18/10/60/02:01
การเริ่มต้นพิมพ์สิ่งต่างๆเรื่องราวชีวิตที่เป็นไปด้วยความสับสนตลอดระยะเวลา39ปี1เดือน21วัน นับแต่ลืมตาดูโลกในวัยนี้ผมนั้นยังหาจุดหมายและจุดยืนของชีวิตไม่เลย ความกระหายความสุข ความอยากมี อยากจะได้สิ่งต่างๆจนลืมมองถึงความเป็นไปได้ มันคงเป็นเรื่องราวแย่ๆที่ไม่มีคัยอยากจะอ่านมันสักเท่ารัย จำได้ว่าเริ่มจำความได้ผมยังไม่เคยได้รับรู้ถึงความสุขที่เเท้จริงของตนเอง ทุกอย่างยิ้มเสียงหัวเราะมันเป็นเพียงแค่สิ่งจอมปลอมที่เกิดจากการกระทำของตัวเอง ในเวลานี้คนที่คิดถึงมากที่สุดมีอยู่ไม่กี่คน คนแรกนั้นย่อมเป็นแม่แน่นอนตามแบบที่ทุกคนนั้นต้องคิดถึง แต่ความคิดถึงของผมนั้นเพิ่งจะมาเริ่มต้นได้ไม่นาน ทำไมถึงเพิ่งคิดได้เหรอ นั่นสิเรามัวทำอะไรหรือเป็นคนเลวจิงจัง ผมเกิดมาเป็นเด็กที่ครอบครัวไม่สมบูรณ์นัก พ่อแม่แยกทาง ในวัยป.1ก็ต้องเดินไปกลับโรงเรียนเอง เพราะแม่ต้องทำงานที่ต่างๆไม่ค่อยมีเวลา แม่ผมเป็นแม่ครัวครับ ตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจหรอกและก็ไม่คิดอะไร คงอาจจะชินกับสิ่งที่ดำเนินไปในแต่ละวันหรือเด็กอยู่ ผมจำได้ผมเคยอยู่กับยายจน6ขวบและยายอันเป็นทีรักก็มาจากไป ผมจำได้แค่ไม่มาก แต่ก็รู้สึกสุขใจทุกครั้งที่คิดถึงและรู้สึกรัก คิดถึงกับข้าว คิดถึงอ้อมกอด คิดถึงทุกๆอย่างที่พยามจะฟื้นความทรงจำนั้นให้ได้ แต่บางครั้งความจำนั้นก็เหมือนผู้ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับมา ผมก็อยู่กับแม่บ้างไม่อยู่บ้างแล้วก็เรียนมาเรื่อยๆจนจบชั้นปฐมและได้สอบเข้ามัธยมแห่งนึง สิ่งที่ผมจำได้เสมอเกี่ยวกับแม่ในตอนเด็กนั้น แม่เป็นผู้หญิงที่ทำอาหารอร่อยและเล่นไพ่เก่งมาก แต่ก็ไม่เคยเห็นแม่รวยได้สักที ผมเองก็เป็นเด็กที่ชอบเล่นเป็นชีวิตจิตใจมาก ชอบที่จะอยู่กับเพื่อนมันคงเป็นความสุขของผมละมั้ง ผมเองยอมรับนะว่าตัวเองค่อนข้างขี้เกียจ ทำไรเอาแต่ใจแต่ก็ไม่ได้ดั่งใจสักเรื่อง เพราะแม่จะคอยขัดใจและตีอยู่เรื่อย ตอนปฐมผมค่อนข้างเรียนเก่งและเป็นเด็กที่ดีนะ แต่ไม่ได้ดีเลิศเอาเป็นเด็กธรรมดาดีกว่าที่ยังไม่ประสากับความคิด ก็เลยอยู่ในกรอบนิดนึงแหกบ้างนานครั้ง จนมัธยมต้น ฐานะทางบ้านผมเองไม่ค่อยจะดีนัก แต่ก็ไม่ถึงกับข้นแค้น ปัจจัยหลักพื้นฐานครบยกเว้นบ้าน ผมอาศัยอยู่บ้านป้าฝั่งธนแต่เกิดจนถึงป.2ป้าก็ขายบ้าน แล้วผมจะไปอยู่ไหนต่อล่ะทีนี้ ก็ตามไปอยู่กับป้าและพี่สาวซึ่งเป็นลูกของป้ายังงัยครับ แต่ไปเช่าหอพักเค้าอยู่ ตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจทำไมป้าต้องขายบ้านและไปเช่าเค้าอยู่ อ่านมาและเรื่องราวมันน่าเบื่อใช่มั้ยครับจับต้นชนปลายไม่ถูก ใช่ครับตอนนี้ผมเองก็รู้สึกอย่างนั้น อาจเพราะในระหว่างที่ผมพิมพ์เรื่องราวตนเองอยู่นี้ผมก็รุสึกสับสนในตัวเอง รึก็แค่อยากพิมพ์อะไรๆระบายมันไปอย่างนั้น แต่ทุกอย่างมันจริงและจังมาก เเต่เรื่องก็มาถึงมัธยมแล้ว นี่แหละคือหัวเรี่ยวหัวต่อของชีวิต ทุกอย่างกำลังเกิดขึ้น สิ่งต่างและเรื่องราวสุดแย่กำลังดำเนินมา ผมเรียนมัธยม3ไม่จบครับ สอบตกตอนม.3บอกตรงๆติด0แค่วิชาเดียว แต่ผมรุสึกอายถ้ามาเจอหน้าเพื่อนรึหากตัวเองสอบตกจิงๆ ผมไม่สอบซ่อมครับ ผมเปลี่ยนมาเรียนซ้ำชั้นที่โรงเรียนม.3และโกหกต่างๆนานาเพื่อจะได้เรียนที่ใหม่ ผมก็ไม่เข้าใจนะว่าทำไมตัวเองคิดอะไรเช่นนั้น เหตุผลเดียวที่คิดได้ตอนนี้ในวัยนี้คือความเขลา ตอนมัธยมนั้นผมอยู่คนเดียวนะครับแม่ไปทำงานต่างประเทศ ผมโตแล้วอยู่คนเดียวช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว คิดว่างั้นนะ แต่แล้วผมก็ได้กลับมาอยู่กับแม่อีกครั้ง พร้อมกับเริ่มมัธยม3ในโรงเรียนแห่งใหม่ แต่ก็เรียนได้เทอมเดียวต้องโดนไล่ออก เพราะความเกเรและเป็นตัวเองมากขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น แม่ก็ออกเดินทางอีกครั้งเพื่อทำงาน ผมเองก็ต้องหาเรียนในที่แห่งใหม่ ผมถูกส่งไปอยู่กับป้าที่ร้อยเอ็ดเริ่มต้นมัธยม3อีกครั้งในปีการศึกษาใหม่ ซ้ำชั้นอีกครั้ง แม่ก็ด่าตีไปเหอะ แม่ร้องไห้ทุกครั้งที่ลงมือ... และที่นี่เองร้อยเอ็ดมันคือก้าวสำคัญ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ อนาคตสิ่งต่างๆกำลังจะเกิด แต่มันเป็นสิ่งเลวร้ายและทุกทรมานที่สุดที่จะคิดได้ยามนี้ เพราะมันทำให้ชีวิตผมจบลงในคุกเป็นเวลาถึง6ปี8เดือนตามคำพิพากษาศาล แต่ผมยุ่ในนั้นราว5ปี10เดือนเห็นจะได้ ผมเองผันจากนักเรียนมาเป็นเอเย่นค้ายา นักเลง กระทั่งซุ้มโจรด้วยวัยระเริง ตอนนั้นไม่เคยคิดถึงอนาคตไม่คิดถึงตัวเอง ไม่คิดถึงแม่ ไม่คิดถึงใครทั้งสิ้น คิดถึงแต่สิ่งที่ตัวเองกำลังเป็น เงินทองชื่อเสียงในวงการและหมู่วัยรุ่น ทำไปก็เพราะคิดว่าเท่มีเพื่อนมากพี่น้องมีคนเอาอกเอาใจเยอะ แต่สุดท้ายคือความว่างเปล่าในเรือนจำ ตอนนั้นผมกับแม่ขาดการติดต่อกันมานานมากผมออกจากบ้าน โดยที่แม่ทำงานต่างประเทศ แม่มาเยี่ยมผมครั้งนึงนะในวันเยี่ยมญาติ ผมดีใจมากๆที่มีญาติ จนวันได้รับอิสระภาพ ผมจึงกลับกรุงเทพจากขอนแก่นมา งงมั้ยทำไมถึงมาอยู่ขอนแก่นผมโดนย้ายเรือนจำจากร้อยเอ็ดและมาพ้นโทษที่ขอนแก่น ผมเองก้อมาเริ่มต้นใหม่และทำงานในวุฒิ ม.6ผมได้เรียนศึกษาต่อจบม.3และต่อม.6จากในเรือนจำ การตั้งใจให้จบมัธยมปลายนั้นใช่ว่าจะทำให้ผมกลับตัวเป็นคน แต่อาจจะเป็นคนดีของสังคมก็ได้เพราะผมเอง เพราะผมเลิกทุกอย่างที่ผิดกฎหมายแล้วอย่างไม่มีวันหวนคืนไปหามัน ไม่หรอกผมไม่ใช่คนที่กำลังจะดีแต่เป็นคนสำมะเทเมา จนกระทั่งมีบุตรคนแรกเป็นผู้ชาย ตอนนั้นผมอยู่เลี้ยงลูกพาไปทำงานด้วยในวัยแบเบาะและปีต่อมาก่อได้ลูกสาว ความรู้สึกผมบอกตรงๆนะผมรักลูกมาก แต่การกระทำผมมันตรงข้าม ผมเลิกกันกะแฟนลูกสาวอยู่ต่างจังหวัดกับตายาย ลูกชายอยู่กับผมเองเราติดกันมากถึงในวัยอนุบาล แต่วันนึงผมก้อเป็นผมเองที่ปล่อยมือลูก ผมไปหาความสุขใหม่พร้อมกับมีลูกชายเพิ่มมาอีกคน ผมปล่อยผู้หญิงท้องยุ่ลำพังในยามที่เค้าต้องการเรามากที่สุด สุดท้ายทุกอย่างก็สลายหมดพร้อมความไม่สำนึกและการกระทำเลวของผมเอง บอกตรงผมทำทุกอย่างเพื่อได้ความสุขของตัวเอง จนล่วงเลยตอนนี้ผมตระหนักแล้วว่าครอบครัวคือสิ่งที่แท้จริงที่ผมโหยหามาตลอด ความดีที่แท้จริงคือความสุขคนรอบๆใช่สุขตัวเอง จนถึงวันนี้ผมเองก้อยังใช้เงินที่แม่ส่งมาให้ประจำ พอผมงานที่ดีๆไม่กี่ปีผมก็ออกเปลี่ยนงานไปเรื่อย สงสารแม่จัง ในวันนี้ผมคิดเพียงอย่างเดียวแล้วจุดหมายคือครอบครัว และบ้านสักหลังเป็นที่ให้กลับมาเสมอเมื่อใดก็ตามทุกสุขหรือทุกข์และหวังเป็นอย่างยิ่งจะได้น่วมชายคากลับแม่พร้อมกับลูกๆของผมอย่างพร้อมหน้า ผมเองก็ไม่รู้ว่าตนเองเปลี่ยนไปทางที่ดีหริอยัง รู้เพียงทางเดียวคือผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เรามาอยู่กันพร้อมหน้าอีกครั้ง ผมพิมพ์เรื่องราวนี้ในความและเชื่อว่าสักวันจะพบแสงสว่างบ้าง และหวังจะทำตัวให้ดีพอสักครั้ง ขอระบายแค่นี้ล่ะครับครั้งหน้าผมอยากเล่าเรื่องมุมมืดและความรุนแรงของสังคมนึงที่เคยเกือบเอาลมหายใจไปทิ้งหลายครั้ง ความน่ากลัวของสังคมนึงที่หลายคนไม่เคยรู้ หรือความต่างจากมุมมืดที่เลวร้ายต่างกันไปที่เคยพบมา หากมีคนสนจัยจะอ่านมันอาจไม่มีสาระอันใด แต่หากเรื่องเล่าจากห้องมืดจะทำให้ใครฉุดคิด หรือเป็นสิ่งรับรู้ใหม่ได้ แต่ผมเชื่อมันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก และกล้าที่จะกล่าวมันไม่เป็นอุทาหรอะรัยเพราะผมเชื่อทุกคนมีความคิดเป็นของตนเองย่อมถูกเสมอ เพราะมันคือสิ่งที่ผมเคยเป็นจากอดีตถึงปัจจุบัน ผมเองไม่ชอบจะพิมพ์อะรัยดราม่ามากนักเรื่องราวห้วนๆนี่เเหละที่จะซ่อนใจอันมืดดับและความผิดโทษนี้ไว้ได้
คิดถึงแม่กับลูกๆจัง..(เสียงจากคนในห้องมืด)
จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด แม้อาจจะช้าไป ก็ได้คิดที่จะทำ.!!
