คุณ!! มีปัญหากับผมร่วง ผมบางไหม?
…
..
.
….คุณไม่มี แต่เรามี TT //ร้องไห้
อะแฮ่มๆ เกริ่นยาวววว ยาวก่อนว่าเรามีปัญหาผมร่วงมาก่อน ตั้งแต่สมัย ม.ปลายแล้ว คือผมบางเห็นหนังหัวศรีษะจนโดนเพื่อนล้อบ่อยๆ Orz
ล้อจนขนาดที่ว่ากะว่าจะปล่อยวาง....ช่างมันแล้ว!! ไม่สนอะไรมันทั้งสิ้นแล้ว จะร่วงก็ร่วงไปเลยดิ!!
...แต่พอขึ้นมหาลัยด้วยความที่เป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ใดๆทั้งปวง จะนุ่งฟิตนุ่งสั้นแค่ไหนก็ได้ (ถ้าไม่ใช่ช่วงสอบหรืองานทางการนะ) และแน่นอน! ผมข้ากระบาลข้าจะทำอะไรก็ได้ ข้าเป็นเอกราชแล้ว!!
หึๆ รอช้าอยู่ใย เข้าร้านทำผมสิ ตัดมัน!! ดัดมัน!! กัดมัน!! โกรกมันให้เรียบ!! วะฮ่าๆๆๆๆๆ
ช่วงปี1 นี่เป็นอะไรที่ฟินมากก ถึงแม้จะรู้ว่าเป้าหน้าจะไม่ได้เหมาะกับผมสีควันบุหรี่และทรงบ๊อบดัดลอนปลายตามคุณแม่เทย์ในเพลง I Knew You Were Trouble ก็ตาม
แต่ด้วยความมั่นหน้าก็จัดเต็ม โนสนโนแคร์ค่ะ//เชิดใส่
แต่พอช่วงสักปี2 สังขารก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ไหนจะเดินทางไปมหาลัย ไหนจะโปรเจ๊ควิชาต่างๆที่คอยดูดพลังงานชีวิตมาเรื่อยๆ ‘จารย์จะจัด F ไม่ F แหล่ (โหวววว อย่าทำหนู กลัวแล้วววว) เวลานอนยังไม่ค่อยจะพอ เรื่องเวลาดูแลตัวเองคิดวาจะเหลือเรอะ O<-< //นอนตาย
และแน่นอน ปี2 เทอม2 เราก็ได้ F มาตัวนึง ตอนนั้นบ้านแทบแตก ฮ่าๆๆๆ ยังดีที่วิชานั้นเปิดให้ลงซัมเมอร์ได้และรอดตายมา Orz
พอขึ้นปี3 ก็เริ่มตั้งใจเปลี่ยนตัวเองใหม่ เป็นช่วงที่ต้องจริงจังกับชีวิตเพราะอีกไม่กี่เดือนก็ต้องไปฝึกงานแล้ว ไปย้อมดำกลับให้เป็นผู้เป็นคนค่ะ แล้วก็ให้พี่ช่างทำผมร้านประจำช่วยตัดหน้าม้าที่ไม่ได้ตัดชาตินึงตัดให้
....สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ...ตรงช่วงระหว่างผมม้าของเรากับกลางหัวมันแทบจะไม่มีผมอยู่เลย!! คือมันเห็นหนังหัวชัดมาก เราก็คุยกับพี่ช่างทำผม พี่เขาก็เฉยๆเพราะเราเคยบอกเขาว่าไม่สนเรื่องผมบางมานานแล้ว
....กลัวทักแล้วเราเสียความมั่นใจหนักกว่าเดิม TT ฮือออ
...สุดท้ายเราก็คอตกกลับบ้านมากับกิ๊ปติดผมที่พี่ร้านทำผมให้มาแปะเสยหน้าม้า
...ปกติเราเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมากแต่พอมาเจอแบบนี้ก็ดาวน์ลงไปเลย
แต่จะมานั่งเอ๋อเพราะเรื่องแบบนี้มันก็ยังไงอยู่
นั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาวิธีการรักษาผมร่วงของเราค่ะ (สักที!!)
