[CR] รีวิว >> จัดงานแต่งงานอย่างไร ไม่เกินงบ

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก เกริ่นนำแบบที่หลาย ๆ คนเขียนกันเนอะ แต่ก็เป็นความตั้งใจที่อยากมาแชร์ข้อมูลให้กับ pantip บ้าง หลังจากมาอ่านข้อมูลดี
ๆ จาก pantip ไปมากมาย จะพยายามเขียนให้กระชับที่สุดนะคะ

เรื่องแรกที่อยากแชร์คือ การจัดงานแต่งงาน ซึ่งเพิ่งจัดไปด้วยตัวเองในปีที่แล้ว ตั้งใจว่าจะมาแชร์ข้อมูลเพื่อให้เป็นประโยชน์กับคนที่อยากจัดงานเอง และมีงบจำกัด

การเตรียมงาน

1. กำหนดวันจัดงาน : เป็นคนไม่มีพิธีการมากทั้งคู่ เราเลือกใช้วิธีถามอากู๋ค่ะ search เลยว่าฤกษ์แต่งงานดีในปีนี้คือวันไหน ซึ่งแฟนกำหนดเดือนมาให้แล้วว่าจะแต่งกลางปี คือ มิ.ย. 59 เราก็แค่ดูอากู๋ว่าเสาร์อาทิตย์ไหนมีฤกษ์ดีบ้าง แต่พอวันที่จะเอา พี่เราติดธุระ เราก็เลื่อนไปอีกเสาร์นึงเฉย ๆ เลย พี่เราสำคัญกว่าค่ะ (เหตุที่เลือกเสาร์อาทิตย์เท่านั้น เพราะแขกน่าจะสะดวกกว่าวันธรรมดา และเป็นวันเสาร์ก็ดีตรงที่เราจะได้พักอีกวันนึงด้วย)

2. กำหนดจำนวนแขก : กำหนดคร่าว ๆ ก่อนว่างานเราจะเล็กใหญ่แค่ไหน แน่นอนว่าถ้าเรามีงบจำกัดเราจะเริ่มจาก "งานเล็ก ๆ แขก 2-300 ก็พอ" ส่วนมากจะประมาณนี้ค่ะ เราก็เช่นกัน สรุปมาจบที่ 400 ค่ะ การกำหนดจำนวนแขก เราก็ง่าย ๆ ค่ะ แบ่งกับแฟนก่อนว่าคนละครึ่ง แล้วไปลองเช็คกับคุณพ่อคุณแม่ดูว่า ท่านมีแขกเท่าไหร่ อาจจะเริ่มจาก "คุณพ่อคุณแม่ 10  โต๊ะพอมั้ย" ถ้าไม่พอเราก็ค่อยมาแบ่งของเราให้ท่าน หรือถ้าของแฟนมากกว่าเรา เราก็ไม่ต้องกั๊กนะคะ ยกให้ไปเลยค่ะ แฟนเพื่อนเยอะ ญาติเยอะ ตัดไม่ได้จริง ๆ ก็ตามนั้นค่ะ แต่ก็ต้องย้ำกับทุกฝ่ายว่า เอาที่สนิทจริง ๆ เพราะไม่งั้นบานปลายแน่นอน และถ้าไม่สนิทจริง แขกไม่มา ก็จะเป็นโต๊ะเปล่าไปอีก

3. กำหนดการ : จะจัดหมั้นเช้าแต่งกลางวัน หรือแต่งเย็น ก็เลือกเลยค่ะ เมื่อก่อนเราเคยคิดว่าต้องแต่งเย็นนะ บรรยากาศโน่นนี่ แต่พอเอาเข้าจริง เราเอาที่ผู้ใหญ่สะดวก ซึ่งบางท่านขับรถเอง หากเป็นงานเย็นก็จะมืดขับลำบาก อาจจะมาไม่ได้ เราเลยจัดเป็นงานกลางวันค่ะ และอีกส่วนนึงเพราะเพื่อนสนิทจัดงานกลางวัน แล้วบอกว่าสะดวกสบายมาก ไม่เหนื่อยมาก หากเป็นงานเย็น ก็ต้องตื่นมาหมั้นเช้าตรู่ตี 3-4 แต่งหน้า และก็ยังไม่จบงาน ต้องอยู่กันถึงมืดอีก แต่ก็แล้วแต่ความชอบ ความสะดวกของแต่ละคนนะคะ แต่ถ้ามองในแง่งบประมาณ หมั้นเช้า แต่งกลางวัน ก็จะประหยัดกว่าด้วยค่ะ เพราะช่างแต่งหน้าทำผม และช่างภาพ จะคิดแค่ 1 คิวครึ่ง แต่ถ้าเป็นหมั้นเช้าแต่งเย็นจะเป็น 2 คิว

