สวัสดีครับ
วันนี้ผมอยากมาแชร์การเตรียมตัวสอบ GMAT ให้ท่านที่กำลังเตรียมตัวสอบอยู่และที่กำลังวางแผนจะสอบในอนาคต ครับ
เผื่อจะมีประโยชน์ครับ
วันที่ 14 ต.ค. 60 ผมได้ไปสอบ GMAT มา ได้ 720 (Q48/V40) IR 7 ครับ
คะแนนตรงนี้ไม่ได้เยอะอะไรครับ (ใน gmatclub ซึ่งจะกล่าวต่อไป มี non-native จำนวนมากครับที่ได้ 760+) แต่เทคนิคที่ผมจะแชร์ต่อไปนี้เรียกได้ว่าเหมาะกับคนที่มีเวลาว่างไม่เป็นเวลาครับ สามารถเตรียมตัวสอบด้วยตัวเอง (on-demand self study) โดยไม่ต้องไปเรียนติวครับ โดย resource ทั้งหมด ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ครับ (แบบที่มีค่าใช้จ่ายก็มี แต่แค่ของฟรีก็เยอะแล้วครับ ซึ่งผมเองก็ยังดูไม่หมดเช่นกันครับ)
โดยผมจะขอเน้นในส่วน Verbal นะครับ เพราะ Quant คะแนนผมไม่ได้ดีอะไร (คนได้ 49-51 เยอะแยะ ซึ่งคนไทยเราเก่งเลขอยู่แล้วด้วย) อีกทั้งมีหลายๆท่านได้แชร์เทคนิคดีๆในส่วนนี้เยอะแล้วครับ
สำหรับไฮไลท์นะครับ (ขอเกริ่นไว้ก่อนครับ)
- คนพื้นฐานอ่อน แบบ ม.ปลายเกรด 1 กว่า ทั้งคณิตและอังกฤษมีทั้ง 0 และ 1 ก็ทำคะแนน 700+ ได้ครับ
- เรียนเองไม่ต้องเสียเงินใดๆ ก็ทำคะแนน 700+ ได้ครับ
- ทำ GMAC Pratice Exam ได้น้อยก็อย่าพึ่งหมดหวัง คะแนนจริงอาจจะมากกว่าก็ได้ครับ (ของผม 610 เป็น 720 ใน 1 วัน)
แต่ แต่ แต่ มีข้อแม้อย่างนึงครับ คนที่จะใช้เทคนิคนี้ต้องมีพื้นฐานการฟังและอ่านภาษาอังกฤษที่ดีในระดับหนึ่งครับ เพราะ resource ที่ผมจะแชร์ทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษครับ (ถือว่าฝึกฝนภาษาเพิ่มไปในตัวครับ)
พื้นฐาน
- ม.ปลาย ศิลป์คำนวณ เกรดต่ำสุดคือ 1.65 (แน่นอนครับ คณิต อังกฤษ 0 1 เต็มไปหมด) จบด้วยเกรด 2.78
- มหาลัย จบ บริหาร การเงิน
- ทุกวันนี้ทำงาน สัปดาห์ละประมาณ 5-60 ชม.
การเตรียมตัวสอบ
- เริ่มเตรียมตัวช่วงต้นๆกันยาที่แล้วครับ รวมระยะเวลาประมาณ 1 เดือน ส่วนมากใช้เวลาว่างที่เหลือจากการทำงานในการเตรียมตัวครับ
- กดสมัครวันที่ 24 กันยา เพื่อสอบในวันที่ 14 ตุลา ครับ
- ทำ GMAC Practice Exam (ซึ่งทุกท่านที่สมัครสอบจะได้ฟรี) ทั้ง 2 ครั้ง
ครั้งที่ 1 26 กันยา (หลังจากเตรียมตัวสอบมาซักพัก) ได้ 590 !!
ครั้งที่ 2 13 ตุลา (ก่อนสอบจริง 1 วัน) ได้ 610 !!!!
ตรงนี้พีคมากครับ เห็นคะแนน 610 กับการสอบจริงในวันถัดไป ความคิดแรกที่แว่บเข้ามาคือ reschedule ได้มั้ย ? ถึงกับไปเช็คกฎเกณฑ์เลยครับ โชคดีครับ ที่ภายใน 7 วันก่อนสอบ ต้องเสียค่า reschedule fee $250 (เท่าค่าสอบ) เลยติดสินใจไม่ re ครับ 555 จริงๆถึงตรงนี้ก็เตรียมตัวมาพอสมควรนะครับ ถึงตกใจตัวเองว่าทำไมทำได้แค่นี้ ผ่านมาครึ่งเดือนกว่าจาก PE 1 ทำได้เพิ่ม 20 คะแนน (ตรงนี้เดี๋ยวขอเก็บไว้เล่าตอนท้ายนะครับว่าผมเปลี่ยนกลยุทธ์การ
ทำข้อสอบอย่างไร เพื่อให้เป็นไปตามลำดับครับ)
อ่านอะไร ?
