สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมารีวิววิธีรักษาสิวและรอยแดงรอยดำต่างๆของเรา จะมาแชร์ให้เพื่อนๆฟัง เผื่อเป็นแนวทางในการรักษา และเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังมีปัญหาสิวอยู่นะคะ ทุกอย่างต้องใช้เวลาและความอดทนค่ะ ปัจจุบันหน้าของเราก็ไม่ถึงกับใสกิ๊ก 100% หรอกนะคะ แต่ถ้าเปรียบเทียบกับช่วงที่เป็นหนักๆ คือมันดีขึ้นมาก 555555555555
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าเราเป็นคนไม่เคยมีสิวเลยตั้งแต่เริ่มเป็นวัยรุ่นถึงจนมหาลัยปี1 พอปิดเทอมเราไปเข้าค่ายที่ต่างจังหวัดกับทางชมรม พอกลับมาก็แพ้น้ำ จนสิวเห่อทั้งหน้า ด้วยความนิ่งนอนใจบวกกับไม่เคยรักษาสิวมาก่อน เราก็คิดว่ามันขึ้นเดี๋ยวก็คงยุบเอง พอเวลาผ่านไปมันมีแต่จะมากขึ้นๆเรื่อยๆ เราเลยขอคุณแม่ไปหาหมอ ทำมาเกือบทุกคลินิก ที่ไหนเขาว่าดี หมอเก่งก็ไปมาหมด เวลาไปหาหมอ สิวมันก็หาย แต่อีกสักพักก็กลับมาเป็นใหม่ ไม่จบไม่สิ้น จนมาถึงปัจจุบันที่เวลาล่วงเลยจนเราต้องมาเรียนปริญญาโทที่อังกฤษ ก่อนมาเรากลุ้มใจมาก เพราะจะไม่ได้หาหมอ ไปกดสิว หรือทำอะไรอีกแล้ว ตอนนั้นคิดว่าขนาดหาหมอแล้วมันยังไม่หายเลย ถ้ามาเรียนแล้วไม่ได้หาต้องตายแน่ๆ สิวคงจะเห่อไม่หยุด บวกกับการอ่านกระทู้ว่าน้ำประปาที่อังกฤษไม่ดี บางคนมาแล้วสิวขึ้นเยอะกว่าเดิม ก็ยิ่งกลุ้มไปใหญ่ สุดท้ายก็ต้องทำใจ เราไปหาหมอจนถึงวันสุดท้ายก่อนจะบินมา ฮืออออออ เกริ่นมาซะยาว เราขออนุญาตแชร์วิธีที่เราดูแลรักษาผิวหน้าด้วยตัวเอง แบบไม่มีหมอให้พบ รวมทั้งสกินแคร์ที่ใช้ในทุกๆวันทั้งเช้าและเย็นเลยแล้วกันนะคะ
วิธีดูแลผิวหน้าแบบฉบับที่เราเอง จากความรู้ที่ได้จากหมอแล้วก็ในเน็ตค่ะ
1.เราไม่เคยนอนโดยที่ไม่ล้างหน้า แม้กระทั่งตอนเมา (เอ๊ะ) จิตสำนึกก็จะบอกให้ล้างหน้าให้สะอาดเสมอ เราเป็นคนแต่งหน้าค่อนข้างจัด เนื่องจากเป็นสิว เวลาออกนอกบ้านต้องการการปกปิดมากเป็นพิเศษ มีคนบอกว่าเป็นสิวไม่ควรแต่งหน้า แต่เราทนสภาพตัวเองไม่ไหวจริงๆ สงสารคนที่เราเจอด้วย 55555555555
2.เราไม่ใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้า จะใช้กระดาษทิชชู่เช็ดหน้าเท่านั้น เพราะเรามีความรู้สึกว่าผ้าขนหนูมันสะสมเชื้อโรค ยิ่งเป็นสิวละใช้ผ้าขนหนูเช็ดก็จะมีส่วนที่เป็นสิวไปโดนส่วนที่ไม่เป็น ทีนี้ลามทั้งหน้าเลยค่ะ
3.นอนก่อนเที่ยงคืนถ้าเป็นไปได้ เพราะหลังเที่ยงคืนร่างกายจะหลั่งสารโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายรวมถึงแผลต่างๆให้หายเร็วขึ้น ส่งผลกับทั้งผิวหน้าและผิวกายโดยตรง
