สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ เนื่องในช่วงพระราชพิธีที่อันสำคัญของคนไทยทั้งชาติที่พวกเราทุกคนอยู่ในช่วงความโศกเศร้าในขณะนี้
ผมจะขออนุญาติพูดถึงพระบรมราโชวาทที่ผมนั้นยึดและคงอยู่ในจิตใจของผมมาเสมอตลอดเวลา
และมันก็จะคงอยู่จนกว่าชีวิตจะหาไม่ของผม
พระบรมราโชวาทนั้นมีใจความที่ว่า
"การทำความดีนั้น โดยมากเป็นการเดินทวนกระแสความพอใจ และความต้องการของมนุษย์ จึงยากและเห็นผลช้า แต่จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ ความชั่ว ซึ่งทำได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่ แล้วพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว "
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรแก่ว่าที่ร้อยตำรวจตรีฯ โรงเรียนนายร้อยตำรวจฯ 10 มีนาคม 2529
พระบรมราโชวาทของในหลวงราชการที่ 9 นี้ หากตีความให้พวกเราคนธรรมดาเข้าใจง่ายๆก็คือ
เวลาพวกเราทำความดีนั้น มักอาจจะถูกมองว่า สร้างภาพบ้าง...
ทำดีเอาหน้าบ้าง..
ทำเด่นบ้าง..
ทำเพื่อผลประโยชน์ตนเองบ้าง.. หรืออื่นๆอีกมากมาย เท่าที่ความชั่วนั้นจะจัดการกับเราได้
ซึ่งก็ตรงกับพระบรมราโชวาทในใจความที่ว่า "การเดินทวนกระแสความพอใจ " นั่นเอง
และการทำความดีนั้น เวลาทำ ก็อาจจะไม่ถูกสรรเสริญ
ไม่ถูกพูดถึง
หรืออาจทำแล้วก็เงียบหายไป..เหมือนลมที่พัดผ่าน
ไม่เท่ากับการทำความชั่ว แล้ว เป็นข่าวโด่งดัง ไปหลายๆวัน อย่างที่พวกเราจะเห็นได้ในปัจจุบัน
สิ่งเหล่านี้ ที่ผมได้ขยายความออกมา ก็จะคอยเป็นที่บันทอนการทำความดีของพวกเราที่กระทำนั่นเอง
ดั่งพระบรมราโชวาทที่ว่า "ทำดีนั้นยากและเห็นผลช้า แต่จำต้องทำ "
เพราะฉะนั้น จงอย่าย่อท้อในการทำความดี เพราะหากพวกเราท้อในการทำความดีแล้ว
ความชั่ว ก็จะเข้าครอบง่ำทั้งกายและใจได้ในทันที จนความดีที่พวกเราทำนั้นลืมหายไป
ดั่งพระบรมราโชวาทที่มีใจความที่ว่า " ความชั่ว ซึ่งทำได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่ แล้วพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว "
ประชาชนคนไทยทุกคนครับ ความดีนั้นก็ เหมือนกับการปิดทองหลังพระ มันเหนื่อยใช่ไหม..ครับ
ผมเข้าใจดี
แต่ได้โปรดอย่าหยุดทำความดีนะครับ
เพราะความดีที่พวกเราช่วยกันกระทำนั้น ถึงแม้จะเป็นสิ่งเล็กมากๆ
แต่ก็คือความดีที่สำคัญของแผ่นดินของพวกเรา ที่พ่อทิ้งไว้ให้พวกเราช่วยกันดูแล
หากแผ่นดินนี้ไม่เหลือความดี แล้วพวกเราเมื่อสิ้นชีวีจะหลับตาลงนึกถึงพ่อได้อย่างไร
ผมคนหนึ่งที่จะทำดี เพื่อส่วนรวม เพื่อแผ่นดิน ในแบบฉบับของตนเอง จนกว่าจะหมดลมหายใจเช่นกัน
และผมก็คิดว่า พวกเราคนไทยทุกๆคนก็อยากทำดี เพราะฉะนั้น จงทำดี ในแบบฉบับของตนเอง ไม่จำเป็นต้องดีเลิสหรู แต่ให้รู้สึก อิ่มกาย และ อิ่มใจ
เพื่อส่วนรวม เพื่อแผ่นดิน เพื่อพ่อหลวงของพวกเรา
เนื่องในวันที่ 26 ตุลาคม นี้ จะเป็นช่วง พระราชพิธีถวายพระเพลิง
พวกเราจะส่งพ่อของพวกเราทุกคน และจะตั้งจิตสัจจะวาจาบอกกล่าวพ่อว่า
ทุกๆใน พระราชกรณียกิจ และ พระราชดำรัส
พวกเราคนไทยทุกคนจะขอจดจำและนำมาประพฤติปฎิบัติ เพื่อเกิดเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม และแผ่นดินไทยของพวกเราทุกคน
ขอน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า ปูอัด ไชยามพวาน
พระบรมราโชวาท จะคงอยู่ในจิตใจข้าพระพุทธเจ้าตลอดไป
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ เนื่องในช่วงพระราชพิธีที่อันสำคัญของคนไทยทั้งชาติที่พวกเราทุกคนอยู่ในช่วงความโศกเศร้าในขณะนี้
ผมจะขออนุญาติพูดถึงพระบรมราโชวาทที่ผมนั้นยึดและคงอยู่ในจิตใจของผมมาเสมอตลอดเวลา
และมันก็จะคงอยู่จนกว่าชีวิตจะหาไม่ของผม
พระบรมราโชวาทนั้นมีใจความที่ว่า
"การทำความดีนั้น โดยมากเป็นการเดินทวนกระแสความพอใจ และความต้องการของมนุษย์ จึงยากและเห็นผลช้า แต่จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ ความชั่ว ซึ่งทำได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่ แล้วพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว "
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรแก่ว่าที่ร้อยตำรวจตรีฯ โรงเรียนนายร้อยตำรวจฯ 10 มีนาคม 2529
พระบรมราโชวาทของในหลวงราชการที่ 9 นี้ หากตีความให้พวกเราคนธรรมดาเข้าใจง่ายๆก็คือ
เวลาพวกเราทำความดีนั้น มักอาจจะถูกมองว่า สร้างภาพบ้าง...
