… Gabriel Jesus วีรบุรุษแห่ง Jardim Peri ...



หนุ่มน้อยมักทำท่าขวยอายทุกครั้ง เมื่อสาวรุ่นพี่เจ้าของบาร์แถวบ้านแซวเขาด้วยท่าทีหยิกแกมหยอกว่า ‘ลองชวนฉันไปเที่ยวดูบ้างสิเกเบรียล’ เขายิ้มอายๆ และไม่เคยรับปากสาวเจ้า แต่กลับกระดี๊กระด๊าทุกครั้งเมื่อได้แอบเข้ามาที่บาร์ เพราะที่นี่เขาสามารถกินอะไรก็ได้ที่แม่ห้าม อย่างพวก น้ำอัดลมกับลูกกวาดนั่นไง! สำหรับเรื่องอื่นเขาไม่มีความมั่นใจนัก เพราะมีเรื่องเดียวที่เขาทุ่มเททั้งชีวิตให้


สิ่งนั้นคือ "ฟุตบอล"



เขาคือหนึ่งในก๊วนเด็กหนุ่มริมถนนที่ทำประตูหน้าต่างของเพื่อนบ้านพังไปเป็นแถบๆ หนุ่มน้อยรู้จักมักคุ้นกับตำรวจท้องถิ่นเป็นอย่างดี จากเสียงร้องเรียนจากเพื่อนบ้างในบางหน แต่ตำรวจไม่เคยเอาเรื่องเขาเลยแม้สักครั้ง เพราะรู้ว่าสิ่งเขาทำนั้นไม่ได้ประสงค์จะทำร้ายใคร แต่เป็นเพราะแถวนี้มักแออัดคับแคบเกินไปสำหรับเด็กที่มากพรสวรรค์ด้านฟุตบอลอย่างเขา  อิสมาเอล คือเจ้าของบ้านหลังที่ติดกับบ้านของเฆซุส บ้านของเขาโดนลูกหลงจากฝีเท้าของเฆซุสมากที่สุด แต่ทุกครั้งเมื่อมันเกิดขึ้น เด็กหนุ่มร่างผอมจะมาเคาะประตูหน้าบ้านแล้วเอ่ยขอโทษอย่างจริงใจ

"ขอโทษด้วยฮะ อิสมาเอล นั่นเป็นฝีมือผมเอง" เฆซุสมักเป็นคนที่ออกหน้ารับผิดเสมอ
ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเขาหรือพวกเด็กๆที่เล่นบอลกับเขากันแน่ที่เป็นคนเตะบอลมาชนประตูบ้านเขาบ่อยๆ นั่นทำให้อิสมาเอลไม่เคยเอาผิดเขาเลย



"ผมคิดเสมอว่าเจ้าหนูนี้ต้องกลายเป็นนักเตะอาชีพได้แน่ๆ เพราะเขาเล่นฟุตบอลได้ดีเหลือเกิน เขาโค่นเด็กคนอื่นๆได้สบายเลยเชียวล่ะ" ลุงข้างบ้านช่วยยืนยันพรสวรรค์ของเฆซุสอีกเสียง

"ฉันเคยถามเขาครั้งนึงว่า 'เกเบรียล นายแน่ใจนะว่านายได้รับอนุญาตให้กินของพวกนี้ได้' เขาตอบกลับมาว่า 'จี ตอนผมอยู่ที่บาร์นี้ ผมจะกินอะไรก็ได้ที่ผมอยากกิน! ผมอยากจะกินคุกกี้ หรือจะสั่งน้ำอัดลมมากินก็ย่อมได้ทั้งนั้น...' " จิเซล เจ้าของ Gi Bar ในย้าน Jadim Peri บ้านเกิดของเฆซุส รำลึกความหลังให้ฟัง เป็ป กวาดิโอลาเองก็เคยพูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน ของโปรดของ เฆซุสตอนอยู่ที่ซิตี้ก็คือน้ำอัดลมนี่เอง