4.ไม่เครียด เพราะความเครียดเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวใหม่
5.ดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ร่างกายให้ขับสารพิษออกมาทางปัสสวะ
มาถึงของที่เราใช้นะคะ จะแบ่งเป็นหมวดหมู่ เรียงตามลำดับไปเรื่อยๆนะคะ
Make up remover
- Lancome Bi-Facil make up remover เป็นคลีนซิ่งน้ำกับน้ำมันที่เวลาใช้ต้องเขย่ารวมกันแล้วเทใส่สำลีค่ะ ใช้เช็ดเฉพาะบริเวณดวงตากับปาก เราชอบอันนี้มากๆเพราะเช็ดอายไลเนอร์แล้วไม่แสบตาเลย ขนาดบางครั้งเราขยี้ก็ยังไม่แสบ แต่ไม่ควรจะขยี้นะคะ แค่วางกดไว้ตรงเปลือกตาสักพักแล้วเช็ดออกมันก็หลุดอย่างง่ายดายเลยค่ะ
*-Curel Cleansing Gel เป็นคลีนซิ่งทำความสะอาดแบบเจล เหมาะสำหรับผิวเป็นสิวและแพ้ง่าย ตัวนี้ เราใช้หลัง remover ของ Lancome เลยค่ะ คือเช็ดทำความสะอาดทั่วใบหน้า บีบเจลออกมาไม่ต้องเยอะมากก็สามารถเช็ดได้ทั้งหน้า แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า แล้วก็ทำความสะอาดด้วยโฟมล้างหน้าอีกที เท่านี้ก็สะอาดแล้วค่ะ
*- Clinique take the day off cleansing milk เป็นคลีนซิ่งแบบน้ำนมที่อ่อนโยนมากๆค่ะ เราจะใช้ในวันที่เราลงรองพื้นนะคะ ปั๊มคลีนซิ่งออกมา แต้ม5จุด แล้วก็วนๆให้ทั่วหน้า สักพักน้ำนมจะเปลี่ยนเป็นสีรองพื้นแล้วก็เอาสำลีมาเช็ดออก ทำประมาณ2-3รอบก็หรือจนกว่าสำลีจะเป็นสีขาวค่ะ
* Curel กับ Clinique ใช้ตัวใดตัวหนึ่งก็พอนะคะ เราใช้สลับกันเพราะตอนอยู่ที่อังกฤษ เพราะ Curel ต้องสั่งจากอเมซอน Clinique หาซื้อง่ายกว่าค่ะ
- Bioderma cleansing water อันนี้คิดว่าทุกคนน่าจะรู้จักอยู่แล้วเนอะ เราเอาไว้เช็ดอีกทีหลังเราล้างหน้าเสร็จเพื่อเช็คว่าหน้าเราสะอาดจริงๆ โดยการเทbiodermaใส่สำลีแล้วเช็ดให้ทั่วใบหน้า ถ้ายังมีสีรองพื้นหรือสิ่งสกปรกออกมา เราก็จะเช็ดจนกว่าสำลีจะไม่มีสีค่ะ เราใช้รุ่นสีชมพูตามรูปนี้เลยนะคะ เคยอ่านเจอมาว่ารุ่นน้ำสีฟ้าฝาเขียวที่สำหรับคนเป็นสิวมันมีน้ำหอม เราก็แอบงงเหมือนกัน เราเลยคิดว่ารุ่นนี้ดีกว่าค่ะ
Cleansing foam
เราใช้ของ Innisfree เพราะใช้แล้วรู้สึกล้างหน้าได้สะอาดแต่ไม่แห้งตึงจนเกินไป โดยส่วนตัวไม่ชอบโฟมล้างหน้าที่ล้างเสร็จแล้วยังรู้สึกว่าล้างไม่สะอาด ผิวลื่นๆอยู่อะไรแบบนั้น เราไม่ชอบค่ะ เราใช้สลับไปมาอยู่ 3 สูตร
- Bija trouble facial foam ซึ่งเป็นโฟมล้างหน้าสำหรับคนเป็นสิวโดยเฉพาะ
- Jeju volcanic pore cleansing foam ช่วยในเรื่องการกระชับรูขุมขน