เริ่มแรก แน่นอนว่าเริ่มจากการค้นในเน็ต
เริ่มจากพวกวิธีปรับตัวในชีวิตประจำวันก่อนเพราะตอนนั้นเราก็เป็นแค่นักศึกษาจนๆ (แหะๆ)
ตั้งแต่ ออกกำลังกาย กินอาหารมีประโยชน์(ลดมัน, ลดเค็ม,ปลาหมึก กุ้ง ห้าม, กินโปรตีน, กินถั่ว, กินเลือดกับเครื่องในเยอะๆ) หวีผมซี่ห่าง เปลี่ยนไปใช้แชมพูเด็ก อย่าสระผมบ่อย นอนเพียงพอ ห้ามนอนดึก บลาๆๆ
ก็พยายามทำตามบทความที่เขาแนะนำมานะ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ทันใจสักเท่าไหร่ TT
...ได้แต่คิดว่าหรือมันจะสายเกินไปแล้วนะ จนกระทั้งได้รู้จักกับกระทู้
“รวมพล..คนผมน้อย แต่ไม่ยอมหัวล้าน..ให้คำปรึกษา โดย นพ.รัฐพล ตวงทอง”
ซึ่งมันว้าวมาก เพราะกระทู้มีแบบประจำเดือนนั้นๆเลย ก็เริ่มอ่านเริ่มตามทุกบทความทุกวีดิโอที่มีคุณหมอรัฐพล ตวงทอง
...แล้วก็ตรัสรู้ได้ว่า...ถ้ารู้ว่ามีปัญหาก็รีบไปพบแพทย์เถอะ!! จะมารอให้มันมาเป็นหนักๆทำไม!!
เราก็เริ่มจากการไปหาหมอโรคผิวหนัง คุณหมอก็ได้ตรวจเลือดดูว่าเป็นไทรอยด์ไหม? เบาหวานมาเยือนรึเปล่า? แล้วก็รอผลสัก 4 ชั่วโมงได้
ผลตรวจออกมาคือ ปกติดีจ้าา ไม่เป็นเบาหวาน ไม่เป็นไทรอยด์ ปกติดีเกือบทุกอย่าง
คุณหมอบอกว่าสาเหตุที่เราผมร่วงอาจเป็นเพราะเม็ดเลือดแดงเราตัวเล็ก จนทำให้มันนำสารอาหารไปให้ผมไม่พอ Orz
เราก็สงสัยว่าแล้วมันเกี่ยวกับโลหิตจางไหม? เพราะเราไม่ได้มีอาการเหนื่อยง่ายหรือเป็นลมตอนแดดแรงเลยสักครั้งในชีวิต ซึ่งหมอก็ตอบว่าไม่ใช่ คนละอย่างกัน โลหิตจางคือเม็ดเลือดแดงน้อย แต่ของเราเม็ดเลือดแดงจำนวนปกติแต่แค่ตัวเล็ก มันคนละอย่างกัน
หมอก็บอกอีกว่าปกติแล้วสำหรับผู้หญิงแค่เรื่องเสียเลือดจากประจำเดือนก็หนักแล้ว ยิ่งเม็ดเลือดแดงตัวเล็กอีก แค่กินอาหารที่มีธาตุเหล็กคงไม่พอ
เราก็พยักหน้าเข้าใจได้ เพราะประจำเดือนแต่ละรอบเดือนเรามาหนักมากแล้วนาน 5-7 วัน แล้วใช่ว่าจะหาเครื่องใน ต้มเลือดหมู แทะอัลมอนด์ แทะถั่วดำ ทุกวันมันก็กะไรอยู่
คุณหมอก็เลยจัดธาตุเหล็ก พร้อม zinc และยาปลูกผม(Minoxidil) มาให้ แล้วกำชับว่าให้ใจเย็นๆ ค่อยๆรักษากันไป เหมือนกับเราอยากกลับไปคืนดีกับแฟนทั้งๆที่เราทำไว้ไม่ดีกับเขามา 2-3 ปี มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะง้อเขาแล้วกลับมาคืนดีทันที ต้องใช้เวลา
เคสของเรายังรักษาด้วยยาได้อยู่ มีหวังนั้นเอง!! เย้!!
เราพยายามทำตามที่หมอสั่ง ซับผมให้แห้งก่อนนอน หยอดยาเช้าเย็นแล้วนวดๆ กินธาตุเหล็กและzinc กินน้ำเยอะๆ แล้วก็นัดเจอหมอทุกเดือน
รักษามา 9 เดือนได้ คุณหมอก็ขอเจาะเลือดดู….
ผลที่ได้คือ เจ้าเม็ดเลือดแดงง่อยๆก็กลับมาสตรองเข้าไฟนอลวอล์คได้ค่ะ!!//ปรบมือ
เพื่อนๆสมัยม.ปลายที่หายหน้าหายตากันไปนาน ก็ทักว่าผมดี ดูฟูขึ้นไม่พังเหมือนแต่ก่อนด้วย โคตรปลื้มมมมม มอม้าล้านตัว
แต่ช่วงหลังๆมานี้....ต้องขอสารภาพก่อนว่าเราแอบหยุดยาไปเองเพราะโฟกัสกับงานกลับบ้านมาบางทีก็ไม่อาบน้ำทิ้งตัวลงนอนเลย O<-<
ใช่แล้วค่ะ ผมของเราก็ไม่อยากอยู่บนหัวของคนที่ไม่ดูแลเขาเหมือนกัน บายจ๊ะ (ฮืออ เค้าขอโทษษษษ)
ซึ่งถ้าเรายังทำแบบนี้เรื่อยๆ ง้อผมของเราแบบเดิมๆที่เราเคยง้อ เราเชื่อว่าร่างกายของเรามันจะต้านยาไปเองแล้วทีนี้ก็จะใช้ยาแบบเดิมไม่ได้อีกต่อไป….
