที่ยวคนเดียวก็ยังไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ค่ะ ก่อนมาเราจึงซื้อประกันการเดินทางไว้ด้วยค่ะ
คนถือมือถือเดินบนถนนเหมือนบ้านเราไม่มีค่ะ
สิ่งที่ต้องระวังคือการใช้มือถือ สะพายกล้อง และกระเป๋าเงิน ต้องเก็บไว้ให้ดีเป็นอย่างมาก มีเหตุการณ์ที่มีคนขับรถมาแล้วดักปล้นคนที่เดินอยู่บนถนน แล้วขับหนีไปเลย ประมาณนี้ด้วย จึงต้องระวังตัวทุกอย่าง

บ้านเมืองที่นี่สะอาดค่ะ อาจจะมีฝุ่นบ้าง แต่ก็ไม่มีขยะข้างทางให้เห็นเลย
แต่นอกเมืองก็ยังมีสลัมอยู่ค่ะ
มาถึงที่พักสักบ่าย 2 ก็เดินสำรวจเมือง แถวๆที่พักจะเป็นย่านคนทำธุรกิจ ทำงาน จึงถือว่าเป็นย่านปลอดภัย
แต่ร้านรวงที่นี่แปลกมาก 18:00 ก็ปิดกันแล้ว แล้วห้างสรรสินค้าจะเหลือเหรอ .. ปิด 19:00 น. ค่ะ หลังเวลานี้ไปแล้ว เมืองจะเป็นเหมือนเมืองร้างเลย
แม้แต่รถไฟใต้ดินที่นี่ก็เงียบๆ ไมค่อยคึกคัก รถไฟฟ้าเที่ยวสุดท้ายคือ 20:30 น.


วันที่ 2 ไป Safari ที่ใหญ่ที่สุดใน Johannesburg ชื่อ Pilanesburg
ทัวร์ ที่พึ่งจะซื้อผ่านเน็ตเมื่อวาน มารับแต่เช้า การสื่อสารกับทัวร์ก็จะติดๆขัดๆหน่อย เพราะเราไม่มีเบอร์ติดต่อของที่นี่ ก็บอกแค่ว่า จะเดินออกมารอหน้าบ้านของโฮส ลุ้นเอาว่า เค้าจะมาเจอเรามั้ย นางบอกว่า ถ้าเวลานี้แล้วเราไม่เจอกัน ไกด์ก็จะไม่รอนะ ..... จ้าาาาาา นี่ก็รีบวิ่งมารอหน้าบ้านเลยค่า
หัวดำๆ หน้าตาตี๋ๆหมวยๆแบบนี้ คงมองออกไม่ยาก

เมื่อวานอากาศยังดีดีอยู่วันนี้เมฆครึ้ม ไปถึงฝนตกอีก แล้วสัตว์ตัวไหนจะออกมา !!?? Facepalm
และนี่คือรถที่จะพาเราไปท่องซาฟารี
ค่าทัวร์คนละ 5000 กว่าบาท ดูซิจะเป็นยังไง
จะบอกว่า ฝนตกที่นี่ทำให้อากาศเย็นลงและหนาวมากๆ คนขับก็ส่งผ้าห่มมาให้ห่มกันคนละผืนสองผืน
การดูสัตว์ของที่นี่มีกิจกรรมที่เรียกว่า Game drive  เราต้องหาสัตว์ที่อยู๋ในกลุ่มของ Big5 ให้เจอค่ะ บํกไฟว์มีอะไรบ้าง ช้างแอฟริกัน สิงโต ควายที่ตัวใหญ่กว่าบ้านเรามากๆ แรด และเสือดาวค่ะ แต่ก็ยังมีสัตว์อื่นๆ ที่หาดูไม่ได้บ้านเราอย่างตัว Springbok ที่เป็นสัตว์ประจำชาติของที่นี่เค้าล่ะ ตัวก็จะเหมือนกวาง เวลาเจอตัวเมียก็จะกระโดดๆ 555555 และยังมี African wild dog มันเป็นหมาเหมือนจะน่ารักนะ แต่พอเห็นมันขย้ำกวางแบบสดๆ เรานี่ถึงกับอึ้งไปเลยเหมือนกัน




นี่ไงฮิปโป


กฎของ Game drive คือห้ามลงจากรถเด็ดขาด เพราะอันตรายจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ สัตว์บางคนอาจจะซุ่มมองเราอยู่ก็ได้
ด้วยสภาพอากาศปิดวันนี้ทำให้เราแทบไม่เจอสัตว์ในกลุ่มของ Big5 เลย แต่ยังโชคดีที่เจอเจ้า สปริงบ็อค และ หมาป่าแอฟริกัน ใครๆก็บอกว่า คุ้มแล้ว เพราะไม่ได้หาดูกันง่ายๆ

......................

วันที่ 3
เดินทางไปสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อไปขึ้นเครื่องไป Cape town แต่เช้า
ตั๋วจาก โจเบิร์กไปเคปทาวน์ ไปกลับประมาณ 5000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกมาก ปกติราคา 6-7000 บาทค่ะ
คือหน้าสดมาก จะสดไปไหน 55555
มาถึง เราก็ซื้อบัตรรถเมล์ ของ myciti ค่าบัตร 35 แรน (คูณ 2.5 -3 เข้าไป นะคะ ประมาณ 90 บาท แล้วเติมเงินค่าเดินทางเข้าไปอีก พอเราขึ้นรถเมล์รอบนึงจะคิดเป็นระยะทาง ก่อนขึ้นและลง ใช้บัตรแตะที่เครื่องเพื่อตัดเงินค่ะ กรณีที่เงินไม่พอคุณจะโดนค่าปรับค่ะ ต้องเติมเผื่อไว้ก่อนเยอะหน่อยค่ะ