เกเบรียล เฆซุสเติบโตในย่านชุมนแออัดทางตอนเหนือของเซา เปาโล ที่ Jardim Peri แห่งนี้เด็กหนุ่มไม่เคยอับอายที่จะบอกใครๆว่าเขาเติบโตมาจากที่แห่งใด เฆซุสเติบโตมากับแม่ที่ทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงลูกตัวคนเดียว พ่อทิ้งครอบครัวไปกับผู้หญิงคนอื่น และเสียชีวิตตั้งแต่เกเบรียลยังไม่ทันโต แต่แม่ก็เลี้ยงดูเขามาอย่างดี เธอถึงกับคอยตรวจสอบลูกชายทุกครั้งเมื่อเขาเข้าบ้านมาว่า มีกลิ่นบุหรี่ในลมหายใจหรือไม่ แต่เกเบรียลไม่เคยสร้างปัญหาหนักใจให้แม่ แม้พวกเขาจะอาศัยอยู่ในย่านที่สามารถข้องแวะกับอบายมุขได้อย่างง่ายดาย แต่สิ่งเดียวที่เกเบรียลสนใจคือฟุตบอลเท่านั้น


บ้านที่เวร่าเลี้ยง 4 พี่น้องให้เติบโตมาได้เป็นอย่างดี


"แม่ของเกเบรียลดูแลให้เขาได้รับการศึกษาที่ดีตอนที่เขาอยู่บ้าน และ คุณจะหลงผิดก็ต่อเมื่อคุณตั้งใจที่จะหลงผิด แต่ถ้าใจคุณไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้น คุณก็จะไม่ไปข้องแวะกับสิ่งเลวร้าย เกเบรียลนั้นกันตัวเองออกจากเรื่องเลวร้ายและอาชญากรรม เขาเป็นต้นแบบของคนที่ดำเนินชีวิตในหนทางที่ถูกต้องได้เลย" วากเนอร์ นักดับเพลิงในท้องถิ่นที่เห็นเกเบรียล เซซุสมาตั้งแต่เด็กอธิบาย

Alo Mae (Hello Mom) คือหนึ่งในรอยสักของเกเบรียล มันเป็นคำที่เขาพูดอยู่บ่อยๆ เพราะไม่ว่าอยู่ที่ไหน เขาก็จะโทรศัพท์คุยกับแม่ก่อนลงสนามเสมอ แม่คือคนสำคัญที่สุดในชีวิตเขา และเขาไม่อยากให้แม่อยู่ห่างไกลเลยถ้าไม่จำเป็น ทุกครั้งเขาจึงต้องโทรหาแม่ตลอด หลายคนอาจมองว่าเขาเป็นเด็กไม่รู้จักโต แต่ถ้าใครไม่ได้ผ่านชีวิตแบบที่เกเบรียลพบมา อาจไม่มีทางเข้าใจ ทุกวันนี้แม่ยังจำกัดการใช้เงินของเขาอยู่เลย อาหารที่เขากิน ผู้หญิงที่เขาจิ๊จ๊ะ แม่จะต้องเข้ามาคอยดูแลให้ลูกชายคนเล็กคนนี้เสมอ เพราะเขายังเด็กเกินไป และประสบความสำเร็จเร็วเกินไปนั่นเอง



และเวร่า ไม่ใช่แค่แม่ที่ดูแลลูกชายได้เป็นอย่างดี เธอยังเข้าใจเกมฟุตบอลอย่างมากด้วย เธอจะส่งข้อความมาที่โทรศัพท์ทุกครั้งเมื่อเกเบรียลเจอจับล้ำหน้าในเกมใดๆ ก็ตาม เกเบรียลบอกว่า แม่ของเขาเข้าใจกติกาฟุตบอลดีมากๆ โดยเฉพาะกฏล้ำหน้า เผลอๆจะเก่งกว่าเขาเสียอีก