ทำดีเอาหน้าบ้าง..
ทำเด่นบ้าง..
ทำเพื่อผลประโยชน์ตนเองบ้าง.. หรืออื่นๆอีกมากมาย เท่าที่ความชั่วนั้นจะจัดการกับเราได้
ซึ่งก็ตรงกับพระบรมราโชวาทในใจความที่ว่า "การเดินทวนกระแสความพอใจ " นั่นเอง
และการทำความดีนั้น เวลาทำ ก็อาจจะไม่ถูกสรรเสริญ
ไม่ถูกพูดถึง
หรืออาจทำแล้วก็เงียบหายไป..เหมือนลมที่พัดผ่าน
ไม่เท่ากับการทำความชั่ว แล้ว เป็นข่าวโด่งดัง ไปหลายๆวัน อย่างที่พวกเราจะเห็นได้ในปัจจุบัน
สิ่งเหล่านี้ ที่ผมได้ขยายความออกมา ก็จะคอยเป็นที่บันทอนการทำความดีของพวกเราที่กระทำนั่นเอง
ดั่งพระบรมราโชวาทที่ว่า "ทำดีนั้นยากและเห็นผลช้า แต่จำต้องทำ "
เพราะฉะนั้น จงอย่าย่อท้อในการทำความดี เพราะหากพวกเราท้อในการทำความดีแล้ว
ความชั่ว ก็จะเข้าครอบง่ำทั้งกายและใจได้ในทันที จนความดีที่พวกเราทำนั้นลืมหายไป
ดั่งพระบรมราโชวาทที่มีใจความที่ว่า " ความชั่ว ซึ่งทำได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่ แล้วพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว "
ประชาชนคนไทยทุกคนครับ ความดีนั้นก็ เหมือนกับการปิดทองหลังพระ มันเหนื่อยใช่ไหม..ครับ
ผมเข้าใจดี
แต่ได้โปรดอย่าหยุดทำความดีนะครับ
เพราะความดีที่พวกเราช่วยกันกระทำนั้น ถึงแม้จะเป็นสิ่งเล็กมากๆ
แต่ก็คือความดีที่สำคัญของแผ่นดินของพวกเรา ที่พ่อทิ้งไว้ให้พวกเราช่วยกันดูแล
หากแผ่นดินนี้ไม่เหลือความดี แล้วพวกเราเมื่อสิ้นชีวีจะหลับตาลงนึกถึงพ่อได้อย่างไร
ผมคนหนึ่งที่จะทำดี เพื่อส่วนรวม เพื่อแผ่นดิน ในแบบฉบับของตนเอง จนกว่าจะหมดลมหายใจเช่นกัน
และผมก็คิดว่า พวกเราคนไทยทุกๆคนก็อยากทำดี เพราะฉะนั้น จงทำดี ในแบบฉบับของตนเอง ไม่จำเป็นต้องดีเลิสหรู แต่ให้รู้สึก อิ่มกาย และ อิ่มใจ
เพื่อส่วนรวม เพื่อแผ่นดิน เพื่อพ่อหลวงของพวกเรา
เนื่องในวันที่ 26 ตุลาคม นี้ จะเป็นช่วง พระราชพิธีถวายพระเพลิง
พวกเราจะส่งพ่อของพวกเราทุกคน และจะตั้งจิตสัจจะวาจาบอกกล่าวพ่อว่า
ทุกๆใน พระราชกรณียกิจ และ พระราชดำรัส
พวกเราคนไทยทุกคนจะขอจดจำและนำมาประพฤติปฎิบัติ เพื่อเกิดเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม และแผ่นดินไทยของพวกเราทุกคน
ขอน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า ปูอัด ไชยามพวาน