- ขอแนะนำเว็บนี้เลยครับ gmatclub (
https://gmatclub.com/) สุดยอดของ GMAT forum ในโลกนี้แล้วครับ ที่นี่มีผู้กล้า GMAT มากมายทั่วโลกมารวมตัวกัน แชร์ทุกอย่าง ทุกมุม ซึ่งมีคนได้ 760-800 เยอะมากๆครับ ผมคิดว่าถ้าเราอยากได้ 700+ ต้องศึกษาอย่างละเอียดจากคนที่ได้เกินจากนี้ไปเยอะๆครับ ซึ่ง 760-800 คือ percentile ที่ 98-99% แล้ว (ผมได้แค่ 720 จึงแค่ขอมาแชร์ในเรื่องที่เป็นพื้นฐานและเทคนิคเล็กๆน้อยๆกับทุกท่านครับ) ปล. ต้องสมัครเป็นสมาชิกเขานะครับ แต่สมัครไม่ยากครับ รู้สึกจะ login ด้วย facebook ก็ได้ครับ
1. shortcut นะครับ ให้ไปดู user ดังนี้ครับ 1. bunuel (เทพ math) 2. bb (founder) 3. carcass (2. กับ 3. จะมีรวบรวม free resources ของ Verbal มากมายจนดูไม่หมด) แล้วดูทุก topics ที่พวกเขาโพสต์เลยครับ เรียงตาม Kudos ก็ได้ครับ (Kudo คือสิ่งที่คนใน gmatclub ใช้ให้คนที่มาแชร์อะไรดีๆครับ ซึ่งเอาไปแลกของได้มากมาย ที่นี่จะเน้นแชร์ข้อมูลกันมากๆครับ เป็นสังคมแห่งการแบ่งปัน ใครโพสต์อะไรสั้นๆ ส่วนใหญ่ 24 ชม. จะถูกลบทิ้งครับ ฮ่าๆๆ)
2. ถ้าสงสัยโจทย์ข้อไหนให้ copy หรือ พิมพ์ ลงใน google ได้เลยครับ รับรองว่าที่ขึ้นมาอันดับแรกๆจะเป็นกระทู้ของ gmatclub ที่อธิบายวิธีคิด วิธีทำ ซึ่งหลายๆคนจะมาช่วยกันตอบครับ ให้เราเลือกดูจาก user (Math นี่ bunuel โดยไม่ต้องสงสัยครับ ส่วน Quant จะมีหลากหลาย แต่หลักๆจะเป็น GMATNinja ครับ) หรือ ดูจาก Kudos ที่แต่ละ reply ได้รับก็ได้ครับ ส่วนใหญ่จะเป็นคำตอบที่ดี คม วิธีคิดที่สั้นและเข้าใจง่ายครับ
3. ที่นี่มี gmatclub test ให้ฝึกทำด้วยครับ ซึ่งดีมากๆ ให้ลองใช้แบบฟรีก่อนครับ ถ้าถูกใจซื้อเพิ่มได้ครับ และจะมีแบบพ่วงกับ prep course ด้วยครับ เช่น magoosh, e-gmat, math revolution ซึ่งจะถูกมากๆครับ ประมาณๆ $200 (แต่สำหรับผมเองใช้ไปแต่แบบฟรีครับ เพราะแค่นี้ยังดูไม่หมดเลยครับ) แต่จริงๆแล้วดูจากข้อ 1. ก็จะมี free practice questions มากมายทำไม่หวาดไม่ไหวแล้วครับที่เขาเอามาแชร์กัน อ๋อ อีกอันที่ฟรีคือ QOTD (Question of the Day) ครับ จะมีมาโพสต์ทุกวันยกเว้น เสาร์ อาทิตย์ และมีย้อนหลังให้ทำเล่นๆด้วยครับ แต่ละวันก็จะมี 1 Q + 1 V ให้ฝึกทำกันเล่นๆ
4. อยากให้ลองอ่าน debrief (สิ่งที่คนมาแชร์ประสบการณ์เตรียมตัวสอบ) ของคนที่ได้ 760-800 หลายๆคน แล้วเลือกเทคนิคที่เราถนัดครับ มีทุกอย่างครับ ทั้งการเตรียมสอบ สิ่งที่ใช้อ่าน กระทั่งก่อนวันสอบ และวันสอบครับ เช่นว่าก่อนสอบให้ relax ไปดูหนัง ตอนเบรคกินช็อคโกแลต ให้พลังงาน แต่ก็จะมีโฆษณาแฝงของพวก prep course ต่างๆ พอสมควรนะครับ ก็ต้องใช้วิจารณญาณกันไปครับ ฮ่าๆ
- Youtube ครับ ใช่ครับ Youtube นี่แหละ โดย channel ที่ผมดูหลักๆ (หลักๆนะครับจริงๆก็ดูไปเรื่อยๆครับยามว่างสลับกับการอ่านและฝึกทำข้อสอบครับ เพราะทำอะไรอย่างเดียวซ้ำๆมันเบื่อครับ) ถึงตอนนี้ คือ 1. VeritasPrepGMAT (และ PrepAdvisor) 2. Dominate The GMAT 3. MBAPodcaster 4. gmatclub ครับ ไป search แล้วเลือกดูไล่จาก top views ได้เลยครับ ที่เขาเอามาลง Youtube คือ ฟรี หมดครับ ส่วนตัวผมชอบ Brian Galvin ของ Veritas prep มากครับ สอนเข้าใจง่ายและให้เทคนิคดีๆเยอะมากๆครับ
