สวัสดีครับ...
อดีตผมใช้รถยนต์ส่วนบุคคลที่ติดตั้งถังก๊าซ NGV มาจากโรงงานแล้ว..สองคัน
เก๋งคันหนึ่ง...ขายไปช่วงแสนกิโลต้นๆ สภาพ 85% ไม่เคยชน เมื่อสองปีก่อน(แทบจะหาผู้รับซื้อไม่ได้)
กระบะคันหนึ่ง...ใช้มาจนวันนี้สองแสนกว่ากิโล สภาพ 80% ไม่เคยชนเช่นกัน(กำลังมีความคิดจะขาย)
สิ่งที่น่าอึดอัดคือ .. เวลาที่เสียไปมากมายกับการจัดการเรื่องก๊าซหมดและต้องรีบหาเติมให้ไว
มิเช่นนั้นจะพบกับอัตราการกินน้ำมัน 8 กม. : ลิตร แม้เครื่องยนต์จะเพียง 2400 cc. เท่านั้น
แล้วทำไมป่านนี้เพิ่งคิดจะเริ่มขาย .. เพราะคติที่มีว่าซื้อ CNG ไม่คิดจะขายแน่นอน..เริ่มไม่สามารถต้านทานเหตุผลที่พบซ้ำแล้วซ้ำเล่า คือ ...
๑.หมดเร็ว
๒.เกือบถูกชนกลางถนนเวลาเหยียบไม่ออก(ลืมว่าใช้ก๊าซ)
๓.ปั๊มอยู่คนละทิศทางกับการไปทำงาน(มีการเปลี่ยนสถานที่ทำงานบ่อย)
๔.แรงดันแต่ละปั๊มไม่เท่ากัน ได้น้อยบ้าง แน่นบ้าง
๕.เศษสตางค์ 0.01 บาท ปัดเป็นหนึ่งบาทเสมอ
๖.เติมช้า รอคิวนาน และเห็นภาพโปสเตอร์รถระเบิดประชาสัมพันธ์ชวนหดหู่
๗.ไม่มีน้ำแถม
๘.ต้องลงจากรถ
๙.รถโดนสายส่งก๊าซถูเป็นรอย
๑๐.รถหนักจังล่ะ แต่เกาะถนนดีจริงๆ
๑๑.ทุกของได้น้อยแล้วยังวิ่งไม่ออกอีก
๑๒.ต้องถอดอุปกรณ์ควบต่างๆเวลาใช้งานที่บังถังก๊าซออกเพื่อขับไปหาที่ตรวจสภาพก่อนต่อพรบ.ทุกปี
๑๓.รถโทรมลงๆวันนึงคงต้องเปลี่ยนถัง
๑๔.อาจต้องยกเครื่องด้วยสักวัน
๑๕....แล้ว...ทำไมสถานีบริการไม่ผุดขึ้นมาให้เพียงพอเหมือนคำชวนเชื่อ(เชื่อด้วย)ดังแปดปี-สิบปีก่อนโน้น
๑๖.ข่าวว่าให้ตรึงราคาไม่เกิน 13.50 ตอนนี้ 13.58 แล้ว
...
- รถก็ยังผ่อนไม่หมด แต่ก็ใกล้จะหมดแล้ว
- เครื่องผ่านสองแสนกิโลมาหลายพันละ...ยังอึดเหมือนเดิม...แต่ก็ต้องลากเกียร์เหมือนเดิม(รอบที่สามพันอัพต่อการเปลี่ยนเกียร์)
- ไม่มีอาการว่าเครื่องจะรวนจะหลวมเหมือนที่เคยได้ฟัง ได้อ่านมาเลย...คงใกล้แล้วมั้ง
- ออก Diesel มาใช้แล้วเกิดราคาสูงขึ้นมาอีกล่ะ ซึ่งขึ้นแน่นอน
เป็นคนไม่ชอบเปลี่ยน แต่ชอบปรับปรุง .. รถแบบนี้จะปรับปรุงยังไง .. ดูแล้วมีแต่ซ่อม ไม่มีป้องกัน
อยากได้รถไฟฟ้ามากกว่า .. แต่ไม่ได้ทำงานเป็นแคดดี้นะ .. งานผมหนัก
...
อึดอัดเนอะ
.
