เบื้องหลังพระเอกมาดเท่ห์ ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี

กลับมารีรันอีกครั้งของละคร “อย่าลืมฉัน” ซึ่งนำแสดงโดย ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี ถึงแม้จะกลับมารีรันอีกครั้งก็สร้างความฟินจิกหมอนให้สาวๆได้ไม่น้อย ในจอดูหล่อ มาดเท่ห์ เพรียบพร้อมไปซะทุกอย่าง เราลองมาดูชีวิตจริงของพี่ติ๊กกันค่ะว่าจะเหมือนหรือต่างจากในจออย่างไร
เครดิตที่มาhttp://www.goodlifeupdate.com/70671/healthy-mind/tikjetsada/
Q:ก่อนหน้านี้คุณติ๊ก หายหน้าหายตาจากการแสดงหน้าจอ เข้าป่าไปทำรายการ Navigator แต่เมื่อต้องกลับมาแสดงละคร ทุกวันนี้ต้องปรับตัวปรับใจมากไหม เมื่อต้องออกจากป่าที่มีแต่ความสงบมาสู่ความวุ่นวายในเมือง
A: ผมมองว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตคือสิ่งที่เราเลือกเองนะครับ  ว่าอยากจะเดินเข้าไปหามัน  อย่างผมชอบไปต่างจังหวัดได้ไปผจญภัย  ไปดูสัตว์ป่า  ได้ไปเดินป่าแล้วได้เห็นต้นไม้ใบหญ้า  หรือได้ไปดำน้ำเล่นน้ำตก  ก็ทำให้ได้พบกับความสุขในสิ่งที่เราไม่คิดว่าจะได้เจอ เพราะฉะนั้น  เวลาต้องกลับเข้าสู่โหมดวงการบันเทิง  ต้องกลับมาทำงานในกรุงเทพฯ  เริ่มตั้งแต่ขับรถเข้ามาแล้วเจอรถติด  ไปไหนมาไหนที 2 ชั่วโมงไม่รู้จะทันหรือเปล่า  แล้วยิ่งต้องเข้ามาจูนกับเรื่องงานแสดงและต้องรับบทบาทความเป็นคนของประชาชนด้วย  ก็มีบ้างครับที่ยังรู้สึกไม่คุ้นชินสักเท่าไหร่


Q:คุณติ๊กเข้าวงการบันเทิงมาสิบกว่าปี ยังไม่ชินกับสภาวะเหล่านี้หรือคะ
A:ถ้าให้พูดตามตรง  ก็ยังไม่ชินครับ  ผมอาจจะไม่ได้ถูกสร้างมาให้อยู่ในระบบนี้  ผมเข้าวงการบันเทิงมาด้วยความบังเอิญ  แล้วก็มีโอกาสทำงานแบบบังเอิ๊ญบังเอิญ  แต่ด้วยความบังเอิญที่ผลตอบรับซึ่งเราได้รับมานั้นดีมาก ๆ  เราจึงค่อย ๆ ได้เรียนรู้และเริ่มรักในอาชีพที่เราทำไปโดยปริยาย  เพราะที่สุดแล้วงานแสดงก็ถือเป็นสัมมาอาชีพอย่างหนึ่งโดยสิ่งหนึ่งที่ผมยึดมั่นมาตั้งแต่เริ่มต้นทำงานในตอนนั้นถึงปัจจุบันนี้  ก็คือเราต้องซื่อสัตย์กับสิ่งที่ทำ  โดยไม่เบียดเบียนคดโกงใครและไม่ทำให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน  ผมคิดเท่านี้เองครับ

Q:ถึงคุณติ๊กจะเข้าป่าทำรายการสารคดีมานาน  แต่ผู้ชมหรือสื่อก็ยังติดกับภาพลักษณ์ของคุณติ๊กที่เป็นพระเอกมาดเท่ อยากทราบว่าตัวตนที่แท้จริงเป็นอย่างไรคะ
A:ผมว่าทุกคนทราบอยู่แล้วว่าเราเป็นคนแบบไหน  อย่างไร (นิ่งคิด) ยกเอาคำอินโทรเพลง กุหลาบดำ ของวงทีโบนที่ว่า  “ฉันไม่อาจรู้ได้ว่า สิ่งที่เธอปรารถนาคือสิ่งเลอค่าอันใด  แต่สำหรับฉันแล้ว  ความบริสุทธิ์ทางใจ ก็ยิ่งใหญ่ยิ่งนักแล้ว”  ซึ่งนอกจากนี่จะเป็นประโยคสวย ๆ ประโยคหนึ่งแล้ว  ยังให้ความหมายอย่างชัดเจนว่าที่สุดแล้วเราก็เป็นคนธรรมดา ๆคนหนึ่งที่ไม่ได้วิเศษเลิศเลอหรือไม่ได้ผิดแปลกไปจากคนอื่นเพียงแต่ผมอาจจะเป็นคนที่มีความรู้สึกที่ตรงกับใจ  เรารู้สึกอย่างไรเราควรพูดหรือทำออกมาตามนั้นก็เท่านั้นเองครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่