เจอพวกอันตพาล มีวิธีรับมือยังไงคะ?

กระทู้คำถาม
สวัสดีค่ะ.. ขอแทนตัวเองว่า "เอ" นะคะ
ขอเริ่มเรื่องเลยละกัน
เอเพิ่งย้ายเข้ามาเรียนใน โรงเรียนแห่งหนึ่ง.. ในต่างจังหวัด ย้ายมาชั้น ม.5 เมื่อตอน ม.4 ก็เกิดเหตุการณ์คล้ายๆกัน เป็นเหตุทำให้เอต้องย้าย โรงเรียนตอนนั้น มีเรื่องกับเพื่อนในชั้นเรียนสาเหตุคือ เอไม่ยอมบอกคำตอบข้อสอบวิชา ENG เอค่อนข้างทำได้ เพราะอ่านหนังสือก่อนการสอบไฟนอลมา แต่ไม่ได้เก่งเหมือนเจ้าของภาษา เขามาถามโดยการฉีกกระดาษ และโยนมา เอเปิดอ่าน เขาเขียนว่า "ข้อ 1 - 10 ตอบข้อไหน?"  เอเขียนลงไปว่า "ขอไม่บอกได้ไหม เพราะไม่แน่ใจว่าจะถูกไหม" และโยนกลับคืน พอเพื่อนร่วมชั้นคนนั้นอ่าน ชักสีหน้าไม่พอใจ หันมาทำตาค้อนใส่ พูดแบบไม่ออกเสียงว่า "ทำเพื่อเพื่อนแค่นี้ไม่ได้ใช่ป่ะ" แล้วก็หันกลับ (แต่เบะปากตลอดเวลา) เมื่อการสอบเสร็จ หลังเลิกเรียน เอกับเพื่อนสนิท ก็เดินมารอรถรับส่งเพื่อจะกลับบ้าน ... ทีนี้เพื่อนคนที่ขอดูคำตอบก็เดินมากระชากกระเป๋าละพูดว่า "ทำไม! ทำไม! บอกแค่นี้บอกไม่ได้ใช่ป่ะ ไม่ต้องมาแอ๊บทำตัวใสๆเลยว่าไม่รู้ กูรู้ว่ารู้ อย่ามายิ้ม!!" ตอนนั้นเอตกใจมากเพราะ จู่ๆ ก็มาตระโกนใส่หน้ากัน ตอนนั้นเอาจริงๆก็กลัวค่ะ เพราะว่าเขาตัวใหญ่กว่า ตอนนั้นเอ สูง 153 ผอมๆบางๆดูไม่มีเรียวแรง แต่คนที่ตามมาด่าเขาสูง 170 กว่า ตัวอ้วนๆ ใหญ่ๆ ซึ่งเจอเหตุการ์ณมีคนมาตระโกนใส่หน้านี่ครั้งแรก ทำตัวไม่ถูกค่ะ ได้แต่ก้มหน้า เพราะคนนี้มีเพื่อนเยอะ แต่เพื่อนเขาก็ด่าเอเหมือนกันว่า "ให้ดูแค่นี้ไม่ได้มันไม่ใช่เพื่อนหรอก"  เพือนสนิทเอก็เงียบค่ะเพราะเขามากันเยอะ แต่เขาจับมือเอแล้วพยายามดึงออกไปจากตรงนี้ แต่อีกคนที่มายืนด่าเขาไม่ยอมให้ไป คือดักทุกทาง ทีนี้ก็มีพี่คนที่นั่งรถกลับบ้านคันเดียวกัน พี่ม.5 "เอ รถมารออยู่หน้าโรงเรียนแล้ว ช้าจริงๆ เลย!" เอได้ยินแบบนั้นก็เลยเดินออกมากับพี่เขา พี่เขามองหน้าเอแล้วพูดว่า "มีเรื่องอะไรกันหรอ?" เอก็เล่าทุกอย่างให้พี่เขาฟัง จนอยู่บนรถ พี่เขาก็พูดว่า"ความจริงตอนนั้นรถรับส่งยังไม่มาหรอก พี่กำลังเดินกับละเห็นมีคนยืนมุง มีคนด่าเอ พี่เลยชวนออกมา" เอขอบคุณพี่เขามากเลยค่ะ จากนั้นเอกลับบ้านมา เล่าเรื่องนี้ให้คุณแม่ฟัง คุณแม่ได้ยินแล้วหัวเราะ "สาเหตุก็คือเราแค่ไม่บอกคำตอบเขาใช่ไหม" เอพยักหน้า ละคุณแม่ก็ขำไม่หยุด
...... วันนั้นเป็นวันสอบไฟนอล โรงเรียรเลยหยุดไป เมื่อ 6-7 วันต่อมา คุณครูนัดให้ไปดูผลสอบ ก็ไปตามปกติ แต่ผลออกมาว่า เอผ่านวิชาภาษาอังกฤษคนเดียว ได้ครึ่งนึง และวันนี้ก็มาถึง เอโดนโพสด่า ทั้งด่า ทั้งแขวะ โดนด่าว่าแอ๊บ ในเเชทกลุ่ม และมีคนสร้างข่าวลือว่า เอเสียตัวให้คนนู้น คนนี้ โดนเพื่อนทั้งห้องรังเกียจ ดูจะเป็นเรื่องที่ดราม่า เหมือนกับแสดงสินะคะ .... ความจริงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด...
