ผมขออ้างอิงข้อมูลจากวิดีโอของนาย MKBHD (สาวก Google Pixel) และข้อมูลบนเว็บไซต์ DxOMark เป็นหลักนะครับ
(ตัวเจ้าของกระทู้เป็นสาวก Apple ครับ ดังนั้นจะพยายามพิมพ์โดยไม่ใช้ความคิดเห็นของตัวเอง)
https://www.dxomark.com/dxomark-mobile-testing-protocol-scores/
DxO Labs จะทดสอบกล้องถ่ายรูป, เซ็นเซอร์ เลนส์และกล้องมือถือ อันนี้ถือว่ารู้ทั่วกันครับ
https://www.dxomark.com/
คะแนนของ DxOMark มีส่วนที่ถูกต้องและมีส่วนที่ทำให้เข้าใจผิด โดยเฉพาะในส่วนของมือถือ (จขกท.ข้องใจมานานแล้ว)
การทดสอบหลักๆ ของ DxOMark จะมีในส่วนของรูปภาพนิ่ง และถ่ายวิดีโอ โดยทดสอบในหลายๆ หมวดหมู่ที่อาจมีในการใช้งานจริง
แต่หลายๆคนเริ่มสงสัยว่าเขาคิดคะแนนกันยังไง ใช่คะแนนเฉลี่ยหรือเปล่า มาดูกัน
อย่างแรกเลย คะแนนโดยรวมของ DxOMark ไม่ใช่คะแนนเฉลี่ยอย่างที่หลายคนเข้าใจนะ
คะแนนในแต่ละหมวดหมู่จะมีน้ำหนักไม่เท่ากัน
โดยจะให้คะแนน Exposure & Contrast สำคัญที่สุด
Color, Autofocus, Texture, Noise, Artifacts, Flash, Zoom และ Bokeh (หน้าชัดหลังละลาย) สำคัญรองลงมาตามลำดับ
โดยการให้น้ำหนักคะแนนในแต่ละหัวข้อนั้นขึ้นกับ DxOMark เอง
คะแนน DxOMark โดยรวมจึงไม่ใช่ตัวตัดสินเด็ดขาดว่ากล้องไหนดีกว่ากล้องไหน
เพราะแต่ละคนก็ให้น้ำหนักในแต่ละหัวข้อไม่เท่ากันไม่ต่างจาก DxOMark
เช่น บางคนชอบถ่ายรูปในที่มืด บางคนชอบถ่ายรูปคน (Portrait) บางคนชอบถ่ายเซลฟี่ บางคนชอบถ่ายรูปวิวทิวทัศ เป็นต้น
ก็ให้เทียบแต่ละหัวข้อย่อยไปแทนว่ากล้องมือถือไหนทำได้ดีมากกว่ากัน
เช่น ชอบถ่ายรูปคน ก็เลือกตามที่เขามองในรูปน่ะแหละครับ (เน้นกล้องคู่เอามาถ่าย Portrait)
ดังนั้นถ้าจะเทียบคะแนนสำหรับถ่ายรูปคนให้ดูแค่นี้พอนะ
คนที่เข้าไปอ่านข้อมูลที่เขียนใน DxOMark จะเข้าใจสิ่งที่ DxOMark จะสื่อออกมาจริงๆ
เพราะ DxOMark พยายามจะทดสอบให้ผลออกมาโดยอ้างอิงผลทางวิทยาศาสตร์ให้มากที่สุด
(เขาไม่เทคะแนนให้คนที่จ่ายตังให้ง่ายๆหรอกนะ)
โดยการให้คะแนนจะใช้ panel of image experts คือเขาจะนำรูปที่ถ่ายออกมาจากกล้องมือถือแล้วนำไปเทียบกับสเกลคุณภาพที่เคยมีการเปรียบเทียบมาแล้วก่อนหน้านี้ เป็นการแปลงข้อมูลคุณภาพให้เป็นข้อมูลตัวเลขจึงจะได้ออกมาเป็นคะแนน
การตั้งชื่อหัวเรื่องของ DxOMark จะอ้างอิงคะแนนโดยรวมของผลการทดสอบต่างๆ (ไม่ใช่คะแนนเฉลี่ย)
โดยจะตั้งชื่อให้น่าสนใจเป็นหลัก (ให้ไปทำการตลาดต่อได้)
DxOMark นอกจากจะเป็นบริษัทที่ทดสอบมือถือก็ยังเป็นบริษัทที่ให้คำปรึกษาในการพัฒนากล้องมือถือด้วย (ไม่แปลกใจใช่มั้ย?)