4. รูปแบบงาน : จะเป็นค็อกเทล บุฟเฟต์ หรือโต๊ะจีน แล้วแต่มุมมองนะคะ ส่วนตัวเราเวลาไปงาน ชอบค็อกเทล เพราะรู้สึกสะดวกสบายดี เดินไปเดินมาได้ทั่วถึง จะแอบแว้บก็ง่าย แต่พอถึงคราวจัดเอง เลือกแบบบุฟเฟต์ ด้วยเหตุผลว่า
- เลือกตักอาหารได้เอง จะได้ทานอย่างที่ชอบ และเราพยายามเลือกอาหารหลากหลาย มีกุ้ง หมู เป็ด ไก่ เนื้อ เผื่อใครไม่ทานอะไรก็ทานอย่างอื่นได้
- มีโต๊ะให้นั่งทุกคน งานเราเน้นไปทางแขกผู้ใหญ่ ก็อยากให้ได้นั่งเก้าอี้มากกว่า แต่ที่ไม่เลือกโต๊ะจีน เพราะอย่างที่บอกในข้อแรกคือ อยากให้แขกเลือกทานได้หลากหลาย และบุฟเฟต์ เราคิดว่าถ้าเป็นเพื่อน ๆ เรา โต๊ะนั้นเกินโต๊ะนี้ขาด ก็คงจะไปขอเก้าอี้มานั่งกับเพื่อนตัวเองได้ ซึ่งถ้าเป็นโต๊ะจีนจะลำบากนิดนึง เพราะอาหารมีจำกัดในแต่ละโต๊ะ ส่วนมากถ้าที่นั่งโต๊ะเราไม่พอก็ต้องไปนั่งกับคนอื่น และในการจัดบุฟเฟต์ของเรา เราก็จัดโต๊ะ VIP ให้แขกผู้ใหญ่ด้วย คือจะมีพนักงานมายืนดูแลใกล้ชิด และมีอาหารจานหลักมาวางไว้ให้บนโต๊ะ ซึ่งก็มาจากในไลน์อาหารนั่นเอง แต่ไม่ใช่ทุกเมนู อย่างน้อยแขกผู้ใหญ่ก็ไม่ต้องไปต่อคิวเพื่อตักอาหาร แต่ถ้าต้องการเมนูอื่นในไลน์อาหาร แต่ไม่มีบนโต๊ะ ก็แจ้งพนักงานไปตักให้ได้

5. หาสถานที่จัดงาน : เมื่อกำหนดทุกอย่างด้านบนได้แล้ว ก็หาสถานที่ค่ะ เพราะทุกที่ที่เราไปติดต่อเค้าจะถามว่า จัดงานวันไหน? แขกเท่าไหร่? งานเลี้ยงกลางวัน หรือเย็น? จัดแบบไหน? ซึ่งทุกอย่างที่กำหนดมาตอนแรก ก็อาจจะมีปรับเปลี่ยนไปบ้างตามสถานการณ์ เช่นเราตอนแรกก็ แขก 2-300 แต่งเย็น โต๊ะจีน แต่ไป ๆ มา ๆ แขก 400 แต่งกลางวัน บุฟเฟต์ .. มันก็เกิดขึ้นได้ค่ะ
หาสถานที่อย่างไรดี อันนี้ก็แล้วแต่ทำเลและความชอบเลย In door, Out door ต้องโรงแรมมั้ย หรือสโมสร ร้านอาหารก็ได้ ในส่วนทำเล ส่วนมากจะเลือกใกล้บ้านกันค่ะ เพราะเราต้องตื่นเช้าไปแต่งหน้าทำผม และหากต้องเอาของมาเก็บ หรือเอาของจากบ้านไปเพิ่มเติมก็สะดวก
ส่วนตัวเราคุณพ่อเป็นทหาร ก็จะได้ส่วนลดสโมสรทหารบกอยู่แล้ว และก็ใกล้บ้านด้วย ที่นี่จึงเป็นตัวเลือกหลัก มีหาที่อื่นมาพิจารณาบ้าง แต่สุดท้ายก็เป็นที่นี่ค่ะ ซึ่งสำหรับเราแล้วสโมสรก็มีความพร้อมไม่ต่างจากโรงแรม เค้ามีความเป็นมืออาชีพ ทั้งในเรื่องพิธีการ และสถานที่ ที่จอดรถก็มากพอ ไม่วุ่นวาย สิ่งที่ต่างจากโรงแรมก็คือไม่มีห้องนอนเท่านั้น ถ้าแต่งโรงแรมก็จะได้ห้องนอนค้างคืนก่อนงาน หรือบางทีก็หลังงานด้วย ประมาณนี้

