เกริ่นนำ
บทความนี้ผู้เขียนจัดทำขึ้นเพื่อรวมรวบองค์ความรู้ที่ผู้เขียนได้ศึกษามาด้วยตนเองทั้งหมด ผ่านประสบการณ์ที่ได้ศึกษาการทำนายไพ่ยิปซีมากกว่า 10 ปี โดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็นวิทยาทานแก่ผู้สนใจโดยทั่วไป ได้นำไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาฝีมือในการทำนายไพ่ยิปซี แลประดับความรู้ต่อไป
หมายเหตุ : บทความนี้เหมาะสำหรับผู้มีพื้นฐานความรู้ไพ่ยิปซีมาแล้วระดับหนึ่ง คือพอรู้ความหมายขอไพ่ครบทั้ง 78 ใบ สามารถทำนายได้แบบเปิดหนังสือดู หรือทำนายแบบเบื้องต้น ได้(งูๆปลาๆ ดำน้ำอยู่บ้างก็พอได้) แต่จะไม่เหมาะกับผู้อยากจะเรียนลัดตัดกระบวนการ เช่น ผู้ที่ซื้อหนังสือและไพ่มาแล้วยังไม่ทันอ่านให้ละเอียดดี หรือผู้ที่ใจร้อนอยากดูให้เป็นไวๆแต่ขี้เกียจจำความหมายไพ่ เพราะจะทำให้งงที่ผมอธิบาย ดังนั้นโปรดเข้าใจวัตถุประสงค์ของบทความด้วยครับ
บทความ : การ Checkform ลูกค้า
หากเปรียบการดูดวงเป็นธุรกิจอย่างนึง
“การ Checkform ลูกค้า” ก็เปรียบเสมือนการเฝ้าสังเกตความต้องการของลูกค้า โดยมีจุดประสงค์ คือ หาช่องว่างใน
“สมการความต้องการ” ของลูกค้าให้เจอให้ได้ เพื่อที่เราจะได้เขาไปเป็นส่วนเติมเต็มของสมการนั้นเสีย และได้มาซึ่งค่าตอบแทนในการเติมเต็มสมการนั้นให้สมบูรณ์
ดังนั้น เราจึงต้องมากล่าวถึง “สมการความต้องการ” กันก่อน หลักการของสมการนี้ก็คือ
X1 + X2 = Y
1. เมื่อ X1 หมายถึง ความต้องการของลูกค้า
2. เมื่อ X2 หมายถึง ความสามารถของเรา
3. เมื่อ Y หมายถึง การให้คุณค่าต่อผลลัพธ์
ฉะนั้น ส่วนที่ลูกค้ามีในสมการนี้ก็คือ X1 ในขณะที่ส่วนที่เราต้องเติมเข้าไปในฐานะหมอดูก็คือ X2 เพื่อที่จะได้รับผลลัพธ์ก็คือ Y กลับมานั่นเอง นี่คือการทำตามสมการแบบง่ายๆที่ถือเป็นเป้าหมายหลักของการ Checkform ที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้
กลับมาพูดถึงเรื่องการ Checkform กันต่อ โดยวิธีการที่ จขกท. เคยใช้มาก่อน นั้นได้แก่
“การถาม Guideline” ซึ่งวิธีนี้ใช้ได้กับคนบางกลุ่มเท่านั้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วก็สามารถทำได้ หลักการคือ เป็นการใช้คำถามบางอย่างถามก่อนหรือหลังจับไพ่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำนาย ให้เรามีข้อมูลมากขึ้นในการทำนาย ทำให้ทำนายได้ตรงกับเรื่องราวของเป้าหมายมากขึ้น แต่ข้อเสียของวิธีการนี้คือ คนบางกลุ่มอาจจะตัดบทมาว่า
