สวัสดีค่าชาวพันทิปทุกๆคน วันนี้จะมารีวิวเกาะเต่า-เกาะนางยวนในแบบฉบับมนุษย์เงินเดือนวันลาน้อยกันนะคะ
ครั้งนี้เราวางแผนไปเที่ยวกับแฟน(ที่ทำงานประจำทั้งคู่)เลยมีเวลาจำกัดและเงินก็จำกัดด้วย 555 พวกเราเลยเน้นการเดินทางง่าย สะดวก ไม่แพง ไม่หรูหรา แต่พยายามเลือกสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับพวกเรา มีแค่กระเป๋าเป้ 1 ใบก็พร้อมตะลุยไปทุกที่
หวังว่ากระทู้นี้จะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบท่องเที่ยวสไตล์แบคแพคแบบพวกเราไม่มากก็น้อยนะคะ
การเดินทางจากกรุงเทพไปเกาะเต่า
การเดินทางที่พวกคิดว่าน่าจะประหยัดและสะดวกที่สุดสำหรับเราคือ บริการรถบัสและเรือด่วนของบริษัทลมพระยา ดูจากแผนที่ดีๆ แล้ว เกาะเต่าอยู่ในเขตของจังหวัดสุราษฎร์ธานีก็จริง แต่ถ้าขึ้นเรือจากชุมพรจะใกล้กว่ามาก การเดินทางเริ่มต้นจากขึ้นรถบัสที่ข้าวสาร ไปถึงท่าเรือชุมพร และต่อเรือของบริษัทไปที่เกาะเต่า ค่ารถ+เรือของบริษัทลมพระยาอยู่ที่เที่ยวละ 1,100 บาท (ไปกลับ 2,200) บาท สามารถจองได้ที่เวปไซต์ www.lomprayah.com หรือโหลด Application ได้ทั้ง IOS และ Android (พิมพ์ Lomprayah)
ตารางรถ+เรือ มีอยู่ 2 รอบ
ขาไป จากกรุงเทพ-เกาะเต่า
06:00 – 14:45
21:00 – 08:45
ขากลับ เกาะเต่า-กรุงเทพ
10:15 – 20:30
14:45 – 00:30
**ขาไปเราเลือกเที่ยวกลางคืน 21:30 ไปถึงตอนเช้า 8:45 นอนบนรถบัสไปเลย จะได้มีเวลาเที่ยวเต็มที่ พวกเราไปในช่วงเดือนมิถุนายน ทั้งหมด 4 วัน 3 คืน (ไม่รวมนอนบนรถบัส)
ที่พัก
คืนที่ 1 -2 : พักที่อ่าวม่วงบีช รีสอร์ท (อ่าวม่วง หรือรู้จักกันดีในชื่อ Mango Beach) รูปนี้เอามาจาก Agoda.com นะคะ
คืนที่ 3 : Neptune Hostel (อยู่ใกล้กับท่าเรือแม่หาดเลยค่ะ) รูปนี้ก็จุ๊บมาจากAgoda.com เช่นกันค่ะ
ว่าแล้วก็ออกเดินทางกันเลย หลังจากที่จองตั๋วล่วงหน้าแล้ว ก็เอาหลักฐานการจองไปเช็คอินที่ท่ารถของบริษัทลมพระยา ซึ่งตั้งอยู่ในถนนข้าวสาร ตอนที่พวกเราไปถึงก็มีฝรั่งรออยู่ที่ท่ารถเต็มไปหมด อ้อ! ช่วงที่เราไปอยู่ในช่วงปาร์ตี้ฟูลมูนที่เกาะพะงันพอดี แนะนำให้ไปเช็คอินก่อนเวลารถออกสัก 1 ชม จะดีกว่านะคะ พอเราเช็คอินเสร็จแล้ว พนักงานก็จะแปะสติกเกอร์ที่เสื้อเรา เพื่อจะได้รู้ว่าใครต้องขึ้นรถคันไหน และพอถึงเวลาก็จะเรียกพวกเราไปขึ้นรถที่หน้าถนนข้าวสาร
รถบัสของลมพระยาเป็นรถบัสคันใหญ่ 2 ชั้น ที่นั่งก็โอเค ไม่เล็กมาก พวกเรานั่งๆ นอนๆ ไปเรื่อยๆ ก็ถึงท่าเรือที่ชุมพรเช้าของวันรุ่งขึ้น พวกเราก็รอเรือไปเกาะเต่าที่นี่ประมาณชั่วโมงกว่าๆ เรือก็เทียบท่า เท่าที่จำได้เรือออกตรงเวลาดี เลทไม่เกิน 5-10 นาที ซึ่งเรือมีจุดจอดหลายจุด ทั้งเกาะเต่า เกาะพะงัน เกาะนางยวน
