ขอสินเชื่อกับธนาคารออมสินไปค่ะ
พนักงานแจ้งว่าเรื่องผ่านแล้ว หลังจากนั้นเราเขาไปคุยรายละเอียดเบื้องต้นกับพนักงานสินเชื่อ
ซึ่งมีรายการที่แจ้งมา คือ
ประกันวงเงินสินเชื่อ
เบี้ยประกัน 49,500 บาท ระยะเวลาคุ้มครอง 30 ปี (เท่ากับระยะเวลาที่ยื่นกู้ คือ 30 ปี)
ซึ่งเราคิดว่าแพงมาก จริง ๆ เป็นผู้หญิง อายุ 28 ปี ทำไม เบี้ยแพงจัง
แล้วถ้าเราส่งเงินงวดของสินเชื่อภายใน 15 ปี แล้วเบี้ยที่เราเสียไป จะเวียนคืนไหม ???
หรือถ้าส่งหมด 15 ปีแล้ว จะคุ้มครองไหม แต่คุ้มครองอะไร ในเมื่อเราส่งวงเงินกู้หมดเรา ???
ถ้าคุ้มครองหลังจากส่งงวดหมด เกิดเราเสียชีวิตหรือทุพพภาพ จะจ่ายเงินชดเชยให้เราหรอ
(แต่นี้เป็นประทำประกันสินเชื่อเงินกู้) จะรับผิดชอบอะไรในเมื่อจ่ายค่างวดหมดแล้ว ??????
ถ้าเราจะทำประกันวงเงินสินเชื่อ มีตัวเลือกให้เราที่ถูกและน้อยลงกว่านี้ไหม (แต่ไม่มีเสนอตัวเลือกเลย มาก็แจ้งยอดนี้เลย) ???
นี้คือ คำถามที่ถามพนักงานแล้ว ตอบไม่ตรง คือ เหมือนเราไม่ได้คำตอบตรงนั้นมา
"เรื่องการหักเงินผ่านบัญชี"
พนักงานสินเชื่อแจ้งว่าต้องหักเงินค่างวดผผ่านบัญชีเท่านั้น !!!
ซึ่งเราคิดว่า จริง ๆ มันเป็นความสมัครใจของลูกค้าไหม ??? ที่จะสะดวกจ่ายแบบไหน
จ่ายเองที่เคาเตอร์ หรือ ให้หักผ่านบัญชี
พนักงงานให้เหตุผลว่า "กลัวว่าเราจะไม่จ่ายค่างวดบ้าน"
แต่การที่จะหักเงินผ่านบัญชี มันต้องมีการเอาเงินเข้าบัญชี แต่ถ้าเราไม่เอาเงินเข้าบัญชี ทางธาคารก็หักไม่ได้อยู่ดี
ซึ่งเราคิดว่า เราคงจะไม่ทำให้ตัวเองติดแบล็กลิสแน่นอน
ซึ่งเราคิดว่า ถ้าจะต้องเอาเงินเข้าบัญชี เราไปจ่ายที่เคาเตอร์เองดีกว่า
เพราะการไปจ่ายเอง เราจะได้ใบเสร็จที่แสดง เงินต้น และ ดอกเบี้ย และยอดเงินคงเหลือ ให้เห็นด้วย
เพราะถ้าเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้น เช่น การคำนวณดอกเบี้ย หรือ การหักเงินต้น ดอกเบี้ย ผิด เราสามารถเห็นได้เลย
(ข้อผิดพลาดไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แต่บางครั้งระบบอาจจะรวน วันก็มีเปอร์เซ็นต์เกิดขึ้นได้เช่นกัน)
"การจ่ายเงินค่าประเมินรายงวด"
พนักงานสินเชื่อแจ้งว่า เราจะต้องจ่ายค่าประเมินงานรายงวดให้กับบริษัทที่ไประเมิน ซึ่งนอกเหนือครั้งละ 800 บาท
พนักงานสินเชื่อแจ้งว่า ไม่ใช่ส่วนของธนาคาร แต่เป็นบริษัทประเมิน
ซึ่งเราสอบถามก่อนหน้า ว่า เสียค่าประมาณเงินรายงวดครั้งละ 800 บาท ให้กับธนาคาร