(Online GMAT Classes with Veritas Prep, Lesson 1: High level overview of the GMAT แนะนำคลิปนี้ก่อนเลยครับ มี 3 Lesson นะครับที่เขาเอามาลงให้)
- gmat pill อันนี้เป็น prep course เหมือนกันครับ แต่เจ้านี้จะมี part ฟรีเยอะหน่อย แต่ที่แนะนำจะเป็น RC (Reading Comprehension) ครับที่ผมคิดว่าอธิบายได้ดี (
http://www.gmatpill.com/gmatpill-releases-reading-comprehension-pill-video-guide-rc/ อันนี้ขออนุญาตแปะลิ้งค์ครับเพราะกลัวทุกท่านจะหาเองยาก)
และก็จะมี OG tracker ให้ทำเล่นด้วยครับ สำหรับคนที่ไม่ชอบทำในหนังสือ เพราะอันนี้จะเป็นทำทีละข้อและกดดูคำตอบได้เลย พร้อมทั้งรวบรวมให้ว่าเราถูกผิดข้อไหนบ้างด้วยครับ ก็สะดวกดีครับ (จริงๆแล้ว prep course ทุกเจ้ามี free session นะครับ เพราะเขาจะให้เราลองใช้ก่อนซื้อ บางเจ้าอาจจะเป็นลองแบบ full options เลย แต่ภายใน 7 วัน free trial บางเจ้าเป็นให้ลองบางส่วนแต่ไม่จำกัดเวลา ซึ่งถ้าเราไม่อยากเสียเงินเราก็ไปไล่ใช้ของฟรีก็ได้ครับ ฮ่าๆๆ โดย prep course ดีๆ ดูได้จาก gmatclub เลยครับ)
หมดแล้วครับกับสิ่งที่ผมใช้ในการเตรียมตัวสอบ
เทคนิคในการทำ Verbal
1. SC (Sentence Correction)
SC อ่านให้ละเอียดครับ คำต่อคำ เรื่องที่เจอบ่อยคือ modifier,tense,pronoun ambiguous และอีกอย่างคือ logic ซึ่งสำคัญมากครับ และจริงๆมันจะมี order อยู่ครับว่าเรื่องไหนสำคัญมากกว่ากัน เช่น บางข้อมันอาจจะผิดหลายจุด (คือไม่ perfect) แต่จุดที่ผิดแล้วมีผลน้อยที่สุดคือจุดไหน
และสิ่งที่สำคัญสุดๆ คือ ตอนทำให้จดใน กระดาษ note ว่า choice ไหนเราตัดไปแล้วครับ เช่น เราตัด choice A ให้เขียน A แล้วกากลงไปพร้อมกับกากบาทฆ่าทิ้งก็ได้ครับ (ดังนั้นก่อนจะตัด choice ต้องคิดให้รอบคอบและตัดสินใจให้เฉียบแหลม) ไม่งั้นเราจะ reread ไม่จบไม่สิ้น !
(ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดเยอะนะครับเพราะเดี๋ยวจะไม่ใช่ tips and techniques และทุกอย่างมีอยู่ใน resource ที่ผมบอกข้างบนหมดแล้วครับ)
2. CR (Critical Reasoning)
CR นี้ต้องฝึกทำเยอะๆครับ logic สำคัญมาก และเคล็ดลับของผม (ผมทำ CR ผิดน้อยมาก) คือ take note ครับ ! (สำหรับคนที่คิดว่าควร take note เฉพาะ Quant ขอให้ลองเปลี่ยนดูนะครับ) เพราะการ take note ทำให้เราเข้าใจมากขึ้นครับ (สมองเราจะทำปฏิกิริยา) เขียนสั้นๆครับ ใครทำอะไรเกิดผลอย่างไรต่ออะไร พวก cause effect อะไรพวกนี้ครับ และก็ให้อ่านคำถามก่อนเลยครับว่าเป็นคำถามแนวไหน weaken strengthen assumption หรืออื่นๆ เพื่อให้เรา focus เลยครับว่าจะคิดอะไร
3. RC (Reading Comprehension)