การเริ่มต้นพิมพ์สิ่งต่างๆเรื่องราวชีวิตที่เป็นไปด้วยความสับสนตลอดระยะเวลา39ปี1เดือน21วัน นับแต่ลืมตาดูโลกในวัยนี้ผมนั้นยังหาจุดหมายและจุดยืนของชีวิตไม่เลย ความกระหายความสุข ความอยากมี อยากจะได้สิ่งต่างๆจนลืมมองถึงความเป็นไปได้ มันคงเป็นเรื่องราวแย่ๆที่ไม่มีคัยอยากจะอ่านมันสักเท่ารัย จำได้ว่าเริ่มจำความได้ผมยังไม่เคยได้รับรู้ถึงความสุขที่เเท้จริงของตนเอง ทุกอย่างยิ้มเสียงหัวเราะมันเป็นเพียงแค่สิ่งจอมปลอมที่เกิดจากการกระทำของตัวเอง ในเวลานี้คนที่คิดถึงมากที่สุดมีอยู่ไม่กี่คน คนแรกนั้นย่อมเป็นแม่แน่นอนตามแบบที่ทุกคนนั้นต้องคิดถึง แต่ความคิดถึงของผมนั้นเพิ่งจะมาเริ่มต้นได้ไม่นาน ทำไมถึงเพิ่งคิดได้เหรอ นั่นสิเรามัวทำอะไรหรือเป็นคนเลวจิงจัง ผมเกิดมาเป็นเด็กที่ครอบครัวไม่สมบูรณ์นัก พ่อแม่แยกทาง ในวัยป.1ก็ต้องเดินไปกลับโรงเรียนเอง เพราะแม่ต้องทำงานที่ต่างๆไม่ค่อยมีเวลา แม่ผมเป็นแม่ครัวครับ ตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจหรอกและก็ไม่คิดอะไร คงอาจจะชินกับสิ่งที่ดำเนินไปในแต่ละวันหรือเด็กอยู่ ผมจำได้ผมเคยอยู่กับยายจน6ขวบและยายอันเป็นทีรักก็มาจากไป ผมจำได้แค่ไม่มาก แต่ก็รู้สึกสุขใจทุกครั้งที่คิดถึงและรู้สึกรัก คิดถึงกับข้าว คิดถึงอ้อมกอด คิดถึงทุกๆอย่างที่พยามจะฟื้นความทรงจำนั้นให้ได้ แต่บางครั้งความจำนั้นก็เหมือนผู้ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับมา ผมก็อยู่กับแม่บ้างไม่อยู่บ้างแล้วก็เรียนมาเรื่อยๆจนจบชั้นปฐมและได้สอบเข้ามัธยมแห่งนึง สิ่งที่ผมจำได้เสมอเกี่ยวกับแม่ในตอนเด็กนั้น แม่เป็นผู้หญิงที่ทำอาหารอร่อยและเล่นไพ่เก่งมาก แต่ก็ไม่เคยเห็นแม่รวยได้สักที ผมเองก็เป็นเด็กที่ชอบเล่นเป็นชีวิตจิตใจมาก ชอบที่จะอยู่กับเพื่อนมันคงเป็นความสุขของผมละมั้ง ผมเองยอมรับนะว่าตัวเองค่อนข้างขี้เกียจ ทำไรเอาแต่ใจแต่ก็ไม่ได้ดั่งใจสักเรื่อง เพราะแม่จะคอยขัดใจและตีอยู่เรื่อย ตอนปฐมผมค่อนข้างเรียนเก่งและเป็นเด็กที่ดีนะ แต่ไม่ได้ดีเลิศเอาเป็นเด็กธรรมดาดีกว่าที่ยังไม่ประสากับความคิด ก็เลยอยู่ในกรอบนิดนึงแหกบ้างนานครั้ง จนมัธยมต้น ฐานะทางบ้านผมเองไม่ค่อยจะดีนัก แต่ก็ไม่ถึงกับข้นแค้น ปัจจัยหลักพื้นฐานครบยกเว้นบ้าน ผมอาศัยอยู่บ้านป้าฝั่งธนแต่เกิดจนถึงป.2ป้าก็ขายบ้าน แล้วผมจะไปอยู่ไหนต่อล่ะทีนี้ ก็ตามไปอยู่กับป้าและพี่สาวซึ่งเป็นลูกของป้ายังงัยครับ แต่ไปเช่าหอพักเค้าอยู่ ตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจทำไมป้าต้องขายบ้านและไปเช่าเค้าอยู่ อ่านมาและเรื่องราวมันน่าเบื่อใช่มั้ยครับจับต้นชนปลายไม่ถูก ใช่ครับตอนนี้ผมเองก็รู้สึกอย่างนั้น อาจเพราะในระหว่างที่ผมพิมพ์เรื่องราวตนเองอยู่นี้ผมก็รุสึกสับสนในตัวเอง รึก็แค่อยากพิมพ์อะไรๆระบายมันไปอย่างนั้น แต่ทุกอย่างมันจริงและจังมาก เเต่เรื่องก็มาถึงมัธยมแล้ว นี่แหละคือหัวเรี่ยวหัวต่อของชีวิต ทุกอย่างกำลังเกิดขึ้น สิ่งต่างและเรื่องราวสุดแย่กำลังดำเนินมา ผมเรียนมัธยม3ไม่จบครับ สอบตกตอนม.3บอกตรงๆติด0แค่วิชาเดียว แต่ผมรุสึกอายถ้ามาเจอหน้าเพื่อนรึหากตัวเองสอบตกจิงๆ ผมไม่สอบซ่อมครับ ผมเปลี่ยนมาเรียนซ้ำชั้นที่โรงเรียนม.3และโกหกต่างๆนานาเพื่อจะได้เรียนที่ใหม่ ผมก็ไม่เข้าใจนะว่าทำไมตัวเองคิดอะไรเช่นนั้น เหตุผลเดียวที่คิดได้ตอนนี้ในวัยนี้คือความเขลา ตอนมัธยมนั้นผมอยู่คนเดียวนะครับแม่ไปทำงานต่างประเทศ ผมโตแล้วอยู่คนเดียวช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว คิดว่างั้นนะ แต่แล้วผมก็ได้กลับมาอยู่กับแม่อีกครั้ง พร้อมกับเริ่มมัธยม3ในโรงเรียนแห่งใหม่ แต่ก็เรียนได้เทอมเดียวต้องโดนไล่ออก เพราะความเกเรและเป็นตัวเองมากขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น แม่ก็ออกเดินทางอีกครั้งเพื่อทำงาน ผมเองก็ต้องหาเรียนในที่แห่งใหม่ ผมถูกส่งไปอยู่กับป้าที่ร้อยเอ็ดเริ่มต้นมัธยม3อีกครั้งในปีการศึกษาใหม่ ซ้ำชั้นอีกครั้ง แม่ก็ด่าตีไปเหอะ แม่ร้องไห้ทุกครั้งที่ลงมือ... และที่นี่เองร้อยเอ็ดมันคือก้าวสำคัญ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ อนาคตสิ่งต่างๆกำลังจะเกิด แต่มันเป็นสิ่งเลวร้ายและทุกทรมานที่สุดที่จะคิดได้ยามนี้ เพราะมันทำให้ชีวิตผมจบลงในคุกเป็นเวลาถึง6ปี8เดือนตามคำพิพากษาศาล แต่ผมยุ่ในนั้นราว5ปี10เดือนเห็นจะได้ ผมเองผันจากนักเรียนมาเป็นเอเย่นค้ายา นักเลง กระทั่งซุ้มโจรด้วยวัยระเริง ตอนนั้นไม่เคยคิดถึงอนาคตไม่คิดถึงตัวเอง ไม่คิดถึงแม่ ไม่คิดถึงใครทั้งสิ้น คิดถึงแต่สิ่งที่ตัวเองกำลังเป็น เงินทองชื่อเสียงในวงการและหมู่วัยรุ่น ทำไปก็เพราะคิดว่าเท่มีเพื่อนมากพี่น้องมีคนเอาอกเอาใจเยอะ แต่สุดท้ายคือความว่างเปล่าในเรือนจำ ตอนนั้นผมกับแม่ขาดการติดต่อกันมานานมากผมออกจากบ้าน โดยที่แม่ทำงานต่างประเทศ แม่มาเยี่ยมผมครั้งนึงนะในวันเยี่ยมญาติ ผมดีใจมากๆที่มีญาติ จนวันได้รับอิสระภาพ ผมจึงกลับกรุงเทพจากขอนแก่นมา งงมั้ยทำไมถึงมาอยู่ขอนแก่นผมโดนย้ายเรือนจำจากร้อยเอ็ดและมาพ้นโทษที่ขอนแก่น