บัตรจะอยู่ได้ 5 ปีค่ะ เติมเงินได้เรื่อยๆ ถ้าไม่หายก่อน 5555555

ที่พักที่ Cape town ชิไปพักที่ถนน Long Street อยู่ 3 คืน แล้วไปพักย่าน kloof อีก2 คืน
ทำไมถึงย้ายที่พักน่ะหรอ
อย่างที่กล่าวไปตอนแรกว่า พวกเราทำงานกันยุ่งมากๆ จนแทบไม่มีเวลาจองที่พักกันเลย พึ่งมาจองเอา 1 อาทิตย์ก่อนเดินทาง ทุกที่ก็จะแพงหมดแล้ว
ที่พักคืนแรกก็ได้ราคาดี แต่พอจองไป 5 วัน กลับเต็ม เลยต้องหาอีกที่นึงด้วย
เราไปกันแบบ Backpack ค่ะ ไม่นอนหรู ขอแค่พอนอนได้ เอาเงินไปใช้กับค่าอาหาร กับกิจกรรม และเก็บเงินไปเที่ยวประเทศอื่นๆได้อีกเยอะเลยค่ะ
ที่พักชื่อ Daddy Long Legs hotel อยู่ช่วงกลางๆของถนน Long Street เลย ห้องน้ำในตัว และน้ำอุ่นแรงมากค่ะ
นั่งจาก Airport ไปลง Civic center แล้วต่อจาก Civic Center ไปลง ป้าย Dorp ข้ามถนนมาอีกฝั่ง ก็เจอ Daddy Long Leg hotel เลยค่ะ
จากหน้าต่างห้องพัก หากมองออกไปก็จะเห็นวิวภูเขารูปโต๊ะ (Table Mountain) แลนด์มาร์กของที่นี่ค่ะ
ซึ่งก็เป็นอีกจุดหมายหนึ่งของการเดินทางมาครั้งนี้
วิธีการศึกษา ทำการบ้าน ท่องเที่ยวของประเทศนี้ได้ผู้ช่วยจากหนังสือโลกเหงา ชื่อเล่มว่า Cape Town ยุ่งไม่ยุ่ง มาซื้อเอาที่สนามบินที่โจเบิร์ก
เป็นช่วงชีวิตที่อ่านหนังสือมากบันทัดที่สุดในรอบหลายปี แถมก็ยังรู้สึกฉลาดภาษาขึ้นมาในช่วงนั้นอีกด้วย
แนะนำเลยค่ะ ใครไม่ได้ทำการบ้านมา โลนลี่แพลเน็ต ช่วยคุณได้

วันนี้แผนของเราไม่มีอะไรมาก  จะไปเก็บแถบ Waterfront ก่อน ที่เป็นท่าเรือ อู่ต่อเรือ ที่มีบรรยากาศคล้ายกับ Asiatique บ้านเรา
และจะไปรับ BIB (เบอร์วิ่ง) ของงาน GUNRUN ที่  Sportman สาขา ใกล้สุดคือ Green Point
เราจะมีเวลาเที่ยวใน Cape Town อยู่ประมาณ 5-6 วัน  การวางแผนเที่ยว ใช้แผนที่จะช่วยได้ดีมาก
ทั้งทริป เราจะไปในจุดเหล่านี้ตามแผนที่ค่ะ

1 City Bowl & Bokaap บ้านสี ๆ ไปเช้าๆ หาซื้อBakery และทานกาแฟ ชิลๆ
2 Green Point & WaterFront (#7) ไปนั่งชิลๆ ถ่ายรูป อู่ต่อเรือ โรแมนติคสุดๆ
3 Table Mountain (#5) นั่ง Cable Car ขึ้นไปยังภูเขารูปโต๊ะ
4 Hout Bay (#9) ขับรถไปเส้นทาง Highway ที่ติดอันดับสวยที่สุดในโลก Chapman Peak Drive
5 Cliftton & Camps Bay (#8) นั่งกินไอติมวันฝนตก
6 Simon's Town (#14) ไป Boulders Penguin Colony  อาณานิคมเพนกวินที่มีเพนกวินแห่งซีกโลกใต้อาศัยอยู่ข้างชายหาด
7 Cape Point (#15) ไป Cape of Good Hope หรือ แหมกู๊ดโฮป นั่นเอง

และเราก็รู้ว่าเดือนนี้มีงานวิ่งประจำปีชื่อ GUNRUN จาก หมวด กิจกรรม Month by month ของหนังสือโลกเงาหล่ะ
พอรู้ว่ามีงานก็ตื่นเต้นมาก เขียนอีเมลส่งไปหาผู้จัดบอกว่าฉันเป็นนักท่องเที่ยวมาจากประเทศไทยและสนใจที่จะเป็นส่วนร่วมในงานนี้ สามารถสมัครได้ที่ไหนบ้าง ห้าๆๆๆ รอคำตอบไม่นานทางผู้จัดก็ตอบเมลมาว่าให้ไปสมัครที่Sportwear ใกล้ที่พักได้

งาน Gunrun จัดขึ้นทุกปีจุดStart ที่ Sea Point วิ่งเลียบหาดไปเรื่อยๆ แล้วไปจบที่สนามรักบี้ ระยะสูงสุดคือ Haft Marathon 21k
พอทราบว่ามีการจัดงานวิ่ง ในฐานะที่เป็นนักวิ่งคนหนึ่งจะพลาดได้ไง แต่ระยะที่สามารถสมัครได้ตอนนั้นมีแค่ 5k เท่านั้น แต่ก็ยังถือว่าดีค่ะ
ชื่อสินค้า:   South Africa
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่