RC อันนี้ก็ต้องฝึกทำ ฝึกอ่านเยอะๆครับ ถ้าเบื่อๆขี้เกียจอ่าน practice questions ให้อ่านพวก economist แทนได้ครับ ฮ่าๆ RC เป็นเรื่องของเวลาครับ ทำแรกๆเวลาจะบีบมาก อ่านยังไงก็ไม่ทัน เราจะเจอ 4 passages แน่นอนครับ ใครชอบไม่ชอบยังไงให้นับไว้เลยครับ และจะเป็น 3 short passages (200-250 คำ) + 1 long passage (300-350 คำ) หรืออาจจะเป็น 2+2 ก็มีบ้างครับแต่เป็นส่วนน้อย
เทคนิคที่แชร์กันมีมากมายครับตั้งแต่อ่าน skimming อ่านแต่ประโยคแรกและประโยคสุดท้ายของแต่ละ paragraph และอื่นๆอีกมากมาย แต่สำหรับผมผมใช้เทคนิคอ่านให้หมดอ่านให้จบครับ 1 รอบ แล้วระหว่างอ่านต้อง take note !! (อีกแล้วครับ) อันนี้ต้องจริงๆ แม้บางครั้งเราอาจจะไม่ได้กลับไปดู note เลย !!! แต่มันเป็นเรื่องของการลำดับความคิดและการทำความเข้าใจครับ note keyword ทั้งหลาย และให้เน้นเวลาเจอ transition word ที่เปลี่ยน ความคคิด เปลี่ยน mood เปลี่ยน tone ครับ เช่นพวก but however เป็นต้น วิธีนี้เราจะอ่านรอบเดียวครับเพื่อเข้าใจภาพรวม ส่วนการตอบ detailed question จะต้องกลับไปอ่านอีกรอบ โดยดูจาก note ครับว่าควรไปดูที่ para ไหน กับดักสำคัญของ RC คือการที่ผู้ออกข้อสอบจะหาวิธีทำให้คุณ reread ไปเรื่อยๆจนเวลาคุณถูกใช้ไปเรื่อยๆครับ เราจึงต้องโต้ตอบกลับด้วยการ take note ครับ !!! อ๋อ แล้วเวลาอ่านต้องระวังให้ดีนะครับอ่านให้ละเอียด GMAT เป็นข้อสอบที่หลอกเก่งมากๆครับ มีหลุมพรางมากมายที่เขาขุดไว้ดักเรา บางทีเราตกคำว่า not ไป ก็จบแล้วครับ (ซึ่งหลายๆครั้งคำพวกนี้เขาไม่วางไว้ใกล้ๆเขาจะใช้คำที่ยืดยาวหรือกระทั่งประโยคหลายๆประโยคมาทำให้มันอยู่ไกลกัน บางทีข้าม para เลยก็มี !!)
ปล. จำนวนข้อสอบ Verbal 3 ประเภทจะแบ่งเท่าๆกันนะครับ ประมาณ 13-14 ข้อ ต่อประเภท และข้อสอบแต่ละประเภทจะออกมาช่วงไหนแล้วแต่ระบบจะประมวลเลยครับ ไม่ตายตัว
ปล2. ขอนอกเรื่อง verbal นะครับ จริงๆแล้ว part DS (Data Sufficiency) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ GMAT นี่เป็นเรื่องของ business decision ล้วนๆเลยนะครับ เช่น เขาบอกว่า การที่คุณบอกว่าต้องใช้ resource 2 อย่าง (ตอบ C) แต่จริงๆแล้ว คนที่เก่งกว่าคุณ (คำตอบที่ถูก) ใช้ resource แค่ 1 อย่าง (เช่นตอบ A หรือ B) เป็นการแสดงว่าคุณใช้ resource เปลือง ... สรุป คือ ทุกข้อ A B C D E มีความหมายหมดเลยครับ เป็นข้อสอบที่คมจริงๆ
สุดท้าย ที่ติดค้างไว้จากด้านบนว่าผม improve จาก 610 เป็น 720 ยังไงในข้ามคืน
1. Time management ครับ ! ก่อนหน้านี้ผม strict กับเวลาในแต่ละข้อมากครับ (Quant 2 นาที/ข้อ Verbal 110 วินาที/ข้อ หรือน้อยกว่า 2 นาที หน่อยๆ) แต่จริงๆ 10-20-30 ข้อแรกสำคัญมากครับ โดยสำคัญเป็นลำดับ เพราะ GMAT คือ adaptive test ครับ ยิ่งถูกยิ่งได้ข้อยาก ผมจึงเปลี่ยนกลยุทธ์มาเน้นข้อแรกๆก่อนแม้บางข้ออาจจะใช้เวลา 3-4 นาที ! เพราะเราไม่ถนัด (มีกระทู้ใน gmatclub โดย bunuel วิเคราะห์เรื่องการให้คะแนนอยู่ครับ ลองดูนะครับ)
2. สมาธิ ครับ ! บางทีตอนเราฝึกทำเราไม่จริงจังเท่าที่ควร
3. ทบทวนสิ่งที่ผิด อย่างจริงจัง ว่าผิดตรงไหน เพราะอะไรจะทำให้ไม่ผิดอีกอย่างไร (error log)