- Green tea cleansing foam ชาเขียวช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระค่ะ เราชอบกลิ่นนี้เป็นพิเศษ เพราะหอมสดชื่นมากค่ะ
Pixi Glow Tonic หลังล้างหน้าจนสะอาดแล้ว เราก็จะใช้โทนเนอร์ตัวนี้ค่ะ บอกตรงๆว่าตอนแรกซื้อมาตามพี่โมเม 555555555 แต่พอใช้แล้วรู้สึกว่ามันลดการเกิดของสิวค่ะ ปกติสิวจะชอบขึ้นที่คางตลอด ตั้งแต่ใช้ก็ไม่ค่อยขึ้นแล้วค่ะ แต่กลิ่นแอบน้ำอบไทยเบาๆ บางคนอาจจะไม่ชอบนะคะ แต่เราไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่น ใช้ดีก็โอเคค่ะ
Sulhwasoo first care activating serum EX เป็นพรีเซรั่มที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆของสมุนไพรเกาหลี ช่วยทำให้ผิวแข็งแรง แล้วก็ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่จะลงต่อไปมีประสิทธิภาพมากขึ้น อันนี้เราก็ไม่แน่ใจว่ามันจริงตามที่เขาว่ามั้ย แต่ใช้แล้วสิวไม่ขึ้น ชอบกลิ่นด้วย ก็ใช้ต่อไปค่ะ
Biotherm life plankton essence เอสเซ๊นน้ำตบตัวดัง แต่ก่อนใช้ก็แอบกลัวเหมือนกันเพราะมีคนแพ้เยอะแล้วก็กลิ่นรุนแรงมาก แต่พอเราใช้จริงๆแล้วเราไม่แพ้ค่ะ กลิ่นก็หอมดีนะคะ ไม่เหม็นอย่างที่หลายคนว่ากัน เค้าว่าเป็นตัวที่ทำให้ผิวนุ่มลื่นเรียบเนียน ลดริ้วรอย ให้ผิวสม่ำเสมอ ความรู้สึกตอนใช้ก็ชอบค่ะ หอมๆ ผ่อนคลายดี ผิวก็นุ่มดีค่ะ ตัวนี้เราใช้เฉพาะกลางคืนนะคะ
Kiehl's breakout control targeted acne spot treatment เป็นครีมทาเฉพาะจุดที่มีร่องรอยที่เกิดจากสิวมากๆ หรือรอยที่ชัดเจน จางลงอย่างเห็นได้ชัด
Kiehl's clearly corrective dark spot solution เป็นเซรั่มน้ำใสๆ ทาได้ทั่วหน้า ลดรอยที่เกิดจากสิวเช่นเดียวกันค่ะ ทางแบรนด์เคลมว่าจางลงเมื่อใช้ต่อเนื่อง2อาทิตย์ มันก็จากลงจริงๆค่ะ แต่หน้าเราเป็นรอยหนักมาก เลยอาจจะช้านิดนึง แต่หน้าก็ดีขึ้นจนเพื่อนๆทักว่าใช้อะไร หน้าดีขึ้นจริงๆ
The Body Shop Aloe Instant Soothing Rescue Gel อันนี้ก็เป็นเจลอโลเวร่าที่ช่วยปลอบประโลมผิว ลดอาการอักเสบของสิวค่ะ
Newtons Labs T-Zone Skincare Spot Zapping Gel เจลแต้มสิวที่ได้รับคำแนะนำมาจากรุ่นพี่ที่มาเรียนด้วยกันที่นี่ เป็นเจลแต้มสิวที่ทาแล้วแสบมากๆๆๆๆๆๆๆ ถ้าเป็นสิวอักเสบหรือสิวที่เพิ่งกด แสบจนน้ำตาไหลเลยค่ะ แต่เรารู้สึกว่าแบบนี้แหละถึงจะฆ่าเชื้อสิวได้ดี แอบโรคจิตเบาๆ ไม่แน่ใจว่าที่ไทยมีขายมั้ยนะคะ แต่ถ้าเพื่อนๆเรียนอยู่ที่อังกฤษลองซื้อมาใช้ดูค่ะ ราคาแค่หลอดละ 1 ปอนด์เท่านั้น เราซื้อที่ savers ค่ะ แต่ถ้าที่ไทยหาซื้อไม่ได้ ปกติเราก็ใช้ยาแต้มสิวของโทเมอิไม่ก็ยันฮีค่ะ ใช้ดีเหมือนกัน แต่ของ Newtons นี่แสบจริงและยุบจริงค่ะ