เราเลยลองเลือกวิธีการรักษาแบบอื่นดูค่ะ ซึ่งความจริงเราก็ถามกับตัวเองว่าหรือเราควรจะปลูกผมไปเลย แต่ใจลึกๆเราก็ยังกลัวเจอหมอไม่ดี ไหนจะเจ็บตัว ต้องพักรักษาอีก ตอนนี้เรายังไม่มีเวลาขนาดนั้น แต่ถ้ายังปล่อยให้ผมเป็นแบบนี้ รับรองว่าเราได้ไปแสดง Fast & Furious กับ วิน ดีเซลและเดอะร็อค แน่ๆ
(เหล่าผมของเราคงกำลังฮัมเพลง See You Again อยู่)
แล้วเราก็จำอีกวิธีที่เคยอ่านในกระทู้ “รวมพล..คนผมน้อย แต่ไม่ยอมหัวล้าน..ให้คำปรึกษา โดย นพ.รัฐพล ตวงทอง” ค่ะ นั้นก็คือการรักษาด้วยเลเซอร์ ลองอ่านดูแล้วน่าจะเหมาะกับเราที่สุด เลยลองดูว่าไอ้เลเซอร์เนี่ยมันต้องรักษายังไง
เลยรู้ว่ามาว่าความจริงมันมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้เองได้ที่บ้าน คือ หวีเลเซอร์กับหมวกเลเซอร์
เราตัดหวีเลเซอร์ไปก่อนเลย คือเราคิดภาพไม่ออกจริงๆว่าการเอาหวีที่ดึงผมแล้วหวีไปมามันจะได้ผลจริงรึ? ไหนจะความขี้เกียจของเราอีก
ทีนี้ลองมาดูที่หมวกเลเซอร์ เราก็ลองเซิร์จดูว่ามีตัวไหนน่าสนใจบ้าง แล้วก็ไปเจอตัวนึง นั้นก็คือ Theradome นั้นเอง!! ตอนแรกที่เราค้นดูก็เจอเว็บที่เป็นตัวภาษาไทย ซึ่งน่าสนใจมากเลยลองคลิกเข้าไปเล่นๆดู
.
.
.
!!!
60,000 บาท!!! แม่เจ้าาาาา
เลยลองแอบไปดูเว็บหลักของเขาซึ่งราคาแทบจะครึ่งต่อครึ่ง….
ตอนแรกก็ว่าจะสั่งของเว็บ US แล้ว แต่ก็ฉุกคิดเรื่องค่าส่งกับภาษีขึ้นมาได้….
ไหนจะเรื่องสินค้าจะปลอดภัยมาถึงมือไหมอีก...เลยกลับมาที่เว็บไทย
ลองต่อไปตามเบอร์โทรหน้าเว็บดู เห็นว่านัดดู นัดลองของดูก่อนได้ด้วย
แต่ทางร้านนัดแถวลาดพร้าวซึ่งเราติดธุระยังขึ้นไปกรุงเทพฯไม่ได้อีก 3 เดือน เลยวัดใจกัดฟันสั่งของเขาไปโดยมีความหวังอยู่เต็มเปี่ยมว่าจะไม่โดนโกงนะ T^T
และแล้ววว หลังจากสั่งไปเมื่อวันพฤหัสของก็มาถึงเมื่อวานหรือวันจันทร์อย่างปลอดภัยหายห่วงงงงง
อันนี้ด้านข้าง บอกพวกสเป๊ค ผ่าน อ.ย. USA ใช้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ตรงนี้เราถามคนขายบอกมาว่าใส่วันเว้นวันก็ได้แต่อย่าใส่ทุกวันเพราะการรักษาด้วยเลเซอร์จำเป็นต้องให้เซลล์มีการพักแล้วกระตุ้นเซลล์ไปเรื่อยๆ หลักการคล้ายๆการออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อ ถ้าเราอยากกล้ามใหญ่ต้องออกกำลังกายหนักแล้วมีช่วงให้กล้ามเนื้อพักฟื้นกล้ามเนื้อนั้นเองงง
อีกด้านนึงก็จะอธิบายหลักการทำงาน ระดับผิวสีและความรุนแรงที่รักษาได้
ด้านล่าง บอกสเป๊คอีกครั้ง อุณหภูมิเก็บรักษา รวมถึงของที่ต้องได้ทั้ง 7 อย่าง เรียงจากซ้ายไปขวา
---> กระเป๋าแข็งสีดำใส่หมวก, อแดปเตอร์ชาร์จ, สายไมโคร USB, ตีนตุ๊กแก+โฟมสำหรับแปะหมวก, แผ่นพับวิธีการใช้งานแบบง่ายๆ, คู่มือการใช้งาน และ กระเป๋าผ้าสีขาวใส่หมวก
บนกระเป๋ามีตรา Theradome สวยงาม ^^
...ไม่รอช้า มาดูของข้างในกันนน!!