จบจริงๆแล้วครับ ยาว(มาก)หน่อยนะครับ แต่อยากให้โพสต์เดียวจบไปเลยครับ
หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ขอบคุณครับ
GMAT 720 (ครั้งแรก) กับการเตรียมตัวสอบ 0 บาท ใน 1 เดือน
วันนี้ผมอยากมาแชร์การเตรียมตัวสอบ GMAT ให้ท่านที่กำลังเตรียมตัวสอบอยู่และที่กำลังวางแผนจะสอบในอนาคต ครับ
เผื่อจะมีประโยชน์ครับ
วันที่ 14 ต.ค. 60 ผมได้ไปสอบ GMAT มา ได้ 720 (Q48/V40) IR 7 ครับ
คะแนนตรงนี้ไม่ได้เยอะอะไรครับ (ใน gmatclub ซึ่งจะกล่าวต่อไป มี non-native จำนวนมากครับที่ได้ 760+) แต่เทคนิคที่ผมจะแชร์ต่อไปนี้เรียกได้ว่าเหมาะกับคนที่มีเวลาว่างไม่เป็นเวลาครับ สามารถเตรียมตัวสอบด้วยตัวเอง (on-demand self study) โดยไม่ต้องไปเรียนติวครับ โดย resource ทั้งหมด ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ครับ (แบบที่มีค่าใช้จ่ายก็มี แต่แค่ของฟรีก็เยอะแล้วครับ ซึ่งผมเองก็ยังดูไม่หมดเช่นกันครับ)
โดยผมจะขอเน้นในส่วน Verbal นะครับ เพราะ Quant คะแนนผมไม่ได้ดีอะไร (คนได้ 49-51 เยอะแยะ ซึ่งคนไทยเราเก่งเลขอยู่แล้วด้วย) อีกทั้งมีหลายๆท่านได้แชร์เทคนิคดีๆในส่วนนี้เยอะแล้วครับ
สำหรับไฮไลท์นะครับ (ขอเกริ่นไว้ก่อนครับ)
- คนพื้นฐานอ่อน แบบ ม.ปลายเกรด 1 กว่า ทั้งคณิตและอังกฤษมีทั้ง 0 และ 1 ก็ทำคะแนน 700+ ได้ครับ
- เรียนเองไม่ต้องเสียเงินใดๆ ก็ทำคะแนน 700+ ได้ครับ
- ทำ GMAC Pratice Exam ได้น้อยก็อย่าพึ่งหมดหวัง คะแนนจริงอาจจะมากกว่าก็ได้ครับ (ของผม 610 เป็น 720 ใน 1 วัน)
แต่ แต่ แต่ มีข้อแม้อย่างนึงครับ คนที่จะใช้เทคนิคนี้ต้องมีพื้นฐานการฟังและอ่านภาษาอังกฤษที่ดีในระดับหนึ่งครับ เพราะ resource ที่ผมจะแชร์ทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษครับ (ถือว่าฝึกฝนภาษาเพิ่มไปในตัวครับ)
พื้นฐาน
- ม.ปลาย ศิลป์คำนวณ เกรดต่ำสุดคือ 1.65 (แน่นอนครับ คณิต อังกฤษ 0 1 เต็มไปหมด) จบด้วยเกรด 2.78
- มหาลัย จบ บริหาร การเงิน
- ทุกวันนี้ทำงาน สัปดาห์ละประมาณ 5-60 ชม.
การเตรียมตัวสอบ
- เริ่มเตรียมตัวช่วงต้นๆกันยาที่แล้วครับ รวมระยะเวลาประมาณ 1 เดือน ส่วนมากใช้เวลาว่างที่เหลือจากการทำงานในการเตรียมตัวครับ
- กดสมัครวันที่ 24 กันยา เพื่อสอบในวันที่ 14 ตุลา ครับ
- ทำ GMAC Practice Exam (ซึ่งทุกท่านที่สมัครสอบจะได้ฟรี) ทั้ง 2 ครั้ง
ครั้งที่ 1 26 กันยา (หลังจากเตรียมตัวสอบมาซักพัก) ได้ 590 !!
ครั้งที่ 2 13 ตุลา (ก่อนสอบจริง 1 วัน) ได้ 610 !!!!
ตรงนี้พีคมากครับ เห็นคะแนน 610 กับการสอบจริงในวันถัดไป ความคิดแรกที่แว่บเข้ามาคือ reschedule ได้มั้ย ? ถึงกับไปเช็คกฎเกณฑ์เลยครับ โชคดีครับ ที่ภายใน 7 วันก่อนสอบ ต้องเสียค่า reschedule fee $250 (เท่าค่าสอบ) เลยติดสินใจไม่ re ครับ 555 จริงๆถึงตรงนี้ก็เตรียมตัวมาพอสมควรนะครับ ถึงตกใจตัวเองว่าทำไมทำได้แค่นี้ ผ่านมาครึ่งเดือนกว่าจาก PE 1 ทำได้เพิ่ม 20 คะแนน (ตรงนี้เดี๋ยวขอเก็บไว้เล่าตอนท้ายนะครับว่าผมเปลี่ยนกลยุทธ์การ
ทำข้อสอบอย่างไร เพื่อให้เป็นไปตามลำดับครับ)
อ่านอะไร ?