Day1
มาถึงท่าเรือชุมพรประมาณตีห้ากว่าๆ ได้ขึ้นเรือประมาณ 7 โมงเช้า ถึงเกาะเต่าประมาณ 9 โมงเช้า ในครั้งนี้เราจะพักที่ “อ่าวม่วงบีชรีสอร์ท” เป็นเวลา 2 คืน รีสอร์ทนี้ตั้งอยู่ที่อ่าวม่วง เป็นอ่าวที่ปลีกวิเวกสุดๆ เพราะทั้งอ่าวมีอยู่แค่ 2 รีสอร์ท ก่อนหน้าที่จะจองที่พัก เราได้ข้อมูลมาว่าอ่าวม่วงเป็นจุดดำน้ำที่เงียบและสวยงามมาก มีเรือของนักท่องเที่ยวเข้ามา Snorkeling และดำน้ำลึกอยู่บ่อยๆ และมีปะการังค่อนข้างสมบูรณ์ และต้องนั่งเรือไปเท่านั้น ที่นี่เลยมีบริการรับส่งลูกค้าทุกวัน โดยเป็นรอบเวลา อ้อ! อีกเหตุผลนึงที่เราเลือกพักที่นี่ ก็เพราะว่าทางรีสอร์ทมีบริการเรือรับส่งจากที่พักไปกลับเกาะนางยวนฟรี!!! เพราะเกาะนางยวนจะอยู่ระหว่างแม่หาดกับอ่าวม่วงพอดี โดยเรือจะออกเป็นรอบๆ ซึ่งถ้าพวกเราพักที่เกาะอื่นๆ แล้วอยากไปเกาะนางยวน ก็จะต้องเสียค่าเรือแพงอยู่เหมือนกัน เลยเลือกจองที่นี่ผ่าน Agoda แบบไม่ลังเลเลย
ตารางเรือของรีสอ์ท
รอบเช้า
ออกจากรีสอร์ท 8:20 ไปที่ท่าเรือ /กลับจากท่าเรือมารีสอร์ท 11:20
รอบบ่าย
ออกจากรีสอร์ท 13:20 ไปที่ท่าเรือ/ กลับจากท่าเรือมารีสอร์ท 16:20
พอถึงท่าเรือเกาะเต่าแล้ว เราก็เดินไปที่ออฟฟิศของรีสอร์ท โดยเดินตรงออกจากท่า และเลี้ยวซ้าย ถ้ากลัวหาไม่เจอก็ติดต่อกับทางโรงแรมไว้ก่อนได้นะคะ หลังจากนั้นก็หาอะไรกินนิดหน่อย แล้วรอเวลาเรือออกเพื่อไปรีสอร์ท
ระหว่างที่เรานั่งเรือเพื่อไปที่พัก ก็ผ่านเกาะนางยวนอันแสนจะโด่งดังไปทั่วแดนฝรั่ง แค่มองจากตรงนี้ก็ฟินแล้ว น้ำใสมากๆ มองเห็นปะการังและโขดหินใต้น้ำเลยทีเดียว
นั่งเรือชมวิวมาสักพักก็มองเห็นที่พักของพวกเราใกล้เข้ามาแล้ว ^^
ถึงซะที กับการเดินทางอันยาวนานจากกรุงเทพ พวกเราไปกันช่วงกลางเดือนมิถุนายน ในช่วงนั้น กทม ฝนตกปรอยๆ อยู่เรื่อยๆ ก่อนมาก็กลัวอยู่เรื่องสภาพอากาศอยู่เหมือนกัน ต้องมาลุ้นว่าทริปนี้จะเป็นยังไง แต่วันนี้โชคดีมากท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีฝนสักติ๊ด
ที่นี่จะใช้เครื่องปั่นไฟ และเปิดปิดเป็นเวลา เปิด 6 โมงเย็น และปิด 6 โมงเช้า แต่พวกเราไม่ซีอยู่แล้ว เพราะตั้งใจมาฟินกับธรรมชาติให้เต็มที่ มาถึงนี่ทั้งทีจะอยู่แต่ในห้องเฉยๆได้ไงเนอะ ทางเข้าห้องเลยมืดๆ หน่อย พวกเราเลยไม่ได้ถ่ายรูปห้องข้างใน