เปิดออกมาก็จะเจอหมวกในถุงผ้าสีขาว
พอหยิบหมวกออกมาก็จะเจอ ของ 3 อย่าง
ของ 3 อย่างที่ว่าคือ ผ้าเช็ดหมวก 2 อัน ใบรายละเอียดการเริ่มใช้งาน และกล่องปริศนาอีก 1 กล่อง
ผ้าเช็ดหมวก ผ้าเช็ดหมวกจริ๊ง จริงงงง เชื่อสิ ฮ่าๆๆๆ
ใบรายละเอียดการเริ่มใช้งานหน้า-หลัง
และเจ้ากล่องปริศนาที่ว่าก็คือออ กล่องใส่โฟมแปะหมวก,อแดปเตอร์และสายชาร์จ, ใบการใช้งานและคู่มือ นั้นเอง
แงะออกมาก็จะได้ตามนี้
สวยงาม อลังกาลตามราคาที่เสียไป
สายชาร์จครอบจักรวาล ชาร์จได้ทั่วโลก
คู่มือแบบแผ่นเดียวก็จะบอกรายละเอียดการใช้คร่าวๆคือ
ให้สวมแล้วกดปุ่มรอหมวกทำงาน 20 นาที ถ้าอยากรู้ว่าเหลือเวลาอีกนานไหม กดปุ่มซ้ำแล้วหมวกจะบอกเอง
...ส่วนคู่มือแบบเล่ม รายละเอียดเยอะตามท้องเรื่อง หลักๆก็บอกวัสดุ ดูยังไงว่าชาร์จเต็มแล้ว
ตีนตุ๊กแกและแผ่นแปะหมวกด้านข้างอันนี้เราต้องแกะมาแปะกับหมวกของเราเอง
แปะตีนตุ๊กแกด้านข้างอย่างละ 2 ด้านบน 3
แล้วก็แปะแผ่นโฟมลงไปเลยยย
ชาร์จไฟเหมือนชาร์จมือถือ อันนี้เราลองชาร์จดูใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ถ้าชาร์จเต็มแล้วไฟหมวกจะเป็นสีเขียวค่ะ
การใช้งานก็ง่ายนิดเดียวแค่กดปุ่มแล้วสวมหัว
เราลองแอบแกล้งหมวกดูว่าถ้าถอดออกจากหัวจะเป็นไง
...สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ...หมวกมันตัดไฟไปเอง!!
.
.
.
ใจหายวาบไปชั่วขณะ ลองกดปุ่มดูเลยรู้ว่าเป็นระบบตัดไฟอัตโนมัติ แล้วหมวกก็เตือนให้ใส่อีกที
...สรุปคือมันแค่เป็นระบบปลอดภัยเฉยๆเพราะแสงเลเซอร์เป็นอันตรายกับตาถ้ามองตรงๆนี่ตาบอดได้
ลองสวมครบ 20 นาทีก็รู้สึกอุ่นๆหัวนิดหน่อยไม่แพ้ ไม่เจ็บแสบใดๆ
แล้วพอใช้เสร็จระบบก็จะตัดไฟตัวเองพร้อมกับนับรอบการรักษาครั้งที่ 1
สรุปรีวิว
ความทนทาน 4/5
วัสดุคือดูทนมาก ถ้าไม่ได้เอาไปทุบหัวใครนะ
ใช้งานง่าย 5/5
คือปุ่มเดียวจบรู้เรื่องจริง ถ้าเทียบกับยี่ห้ออื่นดูคือไม่มียี่ห้อไหนที่ออกแบบมาให้จบในหมวกเดียว
ราคา 4/5
อันนี้อาจจะราคาสูงไปนิด แต่ถ้าลองคิดระยะยาวดูเราไม่ต้องเสียค่าเดินทาง ประหยัดเวลา แล้วก็เรื่องค่าเทคโนโลยีก็นับว่ารับได้ค่ะ
การรักษา ?/5
ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่ามันดีไหมแต่เพราะต้องลองใช้ดูไปก่อน
อีกสัก 3 เดือนลองมาดูกันว่าจะเป็นยังไง
-----------------------
ลืมแปะ
http://www.theradomethailand.com/
อันนี้เว็บไทยที่เราสั่งค่ะ
[CR] รักษาผมสไตล์คนขี้เกียจ ด้วย Theradome
…
..