6. Wedding Package : เราไม่เคยคิดจะซื้อแพ็คเกจเลยค่ะ เราลองหาข้อมูลแบบแยก ๆ มาบ้าง เช่น ค่าเช่าชุดเจ้าสาว มีหลายราคา หลายเงื่อนไขมาก แต่ร้าน และแบบที่เราชอบคือเช่าวันงานแต่งวันเดียวประมาณ 35,000 บาท และแถมชุดเจ้าบ่าวให้ ส่วนช่างแต่งหน้าทำผม น้องเราแนะนำคนรู้จักให้ราคามาคิวละ 15,000 บาท ซึ่งนี่คือราคาวันงานวันเดียว แล้วถ้ามีถ่ายพรีอีก..ค่าช่างภาพนิ่ง และวีดีโออีก ทำ Presentation อีก..
แฟนเราชวนไปงาน Wedding ค่ะ แฟนอยากรู้ราคารวม ๆ ของทุกอย่างว่าจะใช้งบเท่าไหร่ ซึ่งเราคิดว่าไม่ซื้อแน่นอน เคยอ่าน ๆ มาบ้างว่าไม่ดี โดนหลอก...มากมายไปหมด เราเลยบอกแฟนว่า "ถ้าไม่ซื้อ อย่าไปเลย" .. แต่สุดท้ายก็ไปค่ะ แต่ไปถึงแฟนเราไม่คุยกับ Sales เลย กลายเป็นเราที่ต้องคุยทุกอย่าง เมื่อได้ดูราคาแพ็คเกจ และผลงานแล้ว จากที่เราคิดว่า "ไม่ซื้อแน่ ๆ" กลายเป็นว่า "ฉันจะซื้อเดี๋ยวนี้" Sales ไม่ได้มาบังคับ กดดันอะไรแบบที่เราคิดเลย แต่เราเห็นว่าแพ็คเกจมันครอบคลุมมาก ช่วยลดงานเราไปได้มาก และเป็นร้านที่เปิดมานานเกือบ 20 ปีแล้ว เราคิดว่าเราไว้ใจได้ เค้าก็ต้องรักษาชื่อเสียงเหมือนกัน

แพ็คเกจที่เค้าเสนอ คือแพ็คเกจชุดถ่ายพรีกับวันแต่ง พร้อมช่างหน้าผม ช่างภาพ แค่นี้ แต่เราก็ถามในส่วนที่เราต้องการเพิ่มเติม ว่าเค้าทำมั้ย แล้วทั้งหมดนี้ราคาเท่าไหร่ ซึ่งได้แก่
- วันถ่ายพรี : ชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาว คนละ 3 ชุด เลือกได้ทุกชุดในร้าน (แต่ถึงเวลาจริง ๆ เค้าจะไปเลือกมาให้เราเลือกอีกทีค่ะ ซึ่งเราก็คิดว่าเป็นเพราะถ้าให้เราไปเลือกเองจากทุกชุดในร้าน 3 วันก็ไม่เสร็จค่ะ เค้าเลือกมาให้ก็สะดวกดี ถ้าเราไม่ชอบชุดที่เค้าเลือกมา เค้าก็ไปหามาให้ใหม่)  และชุดที่เราเอามาเองอีก 1-2 ชุด เพื่อให้ดูเป็นตัวเองบ้าง / ช่างภาพนิ่ง / ช่างภาพวิดีโอ / ช่างแต่งหน้าทำผม / สัมภาษณ์และถ่ายวิดีโอทำ Presentation (ช่าง ทั้งหมด จะเป็น set เดียวกับวันจริง เราก็จะได้ลองไปด้วยว่าเราชอบงานเค้ามั้ย) >>> เลือกรูปได้ 30 รูป (ไม่ชอบถ่ายรูปทั้งคู่ เลือก 30 รูปคือเผื่อไว้แล้วว่า จะไม่มีต้องจ่ายเพิ่ม เพราะถ้าจะเอาเกินจากที่ตกลงไว้ ราคาจะเป็นรูปละ 1,000 แล้วแต่ร้านนะคะ) ทำอัลบั้มใหญ่ให้ ใส่กรอบหลุยส์ใหญ่ให้ 2 รูป
- วันจริง : ชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาว 2 ชุด สำหรับงานหมั้น และงานแต่ง / ช่างแต่งหน้าทำผม / ช่างภาพนิ่ง 2 เป็นกล้องหลัก 1 Candid 1 / ช่างภาพวิดีโอ 1 >>> ได้ไฟล์รูปทั้งหมด ปรับแสงสีให้ แต่ไม่ได้อัดให้ ได้วิดีโอวันงานตัวเต็ม กับแบบตัดต่อช่วง Hi-Light ให้

