~มาลาริน~**ลุงไก่อูสู้ๆค่ะ..เปลี่ยน'รับ'เป็น'รุก' รัฐบาลขยับสู้'ข่าวลบ

กระทู้คำถาม


มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมาน่าสนใจ โดยเฉพาะกรณีเห็นชอบร่างพ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ

ที่น่าสนใจไม่ได้อยู่ที่สาระสำคัญ แต่อยู่ที่ท่าทีของ “เสธ.ไก่อู” พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ที่พูดเอาไว้ตอนท้าย

“คงไม่มีใครจะนำเรื่องนี้ไปบิดเบือนในทำนองว่า หน่วยงานราชการกระทรวง ทบวง กรมต่างๆสามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับ ข้อมูลทะเบียนราษฎรได้ ต่อไปนี้รัฐบาลจะล้วงลับตับแตกประชาชนได้ทั้งหมด”

“เสธ.ไก่อู” ออกตัวก่อนเหมือนรู้ว่า จะมีการบิดเบือน ทั้งที่ในสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ แทบไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเก็บข้อมูล แต่เน้นเรื่องการให้ “เลขประจำบ้าน”

ไม่ว่าจะเป็น ต่อไปนี้การจะให้เลขประจำบ้านจะให้เฉพาะบ้านที่ปลูกอาศัยถูกต้องตามกฎหมายควบคุมอาคารหรือกฎหมายอื่น หรือการกำหนดให้ผู้อำนวยการทะเบียนกลางจะกำหนดให้มีเลขประจำบ้านสำหรับแพ เรือ หรือสิ่งที่สร้างขึ้นอย่างอื่นเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยประจำ ให้มีทะเบียนบ้านชั่วคราวเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบทางทะเบียน

ตลอดจนแก้ไขเพิ่มเติมมิให้บ้านที่ถูกปลูกสร้างโดยบุกรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์ หรือที่ดินของรัฐที่ไม่ใช่ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย หรือที่ดินทรัพย์สินของราชการ ไม่ให้กำหนดเลขประจำบ้าน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากส่วนราชการหรือหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย

แต่ “เสธ.ไก่อู” เล่นบท “ดักคอ” กันแต่เนิ่นๆ เพื่อเป็นการ “ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม” มันแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลเริ่มให้ความสำคัญกับข่าวสารในลักษณะนี้มากขึ้น

เพราะในช่วงหลังมานี้ รัฐบาลถูกจับจ้องเยอะในการดำเนินการต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องที่มีผลกระทบต่อ “ประชาชน” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณของรัฐ และเรื่องสิทธิและเสรีภาพ

อย่างประเด็นเรื่องล้วงข้อมูลประชาชนที่ “เสธ.ไก่อู” ชิง “ดักคอ” ในรอบนี้ เคยเป็นประเด็นมาครั้งหนึ่งแล้ว สมัยผลักดันร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวาง จนฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องรีบออกมาชี้แจง

หรือกรณี “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม” ฉบับที่ 646 พ.ศ.2560 ที่มีบางสื่อนำเสนอว่า รัฐบาลจะเก็บภาษีเพิ่ม จนฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ปลัดกระทรวงการคลัง อธิบดีกรมสรรพากร ต้องมาเป็นชี้แจง

ทั้งที่จริงแล้ว การออกพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นการต่ออายุกฎหมาย ที่ต้องทำเป็นประจำทุกๆ ปี และอัตราดังกล่าวไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

หรือแม้กระทั่งล่าสุดกรณี “ดราม่า” ในโลกโซเชียลมีเดีย หลังนายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ “ตูน บอดี้สแลม” ที่ตั้งใจวิ่งการกุศลเพื่อหาเงินช่วยเหลือโรงพยาบาล ตามโครงการก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ในช่วงเดือนพ.ย. - ธ.ค.60

ที่มีการโยงมาถึงรัฐบาลในเรื่องการจัดสรรงบประมาณ โดยมีการเปิดตัวเลขที่กระทรวงกลาโหมได้มากกว่ากระทรวงสาธารณสุข จน “ตูน” ต้องออกมาวิ่งช่วยเหลือ เพื่อเป็นการกระทบชิ่งเรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ที่มีการอนุมัติหลายโครงการในยุค “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

จนเหล่าทัพต้องออกมาชี้แจง หรือแม้แต่ “บิ๊กตู่” ก็ต้องเล่นบทออกมาให้กำลังใจ “ตูน บอดี้แสลม” เพื่อสยบประเด็นดราม่าที่กลายมาเป็นลามเรื่องการบริหารประเทศของคสช.

รวมไปถึงสถานการณ์ปัจจุบันอย่างเรื่องน้ำท่วม ที่มีการปล่อยข่าวลือใน “ไลน์” ว่า จะมีการปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพล จ.ตาก และเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ หรือเรื่องกรมชลประทานจะใช้คลองแสบสวนผันน้ำออกเจ้าพระยา จนคนตื่นตระหนกว่า กทม.จะท่วมซ้ำรอยปี 2554

เหล่านี้ล้วนแต่เป็นข่าวที่ “ลดเครดิต” รัฐบาลแทบทั้งสิ้น!

ท่าทีของรัฐบาลผ่าน “เสธ.ไก่อู” มันจึงสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลเองเริ่มมีความกังวลและให้น้ำหนักกับขบวนการปล่อย “ข่าวลือ – ข่าวลวง – ข่าวบิด” มากขึ้น แม้จะเป็นเรื่องในโซเชียลมีเดียก็ตาม


http://www.thaipost.net/?q=node/37096

ต้องอย่างนี้สิคะ...จะรับมือพวกป่วนหรือบิดเบือนได้ทันที

ลุงไก่อูสู้ๆ...เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่