.
….คุณไม่มี แต่เรามี TT //ร้องไห้
อะแฮ่มๆ เกริ่นยาวววว ยาวก่อนว่าเรามีปัญหาผมร่วงมาก่อน ตั้งแต่สมัย ม.ปลายแล้ว คือผมบางเห็นหนังหัวศรีษะจนโดนเพื่อนล้อบ่อยๆ Orz
ล้อจนขนาดที่ว่ากะว่าจะปล่อยวาง....ช่างมันแล้ว!! ไม่สนอะไรมันทั้งสิ้นแล้ว จะร่วงก็ร่วงไปเลยดิ!!
...แต่พอขึ้นมหาลัยด้วยความที่เป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ใดๆทั้งปวง จะนุ่งฟิตนุ่งสั้นแค่ไหนก็ได้ (ถ้าไม่ใช่ช่วงสอบหรืองานทางการนะ) และแน่นอน! ผมข้ากระบาลข้าจะทำอะไรก็ได้ ข้าเป็นเอกราชแล้ว!!
หึๆ รอช้าอยู่ใย เข้าร้านทำผมสิ ตัดมัน!! ดัดมัน!! กัดมัน!! โกรกมันให้เรียบ!! วะฮ่าๆๆๆๆๆ
ช่วงปี1 นี่เป็นอะไรที่ฟินมากก ถึงแม้จะรู้ว่าเป้าหน้าจะไม่ได้เหมาะกับผมสีควันบุหรี่และทรงบ๊อบดัดลอนปลายตามคุณแม่เทย์ในเพลง I Knew You Were Trouble ก็ตาม
แต่ด้วยความมั่นหน้าก็จัดเต็ม โนสนโนแคร์ค่ะ//เชิดใส่
แต่พอช่วงสักปี2 สังขารก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ไหนจะเดินทางไปมหาลัย ไหนจะโปรเจ๊ควิชาต่างๆที่คอยดูดพลังงานชีวิตมาเรื่อยๆ ‘จารย์จะจัด F ไม่ F แหล่ (โหวววว อย่าทำหนู กลัวแล้วววว) เวลานอนยังไม่ค่อยจะพอ เรื่องเวลาดูแลตัวเองคิดวาจะเหลือเรอะ O<-< //นอนตาย
และแน่นอน ปี2 เทอม2 เราก็ได้ F มาตัวนึง ตอนนั้นบ้านแทบแตก ฮ่าๆๆๆ ยังดีที่วิชานั้นเปิดให้ลงซัมเมอร์ได้และรอดตายมา Orz
พอขึ้นปี3 ก็เริ่มตั้งใจเปลี่ยนตัวเองใหม่ เป็นช่วงที่ต้องจริงจังกับชีวิตเพราะอีกไม่กี่เดือนก็ต้องไปฝึกงานแล้ว ไปย้อมดำกลับให้เป็นผู้เป็นคนค่ะ แล้วก็ให้พี่ช่างทำผมร้านประจำช่วยตัดหน้าม้าที่ไม่ได้ตัดชาตินึงตัดให้
....สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ...ตรงช่วงระหว่างผมม้าของเรากับกลางหัวมันแทบจะไม่มีผมอยู่เลย!! คือมันเห็นหนังหัวชัดมาก เราก็คุยกับพี่ช่างทำผม พี่เขาก็เฉยๆเพราะเราเคยบอกเขาว่าไม่สนเรื่องผมบางมานานแล้ว
....กลัวทักแล้วเราเสียความมั่นใจหนักกว่าเดิม TT ฮือออ
...สุดท้ายเราก็คอตกกลับบ้านมากับกิ๊ปติดผมที่พี่ร้านทำผมให้มาแปะเสยหน้าม้า
...ปกติเราเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมากแต่พอมาเจอแบบนี้ก็ดาวน์ลงไปเลย
แต่จะมานั่งเอ๋อเพราะเรื่องแบบนี้มันก็ยังไงอยู่
นั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาวิธีการรักษาผมร่วงของเราค่ะ (สักที!!)