แพ็คเกจนี้ช่วยเราได้มากเลย จ่ายก้อนเดียวจบ ถ้าเราไม่เลือกรูปเกิน และประหยัดกว่าที่เราจะไปซื้อแยกเป็นอย่าง ๆ มาก
อีกอย่างนึงที่หลายคนทำคือ ให้เพื่อน ญาติ หรือคนรู้จักช่วยในส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ เช่น ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ ทำ Present หรือแต่งหน้าทำผม แต่สำหรับเราแล้ว เราสบายใจที่จะใช้บริการคนอื่นมากกว่า เพราะหากไม่พอใจก็จะได้บอกกันได้ตรง ๆ และก็ไม่อยากให้คนรู้จักเราเสียโอกาส หรือลำบากใจด้วย หากสะดวกที่จะมาร่วมงานแต่งเรา ก็อยากให้มาเป็นแขก มาแบบสวย ๆ หล่อ ๆ ร่วมยินดีกับเรา เราก็ดีใจมากแล้ว

7. งานหมั้น : เราเลือกจัดที่เดียวกับงานแต่ง เพื่อความสะดวก และซื้อแพ็คเกจงานหมั้นแขก 50 คน เพราะเป็นงานเช้ามีแต่แขกผู้ใหญ่ คาดว่ามาไม่มาก แต่ถ้ามาเกิน 50 ก็เสริมเก้าอี้ได้ ทางสถานที่ก็เตรียมของว่างและเครื่องดื่มไว้ให้ นิมนต์พระ 9 รูป เลี้ยงพระ ทุกอย่างรวมในแพ็คเกจ

ที่จ่ายเพิ่ม คือ
- พิธีกร เราเลือกใช้ของสโมสร เพราะงานเช้าพิธีการเยอะ ใช้พิธีกรมืออาชีพดีกว่า ซึ่งงานก็ออกมาดี ลื่นไหล อบอุ่น ซาบซึ้งกันไป
- พานขันหมาก เราก็ถามร้านที่จัดซุ้มงานแต่งว่ารับทำมั้ย ซึ่งเค้าก็แนะนำอีกร้านมา ซึ่งก็เป็นร้านที่ทำส่งที่สโมสรประจำอยู่แล้ว เราก็มีหาราคาร้านอื่น ๆ ไว้บ้าง และก็ถามราคาร้านนี้ว่าเราต้องการพานตามนี้ พวงมาลัย 3 พวง ราคาเท่าไหร่ ซึ่งเมื่อทางร้านบอกมาแพงกว่าร้านที่เราหาไว้ ก็ถามดูว่า มีงบเท่านี้ พอจะทำได้มั้ย อย่างไร ที่ร้านทำให้ได้ ก็ตกลงเอาตามนี้
- เงินปัจจัย

8. งานแต่ง : ซุ้มทางเดิน Back drop หน้างาน ทางสโมสรมีร้านให้เลือกอยู่ 3-4 ร้าน ซึ่งเราก็ต้องไปดูผลงานตาม facebook ว่าชอบร้านไหน เลือกร้านได้แล้ว ก็นัดคุย เราเลือกรูปจากผลงานของที่ร้านมาให้ที่ร้านดูว่าเราอยากได้แบบนี้ ตีมสีนี้ ๆ ๆ มีงบเท่านี้ ทำได้มั้ย อย่างไร ที่ร้านบอกว่า "บอกงบมาแบบนี้ง่ายเลย" แล้วก็เริ่มสเก็ตแบบให้ดู ซึ่งเราคุยครั้งเดียวจบ เราไว้ใจว่าทางร้านจะทำได้ดี และก็ออกมาดีจริง ๆ งานแน่นคุ้ม เพื่อนได้รูปเพียบ (แบบที่เราเลือกไว้ ทางร้านบอกมาว่า 60,000 แต่เราบอกว่าเรามีงบส่วนนี้ 50,000 ซึ่งทางร้านก็สามารถปรับให้เป็นตามงบได้ ในแบบที่เราพอใจด้วย)