เอมีเพื่อน คนเดียวค่ะ เพราะตอนนั้นเพิ่งขึ้น ม.4 เพื่อนเก่าที่เรียน ม.ต้นด้วยกัน ไปสายอาชีพทั้งหมดค่ะ บางคนก็ไปเรียนช่างยนต์ เอเลยไม่มีเพื่อนเก่าเลย เจอเพื่อนสนิทนี่ตอนเข้ามาใหม่ๆ อะไรๆ เราคล้ายๆกันค่ะ หน้าตาคล้ายๆ ทำผมทรงเดียวกัน พอได้รู้จัก ได้คุย ก็เริ่มชอบ...
ไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่แล้ว เมื่อมีข่าวลือเกี่ยวกับเอ เขาก็เริ่มเปลี่ยนไป... ทักไปไม่ตอบ พอไม่ตอบเอคิดว่าไม่ว่าง ทีนี้วันปิดเทอม เอทักไปใหม่ว่า โรงเรียนจะเปิดวันไหน (ความจริงรู้วันอยู่แล้ว) เพื่อนสนิทเอ อ่านแล้วเขาก็ตอบมาว่า "ไม่รู้" เอก็สงสัย ละถามว่า เป็นอะไร ทำไมไม่ค่อยอยากตอบเลย ไม่สบายหรอ? เขาก็ตอบกลับมาว่า "รำคาญ เลิกยุ่งกับกูได้ละ!" คือตอนนั้นน้ำตาตกเลยค่ะ รู้สึกว่า เรามีเขาเป็นเพื่อนคนเดียว พอเขาพูดแบบนี้ทำให้เอรู้สึก ไม่เหลือใคร อยู่ในโรงเรียนเขาว่า ถ้าไม่มีเพื่อนอยู่ไม่ได้ ใช่ค่ะ เอลองนึกว่า เราไปไหนมาไหรก็เดียว ถูกคนอื่น เพื่อนร่วมชั้นรังเกียจ ไม่มีใครคบ ใครจะอยู่ได้ เราทะเลาะกันหนักมากค่ะ  เอถามว่า ทำไม ทำไมถึงพูดแบบนี้ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ..
เขาตอบมาว่า "กูไม่อยากเป็นเพื่อนกับคน ยิ้มๆอย่าง ได้ข่าวว่าไปอ่อยรุ่นพี่ที่กูชอบด้วยนิ" ห่ะ?? คือตอนนั้นเอหาหลักฐาน แคปทั้งเฟส ทั้งไลน์ ให้อ่านว่าไม่ได้คุยกับใครเลย เขาก็พูดว่า "อาจจะลบไปแล้วก็ได้... กูไม่คิดนะว่าจะทรยศเพื่อนได้ขนาดนี้ ย้อนเวลากลับไปได้กูจะไม่ยุ่งกับ" คือตอนนั้นหัวใจแตกสลายไปแล้วค่ะ นอนร้องไห้ ขังตัวเองไว้ในห้อง  ไม่รู้จะทำอะไรดี แค่ขาดเพื่อนมันทำให้เรารู้สึกแย่ ใจสั่นขนาดนี้เลยหรอ มีคำถามที่โผล่มาในหัวมากมาย แล้วก็เผลอหลับไป... พอเช้าวันต่อมา เอตัดสินใจบอกคุณแม่ว่า ขอย้ายโรงเรียน คุณแม่เอคัดค้าน ไม่อยากให้ไปไหนไกล เขาเป็นห่วง แต่เอก็อธิบายเรื่องทุกอย่างในฟังว่าเป็นยังไง คุณแม่เข้าใจทุกอย่างและพูดว่า "แม่เคยทะเลาะกับเพื่อนสนิทนะ แต่ก็กลับมาดีกันทุกรอบ ไม่ลองดูอีกสักปีละ แล้วค่อยย้าย ..... เอปฎิเสธทุกอย่างและยืนยันว่าจะย้าย ขอร้องคุณแม่ทุกทาง จนคุณแม่พาไปทำเรื่องย้าย
เช้าวันต่อมา.... คุณแม่พามาที่โรงเรียนและทำเรื่องย้าย คุณครูที่ปรึกษาเขาก็ไม่อยากให้ย้ายไปไหน และบอกว่าจะเรียกเพื่อนคนนั้นมาพบ เอปฎิเสธและยืนยันว่าจะย้าย คุณครูเลยยอมทำเรื่องให้...
.
.