- ขอแนะนำเว็บนี้เลยครับ gmatclub (https://gmatclub.com/) สุดยอดของ GMAT forum ในโลกนี้แล้วครับ ที่นี่มีผู้กล้า GMAT มากมายทั่วโลกมารวมตัวกัน แชร์ทุกอย่าง ทุกมุม ซึ่งมีคนได้ 760-800 เยอะมากๆครับ ผมคิดว่าถ้าเราอยากได้ 700+ ต้องศึกษาอย่างละเอียดจากคนที่ได้เกินจากนี้ไปเยอะๆครับ ซึ่ง 760-800 คือ percentile ที่ 98-99% แล้ว (ผมได้แค่ 720 จึงแค่ขอมาแชร์ในเรื่องที่เป็นพื้นฐานและเทคนิคเล็กๆน้อยๆกับทุกท่านครับ) ปล. ต้องสมัครเป็นสมาชิกเขานะครับ แต่สมัครไม่ยากครับ รู้สึกจะ login ด้วย facebook ก็ได้ครับ
1. shortcut นะครับ ให้ไปดู user ดังนี้ครับ 1. bunuel (เทพ math) 2. bb (founder) 3. carcass (2. กับ 3. จะมีรวบรวม free resources ของ Verbal มากมายจนดูไม่หมด) แล้วดูทุก topics ที่พวกเขาโพสต์เลยครับ เรียงตาม Kudos ก็ได้ครับ (Kudo คือสิ่งที่คนใน gmatclub ใช้ให้คนที่มาแชร์อะไรดีๆครับ ซึ่งเอาไปแลกของได้มากมาย ที่นี่จะเน้นแชร์ข้อมูลกันมากๆครับ เป็นสังคมแห่งการแบ่งปัน ใครโพสต์อะไรสั้นๆ ส่วนใหญ่ 24 ชม. จะถูกลบทิ้งครับ ฮ่าๆๆ)
2. ถ้าสงสัยโจทย์ข้อไหนให้ copy หรือ พิมพ์ ลงใน google ได้เลยครับ รับรองว่าที่ขึ้นมาอันดับแรกๆจะเป็นกระทู้ของ gmatclub ที่อธิบายวิธีคิด วิธีทำ ซึ่งหลายๆคนจะมาช่วยกันตอบครับ ให้เราเลือกดูจาก user (Math นี่ bunuel โดยไม่ต้องสงสัยครับ ส่วน Quant จะมีหลากหลาย แต่หลักๆจะเป็น GMATNinja ครับ) หรือ ดูจาก Kudos ที่แต่ละ reply ได้รับก็ได้ครับ ส่วนใหญ่จะเป็นคำตอบที่ดี คม วิธีคิดที่สั้นและเข้าใจง่ายครับ
3. ที่นี่มี gmatclub test ให้ฝึกทำด้วยครับ ซึ่งดีมากๆ ให้ลองใช้แบบฟรีก่อนครับ ถ้าถูกใจซื้อเพิ่มได้ครับ และจะมีแบบพ่วงกับ prep course ด้วยครับ เช่น magoosh, e-gmat, math revolution ซึ่งจะถูกมากๆครับ ประมาณๆ $200 (แต่สำหรับผมเองใช้ไปแต่แบบฟรีครับ เพราะแค่นี้ยังดูไม่หมดเลยครับ) แต่จริงๆแล้วดูจากข้อ 1. ก็จะมี free practice questions มากมายทำไม่หวาดไม่ไหวแล้วครับที่เขาเอามาแชร์กัน อ๋อ อีกอันที่ฟรีคือ QOTD (Question of the Day) ครับ จะมีมาโพสต์ทุกวันยกเว้น เสาร์ อาทิตย์ และมีย้อนหลังให้ทำเล่นๆด้วยครับ แต่ละวันก็จะมี 1 Q + 1 V ให้ฝึกทำกันเล่นๆ
4. อยากให้ลองอ่าน debrief (สิ่งที่คนมาแชร์ประสบการณ์เตรียมตัวสอบ) ของคนที่ได้ 760-800 หลายๆคน แล้วเลือกเทคนิคที่เราถนัดครับ มีทุกอย่างครับ ทั้งการเตรียมสอบ สิ่งที่ใช้อ่าน กระทั่งก่อนวันสอบ และวันสอบครับ เช่นว่าก่อนสอบให้ relax ไปดูหนัง ตอนเบรคกินช็อคโกแลต ให้พลังงาน แต่ก็จะมีโฆษณาแฝงของพวก prep course ต่างๆ พอสมควรนะครับ ก็ต้องใช้วิจารณญาณกันไปครับ ฮ่าๆ
- Youtube ครับ ใช่ครับ Youtube นี่แหละ โดย channel ที่ผมดูหลักๆ (หลักๆนะครับจริงๆก็ดูไปเรื่อยๆครับยามว่างสลับกับการอ่านและฝึกทำข้อสอบครับ เพราะทำอะไรอย่างเดียวซ้ำๆมันเบื่อครับ) ถึงตอนนี้ คือ 1. VeritasPrepGMAT (และ PrepAdvisor) 2. Dominate The GMAT 3. MBAPodcaster 4. gmatclub ครับ ไป search แล้วเลือกดูไล่จาก top views ได้เลยครับ ที่เขาเอามาลง Youtube คือ ฟรี หมดครับ ส่วนตัวผมชอบ Brian Galvin ของ Veritas prep มากครับ สอนเข้าใจง่ายและให้เทคนิคดีๆเยอะมากๆครับ