“ช่วยทำนายออกมาเลยได้มั๊ยคะ” อย่างนี้วิธีการนี้ก็จะใช้ต่อไม่ได้ครับ เนื่องจากเขาได้ปิดช่องไม่ให้เราถามต่อแล้ว เพราะคนบางกลุ่มเชื่อว่าหมอดูจะแม่นต้องแม่นทำนายได้เองโดยที่ไม่ถามอะไรเลย (ซึ่งก็แล้วแต่ความเชื่อของเขานะ)
ซึ่งเหตุผลที่ผมเลือกใช้วิธีการนี้ในการทำนายก็เพราะ ไมใช่ว่าผมเริ่มต้นทำนายเองไม่ได้ แต่ผมกลับเล็งเห็นว่าการที่เราได้ข้อมูลอะไรเล็กๆน้อยๆซึ่งเป็นข้อมูลแวดล้อมจากลูกค้ามาสนับสนุนประเด็นคำถามหลัก ย่อมจะช่วยให้เราเข้าใจสถานการณ์และประมวลผลข้อมูลได้ตรงจุดกว่าเดิม
“เพราะที่ลูกค้าเสียเงินมาดูดวง เขาย่อมอยากได้การวิเคราะห์ที่ตรงจุดมากที่สุด ฉะนั้นหมอดูควรหาวิธีใดก็ได้ที่จะช่วยวิเคราะห์ให้ตรงจุดมากที่สุดจึงจะถูกต้อง” วิธีการถาม Guideline จึงเป็นการรีดข้อมูลจากลูกค้าที่ตรงและเร็วที่สุดที่หมอดูสามารถทำได้ แต่ก็ต้องระมัดระวังในการใช้ในระดับนึงครับ
บทส่งท้าย
ในครั้งต่อไปเราจะมาศึกษากลเม็ดวิธีการจัดเรียงไพ่ในรูปแบบต่างๆ รวมไปถึงเทคนิคการประยุกต์ใช้ Layout การวางไพ่ ให้สามารถเข้าใจว่าคำถามแบบไหน ควรใช้ไพ่กี่ใบในการทำนาย
...สำหรับวันนี้ ....
...สวัสดีครับ...
{ดูดวงง่ายๆ สไตล์ Draconyz} Miniseries – เทคนิคการทำนายด้วยไพ่ยิปซี: การ Checkform ลูกค้า
บทความนี้ผู้เขียนจัดทำขึ้นเพื่อรวมรวบองค์ความรู้ที่ผู้เขียนได้ศึกษามาด้วยตนเองทั้งหมด ผ่านประสบการณ์ที่ได้ศึกษาการทำนายไพ่ยิปซีมากกว่า 10 ปี โดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็นวิทยาทานแก่ผู้สนใจโดยทั่วไป ได้นำไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาฝีมือในการทำนายไพ่ยิปซี แลประดับความรู้ต่อไป
หมายเหตุ : บทความนี้เหมาะสำหรับผู้มีพื้นฐานความรู้ไพ่ยิปซีมาแล้วระดับหนึ่ง คือพอรู้ความหมายขอไพ่ครบทั้ง 78 ใบ สามารถทำนายได้แบบเปิดหนังสือดู หรือทำนายแบบเบื้องต้น ได้(งูๆปลาๆ ดำน้ำอยู่บ้างก็พอได้) แต่จะไม่เหมาะกับผู้อยากจะเรียนลัดตัดกระบวนการ เช่น ผู้ที่ซื้อหนังสือและไพ่มาแล้วยังไม่ทันอ่านให้ละเอียดดี หรือผู้ที่ใจร้อนอยากดูให้เป็นไวๆแต่ขี้เกียจจำความหมายไพ่ เพราะจะทำให้งงที่ผมอธิบาย ดังนั้นโปรดเข้าใจวัตถุประสงค์ของบทความด้วยครับ
บทความ : การ Checkform ลูกค้า
