ฝนตก น้ำท่วม รถติด คิดจะย้ายเหมืองหลวงกันบ้างหรือไม่

ฝนตก น้ำท่วม กทม. โทษกันไป โทษกันมา
โทษผู้ว่า  โทษนายก  โทษคนทิ้งขยะ  โทษเทวดา  โทษเวรกรรม
อาจจะมีส่วนผิด ร่วมๆกันทุกๆคน  รวมถึงประชาชนทุกๆคนด้วย
แต่ ลองมาดูข้อมูลทางกายภาพความสูงจากระดับน้ำทะเลของ กทม. กันสักหน่อยดีมั้ยครับ
(ที่มา  http://www.hep.caltech.edu/~piti/bkk_height/     )

สีน้ำเงิน ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล
สีฟ้าอ่อน สูงจากระดับน้ำทะเล  0-0.5 เมตร
สีเทา  สูงจากระดับน้ำทะเล  0.5-1 เมตร
สีเหลือง  สูงจากระดับน้ำทะเล  1-1.5 เมตร

ประเมินด้วยสายตา พื้นที่ส่วนใหญ่ของ กทม. ส่วนใหญ่อยู่เท่ากับระดับน้ำทะเล (อยู่ที่ 0-0.5 เมตร) ครับ  รองลงมาคือ 0.5-1 เมตร  และมีพื้นที่จำนวนหนึ่งที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล
นั่นแปลว่า  ระดับพื้นดินของ กทม. ส่วนใหญ่มันปริ่มน้ำทะเลพอดีเป๊ะเลยครับ  
นี่ยังไม่คิดถึงการทรุดตัวของแผ่นดิน กทม. ที่ทรุดตัวลงทุกๆปี   ยังไม่คิดถึงเวลาที่น้ำทะเลหนุน   ไม่คิดถึงเวลาฝนตกหนัก   ยังไม่คิดถึงเวลาน้ำเหนือไหลบ่าจากภาคกลางมาสู่ กทม. ครับ   ซึ่งเท่ากับว่า  กทม. พร้อมจะน้ำท่วมได้ทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ผมว่า คนเราเอาชนะธรรมชาติของพื้นปฐพี ไม่ได้หรอกครับ
ถ้าไม่คิดจะปรับตัว  ปรับวิถีการดำเนินชีวิตให้อยู่ร่วมกับสถานการณ์ฝนตก น้ำท่วม ได้
บางที การคิดถึงเมืองหลวงที่ 2 หรือเมืองคู่ขนาน กทม. ที่มีความสูงกว่าปัจจุบันพอสมควร (เช่น  สระบุรี  ลพบุรี  โคราช)  ก็น่าจะคิดกันได้ตั้งแต่ตอนนี้นะครับ  เพื่ออนาคตลูกหลานไทยในอีก 50-100 ปีข้างหน้าครับ

**ขอแก้ไขเพิ่มเติมข้อความครับ*

ต้องขออภัยด้วย ที่ตั้งหัวข้อ ขัดแย้งกับเนื้อหา (หัวข้อกล่าวการย้ายเมืองหลวง แต่เนื้อหาพูดถึงการสร้างเมืองคู่ขนานเมืองหลวง)

ความคิดผมไม่ได้คิดถึงการย้ายเมืองหลวงครับ  แต่อยากให้สร้างเมืองคู่ขนานเมืองหลวง (หรือเรียกเมืองหลวงที่ 2  โดย กทม.ยังคงเป็นเมืองหลวงเหมือนเดิม)  ให้ศูนย์ราชการ กระทรวง ทบวง กรม รวมถึงศูนย์รวมเศรษฐกิจใหญ่ๆ กระจายออกจาก กทม. ไปอยู่ในเมืองที่ว่า   โดยให้มีการคมนาคมไปมาระหว่าง 2 เมือง ที่สะดวก รวดเร็ว  เช่นมีมอเตอร์เวย์ หรือรถไฟฟ้าความเร็วสูง เป็นตัวเชื่อม 2 เมืองครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่