มาเมเด้ โค้ชและผู้ก่อตั้งทีมเยาวชน Pequeninos do Meio Ambiente สโมสรแรกที่เฆซุสได้ลงเล่นในเกมบนสนามจริงๆตอนเขาอายุ 8 ขวบได้รำลึกความหลังเมื่อเขาได้พบเฆซุสว่า

"ตอนผมเห็นเกเบรียลครั้งแรก เขามาที่สนามซ้อมด้วยรองเท้าแตะ เด็กๆที่มาวันนั้นส่วนใหญ่มาเพื่อหวังได้กินอาหารที่เราแจกอย่างแซนด์วิชหรือน้ำผลไม้ เกเบรียลเป็นหนึ่งในนั้น แต่เมื่อเราได้เห็นการทำประตูของเขาบนสนาม วิธีที่เขาครองบอลหลบเด็กที่ตัวโตกว่าเข้าไปทำประตู เราก็รู้ได้ทันทีว่า เด็กคนนี้พิเศษกว่าคนอื่น เขานำอาหารกล่องที่แสนจะธรรมดาที่เรามอบให้กลับไปกินที่บ้านกับครอบครัวของเขาด้วย"




ฉายาวัยเด็กของเขาคือ Tetinha ซึ่งเป็นแสลงของคำว่า "ง่าย/ของกล้วยๆ" ทุกครั้งที่เกเบรียลลงเล่นและทีมต้องการให้เขาซัดประตูเพิ่ม เขาจะหันมายิ้มแล้วพูดคำว่า "ของกล้วยๆ" ออกมา แล้วออกไปไล่ล่าประตูให้ทีม แม้เขาจะสนุกกับการเล่นฟุตบอลมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ปีสุดท้ายที่เขาอยู่กับ Pequeninos ทีมเยาวชนของพวกเขาได้ผ่านเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศในรายการท้องถิ่น เกเบรียลยิงประตูให้ทีม แต่สุดท้ายเขาก็แพ้ เขาร้องไห้ด้วยความเสียอกเสียใจ มาเมเด้โค้ชของเขาบอกว่า เกเบรียลเกลียดความพ่ายแพ้มาก และเขาก็จะเสียใจอย่างมากทุกครั้งเวลาทีมของเขาแพ้ เกมในวันนั้นทีมเราเป็นรองทุกด้าน เราไม่มีแม้แต่สตั๊ดที่จะใส่ลงเล่นด้วยซ้ำ


สนามดินของ Pequeninos ตั้งอยู่ในเขตของเรือนจำในค่ายทหาร และเกเบรียลต้องเดินมาซ้อมบอลที่นี่



เมื่อเกเบรียล เฆซุสได้เซ็นสัญญากับสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปีสุดท้ายของเขากับ Palmeiras เกเบรียลกลับไปที่ Pequeninos do Meio Ambiente สโมสรที่ครั้งหนึ่งเขาไม่มีแม้แต่รองเท้าจะใส่เพื่อเล่นฟุตบอล เกเบรียลกลับไปที่นั่นพร้อมกับสตั๊ดอีก 250 คู่เพื่อไปบริจาคให้เด็กๆ เขามองว่า มันสำคัญมากๆที่เด็กๆจะต้องได้รับสิ่งเหล่านี้เพื่อไล่ตามความฝันของพวกเขา และทำมันให้สำเร็จ

"ผมชอบภาพเขียนนั้นมากๆเลย ชอบมากจริงๆ ผมรู้สึกเป็นสุขมากที่ได้เป็นแบบอย่างให้คนอื่นๆ คนที่มีความฝัน และพยายามจะไล่ล่าความฝันเหมือนอย่างผม"