แต่พนักงานสินเชื่อ บอกว่า ต้องจ่ายเพิ่ม นอกเหนือจาก 800 บาท
ส่วน 800 บาท จะหักจากเงินค่างวดที่ธนคารจะอนุมัติจ่ายในแต่ละงวดงาน
ซึ่งเราถามว่า มีจ่ายเพิ่มด้วยเหรอค่ะ เขาบอกมีจ่ายเพิ่ม
ถามว่าค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ พนักงานบอกไม่ทราบขึ้นอยู่กับบริษัทประเมิน เราก็ งง ๆ
ถาม 2-3 รอบ ยังยังได้คำตอบเดิม แบบ งง ๆ
ซึ่งเราอยากรู้ว่า นอกจากจ่ายค่าประเมินงวดงานครั้งละ 800 บาท แล้ว จะต้องมีจ่ายค่างวดงานเพิ่มอีกใช่ไหมค่ะ
อยากจะถามขอความคิดเห็นจากเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ว่าใครเจอแบบนี้บ้างค่ะ
พนักงานสินเชื่อแจ้งรายละเอียดไม่ชัดเจน แบบนี้ บางครั้งการตัดสินใจอาจสูญเสียผลประโยชน์ได้
ซึ่งหลาย ๆ คน อาจไม่รู้ มาแชร์ข้อมูลกันนะคะ
เราตัดสินใจเลือกธนาคารเพราะคิดว่าเป็นของการรัฐ คงไม่คิดเอาเปรียบลูกค้าหรือผู้บริโภค
วันนี้เรามาขอว่าแชร์ข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์กับใครหลาย ๆ คนที่เจอปัญหาแบบเรา
ที่อยากให้เจ้าหน้าที่หรือพนักงานใส่ใจหรืออธิบายให้ชัดเจนกว่านี้ค่ะ
กู้สินเชื่อบ้านกับธนาคารออมสิน "ธนาคารบังคับ ทำประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ" ได้ด้วยเหรอ
พนักงานแจ้งว่าเรื่องผ่านแล้ว หลังจากนั้นเราเขาไปคุยรายละเอียดเบื้องต้นกับพนักงานสินเชื่อ
ซึ่งมีรายการที่แจ้งมา คือ ประกันวงเงินสินเชื่อ
เบี้ยประกัน 49,500 บาท ระยะเวลาคุ้มครอง 30 ปี (เท่ากับระยะเวลาที่ยื่นกู้ คือ 30 ปี)
ซึ่งเราคิดว่าแพงมาก จริง ๆ เป็นผู้หญิง อายุ 28 ปี ทำไม เบี้ยแพงจัง
แล้วถ้าเราส่งเงินงวดของสินเชื่อภายใน 15 ปี แล้วเบี้ยที่เราเสียไป จะเวียนคืนไหม ???
หรือถ้าส่งหมด 15 ปีแล้ว จะคุ้มครองไหม แต่คุ้มครองอะไร ในเมื่อเราส่งวงเงินกู้หมดเรา ???
ถ้าคุ้มครองหลังจากส่งงวดหมด เกิดเราเสียชีวิตหรือทุพพภาพ จะจ่ายเงินชดเชยให้เราหรอ
(แต่นี้เป็นประทำประกันสินเชื่อเงินกู้) จะรับผิดชอบอะไรในเมื่อจ่ายค่างวดหมดแล้ว ??????
ถ้าเราจะทำประกันวงเงินสินเชื่อ มีตัวเลือกให้เราที่ถูกและน้อยลงกว่านี้ไหม (แต่ไม่มีเสนอตัวเลือกเลย มาก็แจ้งยอดนี้เลย) ???
นี้คือ คำถามที่ถามพนักงานแล้ว ตอบไม่ตรง คือ เหมือนเราไม่ได้คำตอบตรงนั้นมา
"เรื่องการหักเงินผ่านบัญชี"
พนักงานสินเชื่อแจ้งว่าต้องหักเงินค่างวดผผ่านบัญชีเท่านั้น !!!