ผมเองก้อมาเริ่มต้นใหม่และทำงานในวุฒิ ม.6ผมได้เรียนศึกษาต่อจบม.3และต่อม.6จากในเรือนจำ การตั้งใจให้จบมัธยมปลายนั้นใช่ว่าจะทำให้ผมกลับตัวเป็นคน แต่อาจจะเป็นคนดีของสังคมก็ได้เพราะผมเอง เพราะผมเลิกทุกอย่างที่ผิดกฎหมายแล้วอย่างไม่มีวันหวนคืนไปหามัน ไม่หรอกผมไม่ใช่คนที่กำลังจะดีแต่เป็นคนสำมะเทเมา จนกระทั่งมีบุตรคนแรกเป็นผู้ชาย ตอนนั้นผมอยู่เลี้ยงลูกพาไปทำงานด้วยในวัยแบเบาะและปีต่อมาก่อได้ลูกสาว ความรู้สึกผมบอกตรงๆนะผมรักลูกมาก แต่การกระทำผมมันตรงข้าม ผมเลิกกันกะแฟนลูกสาวอยู่ต่างจังหวัดกับตายาย ลูกชายอยู่กับผมเองเราติดกันมากถึงในวัยอนุบาล แต่วันนึงผมก้อเป็นผมเองที่ปล่อยมือลูก ผมไปหาความสุขใหม่พร้อมกับมีลูกชายเพิ่มมาอีกคน ผมปล่อยผู้หญิงท้องยุ่ลำพังในยามที่เค้าต้องการเรามากที่สุด สุดท้ายทุกอย่างก็สลายหมดพร้อมความไม่สำนึกและการกระทำเลวของผมเอง บอกตรงผมทำทุกอย่างเพื่อได้ความสุขของตัวเอง จนล่วงเลยตอนนี้ผมตระหนักแล้วว่าครอบครัวคือสิ่งที่แท้จริงที่ผมโหยหามาตลอด ความดีที่แท้จริงคือความสุขคนรอบๆใช่สุขตัวเอง จนถึงวันนี้ผมเองก้อยังใช้เงินที่แม่ส่งมาให้ประจำ พอผมงานที่ดีๆไม่กี่ปีผมก็ออกเปลี่ยนงานไปเรื่อย สงสารแม่จัง ในวันนี้ผมคิดเพียงอย่างเดียวแล้วจุดหมายคือครอบครัว และบ้านสักหลังเป็นที่ให้กลับมาเสมอเมื่อใดก็ตามทุกสุขหรือทุกข์และหวังเป็นอย่างยิ่งจะได้น่วมชายคากลับแม่พร้อมกับลูกๆของผมอย่างพร้อมหน้า ผมเองก็ไม่รู้ว่าตนเองเปลี่ยนไปทางที่ดีหริอยัง รู้เพียงทางเดียวคือผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เรามาอยู่กันพร้อมหน้าอีกครั้ง ผมพิมพ์เรื่องราวนี้ในความและเชื่อว่าสักวันจะพบแสงสว่างบ้าง และหวังจะทำตัวให้ดีพอสักครั้ง ขอระบายแค่นี้ล่ะครับครั้งหน้าผมอยากเล่าเรื่องมุมมืดและความรุนแรงของสังคมนึงที่เคยเกือบเอาลมหายใจไปทิ้งหลายครั้ง ความน่ากลัวของสังคมนึงที่หลายคนไม่เคยรู้ หรือความต่างจากมุมมืดที่เลวร้ายต่างกันไปที่เคยพบมา หากมีคนสนจัยจะอ่านมันอาจไม่มีสาระอันใด แต่หากเรื่องเล่าจากห้องมืดจะทำให้ใครฉุดคิด หรือเป็นสิ่งรับรู้ใหม่ได้ แต่ผมเชื่อมันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก และกล้าที่จะกล่าวมันไม่เป็นอุทาหรอะรัยเพราะผมเชื่อทุกคนมีความคิดเป็นของตนเองย่อมถูกเสมอ เพราะมันคือสิ่งที่ผมเคยเป็นจากอดีตถึงปัจจุบัน ผมเองไม่ชอบจะพิมพ์อะรัยดราม่ามากนักเรื่องราวห้วนๆนี่เเหละที่จะซ่อนใจอันมืดดับและความผิดโทษนี้ไว้ได้
คิดถึงแม่กับลูกๆจัง..(เสียงจากคนในห้องมืด)