เอหมดหนทาง ไม่อยากเจอหน้าใคร ไม่กล้าออกจากบ้าน คือกลัวทุกอย่าง เอส่องเฟสเพื่อนร่วมห้องคนที่มาหาเรื่อง ทุกวันๆ เขาก็โพสด่าเอทุกวัน โดยการโพสด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย สร้างข่าวลือ บอกให้คนนู้นคนนี้แชร์ ทุกโพสจะหมายถึงเอโดยตรง และจะมีเพื่อนเขาแชร์ จะมี #A ทุกโพส  ซึ่งตอนเรียนอยู่ก็มีคนชอบนินทาบ่อยๆ นินทาประเภทแบบ ให้เราได้ยิน แกล้งพูดดังๆ หันไปหาเพื่อนอีกคนแล้วตระโกนว่า "ยิ้ม !!!ยิ้ม!! และก็มองมาทางเอ ตลอด เอทนต่อไม่ได้แน่ค่ะ ตัดสินใจออกจากสถาบันที่เราตั้งใจอยากจะเรียนที่นั่น ตั้งใจสอบเข้า (ลืมบอกว่าเอ ได้อยู่ห้องศิลป์คำนวณนะคะ ปกติอยากเข้าศิลป์ภาษาเพราะชอบภาษา) ซึ่งมันเป็นปัญหากับการใช้ชีวิตมากค่ะ ทั้งเครียด ทำงานตัวเองไม่พอ ต้องโดนเพื่อนในชั้นขอให้เอทำให้ด้วย ทั้งเหนือย ทั้งล้า
วันที่ไปทำเรื่องย้ายค่ะ ไปเจอเพื่อนสนิทเก่าที่ทะเลาะกัน อยู่ร้านส้มตำ ข้างๆทาง พอเห็นเราเขาก็ทำหน้าตกใจนิดหน่อย... พอถึงบ้านเพื่อนสนิทเก่าเราก็ส่งข้อความมาหา ว่า "เอ จะย้ายโรงเรียนหรอ?" เอถามเขาว่ารู้ได้ไง เขาก็บอกว่าเขาเห็นเอใส่ชุดนักเรียน ขับออกมาจากโรงเรียนทั้งๆที่มันเป็นวันปิดเทอม เขาเห็นเอร้องไห้ (ตอนจับใบปพ. อ่านมันก็รู้สึกใจหวิวๆ น้ำตามันไหลออกมาเอง ทำเรื่องย้าย ร ร ที่เขียนอยู่มันทำให้หยุดน้ำตาไม่อยู่ ทางบ้านเอค่อนข้างยากจนค่ะ แล้วมาย้ายกระทันหันแบบนี้มันก็กลัวที่จะเข้าเรียนต่อไม่ได้ด้วย เอเลยร้องไห้ออกมา เอเสียใจและโกรธตัวเอง ทั้งๆที่บ้านก็ไม่ค่อยจะมีฐานะดีอะไร กลับต้องย้ายออกมา แต่ถ้าเอเรียนที่นั่นต่อ เอว่าผลการเรียนจะต้องแย่ลง อะไรหลายๆอย่างมันแย่ สังคมแย่ๆ เอกลัวว่าจะย้ายเข้าที่ไหนไม่ได้  บางครั้งมองหน้าแม่ เอยังอยากจะร้องไห้เพราะการเรียนเราก็สดุดแบบนี้ เขาส่งให้เอเรียน เอก็รู้สึกแย่มากๆ เลยค่ะ ทุกๆวันเอโทษตัวเองทุกวัน ว่าทางบ้านก้ไม่ค่อยจะมีเงินส่งเรียนแต่เอกลับเอาแต่ใจจะย้าย จะย้าย ทุกอย่างมันมืดแปดด้านมากค่ะ ไม่รู้จะทำยังไง หลังจากย้ายเสร็จ เอก็เข้ากรุงเทพค่ะ มาอยู่กับป้า ป้าก็พามาสอบเข้าโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพ (แถวลาดกระบัง) ปรากฏว่า เอสอบไม่ผ่านค่ะ ตอนนั้นเอเสียใจมาก ทางโรงเรียนบอกว่า อยากเรียนที่นี่ก็เข้ามาหาอาจารย์ มาคุย แต่เอรู้ว่าอยากเข้าต้องเสียเงิน ซึ่งต้องเสียจริงๆ 50,000 ทางบ้านเอไม่มีเงินหรอกค่ะ เอถอดใจและจะไปต่อสายอาชีพดู ไม่ก็ กศน. แต่มีพี่(ลูกพี่ลูกน้อง) เขาชวนเอให้ไปอยู่ด้วยกัน จ.แห่งหนึ่งในภาคเหนือ (ไม่อยากบอกนะคะเดี๋ยวมีปัญหากับสถาบัน) พอย้ายเข้ามา ก็เข้าได้จริงๆค่ะ แต่เอต้องอยู่สายศิลป์ทั่วไป เพราะย้ายมากระทันหัน ......
#ต่อในคอมเม้นนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่