ซึ่งเราคิดว่า จริง ๆ มันเป็นความสมัครใจของลูกค้าไหม ??? ที่จะสะดวกจ่ายแบบไหน
จ่ายเองที่เคาเตอร์ หรือ ให้หักผ่านบัญชี
พนักงงานให้เหตุผลว่า "กลัวว่าเราจะไม่จ่ายค่างวดบ้าน"
แต่การที่จะหักเงินผ่านบัญชี มันต้องมีการเอาเงินเข้าบัญชี แต่ถ้าเราไม่เอาเงินเข้าบัญชี ทางธาคารก็หักไม่ได้อยู่ดี
ซึ่งเราคิดว่า เราคงจะไม่ทำให้ตัวเองติดแบล็กลิสแน่นอน
ซึ่งเราคิดว่า ถ้าจะต้องเอาเงินเข้าบัญชี เราไปจ่ายที่เคาเตอร์เองดีกว่า
เพราะการไปจ่ายเอง เราจะได้ใบเสร็จที่แสดง เงินต้น และ ดอกเบี้ย และยอดเงินคงเหลือ ให้เห็นด้วย
เพราะถ้าเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้น เช่น การคำนวณดอกเบี้ย หรือ การหักเงินต้น ดอกเบี้ย ผิด เราสามารถเห็นได้เลย
(ข้อผิดพลาดไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แต่บางครั้งระบบอาจจะรวน วันก็มีเปอร์เซ็นต์เกิดขึ้นได้เช่นกัน)
"การจ่ายเงินค่าประเมินรายงวด"
พนักงานสินเชื่อแจ้งว่า เราจะต้องจ่ายค่าประเมินงานรายงวดให้กับบริษัทที่ไประเมิน ซึ่งนอกเหนือครั้งละ 800 บาท
พนักงานสินเชื่อแจ้งว่า ไม่ใช่ส่วนของธนาคาร แต่เป็นบริษัทประเมิน
ซึ่งเราสอบถามก่อนหน้า ว่า เสียค่าประมาณเงินรายงวดครั้งละ 800 บาท ให้กับธนาคาร
แต่พนักงานสินเชื่อ บอกว่า ต้องจ่ายเพิ่ม นอกเหนือจาก 800 บาท
ส่วน 800 บาท จะหักจากเงินค่างวดที่ธนคารจะอนุมัติจ่ายในแต่ละงวดงาน
ซึ่งเราถามว่า มีจ่ายเพิ่มด้วยเหรอค่ะ เขาบอกมีจ่ายเพิ่ม
ถามว่าค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ พนักงานบอกไม่ทราบขึ้นอยู่กับบริษัทประเมิน เราก็ งง ๆ
ถาม 2-3 รอบ ยังยังได้คำตอบเดิม แบบ งง ๆ
ซึ่งเราอยากรู้ว่า นอกจากจ่ายค่าประเมินงวดงานครั้งละ 800 บาท แล้ว จะต้องมีจ่ายค่างวดงานเพิ่มอีกใช่ไหมค่ะ
อยากจะถามขอความคิดเห็นจากเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ว่าใครเจอแบบนี้บ้างค่ะ
พนักงานสินเชื่อแจ้งรายละเอียดไม่ชัดเจน แบบนี้ บางครั้งการตัดสินใจอาจสูญเสียผลประโยชน์ได้
ซึ่งหลาย ๆ คน อาจไม่รู้ มาแชร์ข้อมูลกันนะคะ
เราตัดสินใจเลือกธนาคารเพราะคิดว่าเป็นของการรัฐ คงไม่คิดเอาเปรียบลูกค้าหรือผู้บริโภค
วันนี้เรามาขอว่าแชร์ข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์กับใครหลาย ๆ คนที่เจอปัญหาแบบเรา
ที่อยากให้เจ้าหน้าที่หรือพนักงานใส่ใจหรืออธิบายให้ชัดเจนกว่านี้ค่ะ