Canmake Mermaid Skin Gel UV กันแดดชนิดเจล ที่ไม่ทำให้หน้าเหนียวเหนอะหนะ และไม่ทำให้ผิวอุดตัน ใช้แล้วสบายผิวมากๆค่ะ ตอนแรกๆทาไปเจลอาจจะมีลักษณะเหมือนน้ำนิดนึงแต่พอมันซึมเข้าผิวแล้วจะสบายผิวเหมือนไม่ได้ทาเลยค่ะ ตั้งแต่ใช้กันแดดมานอกจากของหมอแล้วก็ชอบอันนี้ที่สุดค่ะ
เราไม่มีรูปตั้งแต่ตอนที่เป็นสิวแรกๆ แต่สิวมันก็จะแดงๆอักเสบประมาณนี้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เป็นๆหายๆ เดี๋ยวก็ยุบเดี๋ยวก็ขึ้นอยู่อย่างงี้มาตลอด อันนี้คือรูปตอนที่เราเป็นค่อนข้างหนัก สิวอักเสบขึ้นที่แก้มเยอะมาก กับรูปปัจจุบันที่สิวน้อยลง เหลือแต่รอยแดงที่ต้องรักษาต่อไปค่ะ
ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนะคะ หวังว่ากระทู้ของเราจะเป็นประโยชน์และเป็นแนวทางให้เพื่อนๆ ได้เอาไปปรับใช้ไม่มากก็น้อยนะคะ มีข้อผิดพลาดหรืออยากจะติชม แลกเปลี่ยนวิธีการดูแลรักษาสิวและรอยแดงกันก็ยินดีเลยค่ะ
ปล.ตอนนี้เราเรียนจบกลับไทยเรียบร้อยแล้วค่ะ ก็ได้เวลาไปรักษารอยสิว ครั้งหน้าจะมาเขียนรีวิวทรีทเม้นท์และวิธีการที่เราเลือกทำค่ะ
ชื่อสินค้า: Lancome Bi-Facil make up remover, Curel Cleansing Gel, Clinique take the day off cleansing milk, Bioderma cleansing water, Innisfree, Pixi Glow Tonic, Sulhwasoo first care activating serum EX , Biotherm life plankton essence , Kiehl's breakout control targeted acne spot treatment , Kiehl's clearly corrective dark spot solution, The Body Shop Aloe Instant Soothing Rescue Gel , Newtons Labs T-Zone Skincare Spot Zapping Gel , Canmake Mermaid Skin Gel UV
คะแนน:
[CR] กระทู้พลีชีพ รีวิวการรักษาสิวและรอยแดงแบบฉบับไม่พบหมอ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าเราเป็นคนไม่เคยมีสิวเลยตั้งแต่เริ่มเป็นวัยรุ่นถึงจนมหาลัยปี1 พอปิดเทอมเราไปเข้าค่ายที่ต่างจังหวัดกับทางชมรม พอกลับมาก็แพ้น้ำ จนสิวเห่อทั้งหน้า ด้วยความนิ่งนอนใจบวกกับไม่เคยรักษาสิวมาก่อน เราก็คิดว่ามันขึ้นเดี๋ยวก็คงยุบเอง พอเวลาผ่านไปมันมีแต่จะมากขึ้นๆเรื่อยๆ เราเลยขอคุณแม่ไปหาหมอ ทำมาเกือบทุกคลินิก ที่ไหนเขาว่าดี หมอเก่งก็ไปมาหมด เวลาไปหาหมอ สิวมันก็หาย แต่อีกสักพักก็กลับมาเป็นใหม่ ไม่จบไม่สิ้น จนมาถึงปัจจุบันที่เวลาล่วงเลยจนเราต้องมาเรียนปริญญาโทที่อังกฤษ ก่อนมาเรากลุ้มใจมาก เพราะจะไม่ได้หาหมอ ไปกดสิว หรือทำอะไรอีกแล้ว