:ทริปนี้เดินทางกันสามคน พ่อ แม่ และลูกชาย 4 ขวบค่ะ เป็นทริปพักผ่อนวันหยุดสบายๆ 4 วัน 3 คืน รวมวันเดินทางเริ่มจากเลือกดูวันหยุดที่เราสามารถเดินทางได้ บวกกับเป็นช่วงปิดเทอมของเจ้าลูกชายพอดี เพราะเคยสัญญากันไว้แล้วว่าถ้าปิดเทอมจะพาไปเที่ยวทะเล .....รายนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตารอทะเล ตั้งแต่ปิดเทอมวันแรก
พอได้วันหยุดที่ลงตัว ก็มาเลือกสถานที่ว่าจะไปที่ไหนดี ตัดสินใจอยู่สองที่ระหว่างกระบี่กับสุราษฎร์ธานี เพราะว่ามีเครื่องบิน บินตรงจากเชียงใหม่เลยทั้งคู่ สรุปสุดท้ายก็ตัดสินใจว่าจะมาสุราษฎร์ธานีแล้วไปพักที่ขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ด้วยเหตุผลที่ว่ามีพี่ที่เคยรู้จักแนะนำว่าที่นี่ทะเลน่าเล่น เหมาะสำหรับเด็ก และที่สำคัญค่าใช้จ่ายไม่แพง  

--->> จองตั๋วเครื่องบิน (ตอนนั้นไม่มีโปรโมชั่นใดๆ 555) สำหรับ 3 ที่ เลือกวันเดินทางไปกลับเรียบร้อย
ขาไป เชียงใหม่-สุราษฎร์ วันที่ 6 ตค. เที่ยวเจ็ดโมงเช้า ถึง เก้าโมง กลับวันที่ 9 ตค. เที่ยวสามโมงครึ่งถึงเชียงใหม่ห้าโมงครึ่ง
--->> จองที่พัก เราเลือกเป็นที่บ้านชายเลรีสอร์ทค่ะ เพราะเห็นตามรีวิว เขาว่าลุงกับป้าเจ้าของใจดี แถมที่นี่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านค่ะ
ภารกิจหลักที่สำคัญครบหมดแล้ว เตรียมตัวเดินทางเลยค่ะ

วันที่ 1 เดินทางจากสนามบินเชียงใหม่ - สุราษฎร์ โดยสายการบินแอร์เอเชียค่ะ เอกสารสำหรับเจ้าตัวเล็กที่ต้องเตรียมไปก็จะเป็นสูจิบัตรหรือสำเนาทะเบียนบ้านค่ะ เพราะน้องยังไม่มีบัตรประชาชน
ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก มันก็จะเกร็งๆ ตื่นเต้นหน่อยๆ
เที่ยวบินนี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคนไทยเลยค่ะ 80% เป็นชาวต่างชาติ ตื่นเต้นจัง จะได้ขึ้นเครื่องแล้วววว
เมื่อไปถึงสนามบินสุราษฎร์ เราตรงไปที่เคาน์เตอร์โดยสารของบริษัทพันธุ์ทิพย์เลยค่ะ เพราะทริปนี้เราตัดสินใจไม่เช่ารถยนต์ เลือกเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางทั้งหมด นั่งรถบัสเล็กจากสนามบินเข้าไปตัวเมือง คนละ 100 บาท ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง (รถออกทุกครึ่งชม.) ไปลงที่ตลาดเกษตร ซึ่งไม่มีสินค้าทางการเกษตรแต่อย่างใด แต่จะเรียกที่นี่ว่าเป็นแหล่งรวมของเหล่ารถไปตามที่ต่างๆ ก็ได้ค่ะ