และแล้วก็ได้เวลาอาหาร พอเจอเมนูก็สตั๊นไปนิดนึง เพราะราคาสูงตามมาตรฐานสถานที่ท่องเที่ยว อาหารเที่ยงเซ็ตละ 300 บาท แต่ก็อยู่บนเกาะอ่ะเนอะ การขนส่งยากลำบากเป็นธรรมดา ราคาประมาณนี้เป็นเรื่องปกติเลย
รอสักพักอาหารก็มาเสิร์ฟ จานใหญ่ใช้ได้เลย อิ่มพุงโย้กันไปอีก 1 มื้อ
หลังจากกินอิ่มกันแล้ว ก็ได้เวลาพักผ่อนรอบๆ โรงแรม มองเห็นเรือของนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นระยะๆ อย่างที่บอกว่าช่วงที่พวกเราไปตรงกับช่วงฟูลมูนปาร์ตี้พอดี นักท่องเที่ยวบนเกาะเต่าเลยน้อยไปด้วย เลยดูเหมือนว่าในรีสอร์ทนี้ มีแค่พวกเรา 2 คน ไพรเวทสุดๆ 5555
นั่งเล่นจนตะวันตกดิน ก็ได้เวลานอนเพื่อเอาแรงไปเที่ยวเกาะนางยวนวันพรุ่งนี้ พวกเราก็แจ้งกับทางรีสอร์ทล่วงหน้า เพื่อคอนเฟิร์มเวลากันอีกที บอกลาค่ำคืนแรกที่เกาะเต่าไปด้วยวิวนี้นะคะ
Day2
เช้าวันรุ่งขึ้น ทางรีสอร์ทก็มีอาหารเช้าฟรีให้ เป็นอเมริกันเบรคฟาสต์แบบง่ายๆ นอกจากที่นี่จะมีบริการเรือไปเกาะนางยวนฟรี, อาหารเช้าฟรีแล้ว ที่นี่ยังมีเรือคายัคให้ลูกค้าได้ใช้ฟรีๆ อีกด้วย คุ้มมากกกกกกก ถูกใจแรง
แพลนของวันนี้ก็เลยจะไปพายเรือคายัคในช่วงเช้า ช่วงบ่ายก็จะนั่งเรือไปเกาะนางยวน
พายเรือออกมาห่างจากที่พักไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งเห็นความสวยงามของธรรมชาติมากขึ้นไปอีก
แค่มองลงไปในน้ำทะเลด้วยตาเปล่า ก็จะเห็นโขดหินและปะการังเล็กๆ เต็มไปหมด
หลังจากพายเรือจนเหนื่อยและเล่นน้ำจนหนำใจแล้ว เป้าหมายต่อไปก็คือ เกาะนางยวนนนนนน ยวน ยวน …..
หลังจากมาถึงที่นี่ทรายที่นี่เป็นสีขาวละเอียด ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้า ได้แต่กรีดร้องออกมาว่ามันสวยมากกกกกกกกกกกก
แล้วมุมนี้ก็มา 555 ถือว่าเป็นมุม signature ของที่นี่เลยก็ว่าได้ เค้าว่ากันว่า ใครที่ไม่ได้มาถ่ายตรงนี้ ก็เหมือนมาไม่ถึงเกาะนางยวน ทางขึ้นไปอาจจะทุลักทุเลหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่าที่ปีนขึ้นมาแน่นอน
หลังจากนั้นก็ได้เวลากลับรีสอร์ท คุณลุงคนขับเรือก็มาตรงตามเวลานัดเป๊ะๆ
บอกลาคืนสุดท้ายที่ “อ่าวม่วงบีชรีสอร์ท” ค่ะ ในคืนนี้พวกเรากินอาหารเย็นกันที่นี่ อร่อยทุกอย่างเลย การบริการก็ดีสุดๆ พนักงานทุกคนก็เป็นกันเอง ยินดีช่วยเหลือทุกอย่างเลย พวกเราประทับใจกันมากๆ ถ้าใครได้มีโอกาสมาเกาะเต่า แล้วชอบบรรยากาศสงบ เป็นส่วนตัว ขอแนะนำที่นี่เลย เลิฟมาก
***การเดินทางของพวกเรายังไม่จบเท่านี้นะคะ ยังมีต่อตอนหน้า และสรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริปด้วยค่ะ อย่าลืมติดตามกันนะคะ***
[CR] [ตอน1] เกาะเต่า-เกาะนางยวน เกาะสวาทหาดสวรรค์ของคนรักทะเล เที่ยวสบายแบบไม่มีรถ (พักที่อ่าวม่วงบีชรีสอร์ท,Neptune Hostel)