หากเปรียบการดูดวงเป็นธุรกิจอย่างนึง “การ Checkform ลูกค้า” ก็เปรียบเสมือนการเฝ้าสังเกตความต้องการของลูกค้า โดยมีจุดประสงค์ คือ หาช่องว่างใน “สมการความต้องการ” ของลูกค้าให้เจอให้ได้ เพื่อที่เราจะได้เขาไปเป็นส่วนเติมเต็มของสมการนั้นเสีย และได้มาซึ่งค่าตอบแทนในการเติมเต็มสมการนั้นให้สมบูรณ์
ดังนั้น เราจึงต้องมากล่าวถึง “สมการความต้องการ” กันก่อน หลักการของสมการนี้ก็คือ
1. เมื่อ X1 หมายถึง ความต้องการของลูกค้า
2. เมื่อ X2 หมายถึง ความสามารถของเรา
3. เมื่อ Y หมายถึง การให้คุณค่าต่อผลลัพธ์
ฉะนั้น ส่วนที่ลูกค้ามีในสมการนี้ก็คือ X1 ในขณะที่ส่วนที่เราต้องเติมเข้าไปในฐานะหมอดูก็คือ X2 เพื่อที่จะได้รับผลลัพธ์ก็คือ Y กลับมานั่นเอง นี่คือการทำตามสมการแบบง่ายๆที่ถือเป็นเป้าหมายหลักของการ Checkform ที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้
กลับมาพูดถึงเรื่องการ Checkform กันต่อ โดยวิธีการที่ จขกท. เคยใช้มาก่อน นั้นได้แก่ “การถาม Guideline” ซึ่งวิธีนี้ใช้ได้กับคนบางกลุ่มเท่านั้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วก็สามารถทำได้ หลักการคือ เป็นการใช้คำถามบางอย่างถามก่อนหรือหลังจับไพ่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำนาย ให้เรามีข้อมูลมากขึ้นในการทำนาย ทำให้ทำนายได้ตรงกับเรื่องราวของเป้าหมายมากขึ้น แต่ข้อเสียของวิธีการนี้คือ คนบางกลุ่มอาจจะตัดบทมาว่า “ช่วยทำนายออกมาเลยได้มั๊ยคะ” อย่างนี้วิธีการนี้ก็จะใช้ต่อไม่ได้ครับ เนื่องจากเขาได้ปิดช่องไม่ให้เราถามต่อแล้ว เพราะคนบางกลุ่มเชื่อว่าหมอดูจะแม่นต้องแม่นทำนายได้เองโดยที่ไม่ถามอะไรเลย (ซึ่งก็แล้วแต่ความเชื่อของเขานะ)
ซึ่งเหตุผลที่ผมเลือกใช้วิธีการนี้ในการทำนายก็เพราะ ไมใช่ว่าผมเริ่มต้นทำนายเองไม่ได้ แต่ผมกลับเล็งเห็นว่าการที่เราได้ข้อมูลอะไรเล็กๆน้อยๆซึ่งเป็นข้อมูลแวดล้อมจากลูกค้ามาสนับสนุนประเด็นคำถามหลัก ย่อมจะช่วยให้เราเข้าใจสถานการณ์และประมวลผลข้อมูลได้ตรงจุดกว่าเดิม “เพราะที่ลูกค้าเสียเงินมาดูดวง เขาย่อมอยากได้การวิเคราะห์ที่ตรงจุดมากที่สุด ฉะนั้นหมอดูควรหาวิธีใดก็ได้ที่จะช่วยวิเคราะห์ให้ตรงจุดมากที่สุดจึงจะถูกต้อง” วิธีการถาม Guideline จึงเป็นการรีดข้อมูลจากลูกค้าที่ตรงและเร็วที่สุดที่หมอดูสามารถทำได้ แต่ก็ต้องระมัดระวังในการใช้ในระดับนึงครับ
บทส่งท้าย
ในครั้งต่อไปเราจะมาศึกษากลเม็ดวิธีการจัดเรียงไพ่ในรูปแบบต่างๆ รวมไปถึงเทคนิคการประยุกต์ใช้ Layout การวางไพ่ ให้สามารถเข้าใจว่าคำถามแบบไหน ควรใช้ไพ่กี่ใบในการทำนาย
...สวัสดีครับ...