ดังนั้นบริษัทมือถือที่จ่ายเงินค่าให้คำปรึกษาก็จะได้ทราบถึงซอร์ฟแวร์และฮาร์ดแวร์และแนวทางการทดสอบที่ DxOMark ใช้เพื่อปรับแต่งและพัฒนากล้องมือถือให้ถ่ายรูปออกมาได้ดีขึ้น (ทางตรง) และให้ผลการทดสอบออกมาตรงใจ DxOMark (ทางอ้อม) ดังนั้นกล้องมือถือที่ได้คะแนนต่ำใช่ว่าจะถ่ายรูปออกมาได้ไม่ดี แต่หลายๆคนใช้คะแนนโดยรวมของ DxOMark เทียบกันตรงๆเป็นหลัก ทำให้มือถือรุ่นที่ได้คะแนนต่ำกว่าก็จะมีคนสนใจน้อยลง (ถ้าบริษัทไหนไม่เคยมาติดต่อ DxOMark เลย เขาก็ไม่ทดสอบให้หรอกนะ)
เห็นมีบางคนสงสัยว่าคะแนน DxOMark เกิน 100 ได้ไหม คำตอบคือเกินได้ครับ
หลายๆคนสงสัยใช่มั้ยครับว่าทั้งๆที่ในแต่ละหัวข้อคะแนนมันไม่ถึง 100 ทำไมคะแนนรวมมันถึงเกิน 100 ได้
ผมก็สงสัยเหมือนกัน พอดีในวิดีโอไม่ได้กล่าวไว้
กระทู้นี้ จขกท. พิมพ์จากความเข้าใจของตนเองที่ได้อ่านและฟังมาจากคนอื่น หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้
และใครมีข้อมูลเพิ่มเติมและอยากแชร์สามารถพิมพ์ได้เลยนะครับ ถ้ามีแหล่งที่มาของข้อมูลด้วยจะเป็นพระคุณมากๆครับ
อธิบาย DxOMark แบบคร่าวๆ โดยสาวก Google Pixel
(ตัวเจ้าของกระทู้เป็นสาวก Apple ครับ ดังนั้นจะพยายามพิมพ์โดยไม่ใช้ความคิดเห็นของตัวเอง)
https://www.dxomark.com/dxomark-mobile-testing-protocol-scores/
DxO Labs จะทดสอบกล้องถ่ายรูป, เซ็นเซอร์ เลนส์และกล้องมือถือ อันนี้ถือว่ารู้ทั่วกันครับ
https://www.dxomark.com/
คะแนนของ DxOMark มีส่วนที่ถูกต้องและมีส่วนที่ทำให้เข้าใจผิด โดยเฉพาะในส่วนของมือถือ (จขกท.ข้องใจมานานแล้ว)
การทดสอบหลักๆ ของ DxOMark จะมีในส่วนของรูปภาพนิ่ง และถ่ายวิดีโอ โดยทดสอบในหลายๆ หมวดหมู่ที่อาจมีในการใช้งานจริง
แต่หลายๆคนเริ่มสงสัยว่าเขาคิดคะแนนกันยังไง ใช่คะแนนเฉลี่ยหรือเปล่า มาดูกัน
อย่างแรกเลย คะแนนโดยรวมของ DxOMark ไม่ใช่คะแนนเฉลี่ยอย่างที่หลายคนเข้าใจนะ
คะแนนในแต่ละหมวดหมู่จะมีน้ำหนักไม่เท่ากัน
โดยจะให้คะแนน Exposure & Contrast สำคัญที่สุด
Color, Autofocus, Texture, Noise, Artifacts, Flash, Zoom และ Bokeh (หน้าชัดหลังละลาย) สำคัญรองลงมาตามลำดับ
โดยการให้น้ำหนักคะแนนในแต่ละหัวข้อนั้นขึ้นกับ DxOMark เอง
คะแนน DxOMark โดยรวมจึงไม่ใช่ตัวตัดสินเด็ดขาดว่ากล้องไหนดีกว่ากล้องไหน