เริ่มแรก แน่นอนว่าเริ่มจากการค้นในเน็ต
เริ่มจากพวกวิธีปรับตัวในชีวิตประจำวันก่อนเพราะตอนนั้นเราก็เป็นแค่นักศึกษาจนๆ (แหะๆ)
ตั้งแต่ ออกกำลังกาย กินอาหารมีประโยชน์(ลดมัน, ลดเค็ม,ปลาหมึก กุ้ง ห้าม, กินโปรตีน, กินถั่ว, กินเลือดกับเครื่องในเยอะๆ) หวีผมซี่ห่าง เปลี่ยนไปใช้แชมพูเด็ก อย่าสระผมบ่อย นอนเพียงพอ ห้ามนอนดึก บลาๆๆ
ก็พยายามทำตามบทความที่เขาแนะนำมานะ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ทันใจสักเท่าไหร่ TT
...ได้แต่คิดว่าหรือมันจะสายเกินไปแล้วนะ จนกระทั้งได้รู้จักกับกระทู้
“รวมพล..คนผมน้อย แต่ไม่ยอมหัวล้าน..ให้คำปรึกษา โดย นพ.รัฐพล ตวงทอง”
ซึ่งมันว้าวมาก เพราะกระทู้มีแบบประจำเดือนนั้นๆเลย ก็เริ่มอ่านเริ่มตามทุกบทความทุกวีดิโอที่มีคุณหมอรัฐพล ตวงทอง
...แล้วก็ตรัสรู้ได้ว่า...ถ้ารู้ว่ามีปัญหาก็รีบไปพบแพทย์เถอะ!! จะมารอให้มันมาเป็นหนักๆทำไม!!
เราก็เริ่มจากการไปหาหมอโรคผิวหนัง คุณหมอก็ได้ตรวจเลือดดูว่าเป็นไทรอยด์ไหม? เบาหวานมาเยือนรึเปล่า? แล้วก็รอผลสัก 4 ชั่วโมงได้
ผลตรวจออกมาคือ ปกติดีจ้าา ไม่เป็นเบาหวาน ไม่เป็นไทรอยด์ ปกติดีเกือบทุกอย่าง
คุณหมอบอกว่าสาเหตุที่เราผมร่วงอาจเป็นเพราะเม็ดเลือดแดงเราตัวเล็ก จนทำให้มันนำสารอาหารไปให้ผมไม่พอ Orz
เราก็สงสัยว่าแล้วมันเกี่ยวกับโลหิตจางไหม? เพราะเราไม่ได้มีอาการเหนื่อยง่ายหรือเป็นลมตอนแดดแรงเลยสักครั้งในชีวิต ซึ่งหมอก็ตอบว่าไม่ใช่ คนละอย่างกัน โลหิตจางคือเม็ดเลือดแดงน้อย แต่ของเราเม็ดเลือดแดงจำนวนปกติแต่แค่ตัวเล็ก มันคนละอย่างกัน
หมอก็บอกอีกว่าปกติแล้วสำหรับผู้หญิงแค่เรื่องเสียเลือดจากประจำเดือนก็หนักแล้ว ยิ่งเม็ดเลือดแดงตัวเล็กอีก แค่กินอาหารที่มีธาตุเหล็กคงไม่พอ
เราก็พยักหน้าเข้าใจได้ เพราะประจำเดือนแต่ละรอบเดือนเรามาหนักมากแล้วนาน 5-7 วัน แล้วใช่ว่าจะหาเครื่องใน ต้มเลือดหมู แทะอัลมอนด์ แทะถั่วดำ ทุกวันมันก็กะไรอยู่
คุณหมอก็เลยจัดธาตุเหล็ก พร้อม zinc และยาปลูกผม(Minoxidil) มาให้ แล้วกำชับว่าให้ใจเย็นๆ ค่อยๆรักษากันไป เหมือนกับเราอยากกลับไปคืนดีกับแฟนทั้งๆที่เราทำไว้ไม่ดีกับเขามา 2-3 ปี มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะง้อเขาแล้วกลับมาคืนดีทันที ต้องใช้เวลา
เคสของเรายังรักษาด้วยยาได้อยู่ มีหวังนั้นเอง!! เย้!!
เราพยายามทำตามที่หมอสั่ง ซับผมให้แห้งก่อนนอน หยอดยาเช้าเย็นแล้วนวดๆ กินธาตุเหล็กและzinc กินน้ำเยอะๆ แล้วก็นัดเจอหมอทุกเดือน
รักษามา 9 เดือนได้ คุณหมอก็ขอเจาะเลือดดู….
ผลที่ได้คือ เจ้าเม็ดเลือดแดงง่อยๆก็กลับมาสตรองเข้าไฟนอลวอล์คได้ค่ะ!!//ปรบมือ
เพื่อนๆสมัยม.ปลายที่หายหน้าหายตากันไปนาน ก็ทักว่าผมดี ดูฟูขึ้นไม่พังเหมือนแต่ก่อนด้วย โคตรปลื้มมมมม มอม้าล้านตัว
แต่ช่วงหลังๆมานี้....ต้องขอสารภาพก่อนว่าเราแอบหยุดยาไปเองเพราะโฟกัสกับงานกลับบ้านมาบางทีก็ไม่อาบน้ำทิ้งตัวลงนอนเลย O<-<
ใช่แล้วค่ะ ผมของเราก็ไม่อยากอยู่บนหัวของคนที่ไม่ดูแลเขาเหมือนกัน บายจ๊ะ (ฮืออ เค้าขอโทษษษษ)
ซึ่งถ้าเรายังทำแบบนี้เรื่อยๆ ง้อผมของเราแบบเดิมๆที่เราเคยง้อ เราเชื่อว่าร่างกายของเรามันจะต้านยาไปเองแล้วทีนี้ก็จะใช้ยาแบบเดิมไม่ได้อีกต่อไป….