ครั้งนี้เราวางแผนไปเที่ยวกับแฟน(ที่ทำงานประจำทั้งคู่)เลยมีเวลาจำกัดและเงินก็จำกัดด้วย 555 พวกเราเลยเน้นการเดินทางง่าย สะดวก ไม่แพง ไม่หรูหรา แต่พยายามเลือกสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับพวกเรา มีแค่กระเป๋าเป้ 1 ใบก็พร้อมตะลุยไปทุกที่
หวังว่ากระทู้นี้จะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบท่องเที่ยวสไตล์แบคแพคแบบพวกเราไม่มากก็น้อยนะคะ
การเดินทางจากกรุงเทพไปเกาะเต่า
การเดินทางที่พวกคิดว่าน่าจะประหยัดและสะดวกที่สุดสำหรับเราคือ บริการรถบัสและเรือด่วนของบริษัทลมพระยา ดูจากแผนที่ดีๆ แล้ว เกาะเต่าอยู่ในเขตของจังหวัดสุราษฎร์ธานีก็จริง แต่ถ้าขึ้นเรือจากชุมพรจะใกล้กว่ามาก การเดินทางเริ่มต้นจากขึ้นรถบัสที่ข้าวสาร ไปถึงท่าเรือชุมพร และต่อเรือของบริษัทไปที่เกาะเต่า ค่ารถ+เรือของบริษัทลมพระยาอยู่ที่เที่ยวละ 1,100 บาท (ไปกลับ 2,200) บาท สามารถจองได้ที่เวปไซต์ www.lomprayah.com หรือโหลด Application ได้ทั้ง IOS และ Android (พิมพ์ Lomprayah)
ตารางรถ+เรือ มีอยู่ 2 รอบ
ขาไป จากกรุงเทพ-เกาะเต่า
06:00 – 14:45
21:00 – 08:45
ขากลับ เกาะเต่า-กรุงเทพ
10:15 – 20:30
14:45 – 00:30
**ขาไปเราเลือกเที่ยวกลางคืน 21:30 ไปถึงตอนเช้า 8:45 นอนบนรถบัสไปเลย จะได้มีเวลาเที่ยวเต็มที่ พวกเราไปในช่วงเดือนมิถุนายน ทั้งหมด 4 วัน 3 คืน (ไม่รวมนอนบนรถบัส)
ที่พัก
คืนที่ 1 -2 : พักที่อ่าวม่วงบีช รีสอร์ท (อ่าวม่วง หรือรู้จักกันดีในชื่อ Mango Beach) รูปนี้เอามาจาก Agoda.com นะคะ
คืนที่ 3 : Neptune Hostel (อยู่ใกล้กับท่าเรือแม่หาดเลยค่ะ) รูปนี้ก็จุ๊บมาจากAgoda.com เช่นกันค่ะ
ว่าแล้วก็ออกเดินทางกันเลย หลังจากที่จองตั๋วล่วงหน้าแล้ว ก็เอาหลักฐานการจองไปเช็คอินที่ท่ารถของบริษัทลมพระยา ซึ่งตั้งอยู่ในถนนข้าวสาร ตอนที่พวกเราไปถึงก็มีฝรั่งรออยู่ที่ท่ารถเต็มไปหมด อ้อ! ช่วงที่เราไปอยู่ในช่วงปาร์ตี้ฟูลมูนที่เกาะพะงันพอดี แนะนำให้ไปเช็คอินก่อนเวลารถออกสัก 1 ชม จะดีกว่านะคะ พอเราเช็คอินเสร็จแล้ว พนักงานก็จะแปะสติกเกอร์ที่เสื้อเรา เพื่อจะได้รู้ว่าใครต้องขึ้นรถคันไหน และพอถึงเวลาก็จะเรียกพวกเราไปขึ้นรถที่หน้าถนนข้าวสาร
รถบัสของลมพระยาเป็นรถบัสคันใหญ่ 2 ชั้น ที่นั่งก็โอเค ไม่เล็กมาก พวกเรานั่งๆ นอนๆ ไปเรื่อยๆ ก็ถึงท่าเรือที่ชุมพรเช้าของวันรุ่งขึ้น พวกเราก็รอเรือไปเกาะเต่าที่นี่ประมาณชั่วโมงกว่าๆ เรือก็เทียบท่า เท่าที่จำได้เรือออกตรงเวลาดี เลทไม่เกิน 5-10 นาที ซึ่งเรือมีจุดจอดหลายจุด ทั้งเกาะเต่า เกาะพะงัน เกาะนางยวน