NGV..กับสถานการณ์ที่น่าอึดอัด
อดีตผมใช้รถยนต์ส่วนบุคคลที่ติดตั้งถังก๊าซ NGV มาจากโรงงานแล้ว..สองคัน
เก๋งคันหนึ่ง...ขายไปช่วงแสนกิโลต้นๆ สภาพ 85% ไม่เคยชน เมื่อสองปีก่อน(แทบจะหาผู้รับซื้อไม่ได้)
กระบะคันหนึ่ง...ใช้มาจนวันนี้สองแสนกว่ากิโล สภาพ 80% ไม่เคยชนเช่นกัน(กำลังมีความคิดจะขาย)
สิ่งที่น่าอึดอัดคือ .. เวลาที่เสียไปมากมายกับการจัดการเรื่องก๊าซหมดและต้องรีบหาเติมให้ไว
มิเช่นนั้นจะพบกับอัตราการกินน้ำมัน 8 กม. : ลิตร แม้เครื่องยนต์จะเพียง 2400 cc. เท่านั้น
แล้วทำไมป่านนี้เพิ่งคิดจะเริ่มขาย .. เพราะคติที่มีว่าซื้อ CNG ไม่คิดจะขายแน่นอน..เริ่มไม่สามารถต้านทานเหตุผลที่พบซ้ำแล้วซ้ำเล่า คือ ...
๑.หมดเร็ว
๒.เกือบถูกชนกลางถนนเวลาเหยียบไม่ออก(ลืมว่าใช้ก๊าซ)
๓.ปั๊มอยู่คนละทิศทางกับการไปทำงาน(มีการเปลี่ยนสถานที่ทำงานบ่อย)
๔.แรงดันแต่ละปั๊มไม่เท่ากัน ได้น้อยบ้าง แน่นบ้าง
๕.เศษสตางค์ 0.01 บาท ปัดเป็นหนึ่งบาทเสมอ
๖.เติมช้า รอคิวนาน และเห็นภาพโปสเตอร์รถระเบิดประชาสัมพันธ์ชวนหดหู่
๗.ไม่มีน้ำแถม
๘.ต้องลงจากรถ
๙.รถโดนสายส่งก๊าซถูเป็นรอย
๑๐.รถหนักจังล่ะ แต่เกาะถนนดีจริงๆ
๑๑.ทุกของได้น้อยแล้วยังวิ่งไม่ออกอีก
๑๒.ต้องถอดอุปกรณ์ควบต่างๆเวลาใช้งานที่บังถังก๊าซออกเพื่อขับไปหาที่ตรวจสภาพก่อนต่อพรบ.ทุกปี
๑๓.รถโทรมลงๆวันนึงคงต้องเปลี่ยนถัง
๑๔.อาจต้องยกเครื่องด้วยสักวัน
๑๕....แล้ว...ทำไมสถานีบริการไม่ผุดขึ้นมาให้เพียงพอเหมือนคำชวนเชื่อ(เชื่อด้วย)ดังแปดปี-สิบปีก่อนโน้น
๑๖.ข่าวว่าให้ตรึงราคาไม่เกิน 13.50 ตอนนี้ 13.58 แล้ว
...
- รถก็ยังผ่อนไม่หมด แต่ก็ใกล้จะหมดแล้ว
- เครื่องผ่านสองแสนกิโลมาหลายพันละ...ยังอึดเหมือนเดิม...แต่ก็ต้องลากเกียร์เหมือนเดิม(รอบที่สามพันอัพต่อการเปลี่ยนเกียร์)
- ไม่มีอาการว่าเครื่องจะรวนจะหลวมเหมือนที่เคยได้ฟัง ได้อ่านมาเลย...คงใกล้แล้วมั้ง
- ออก Diesel มาใช้แล้วเกิดราคาสูงขึ้นมาอีกล่ะ ซึ่งขึ้นแน่นอน
เป็นคนไม่ชอบเปลี่ยน แต่ชอบปรับปรุง .. รถแบบนี้จะปรับปรุงยังไง .. ดูแล้วมีแต่ซ่อม ไม่มีป้องกัน
อยากได้รถไฟฟ้ามากกว่า .. แต่ไม่ได้ทำงานเป็นแคดดี้นะ .. งานผมหนัก
...
อึดอัดเนอะ
.