ตอนนั้นคิดว่าขนาดหาหมอแล้วมันยังไม่หายเลย ถ้ามาเรียนแล้วไม่ได้หาต้องตายแน่ๆ สิวคงจะเห่อไม่หยุด บวกกับการอ่านกระทู้ว่าน้ำประปาที่อังกฤษไม่ดี บางคนมาแล้วสิวขึ้นเยอะกว่าเดิม ก็ยิ่งกลุ้มไปใหญ่ สุดท้ายก็ต้องทำใจ เราไปหาหมอจนถึงวันสุดท้ายก่อนจะบินมา ฮืออออออ เกริ่นมาซะยาว เราขออนุญาตแชร์วิธีที่เราดูแลรักษาผิวหน้าด้วยตัวเอง แบบไม่มีหมอให้พบ รวมทั้งสกินแคร์ที่ใช้ในทุกๆวันทั้งเช้าและเย็นเลยแล้วกันนะคะ
วิธีดูแลผิวหน้าแบบฉบับที่เราเอง จากความรู้ที่ได้จากหมอแล้วก็ในเน็ตค่ะ
1.เราไม่เคยนอนโดยที่ไม่ล้างหน้า แม้กระทั่งตอนเมา (เอ๊ะ) จิตสำนึกก็จะบอกให้ล้างหน้าให้สะอาดเสมอ เราเป็นคนแต่งหน้าค่อนข้างจัด เนื่องจากเป็นสิว เวลาออกนอกบ้านต้องการการปกปิดมากเป็นพิเศษ มีคนบอกว่าเป็นสิวไม่ควรแต่งหน้า แต่เราทนสภาพตัวเองไม่ไหวจริงๆ สงสารคนที่เราเจอด้วย 55555555555
2.เราไม่ใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้า จะใช้กระดาษทิชชู่เช็ดหน้าเท่านั้น เพราะเรามีความรู้สึกว่าผ้าขนหนูมันสะสมเชื้อโรค ยิ่งเป็นสิวละใช้ผ้าขนหนูเช็ดก็จะมีส่วนที่เป็นสิวไปโดนส่วนที่ไม่เป็น ทีนี้ลามทั้งหน้าเลยค่ะ
3.นอนก่อนเที่ยงคืนถ้าเป็นไปได้ เพราะหลังเที่ยงคืนร่างกายจะหลั่งสารโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายรวมถึงแผลต่างๆให้หายเร็วขึ้น ส่งผลกับทั้งผิวหน้าและผิวกายโดยตรง
4.ไม่เครียด เพราะความเครียดเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวใหม่
5.ดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ร่างกายให้ขับสารพิษออกมาทางปัสสวะ
มาถึงของที่เราใช้นะคะ จะแบ่งเป็นหมวดหมู่ เรียงตามลำดับไปเรื่อยๆนะคะ
Make up remover
- Lancome Bi-Facil make up remover เป็นคลีนซิ่งน้ำกับน้ำมันที่เวลาใช้ต้องเขย่ารวมกันแล้วเทใส่สำลีค่ะ ใช้เช็ดเฉพาะบริเวณดวงตากับปาก เราชอบอันนี้มากๆเพราะเช็ดอายไลเนอร์แล้วไม่แสบตาเลย ขนาดบางครั้งเราขยี้ก็ยังไม่แสบ แต่ไม่ควรจะขยี้นะคะ แค่วางกดไว้ตรงเปลือกตาสักพักแล้วเช็ดออกมันก็หลุดอย่างง่ายดายเลยค่ะ
*-Curel Cleansing Gel เป็นคลีนซิ่งทำความสะอาดแบบเจล เหมาะสำหรับผิวเป็นสิวและแพ้ง่าย ตัวนี้ เราใช้หลัง remover ของ Lancome เลยค่ะ คือเช็ดทำความสะอาดทั่วใบหน้า บีบเจลออกมาไม่ต้องเยอะมากก็สามารถเช็ดได้ทั้งหน้า แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า แล้วก็ทำความสะอาดด้วยโฟมล้างหน้าอีกที เท่านี้ก็สะอาดแล้วค่ะ