9. การ์ด และของชำร่วย : เราหาจากเน็ต โดยตั้งงบไว้ว่าการ์ดจะอยู่ที่ไม่เกิน 14-15 บาท งานรับแขกได้ 400 เราจะแจกการ์ดที่ 350 แต่พิมพ์เผื่อไว้ที่ 400 เราจะไม่แจกใบที่ 351 ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ และการเชิญผ่าน fb, line เราไม่ทำ ในไลน์จะเป็นการถามเพื่อนว่า เราจะแต่งวันนี้... ใครจะมาบ้าง ขอชื่อที่อยู่จะส่งการ์ดไป ส่วนมากเพื่อนจะบอกไม่เอาการ์ด แต่เราก็จะเช็คจำนวนได้ว่ากลุ่มนี้มีใครจะมาบ้าง ก็จะได้เตรียมโต๊ะไว้ให้พอดี ๆ

ของชำร่วย มีทั้งงานเช้าและกลางวัน ก็ตั้งงบไว้ดี ๆ ว่าจะใช้งบเท่าไหร่ แล้วหาของที่เราพอใจตามงบนั้น งานเช้าเราจองห้อง 50 ที่ แต่ของเราเลือกเป็นน้ำผึ้ง สั่งขั้นต่ำ 100 ขวด ก็เอามาตามนั้น เหลือดีกว่าขาด ส่วนงานกลางวัน ตอนแขกน้อย ๆ เราก็ดูของชำร่วยราคาประมาณ 30 บาท แต่พอสรุปว่าแขก 400 เราก็ต้องเผื่อคนที่ฝากซองมาด้วย คิดว่าอย่างต่ำเราควรมี 500 ชิ้น ก็เลยเปลี่ยนของไปเรื่อย มาจบที่สมุดฉีกของมูลนิธิ ซึ่งก็ได้ทำบุญไปด้วย แถมลดหย่อนภาษีได้อีก ก็เลยสั่งมา 550 เลย เพราะยังต่ำกว่างบที่ตั้งไว้ตอนแรกมาก เหลือก็เอาไว้ใช้งานได้ ซึ่งจบงานก็เหลือไม่มาก ประมาณ 50 เล่ม

10. แหวน : ส่วนนี้มีหลายแบบ หลายราคา ลองหาและเปรียบเทียบหลาย ๆ ร้านนะคะ ส่วนตัวเราโชคดีมาก ๆ คุณแม่แฟนให้แหวนของคุณแม่มา แบบก็ถูกใจเรามาก ๆ เป็นแบบที่ชอบอยู่แล้ว ก็มีแค่แหวนแฟนที่เลือกอยู่พักนึง แต่ผู้ชายก็ง่าย ๆ เรียบ ๆ ไม่ต้องเพชรโต เป็นใช้ได้

สำคัญมาก

1. เพื่อน : หาเพื่อนสนิทที่เราจะฝากการดูแลแขก การตัดสินใจทุกอย่างไว้ที่เพื่อนผู้แสนดีคนนี้ได้ไว้หลัก ๆ 1 คน เรียกว่า "แม่งาน" และถ้าโชคดีแบบเรา เรามีเพื่อนแสนดีไว้ใจได้มากกว่า 1 คนค่ะ เราเลยฝากเพื่อนอีกคนให้ช่วยดูแลหน้างาน ในส่วนต้อนรับ ดังนั้น เราจะมีคนนึงที่ดูเฉพาะส่วนต้อนรับ และอีกคนดูภาพรวม
2. ญาติ เพื่อน น้องรัก : แผนกต้อนรับแขก และดูแลกล่องใส่ซอง วางหน้าที่ให้ชัดเจนทุกคน
3. Line Group : เรารู้จักเพื่อน ญาติ และน้องทุกคน แต่ทุกคนไม่ได้รู้จักกัน ดังนั้นต้องเอาทุกคนมารู้จักกันในกรุ๊ปก่อน หรือจะนัดเจอแล้วแต่สะดวก ตระเตรียมทุกอย่างตั้งแต่ก่อนเริ่มงานในกรุ๊ปไลน์นี้ และหน้างานก็แนะนำทุกคนให้รู้จักกันอีกที โดยเฉพาะผู้ดูแลกล่องใส่ซอง ต้องแนะนำให้ทุกคนรู้จักว่าคือคนนี้
(ที่หมด ไว้มาต่อนะคะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่