ในปี 2014 เกเบรียลยังเดินเท้าเปล่า หิ้วถังสีเดินไปตามถนนพร้อมเพื่อนๆ เพื่อทาสีถนนในหมู่บ้านด้วยสีธงชาติเพื่อต้อนรับกระแสฟุตบอลโลกที่จัดขึ้นที่บราซิล แต่วันนี้ รูปของเขากลายเป็นภาพเขียนบนกำแพงใน Jadim Peri ปี 2014 เขามีรายได้ 3,500 ปอนด์ต่อปี แต่วันนี้เขามีรายได้ 75,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ แต่สามปีที่ชีวิตพลิกผันราวรถไฟเหาะ ไม่เคยทำให้เด็กน้อยจาก Peri เปลี่ยนไปแม้แต่นิด เกเบยรียลเคยรำลึกความหลังถึงตอนที่ไปทาสีที่ถนนในปี 2014 ว่า มันเป็นอะไรที่สนุกมากๆเลย



ขณะนั้นเขาสังกัดทีมเยาวชนของ Palmeiras และยังสวมเสื้อทีมไปทาสีอีกด้วย





วันที่เขาจากสโมสรที่เขาสังกัดมาตั้งแต่อายุ 15 อย่าง Palmeiras เพื่อมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกเบรียล เฆซุสบอกลาแฟนๆในสนามทั้งน้ำตา หลังจากที่เขาระเบิดอารมณ์ร้องไห้โฮหลังจากพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดในรอบ 22 ปีไปแล้วในสนาม


"นี่ไม่ใช่การบอกลา เราจะต้องได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
ได้โปรดอย่าลืมผม เพราะผมจะไม่มีวันลืมพวกคุณ"

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



หนุ่มน้อยผู้กลายเป็นไอดอลของเด็กๆในบราซิลในปี 2016 หลั่งน้ำตาออกมาพร้อมให้คำสัญญากับแฟนๆ เขาจะไม่มีทางลืมสโมสรที่เปลี่ยนชีวิตเขา สโมสรที่มอบชีวิตใหม่ให้ สโมสรที่ขัดเกลาให้เขากลายเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมได้อย่างทุกวันนี้ พัลไมรัสคือโรงเรียนชีวิตของเขา

"ผมอาจจะไปจาก Peri ได้ แต่ Peri ไม่มีวันไปจากผม"



เกเบรียลมีรอยสักที่แขนเป็นรูปเมือง Peri และเขาคือเด็กผู้ชายที่ยืนใส่หมวกอยู่ด้านหน้านั่น เพื่อย้ำเตือนว่าเขามาจากที่ไหน และจะไม่มีวันลืมรากเหง้าของตัวเอง และทุกวันนี้เมื่อมีพักเบรกยาวหรือต้องกลับไปที่บราซิล เขาก็จะแวะกลับไปที่ Peri เสมอ เพื่อพบเพื่อนบ้านของเขาและบรรดาเพื่อนๆ รวมทั้งเล่นสตรีทฟุตบอลกับเด็กๆในหมู่บ้านด้วย เขาเคยให้สัมภาษณ์ตอนที่ย้ายมาอังกฤษพร้อมเพื่อนสนิทและครอบครัวว่า ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากพาเพื่อนๆและบรรดาเพื่อนบ้านมาอยู่อังกฤษให้หมดเลยด้วยซ้ำ! เพราะทุกคนมีบุญคุณที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้จริงๆ

ถ้าคุณไปถามแฟนบอล พัลไมรัส หรือ เพื่อนบ้านของเฆซุสว่า เกเบรียล เฆซุสที่เราเห็นในทีวีทุกวันนี้ เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากแค่ไหน ทุกคนจะให้คำตอบแบบเดียวกันว่า

"ไม่มีอะไรต่างไปเลย เขาคือ เกเบรียล เด็กหนุ่มที่เงียบๆ
แต่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และยังเล่นบอลเก่งเป็นบ้าเหมือนเดิม"



นี่คือชีวิตของฮีโร่คนล่าสุดจากชุมชนแออัดในบราซิล
เรื่องราวของเด็กตัวเล็กๆที่เติบโตในตรอกแคบที่ Jardim Peri

นี่คือ 20 ปีอันแสนสดใสของเขา
Gabriel Jesus

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่