*- Clinique take the day off cleansing milk เป็นคลีนซิ่งแบบน้ำนมที่อ่อนโยนมากๆค่ะ เราจะใช้ในวันที่เราลงรองพื้นนะคะ ปั๊มคลีนซิ่งออกมา แต้ม5จุด แล้วก็วนๆให้ทั่วหน้า สักพักน้ำนมจะเปลี่ยนเป็นสีรองพื้นแล้วก็เอาสำลีมาเช็ดออก ทำประมาณ2-3รอบก็หรือจนกว่าสำลีจะเป็นสีขาวค่ะ
* Curel กับ Clinique ใช้ตัวใดตัวหนึ่งก็พอนะคะ เราใช้สลับกันเพราะตอนอยู่ที่อังกฤษ เพราะ Curel ต้องสั่งจากอเมซอน Clinique หาซื้อง่ายกว่าค่ะ
- Bioderma cleansing water อันนี้คิดว่าทุกคนน่าจะรู้จักอยู่แล้วเนอะ เราเอาไว้เช็ดอีกทีหลังเราล้างหน้าเสร็จเพื่อเช็คว่าหน้าเราสะอาดจริงๆ โดยการเทbiodermaใส่สำลีแล้วเช็ดให้ทั่วใบหน้า ถ้ายังมีสีรองพื้นหรือสิ่งสกปรกออกมา เราก็จะเช็ดจนกว่าสำลีจะไม่มีสีค่ะ เราใช้รุ่นสีชมพูตามรูปนี้เลยนะคะ เคยอ่านเจอมาว่ารุ่นน้ำสีฟ้าฝาเขียวที่สำหรับคนเป็นสิวมันมีน้ำหอม เราก็แอบงงเหมือนกัน เราเลยคิดว่ารุ่นนี้ดีกว่าค่ะ
Cleansing foam
เราใช้ของ Innisfree เพราะใช้แล้วรู้สึกล้างหน้าได้สะอาดแต่ไม่แห้งตึงจนเกินไป โดยส่วนตัวไม่ชอบโฟมล้างหน้าที่ล้างเสร็จแล้วยังรู้สึกว่าล้างไม่สะอาด ผิวลื่นๆอยู่อะไรแบบนั้น เราไม่ชอบค่ะ เราใช้สลับไปมาอยู่ 3 สูตร
- Bija trouble facial foam ซึ่งเป็นโฟมล้างหน้าสำหรับคนเป็นสิวโดยเฉพาะ
- Jeju volcanic pore cleansing foam ช่วยในเรื่องการกระชับรูขุมขน
- Green tea cleansing foam ชาเขียวช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระค่ะ เราชอบกลิ่นนี้เป็นพิเศษ เพราะหอมสดชื่นมากค่ะ
Pixi Glow Tonic หลังล้างหน้าจนสะอาดแล้ว เราก็จะใช้โทนเนอร์ตัวนี้ค่ะ บอกตรงๆว่าตอนแรกซื้อมาตามพี่โมเม 555555555 แต่พอใช้แล้วรู้สึกว่ามันลดการเกิดของสิวค่ะ ปกติสิวจะชอบขึ้นที่คางตลอด ตั้งแต่ใช้ก็ไม่ค่อยขึ้นแล้วค่ะ แต่กลิ่นแอบน้ำอบไทยเบาๆ บางคนอาจจะไม่ชอบนะคะ แต่เราไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่น ใช้ดีก็โอเคค่ะ
Sulhwasoo first care activating serum EX เป็นพรีเซรั่มที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆของสมุนไพรเกาหลี ช่วยทำให้ผิวแข็งแรง แล้วก็ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่จะลงต่อไปมีประสิทธิภาพมากขึ้น อันนี้เราก็ไม่แน่ใจว่ามันจริงตามที่เขาว่ามั้ย แต่ใช้แล้วสิวไม่ขึ้น ชอบกลิ่นด้วย ก็ใช้ต่อไปค่ะ
Biotherm life plankton essence เอสเซ๊นน้ำตบตัวดัง แต่ก่อนใช้ก็แอบกลัวเหมือนกันเพราะมีคนแพ้เยอะแล้วก็กลิ่นรุนแรงมาก แต่พอเราใช้จริงๆแล้วเราไม่แพ้ค่ะ กลิ่นก็หอมดีนะคะ ไม่เหม็นอย่างที่หลายคนว่ากัน เค้าว่าเป็นตัวที่ทำให้ผิวนุ่มลื่นเรียบเนียน ลดริ้วรอย ให้ผิวสม่ำเสมอ ความรู้สึกตอนใช้ก็ชอบค่ะ หอมๆ ผ่อนคลายดี ผิวก็นุ่มดีค่ะ ตัวนี้เราใช้เฉพาะกลางคืนนะคะ