สามารถแจ้งคนขับรถได้เลยนะคะว่าต้องการไปลงที่คิวรถไปขนอม เขาก็จะไปส่งเราที่คิวรถตู้เลย ไม่ต้องเสียเวลาเดินหารถให้วุ่นวาย
ถึงแล้ว คิวรถสุราษฎร์ขนอม รถออกทุกๆ 45 นาที เราได้รอบ10.30 พอดี ค่าใช้จ่ายคนละ100 บาท
พอขึ้นรถก็โทรแจ้งกับทางที่พักค่ะว่ารถตู้ออกจากที่นี่ 10.30  ของเราพี่เจ้าของบอกว่าให้ลงรถที่ตลาดสี่แยก แล้วเขาจะเอารถมารับเข้าที่พัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ
ถึงแล้วค่ะ ขนอม ลงรถที่ตลาดสี่แยกตามที่พี่ดาวเจ้าของรีสอร์ทที่เราไปพักบอก
นั่งรออีกประมาณ 5 นาที พี่ดาว เจ้าของรีสอร์ทก็มารับเราสามพ่อแม่ลูก เข้าที่พักค่ะ
หลังจากเข้าที่พักเรียบร้อย เราก็แจ้งกับทางพี่เขาว่าต้องการรถมอเตอร์ไซค์ เผื่อใช้เดินทางไปไหนมาไหน พี่เขาก็อำนวยความสะดวกให้ทุกอย่างค่ะ ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์ที่นี่ วันละ 200 บาท
ว่าแล้วก็ไปชมบรรยากาศของรีสอร์ทกันค่ะ เราได้พักห้องเบอร์ 1 ตรงหัวมุมก่อนลงทะเลเลยค่ะ
บรรยากาศถ่ายจากห้องพักค่ะ
ยังไม่ทันไร เจ้าตัวเล็กก็ไปนู่นแล้วค่ะ ไม่ค่อยจะตื่นเต้นเท่าไหร่
ได้รถมอเตอร์ไซค์มาแล้ว ก็แว๊นนไปชมเมือง และแวะหาอะไรกินกันซักกะหน่อย
ส่วนใหญ่กิจกรรมตอนที่อยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ ตอนเช้าเล่นน้ำ สายๆมาก็ขี่รถออกไปเที่ยวตามที่ต่างๆ บ่ายสี่โมงก็เข้าที่พัก เจ้าตัวเล็กก็เล่นน้ำตามเคย เช้า สาย บ่าย เย็น ชิว ๆ สบาย ๆ ค่ะ ไม่มีอะไรต้องเร่งรีบ
สองวันแรกเราขี่รถขึ้นไปทางทิศเหนือ (ออกรีสอร์ทแล้วเลี้ยวขวา) ส่วนวันที่สามลงทางทิศใต้ (ออกจากรีสอร์ทแล้วเลี้ยวซ้าย)
ส่วนอาหารการกิน ก็แวะกินแถวที่เราไปนั่นแหละค่ะ ตอนเย็นก็แวะตลาดซื้อกลับมากินที่รีสอร์ทบ้าง มีตลาดขายอาหารทะเลสดๆ อยู่ค่ะ (เปิดขขายตอนเย็นประมาณบ่ายสี่โมง) เราสามารถซื้อมาปิ้งย่าง ทำกินกันที่รีสอร์ทได้ ทางรีสอร์ทมีอุปกรณ์เตาย่าง และเครื่องครัวให้พร้อม คิดค่าบำรุงอุปกรณ์ 200 บาท
ร้านอาหารแถวหาดคอเขา มีร้านให้นั่งเป็นซุ้มๆ ค่ะ
กินเรียบ ไม่มีเหลือ
มุมสวยๆ ถ่ายจากโรงไฟฟ้าขนอมค่ะ
เจ้าตัวเล็กมีโอกาสได้เรียนรู้จากแหล่งธรรรมชาติ - ป่าชายเลน
กลับที่พัก...แรงยังเหลือเล่นน้ำต่อ ชอบมากๆ เลยครับ