Day1
มาถึงท่าเรือชุมพรประมาณตีห้ากว่าๆ ได้ขึ้นเรือประมาณ 7 โมงเช้า ถึงเกาะเต่าประมาณ 9 โมงเช้า ในครั้งนี้เราจะพักที่ “อ่าวม่วงบีชรีสอร์ท” เป็นเวลา 2 คืน รีสอร์ทนี้ตั้งอยู่ที่อ่าวม่วง เป็นอ่าวที่ปลีกวิเวกสุดๆ เพราะทั้งอ่าวมีอยู่แค่ 2 รีสอร์ท ก่อนหน้าที่จะจองที่พัก เราได้ข้อมูลมาว่าอ่าวม่วงเป็นจุดดำน้ำที่เงียบและสวยงามมาก มีเรือของนักท่องเที่ยวเข้ามา Snorkeling และดำน้ำลึกอยู่บ่อยๆ และมีปะการังค่อนข้างสมบูรณ์ และต้องนั่งเรือไปเท่านั้น ที่นี่เลยมีบริการรับส่งลูกค้าทุกวัน โดยเป็นรอบเวลา อ้อ! อีกเหตุผลนึงที่เราเลือกพักที่นี่ ก็เพราะว่าทางรีสอร์ทมีบริการเรือรับส่งจากที่พักไปกลับเกาะนางยวนฟรี!!! เพราะเกาะนางยวนจะอยู่ระหว่างแม่หาดกับอ่าวม่วงพอดี โดยเรือจะออกเป็นรอบๆ ซึ่งถ้าพวกเราพักที่เกาะอื่นๆ แล้วอยากไปเกาะนางยวน ก็จะต้องเสียค่าเรือแพงอยู่เหมือนกัน เลยเลือกจองที่นี่ผ่าน Agoda แบบไม่ลังเลเลย
ตารางเรือของรีสอ์ท
รอบเช้า
ออกจากรีสอร์ท 8:20 ไปที่ท่าเรือ /กลับจากท่าเรือมารีสอร์ท 11:20
รอบบ่าย
ออกจากรีสอร์ท 13:20 ไปที่ท่าเรือ/ กลับจากท่าเรือมารีสอร์ท 16:20
พอถึงท่าเรือเกาะเต่าแล้ว เราก็เดินไปที่ออฟฟิศของรีสอร์ท โดยเดินตรงออกจากท่า และเลี้ยวซ้าย ถ้ากลัวหาไม่เจอก็ติดต่อกับทางโรงแรมไว้ก่อนได้นะคะ หลังจากนั้นก็หาอะไรกินนิดหน่อย แล้วรอเวลาเรือออกเพื่อไปรีสอร์ท
ระหว่างที่เรานั่งเรือเพื่อไปที่พัก ก็ผ่านเกาะนางยวนอันแสนจะโด่งดังไปทั่วแดนฝรั่ง แค่มองจากตรงนี้ก็ฟินแล้ว น้ำใสมากๆ มองเห็นปะการังและโขดหินใต้น้ำเลยทีเดียว
นั่งเรือชมวิวมาสักพักก็มองเห็นที่พักของพวกเราใกล้เข้ามาแล้ว ^^
ถึงซะที กับการเดินทางอันยาวนานจากกรุงเทพ พวกเราไปกันช่วงกลางเดือนมิถุนายน ในช่วงนั้น กทม ฝนตกปรอยๆ อยู่เรื่อยๆ ก่อนมาก็กลัวอยู่เรื่องสภาพอากาศอยู่เหมือนกัน ต้องมาลุ้นว่าทริปนี้จะเป็นยังไง แต่วันนี้โชคดีมากท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีฝนสักติ๊ด
ที่นี่จะใช้เครื่องปั่นไฟ และเปิดปิดเป็นเวลา เปิด 6 โมงเย็น และปิด 6 โมงเช้า แต่พวกเราไม่ซีอยู่แล้ว เพราะตั้งใจมาฟินกับธรรมชาติให้เต็มที่ มาถึงนี่ทั้งทีจะอยู่แต่ในห้องเฉยๆได้ไงเนอะ ทางเข้าห้องเลยมืดๆ หน่อย พวกเราเลยไม่ได้ถ่ายรูปห้องข้างใน