(Online GMAT Classes with Veritas Prep, Lesson 1: High level overview of the GMAT แนะนำคลิปนี้ก่อนเลยครับ มี 3 Lesson นะครับที่เขาเอามาลงให้)
- gmat pill อันนี้เป็น prep course เหมือนกันครับ แต่เจ้านี้จะมี part ฟรีเยอะหน่อย แต่ที่แนะนำจะเป็น RC (Reading Comprehension) ครับที่ผมคิดว่าอธิบายได้ดี (http://www.gmatpill.com/gmatpill-releases-reading-comprehension-pill-video-guide-rc/ อันนี้ขออนุญาตแปะลิ้งค์ครับเพราะกลัวทุกท่านจะหาเองยาก)
และก็จะมี OG tracker ให้ทำเล่นด้วยครับ สำหรับคนที่ไม่ชอบทำในหนังสือ เพราะอันนี้จะเป็นทำทีละข้อและกดดูคำตอบได้เลย พร้อมทั้งรวบรวมให้ว่าเราถูกผิดข้อไหนบ้างด้วยครับ ก็สะดวกดีครับ (จริงๆแล้ว prep course ทุกเจ้ามี free session นะครับ เพราะเขาจะให้เราลองใช้ก่อนซื้อ บางเจ้าอาจจะเป็นลองแบบ full options เลย แต่ภายใน 7 วัน free trial บางเจ้าเป็นให้ลองบางส่วนแต่ไม่จำกัดเวลา ซึ่งถ้าเราไม่อยากเสียเงินเราก็ไปไล่ใช้ของฟรีก็ได้ครับ ฮ่าๆๆ โดย prep course ดีๆ ดูได้จาก gmatclub เลยครับ)
หมดแล้วครับกับสิ่งที่ผมใช้ในการเตรียมตัวสอบ
เทคนิคในการทำ Verbal
1. SC (Sentence Correction)
SC อ่านให้ละเอียดครับ คำต่อคำ เรื่องที่เจอบ่อยคือ modifier,tense,pronoun ambiguous และอีกอย่างคือ logic ซึ่งสำคัญมากครับ และจริงๆมันจะมี order อยู่ครับว่าเรื่องไหนสำคัญมากกว่ากัน เช่น บางข้อมันอาจจะผิดหลายจุด (คือไม่ perfect) แต่จุดที่ผิดแล้วมีผลน้อยที่สุดคือจุดไหน
และสิ่งที่สำคัญสุดๆ คือ ตอนทำให้จดใน กระดาษ note ว่า choice ไหนเราตัดไปแล้วครับ เช่น เราตัด choice A ให้เขียน A แล้วกากลงไปพร้อมกับกากบาทฆ่าทิ้งก็ได้ครับ (ดังนั้นก่อนจะตัด choice ต้องคิดให้รอบคอบและตัดสินใจให้เฉียบแหลม) ไม่งั้นเราจะ reread ไม่จบไม่สิ้น !
(ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดเยอะนะครับเพราะเดี๋ยวจะไม่ใช่ tips and techniques และทุกอย่างมีอยู่ใน resource ที่ผมบอกข้างบนหมดแล้วครับ)
2. CR (Critical Reasoning)
CR นี้ต้องฝึกทำเยอะๆครับ logic สำคัญมาก และเคล็ดลับของผม (ผมทำ CR ผิดน้อยมาก) คือ take note ครับ ! (สำหรับคนที่คิดว่าควร take note เฉพาะ Quant ขอให้ลองเปลี่ยนดูนะครับ) เพราะการ take note ทำให้เราเข้าใจมากขึ้นครับ (สมองเราจะทำปฏิกิริยา) เขียนสั้นๆครับ ใครทำอะไรเกิดผลอย่างไรต่ออะไร พวก cause effect อะไรพวกนี้ครับ และก็ให้อ่านคำถามก่อนเลยครับว่าเป็นคำถามแนวไหน weaken strengthen assumption หรืออื่นๆ เพื่อให้เรา focus เลยครับว่าจะคิดอะไร
3. RC (Reading Comprehension)
RC อันนี้ก็ต้องฝึกทำ ฝึกอ่านเยอะๆครับ ถ้าเบื่อๆขี้เกียจอ่าน practice questions ให้อ่านพวก economist แทนได้ครับ ฮ่าๆ RC เป็นเรื่องของเวลาครับ ทำแรกๆเวลาจะบีบมาก อ่านยังไงก็ไม่ทัน เราจะเจอ 4 passages แน่นอนครับ ใครชอบไม่ชอบยังไงให้นับไว้เลยครับ และจะเป็น 3 short passages (200-250 คำ) + 1 long passage (300-350 คำ) หรืออาจจะเป็น 2+2 ก็มีบ้างครับแต่เป็นส่วนน้อย