เช้าวันที่ 2 ตื่นเช้ามาก็เล่นน้ำแล้วครับ วันนี้โชคดี มีเพื่อน ๆ อายุรุ่นราวคราวเดียวกันมาเล่นด้วยกันหลายคน ยิ่งสนุกไปกันใหญ่
พอสาย ๆ ก็ออกเที่ยว วันนี้ขึ้นไปทางเหนืออีกตามเคย แต่ไปไกลจากเดิมอีกนิดหน่อย วันนี้ไปถึงแหลมประทับเลย ซึ่งตรงแหลมนี้จะเป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่มีท่าเรือสำหรับออกไปชมปลาโลมาสีชมพูอยู่ค่ะ
ทางเข้าหมู่บ้านจะมีซุ้มปลาโลมาสีชมพูอยู่ แวะถ่ายกันซักหน่อย
ท่าเรือที่จะออกทะเลเพื่อไปดูปลาโลมาสีชมพู วันนี้อดไม่ได้ออกไปดูปลาโลมาสีชมพู เพราะเห็นที่ท่าเรือบอกว่าวันนี้ลมในทะเลแรง โลมาสีชมพูไม่ออกค่ะ
วิวบนเขา จะเห็นท่าเรืออยู่ไกลๆ  
ขากลับแวะให้ปลาตอดเท้าเล่นนิดนึง อันนี้จำไม่ได้เหมือนกันว่าอยู่บริเวณไหน 555 แต่พอดีตอนขากลับเราเห็นมีป้ายแวะให้นั่งเล่นชิว ๆ มีปลาตอดเท้า ก็เลยลองแวะดู บรรยากาศดีจั๊กจี๋เท้าใช้ได้เหมือนกันนะ
เย็นนี้ทำทะเลปิ้งย่างกันค่ะ บอกได้เลยว่าของทะเลที่นี่สดใหม่ มากๆ ค่ะ เพราะมีเรือประมงเทียบท่าเข้าทุกวัน
ขายกันเป็นถาดๆ แบบนี้เลย
วันที่3 เช้าวันนี้อากาศสดใสตามเคย เราเดินทางลงทางใต้บ้าง ได้มีโอกาสขึ้นไปชมวิวของขนอมจากบนเขา ได้มุมที่สวยงามและประทับใจมาอีกมุมหนึ่งค่ะ
วิวบริเวณเนินเทวดา - เนินนางฟ้า
ข้างบนนี้มีร้านกาแฟให้นั่งชิว ๆ รับลมเย็นๆ ด้วย อากาศดีมากเลย
วันนี้เรากลับเข้าที่พักเร็วหน่อย เพราะอยู่วันสุดท้ายแล้ว เจ้าตัวเล้กจะได้มีเวลาเล่นน้ำเยอะ ๆ หน่อย เหมือนทะเลจะเป็นใจ วันนี้คลื่นสงบ ลมไม่แรง น้ำทะเลใสมากค่ะ
กำลังทำสงครามจิตวิทยากับปูเสฉวนอยู่
ถ้าอยากพายเรือเล่น ก็สามารถเช่าได้จากทางรีสอร์ท คิดค่าบริการ 200 บาท แต่เสียดายที่ไม่มีเสื้อชูชีพไซส์ของเด็กค่ะ มีแต่ตัวใหญ่ ๆ ทั้งนั้นเลย
ซ้อมพายก่อนลงจริง
พ่อพายเรือ ลูกก็เล่นน้ำไปก่อนก็แล้วกันนะ
เล่นน้ำทุกวัน ไม่ไล่ไม่เลิก ตัวดำปี๋เลยค่ะ
บรรยากาศสุดท้ายก่อนกลับค่ะ
ชิวมาก ..ขอบอก
สำหรับทริปนี้ บอกได้คำเดียวว่า ประทับใจมาก ๆ ค่ะ
ส่วนขากลับ ก็ใช้เส้นทางตามเดิมค่ะ คิวรถตู้จะจอดอยู่ที่หน้าที่ว่าการอำเภอนะคะ (พี่ดาวเจ้าของรีสอร์ทมาส่งเราสามพ่อแม่ลูกตามเดิม)
รถออกทุก 45 นาที แต่ถ้ามาเร็วหน่อยก็ดีค่ะ เพราะถ้าคนครบก่อนเขาจะออกก่อนเวลา ต้องรอรอบต่อไป
นั่งรถประมาณ  1 ชั่วโมง บอกคนขับว่าเราจะนั่งรถต่อไปสนามบิน เท่านี้ก็เรียบร้อยค่ะ