สวัสดีครับ วันนี้ผมจะถ่ายทอดประสบการณ์กับการท่องเที่ยวประเทศจีนอีกครั้ง ความจริงแล้วผมคงไปจีนครั้งแรกมาแล้วเมื่อปลายปี 2014 ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกกับเมืองฉางซา เมืองจางเจียเจี้ย และเมืองเฟงหวง ตามกระทู้ที่ผมเคยเขียนไว้ ลองดูนะครับว่าครั้งนั้น ผมไปไหนมาบ้างและเจออะไรมาบ้าง ครั้งนั้นทำให้ผมได้เปิดโลกรู้จักกับประเทศจีนมากขึ้น



ครั้งนี้ผมได้โอกาสไปจีนอีกครั้ง เมื่อเปิดไปดูตั๋วเครื่องบิน air asia ไปกลับดอนเมือง-คุนหมิง ในราคาไปกลับประมาณ 4500 บาท ช่วงวันที่ 8-11 ก.ค. 2017 ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาววันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา เอาละวันหยุดแบบนี้ มนุษย์เงินเดือนอย่างเราถือว่า สวรรค์เลยทีเดียวละ เลยลากเพื่อนรวมก๊วนมาเผชิญชาตะกรรมด้วยกันอีก 4 คน ดังนั้นคนไทย 5 คนที่พูดจีนไม่ได้เลยจึงต้องไปจีนแบบงงงง 555

ตอนที่จองตั๋วก้อกะว่าจะเที่ยวแค่ในคุนหมิงเนี่ยแหละ แต่พอหาข้อมูลไปข้อมูลมาก็พบว่า ระยะ 4 วัน เราสามารถไปถึงเมืองลีเจี่ยงได้ ซึ่งเป็นเมืองโบราณที่คูลมาก และที่สำคัญ ไม่ห่างจากลีเจี่ยงมีภูเขาหิมะที่จัดว่าสวยเป็นอันดับต้นๆของประเทศจีนอยู่ด้วย นั่นคือ ภูเขาหิมะมังกรหยก แต่ก่อนที่จะไปจีน เราต้องทำวีซ่าเข้าประเทศจีนก่อนนะ ผมก็ไม่ได้ไปทำเองที่สถานทูตจีนหรอก แต่อาศัยจ้างเอเจนซี่เอา จ่ายค่าบริการเพิ่มหน่อย แต่ก็สะดวกดี สำหรับเอเจนซี่ที่รับทำวีซ่าจีนมีเยอะมาก ลอง google ดู

แผนคราวๆที่วางแผนไว้ 4 วัน 3 คืน จากการที่หาข้อมูลมา ประมาณนี้





ลองมาดูครับว่า แผนที่วางไว้จะเป็นจริงหรือจะผิดแผนหรือไม่ ทริปไม่มีการจองตั๋วรถอะไรทั้งสิ้น มีแค่ตั๋วเครื่องบินไปกลับ ดอนเมือง-คุนหมิง และ โฮเทลที่เมืองลีเจี่ยงในคืน วันที่ 9 ก.ค.เท่านั้น นอกจากเราจะดั้นสดอย่างเดียว เรียกว่า ไปแบบ Backpacker กันเลยทีเดียว

และแล้วการเดินทางก็มาถึง