เราเลยลองเลือกวิธีการรักษาแบบอื่นดูค่ะ ซึ่งความจริงเราก็ถามกับตัวเองว่าหรือเราควรจะปลูกผมไปเลย แต่ใจลึกๆเราก็ยังกลัวเจอหมอไม่ดี ไหนจะเจ็บตัว ต้องพักรักษาอีก ตอนนี้เรายังไม่มีเวลาขนาดนั้น แต่ถ้ายังปล่อยให้ผมเป็นแบบนี้ รับรองว่าเราได้ไปแสดง Fast & Furious กับ วิน ดีเซลและเดอะร็อค แน่ๆ
(เหล่าผมของเราคงกำลังฮัมเพลง See You Again อยู่)
แล้วเราก็จำอีกวิธีที่เคยอ่านในกระทู้ “รวมพล..คนผมน้อย แต่ไม่ยอมหัวล้าน..ให้คำปรึกษา โดย นพ.รัฐพล ตวงทอง” ค่ะ นั้นก็คือการรักษาด้วยเลเซอร์ ลองอ่านดูแล้วน่าจะเหมาะกับเราที่สุด เลยลองดูว่าไอ้เลเซอร์เนี่ยมันต้องรักษายังไง
เลยรู้ว่ามาว่าความจริงมันมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้เองได้ที่บ้าน คือ หวีเลเซอร์กับหมวกเลเซอร์
เราตัดหวีเลเซอร์ไปก่อนเลย คือเราคิดภาพไม่ออกจริงๆว่าการเอาหวีที่ดึงผมแล้วหวีไปมามันจะได้ผลจริงรึ? ไหนจะความขี้เกียจของเราอีก
ทีนี้ลองมาดูที่หมวกเลเซอร์ เราก็ลองเซิร์จดูว่ามีตัวไหนน่าสนใจบ้าง แล้วก็ไปเจอตัวนึง นั้นก็คือ Theradome นั้นเอง!! ตอนแรกที่เราค้นดูก็เจอเว็บที่เป็นตัวภาษาไทย ซึ่งน่าสนใจมากเลยลองคลิกเข้าไปเล่นๆดู
.
.
.
!!!
60,000 บาท!!! แม่เจ้าาาาา
เลยลองแอบไปดูเว็บหลักของเขาซึ่งราคาแทบจะครึ่งต่อครึ่ง….
ตอนแรกก็ว่าจะสั่งของเว็บ US แล้ว แต่ก็ฉุกคิดเรื่องค่าส่งกับภาษีขึ้นมาได้….
ไหนจะเรื่องสินค้าจะปลอดภัยมาถึงมือไหมอีก...เลยกลับมาที่เว็บไทย
ลองต่อไปตามเบอร์โทรหน้าเว็บดู เห็นว่านัดดู นัดลองของดูก่อนได้ด้วย
แต่ทางร้านนัดแถวลาดพร้าวซึ่งเราติดธุระยังขึ้นไปกรุงเทพฯไม่ได้อีก 3 เดือน เลยวัดใจกัดฟันสั่งของเขาไปโดยมีความหวังอยู่เต็มเปี่ยมว่าจะไม่โดนโกงนะ T^T
และแล้ววว หลังจากสั่งไปเมื่อวันพฤหัสของก็มาถึงเมื่อวานหรือวันจันทร์อย่างปลอดภัยหายห่วงงงงง
อันนี้ด้านข้าง บอกพวกสเป๊ค ผ่าน อ.ย. USA ใช้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ตรงนี้เราถามคนขายบอกมาว่าใส่วันเว้นวันก็ได้แต่อย่าใส่ทุกวันเพราะการรักษาด้วยเลเซอร์จำเป็นต้องให้เซลล์มีการพักแล้วกระตุ้นเซลล์ไปเรื่อยๆ หลักการคล้ายๆการออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อ ถ้าเราอยากกล้ามใหญ่ต้องออกกำลังกายหนักแล้วมีช่วงให้กล้ามเนื้อพักฟื้นกล้ามเนื้อนั้นเองงง
อีกด้านนึงก็จะอธิบายหลักการทำงาน ระดับผิวสีและความรุนแรงที่รักษาได้
ด้านล่าง บอกสเป๊คอีกครั้ง อุณหภูมิเก็บรักษา รวมถึงของที่ต้องได้ทั้ง 7 อย่าง เรียงจากซ้ายไปขวา
---> กระเป๋าแข็งสีดำใส่หมวก, อแดปเตอร์ชาร์จ, สายไมโคร USB, ตีนตุ๊กแก+โฟมสำหรับแปะหมวก, แผ่นพับวิธีการใช้งานแบบง่ายๆ, คู่มือการใช้งาน และ กระเป๋าผ้าสีขาวใส่หมวก
บนกระเป๋ามีตรา Theradome สวยงาม ^^
...ไม่รอช้า มาดูของข้างในกันนน!!