และแล้วก็ได้เวลาอาหาร พอเจอเมนูก็สตั๊นไปนิดนึง เพราะราคาสูงตามมาตรฐานสถานที่ท่องเที่ยว อาหารเที่ยงเซ็ตละ 300 บาท แต่ก็อยู่บนเกาะอ่ะเนอะ การขนส่งยากลำบากเป็นธรรมดา ราคาประมาณนี้เป็นเรื่องปกติเลย
รอสักพักอาหารก็มาเสิร์ฟ จานใหญ่ใช้ได้เลย อิ่มพุงโย้กันไปอีก 1 มื้อ
หลังจากกินอิ่มกันแล้ว ก็ได้เวลาพักผ่อนรอบๆ โรงแรม มองเห็นเรือของนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นระยะๆ อย่างที่บอกว่าช่วงที่พวกเราไปตรงกับช่วงฟูลมูนปาร์ตี้พอดี นักท่องเที่ยวบนเกาะเต่าเลยน้อยไปด้วย เลยดูเหมือนว่าในรีสอร์ทนี้ มีแค่พวกเรา 2 คน ไพรเวทสุดๆ 5555
นั่งเล่นจนตะวันตกดิน ก็ได้เวลานอนเพื่อเอาแรงไปเที่ยวเกาะนางยวนวันพรุ่งนี้ พวกเราก็แจ้งกับทางรีสอร์ทล่วงหน้า เพื่อคอนเฟิร์มเวลากันอีกที บอกลาค่ำคืนแรกที่เกาะเต่าไปด้วยวิวนี้นะคะ
Day2
เช้าวันรุ่งขึ้น ทางรีสอร์ทก็มีอาหารเช้าฟรีให้ เป็นอเมริกันเบรคฟาสต์แบบง่ายๆ นอกจากที่นี่จะมีบริการเรือไปเกาะนางยวนฟรี, อาหารเช้าฟรีแล้ว ที่นี่ยังมีเรือคายัคให้ลูกค้าได้ใช้ฟรีๆ อีกด้วย คุ้มมากกกกกกก ถูกใจแรง
แพลนของวันนี้ก็เลยจะไปพายเรือคายัคในช่วงเช้า ช่วงบ่ายก็จะนั่งเรือไปเกาะนางยวน
พายเรือออกมาห่างจากที่พักไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งเห็นความสวยงามของธรรมชาติมากขึ้นไปอีก
แค่มองลงไปในน้ำทะเลด้วยตาเปล่า ก็จะเห็นโขดหินและปะการังเล็กๆ เต็มไปหมด
หลังจากพายเรือจนเหนื่อยและเล่นน้ำจนหนำใจแล้ว เป้าหมายต่อไปก็คือ เกาะนางยวนนนนนน ยวน ยวน …..
หลังจากมาถึงที่นี่ทรายที่นี่เป็นสีขาวละเอียด ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้า ได้แต่กรีดร้องออกมาว่ามันสวยมากกกกกกกกกกกก
แล้วมุมนี้ก็มา 555 ถือว่าเป็นมุม signature ของที่นี่เลยก็ว่าได้ เค้าว่ากันว่า ใครที่ไม่ได้มาถ่ายตรงนี้ ก็เหมือนมาไม่ถึงเกาะนางยวน ทางขึ้นไปอาจจะทุลักทุเลหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่าที่ปีนขึ้นมาแน่นอน
หลังจากนั้นก็ได้เวลากลับรีสอร์ท คุณลุงคนขับเรือก็มาตรงตามเวลานัดเป๊ะๆ
บอกลาคืนสุดท้ายที่ “อ่าวม่วงบีชรีสอร์ท” ค่ะ ในคืนนี้พวกเรากินอาหารเย็นกันที่นี่ อร่อยทุกอย่างเลย การบริการก็ดีสุดๆ พนักงานทุกคนก็เป็นกันเอง ยินดีช่วยเหลือทุกอย่างเลย พวกเราประทับใจกันมากๆ ถ้าใครได้มีโอกาสมาเกาะเต่า แล้วชอบบรรยากาศสงบ เป็นส่วนตัว ขอแนะนำที่นี่เลย เลิฟมาก
***การเดินทางของพวกเรายังไม่จบเท่านี้นะคะ ยังมีต่อตอนหน้า และสรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริปด้วยค่ะ อย่าลืมติดตามกันนะคะ***