เพราะแต่ละคนก็ให้น้ำหนักในแต่ละหัวข้อไม่เท่ากันไม่ต่างจาก DxOMark
เช่น บางคนชอบถ่ายรูปในที่มืด บางคนชอบถ่ายรูปคน (Portrait) บางคนชอบถ่ายเซลฟี่ บางคนชอบถ่ายรูปวิวทิวทัศ เป็นต้น
ก็ให้เทียบแต่ละหัวข้อย่อยไปแทนว่ากล้องมือถือไหนทำได้ดีมากกว่ากัน
เช่น ชอบถ่ายรูปคน ก็เลือกตามที่เขามองในรูปน่ะแหละครับ (เน้นกล้องคู่เอามาถ่าย Portrait)
ดังนั้นถ้าจะเทียบคะแนนสำหรับถ่ายรูปคนให้ดูแค่นี้พอนะ
คนที่เข้าไปอ่านข้อมูลที่เขียนใน DxOMark จะเข้าใจสิ่งที่ DxOMark จะสื่อออกมาจริงๆ
เพราะ DxOMark พยายามจะทดสอบให้ผลออกมาโดยอ้างอิงผลทางวิทยาศาสตร์ให้มากที่สุด
(เขาไม่เทคะแนนให้คนที่จ่ายตังให้ง่ายๆหรอกนะ)
โดยการให้คะแนนจะใช้ panel of image experts คือเขาจะนำรูปที่ถ่ายออกมาจากกล้องมือถือแล้วนำไปเทียบกับสเกลคุณภาพที่เคยมีการเปรียบเทียบมาแล้วก่อนหน้านี้ เป็นการแปลงข้อมูลคุณภาพให้เป็นข้อมูลตัวเลขจึงจะได้ออกมาเป็นคะแนน
การตั้งชื่อหัวเรื่องของ DxOMark จะอ้างอิงคะแนนโดยรวมของผลการทดสอบต่างๆ (ไม่ใช่คะแนนเฉลี่ย)
โดยจะตั้งชื่อให้น่าสนใจเป็นหลัก (ให้ไปทำการตลาดต่อได้)
DxOMark นอกจากจะเป็นบริษัทที่ทดสอบมือถือก็ยังเป็นบริษัทที่ให้คำปรึกษาในการพัฒนากล้องมือถือด้วย (ไม่แปลกใจใช่มั้ย?)
ดังนั้นบริษัทมือถือที่จ่ายเงินค่าให้คำปรึกษาก็จะได้ทราบถึงซอร์ฟแวร์และฮาร์ดแวร์และแนวทางการทดสอบที่ DxOMark ใช้เพื่อปรับแต่งและพัฒนากล้องมือถือให้ถ่ายรูปออกมาได้ดีขึ้น (ทางตรง) และให้ผลการทดสอบออกมาตรงใจ DxOMark (ทางอ้อม) ดังนั้นกล้องมือถือที่ได้คะแนนต่ำใช่ว่าจะถ่ายรูปออกมาได้ไม่ดี แต่หลายๆคนใช้คะแนนโดยรวมของ DxOMark เทียบกันตรงๆเป็นหลัก ทำให้มือถือรุ่นที่ได้คะแนนต่ำกว่าก็จะมีคนสนใจน้อยลง (ถ้าบริษัทไหนไม่เคยมาติดต่อ DxOMark เลย เขาก็ไม่ทดสอบให้หรอกนะ)
เห็นมีบางคนสงสัยว่าคะแนน DxOMark เกิน 100 ได้ไหม คำตอบคือเกินได้ครับ
หลายๆคนสงสัยใช่มั้ยครับว่าทั้งๆที่ในแต่ละหัวข้อคะแนนมันไม่ถึง 100 ทำไมคะแนนรวมมันถึงเกิน 100 ได้
ผมก็สงสัยเหมือนกัน พอดีในวิดีโอไม่ได้กล่าวไว้
กระทู้นี้ จขกท. พิมพ์จากความเข้าใจของตนเองที่ได้อ่านและฟังมาจากคนอื่น หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้
และใครมีข้อมูลเพิ่มเติมและอยากแชร์สามารถพิมพ์ได้เลยนะครับ ถ้ามีแหล่งที่มาของข้อมูลด้วยจะเป็นพระคุณมากๆครับ