เทคนิคที่แชร์กันมีมากมายครับตั้งแต่อ่าน skimming อ่านแต่ประโยคแรกและประโยคสุดท้ายของแต่ละ paragraph และอื่นๆอีกมากมาย แต่สำหรับผมผมใช้เทคนิคอ่านให้หมดอ่านให้จบครับ 1 รอบ แล้วระหว่างอ่านต้อง take note !! (อีกแล้วครับ) อันนี้ต้องจริงๆ แม้บางครั้งเราอาจจะไม่ได้กลับไปดู note เลย !!! แต่มันเป็นเรื่องของการลำดับความคิดและการทำความเข้าใจครับ note keyword ทั้งหลาย และให้เน้นเวลาเจอ transition word ที่เปลี่ยน ความคคิด เปลี่ยน mood เปลี่ยน tone ครับ เช่นพวก but however เป็นต้น วิธีนี้เราจะอ่านรอบเดียวครับเพื่อเข้าใจภาพรวม ส่วนการตอบ detailed question จะต้องกลับไปอ่านอีกรอบ โดยดูจาก note ครับว่าควรไปดูที่ para ไหน กับดักสำคัญของ RC คือการที่ผู้ออกข้อสอบจะหาวิธีทำให้คุณ reread ไปเรื่อยๆจนเวลาคุณถูกใช้ไปเรื่อยๆครับ เราจึงต้องโต้ตอบกลับด้วยการ take note ครับ !!! อ๋อ แล้วเวลาอ่านต้องระวังให้ดีนะครับอ่านให้ละเอียด GMAT เป็นข้อสอบที่หลอกเก่งมากๆครับ มีหลุมพรางมากมายที่เขาขุดไว้ดักเรา บางทีเราตกคำว่า not ไป ก็จบแล้วครับ (ซึ่งหลายๆครั้งคำพวกนี้เขาไม่วางไว้ใกล้ๆเขาจะใช้คำที่ยืดยาวหรือกระทั่งประโยคหลายๆประโยคมาทำให้มันอยู่ไกลกัน บางทีข้าม para เลยก็มี !!)
ปล. จำนวนข้อสอบ Verbal 3 ประเภทจะแบ่งเท่าๆกันนะครับ ประมาณ 13-14 ข้อ ต่อประเภท และข้อสอบแต่ละประเภทจะออกมาช่วงไหนแล้วแต่ระบบจะประมวลเลยครับ ไม่ตายตัว
ปล2. ขอนอกเรื่อง verbal นะครับ จริงๆแล้ว part DS (Data Sufficiency) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ GMAT นี่เป็นเรื่องของ business decision ล้วนๆเลยนะครับ เช่น เขาบอกว่า การที่คุณบอกว่าต้องใช้ resource 2 อย่าง (ตอบ C) แต่จริงๆแล้ว คนที่เก่งกว่าคุณ (คำตอบที่ถูก) ใช้ resource แค่ 1 อย่าง (เช่นตอบ A หรือ B) เป็นการแสดงว่าคุณใช้ resource เปลือง ... สรุป คือ ทุกข้อ A B C D E มีความหมายหมดเลยครับ เป็นข้อสอบที่คมจริงๆ
สุดท้าย ที่ติดค้างไว้จากด้านบนว่าผม improve จาก 610 เป็น 720 ยังไงในข้ามคืน
1. Time management ครับ ! ก่อนหน้านี้ผม strict กับเวลาในแต่ละข้อมากครับ (Quant 2 นาที/ข้อ Verbal 110 วินาที/ข้อ หรือน้อยกว่า 2 นาที หน่อยๆ) แต่จริงๆ 10-20-30 ข้อแรกสำคัญมากครับ โดยสำคัญเป็นลำดับ เพราะ GMAT คือ adaptive test ครับ ยิ่งถูกยิ่งได้ข้อยาก ผมจึงเปลี่ยนกลยุทธ์มาเน้นข้อแรกๆก่อนแม้บางข้ออาจจะใช้เวลา 3-4 นาที ! เพราะเราไม่ถนัด (มีกระทู้ใน gmatclub โดย bunuel วิเคราะห์เรื่องการให้คะแนนอยู่ครับ ลองดูนะครับ)
2. สมาธิ ครับ ! บางทีตอนเราฝึกทำเราไม่จริงจังเท่าที่ควร
3. ทบทวนสิ่งที่ผิด อย่างจริงจัง ว่าผิดตรงไหน เพราะอะไรจะทำให้ไม่ผิดอีกอย่างไร (error log)
จบจริงๆแล้วครับ ยาว(มาก)หน่อยนะครับ แต่อยากให้โพสต์เดียวจบไปเลยครับ
หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ขอบคุณครับ