Kiehl's breakout control targeted acne spot treatment เป็นครีมทาเฉพาะจุดที่มีร่องรอยที่เกิดจากสิวมากๆ หรือรอยที่ชัดเจน จางลงอย่างเห็นได้ชัด
Kiehl's clearly corrective dark spot solution เป็นเซรั่มน้ำใสๆ ทาได้ทั่วหน้า ลดรอยที่เกิดจากสิวเช่นเดียวกันค่ะ ทางแบรนด์เคลมว่าจางลงเมื่อใช้ต่อเนื่อง2อาทิตย์ มันก็จากลงจริงๆค่ะ แต่หน้าเราเป็นรอยหนักมาก เลยอาจจะช้านิดนึง แต่หน้าก็ดีขึ้นจนเพื่อนๆทักว่าใช้อะไร หน้าดีขึ้นจริงๆ
The Body Shop Aloe Instant Soothing Rescue Gel อันนี้ก็เป็นเจลอโลเวร่าที่ช่วยปลอบประโลมผิว ลดอาการอักเสบของสิวค่ะ
Newtons Labs T-Zone Skincare Spot Zapping Gel เจลแต้มสิวที่ได้รับคำแนะนำมาจากรุ่นพี่ที่มาเรียนด้วยกันที่นี่ เป็นเจลแต้มสิวที่ทาแล้วแสบมากๆๆๆๆๆๆๆ ถ้าเป็นสิวอักเสบหรือสิวที่เพิ่งกด แสบจนน้ำตาไหลเลยค่ะ แต่เรารู้สึกว่าแบบนี้แหละถึงจะฆ่าเชื้อสิวได้ดี แอบโรคจิตเบาๆ ไม่แน่ใจว่าที่ไทยมีขายมั้ยนะคะ แต่ถ้าเพื่อนๆเรียนอยู่ที่อังกฤษลองซื้อมาใช้ดูค่ะ ราคาแค่หลอดละ 1 ปอนด์เท่านั้น เราซื้อที่ savers ค่ะ แต่ถ้าที่ไทยหาซื้อไม่ได้ ปกติเราก็ใช้ยาแต้มสิวของโทเมอิไม่ก็ยันฮีค่ะ ใช้ดีเหมือนกัน แต่ของ Newtons นี่แสบจริงและยุบจริงค่ะ
Canmake Mermaid Skin Gel UV กันแดดชนิดเจล ที่ไม่ทำให้หน้าเหนียวเหนอะหนะ และไม่ทำให้ผิวอุดตัน ใช้แล้วสบายผิวมากๆค่ะ ตอนแรกๆทาไปเจลอาจจะมีลักษณะเหมือนน้ำนิดนึงแต่พอมันซึมเข้าผิวแล้วจะสบายผิวเหมือนไม่ได้ทาเลยค่ะ ตั้งแต่ใช้กันแดดมานอกจากของหมอแล้วก็ชอบอันนี้ที่สุดค่ะ
เราไม่มีรูปตั้งแต่ตอนที่เป็นสิวแรกๆ แต่สิวมันก็จะแดงๆอักเสบประมาณนี้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เป็นๆหายๆ เดี๋ยวก็ยุบเดี๋ยวก็ขึ้นอยู่อย่างงี้มาตลอด อันนี้คือรูปตอนที่เราเป็นค่อนข้างหนัก สิวอักเสบขึ้นที่แก้มเยอะมาก กับรูปปัจจุบันที่สิวน้อยลง เหลือแต่รอยแดงที่ต้องรักษาต่อไปค่ะ
ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนะคะ หวังว่ากระทู้ของเราจะเป็นประโยชน์และเป็นแนวทางให้เพื่อนๆ ได้เอาไปปรับใช้ไม่มากก็น้อยนะคะ มีข้อผิดพลาดหรืออยากจะติชม แลกเปลี่ยนวิธีการดูแลรักษาสิวและรอยแดงกันก็ยินดีเลยค่ะ
ปล.ตอนนี้เราเรียนจบกลับไทยเรียบร้อยแล้วค่ะ ก็ได้เวลาไปรักษารอยสิว ครั้งหน้าจะมาเขียนรีวิวทรีทเม้นท์และวิธีการที่เราเลือกทำค่ะ