สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
เรารายได้พอๆกับคุณ ตอนนี้เก็บได้ปีละประมาณ 2แสน โดยเป็นเงินสดและพวกหุ้น กองทุน ทองคำ อย่างละ 1แสน
แต่เราไม่มีหนี้สิน (คอนโด รถ อะไรไม่มีค่ะ อยู่บ้านพ่อแม่ ขึ้นรถเมล์ไปทำงาน ห่อข้าวกลางวันไปกิน ข้าวเช้ากินที่บ้าน) ใช้เดือนละประมาณ 5000 ยังเหลือ ขนาดรวมของที่ช๊อปแต่ละเดือนไปแล้วด้วย ถ้าเป็นสมัยเมื่อทำงานแรกๆ
เหลือเก็บเดือนละ 3000 บาทก็เก่งแล้ว ซึ่งมาจากการพิจารณาและสังเกตพฤติกรรมตัวเองที่ทำให้เสียทรัพย์แบบไม่ควรเสีย เช่น
1. เมื่อก่อนชอบซื้อหนังสือมาเยอะๆทีเดียวเพื่ออ่าน แต่ตอนหลังมาพิจารณาตัวเองแล้ว เราจะไม่ค่อยอ่านหนังสือซ้ำรอบ2 คืออ่านจบแล้วเก็บเลย ดังนั้นเราเลยไปสมัครสมาชิก TK park และกำลังจะไปสมัครสมาชิก หอสมุดแห่งชาติอยู่ อ่านเสร็จก็คืนเค้า จบ
2. เมื่อก่อนชอบซื้อเสื้อผ้า ถ้าไม่มีไซส์ เราสั่งตัดค่ะ (น้อยมากๆที่จะซื้อเสื้อผ้าตามตลาดนัด อย่างน้อยต้องเป็นเสื้อผ้าแบรนด์ ซื้อใหม่ทุกเดือน) รองเท้าเหมือนกัน ถ้าเลือกไม่ได้ว่าจะซื้อสีไหนดี เราซื้อ2สีเลย แบบเดียวกันลายเดียวกัน รุ่นเดียวกันเลย กระเป๋านี่ซื้อใหม่แทบทุกเดือน ตอนนี้เปลี่ยนไปมาก เพราะไปเรียนต่อแล้วต้องทำงานพิเศษหาเลี้ยงตัวเอง เลยเกิดอาการงกขึ้นมา และช่วง1ปีที่ผ่านมานี้จะต้องคุมโทนให้ขาว ดำ เทา ด้วย เสื้อผ้าเลยเวียนๆกันใส่ไป
3. เมื่อก่อนชอบตื่นสาย ตื่นไม่ทันเรียกวิน(มอไซค์)แล้ว ฝนตกนั่งแท็กซี่ รถติดต่อบีทีเอส โชคดีที่เปลี่ยนงาน เข้างาน 10โมง ตื่น8.30 ยังทัน เลยนั่งรถเมล์เอา ช่วงนี้ฝนชอบตกหลังเลิกงานบ่อย ก็เปลี่ยนไปเดินห้างฆ่าเวลาแทน รอให้ฝนซา คนซา ค่อยขึ้นรถเมล์กลับบ้าน (แน่นอนว่ากินข้าวบ้านอีกเช่นเดิม) สรุปค่าเดินทางทำงานไปกลับบ้าน วันละไม่เกิน 30บาทเท่านั้น
4. เน็ตมือถือ อดใจเอาใช้แค่เดือนละ 399 เพราะที่ทำงานก็ใช้ไวไฟฟรี ที่บ้านก็ใช้ไวไฟฟรี จะดูหนังดูคลิปอะไร ก็รอให้ถึงที่ทำงานก่อน โชคดีที่ไม่ติดเกมส์มือถือ เลยไม่เปลืองเน็ตมาก ก็เอาเน็ตไว้คุยไลน์ เช็คเมล์ เล่นเฟส
5. ติดกาแฟ ต้องกินทุกเช้าไม่งั้นตาไม่สว่าง ทำงานไม่ได้ ตอนแรกก็ซื้อรถเข็นทุกวัน เริ่มเปลี่ยนมากินกาแฟกระป๋องในเซเว่น (ชอบมีโปร 2 กระป๋อง 20บาท) แต่มีช่วงนึงเพื่อนซื้อกาแฟมาฝาก เป็นห่อๆ (ที่ทำงานเราไม่มีสวัสดิการกาแฟ แต่มีกาต้มน้ำร้อนให้ เลยไม่มีน้ำตาล และคอฟฟี่เมท) แล้ววันนั้นกาแฟที่สต็อกซื้อไว้ในตู้เย็นหมด เลยชงกินแบบไม่มีน้ำตาลนี่แหล่ะ แรกๆก็ขม กินแทบไม่ได้ หลังๆ กลับไปกินกระป๋องไม่ได้แล้ว เพราะมันหวานจับใจเกิน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็เสียค่ากาแฟแค่เดือนละ 30บาท (ซื้อแบบผงมาในเซเว่น 1ถุงเล็กกินได้ 1เดือนพอดี)
ลองพิจารณาพฤติกรรมของตัวเองดูค่ะ แล้วปรับๆดู อะไรที่ไม่ควรเสีย หรือมีทางอื่นที่ประหยัดกว่าได้ก็ทำซะ เงินเก็บเหลือบานเลยทีนี้
แต่เราไม่มีหนี้สิน (คอนโด รถ อะไรไม่มีค่ะ อยู่บ้านพ่อแม่ ขึ้นรถเมล์ไปทำงาน ห่อข้าวกลางวันไปกิน ข้าวเช้ากินที่บ้าน) ใช้เดือนละประมาณ 5000 ยังเหลือ ขนาดรวมของที่ช๊อปแต่ละเดือนไปแล้วด้วย ถ้าเป็นสมัยเมื่อทำงานแรกๆ
เหลือเก็บเดือนละ 3000 บาทก็เก่งแล้ว ซึ่งมาจากการพิจารณาและสังเกตพฤติกรรมตัวเองที่ทำให้เสียทรัพย์แบบไม่ควรเสีย เช่น
1. เมื่อก่อนชอบซื้อหนังสือมาเยอะๆทีเดียวเพื่ออ่าน แต่ตอนหลังมาพิจารณาตัวเองแล้ว เราจะไม่ค่อยอ่านหนังสือซ้ำรอบ2 คืออ่านจบแล้วเก็บเลย ดังนั้นเราเลยไปสมัครสมาชิก TK park และกำลังจะไปสมัครสมาชิก หอสมุดแห่งชาติอยู่ อ่านเสร็จก็คืนเค้า จบ
2. เมื่อก่อนชอบซื้อเสื้อผ้า ถ้าไม่มีไซส์ เราสั่งตัดค่ะ (น้อยมากๆที่จะซื้อเสื้อผ้าตามตลาดนัด อย่างน้อยต้องเป็นเสื้อผ้าแบรนด์ ซื้อใหม่ทุกเดือน) รองเท้าเหมือนกัน ถ้าเลือกไม่ได้ว่าจะซื้อสีไหนดี เราซื้อ2สีเลย แบบเดียวกันลายเดียวกัน รุ่นเดียวกันเลย กระเป๋านี่ซื้อใหม่แทบทุกเดือน ตอนนี้เปลี่ยนไปมาก เพราะไปเรียนต่อแล้วต้องทำงานพิเศษหาเลี้ยงตัวเอง เลยเกิดอาการงกขึ้นมา และช่วง1ปีที่ผ่านมานี้จะต้องคุมโทนให้ขาว ดำ เทา ด้วย เสื้อผ้าเลยเวียนๆกันใส่ไป
3. เมื่อก่อนชอบตื่นสาย ตื่นไม่ทันเรียกวิน(มอไซค์)แล้ว ฝนตกนั่งแท็กซี่ รถติดต่อบีทีเอส โชคดีที่เปลี่ยนงาน เข้างาน 10โมง ตื่น8.30 ยังทัน เลยนั่งรถเมล์เอา ช่วงนี้ฝนชอบตกหลังเลิกงานบ่อย ก็เปลี่ยนไปเดินห้างฆ่าเวลาแทน รอให้ฝนซา คนซา ค่อยขึ้นรถเมล์กลับบ้าน (แน่นอนว่ากินข้าวบ้านอีกเช่นเดิม) สรุปค่าเดินทางทำงานไปกลับบ้าน วันละไม่เกิน 30บาทเท่านั้น
4. เน็ตมือถือ อดใจเอาใช้แค่เดือนละ 399 เพราะที่ทำงานก็ใช้ไวไฟฟรี ที่บ้านก็ใช้ไวไฟฟรี จะดูหนังดูคลิปอะไร ก็รอให้ถึงที่ทำงานก่อน โชคดีที่ไม่ติดเกมส์มือถือ เลยไม่เปลืองเน็ตมาก ก็เอาเน็ตไว้คุยไลน์ เช็คเมล์ เล่นเฟส
5. ติดกาแฟ ต้องกินทุกเช้าไม่งั้นตาไม่สว่าง ทำงานไม่ได้ ตอนแรกก็ซื้อรถเข็นทุกวัน เริ่มเปลี่ยนมากินกาแฟกระป๋องในเซเว่น (ชอบมีโปร 2 กระป๋อง 20บาท) แต่มีช่วงนึงเพื่อนซื้อกาแฟมาฝาก เป็นห่อๆ (ที่ทำงานเราไม่มีสวัสดิการกาแฟ แต่มีกาต้มน้ำร้อนให้ เลยไม่มีน้ำตาล และคอฟฟี่เมท) แล้ววันนั้นกาแฟที่สต็อกซื้อไว้ในตู้เย็นหมด เลยชงกินแบบไม่มีน้ำตาลนี่แหล่ะ แรกๆก็ขม กินแทบไม่ได้ หลังๆ กลับไปกินกระป๋องไม่ได้แล้ว เพราะมันหวานจับใจเกิน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็เสียค่ากาแฟแค่เดือนละ 30บาท (ซื้อแบบผงมาในเซเว่น 1ถุงเล็กกินได้ 1เดือนพอดี)
ลองพิจารณาพฤติกรรมของตัวเองดูค่ะ แล้วปรับๆดู อะไรที่ไม่ควรเสีย หรือมีทางอื่นที่ประหยัดกว่าได้ก็ทำซะ เงินเก็บเหลือบานเลยทีนี้
แสดงความคิดเห็น
มนุษย์เงินเดือนอายุไม่ถึง 30 ปี ทำยังไงให้มีเงินเก็บปีละ 2 แสน
ปัจจุบันมีค่าใช้จ่ายรายเดือนประมาณ 8,000 บาท สำหรับผ่อนคอนโด รายได้เดือนละ ประมาณ 32k ครับ