เปิดออกมาก็จะเจอหมวกในถุงผ้าสีขาว
พอหยิบหมวกออกมาก็จะเจอ ของ 3 อย่าง
ของ 3 อย่างที่ว่าคือ ผ้าเช็ดหมวก 2 อัน ใบรายละเอียดการเริ่มใช้งาน และกล่องปริศนาอีก 1 กล่อง
ผ้าเช็ดหมวก ผ้าเช็ดหมวกจริ๊ง จริงงงง เชื่อสิ ฮ่าๆๆๆ
ใบรายละเอียดการเริ่มใช้งานหน้า-หลัง
และเจ้ากล่องปริศนาที่ว่าก็คือออ กล่องใส่โฟมแปะหมวก,อแดปเตอร์และสายชาร์จ, ใบการใช้งานและคู่มือ นั้นเอง
แงะออกมาก็จะได้ตามนี้
สวยงาม อลังกาลตามราคาที่เสียไป
สายชาร์จครอบจักรวาล ชาร์จได้ทั่วโลก
คู่มือแบบแผ่นเดียวก็จะบอกรายละเอียดการใช้คร่าวๆคือ
ให้สวมแล้วกดปุ่มรอหมวกทำงาน 20 นาที ถ้าอยากรู้ว่าเหลือเวลาอีกนานไหม กดปุ่มซ้ำแล้วหมวกจะบอกเอง
...ส่วนคู่มือแบบเล่ม รายละเอียดเยอะตามท้องเรื่อง หลักๆก็บอกวัสดุ ดูยังไงว่าชาร์จเต็มแล้ว
ตีนตุ๊กแกและแผ่นแปะหมวกด้านข้างอันนี้เราต้องแกะมาแปะกับหมวกของเราเอง
แปะตีนตุ๊กแกด้านข้างอย่างละ 2 ด้านบน 3
แล้วก็แปะแผ่นโฟมลงไปเลยยย
ชาร์จไฟเหมือนชาร์จมือถือ อันนี้เราลองชาร์จดูใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ถ้าชาร์จเต็มแล้วไฟหมวกจะเป็นสีเขียวค่ะ
การใช้งานก็ง่ายนิดเดียวแค่กดปุ่มแล้วสวมหัว
เราลองแอบแกล้งหมวกดูว่าถ้าถอดออกจากหัวจะเป็นไง
...สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ...หมวกมันตัดไฟไปเอง!!
.
.
.
ใจหายวาบไปชั่วขณะ ลองกดปุ่มดูเลยรู้ว่าเป็นระบบตัดไฟอัตโนมัติ แล้วหมวกก็เตือนให้ใส่อีกที
...สรุปคือมันแค่เป็นระบบปลอดภัยเฉยๆเพราะแสงเลเซอร์เป็นอันตรายกับตาถ้ามองตรงๆนี่ตาบอดได้
ลองสวมครบ 20 นาทีก็รู้สึกอุ่นๆหัวนิดหน่อยไม่แพ้ ไม่เจ็บแสบใดๆ
แล้วพอใช้เสร็จระบบก็จะตัดไฟตัวเองพร้อมกับนับรอบการรักษาครั้งที่ 1
สรุปรีวิว
ความทนทาน 4/5
วัสดุคือดูทนมาก ถ้าไม่ได้เอาไปทุบหัวใครนะ
ใช้งานง่าย 5/5
คือปุ่มเดียวจบรู้เรื่องจริง ถ้าเทียบกับยี่ห้ออื่นดูคือไม่มียี่ห้อไหนที่ออกแบบมาให้จบในหมวกเดียว
ราคา 4/5
อันนี้อาจจะราคาสูงไปนิด แต่ถ้าลองคิดระยะยาวดูเราไม่ต้องเสียค่าเดินทาง ประหยัดเวลา แล้วก็เรื่องค่าเทคโนโลยีก็นับว่ารับได้ค่ะ
การรักษา ?/5
ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่ามันดีไหมแต่เพราะต้องลองใช้ดูไปก่อน
อีกสัก 3 เดือนลองมาดูกันว่าจะเป็นยังไง
-----------------------
ลืมแปะ
http://www.theradomethailand.com/
อันนี้เว็บไทยที่เราสั่งค่ะ