One Day Trip ไปดูพลุ (Hanabi) Odaiba เดินทางโดยจักรยานจากบ้านที่ Yokohama
เริ่มกันเลยครับ .. ด้วยการพับจักรยานใส่ถุงจักรยาน (น้ำหนักจักรยานประมาณ 10 กิโล) เพื่อนำขึ้นรถไฟ เดินทางจากบ้านที่ Yokohama แล้วไปลงที่สถานี Omotesando ซึ่งเป็นสถานีถัดไปจากสถานี Shibuya หลังจากนั้นก็เริ่มต้นปั่นจักรยานชมเมืองไปเรื่อยๆโดยมี Highlight อยู่ที่การเดินทางข้ามสะพาน Rainbow Bridge (ระยะทางประมาณ 1.523 km) ครับ
ทดสอบการถอดล้อหน้าของจักรยานสำหรับใส่ถุงจักรยานขณะขึ้นรถไฟครับ
ต่อมาก็ทดสอบการแบกจักรยาน ไหวอยู่ครับ งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุดเพื่อเดินทางก่อนนะครับ พอดียังไม่ได้อาบน้ำแปรงฟันเลยครับ 55+
ปั่นออกจากบ้าน ขอชักภาพสักรูปก่อนครับ
ขึ้นรถไฟจากบ้านเพื่อมุ่งหน้าไปยัง Tokyo ครับ
ถึงแล้วครับ สถานี Omotesando ขอพักให้หายเหนื่อยซักครู่ครับ
ผมเลือกลงที่ สถานี Omotesando เนื่องจากคนจะไม่ค่อยพลุกพลาน จำนวนคนที่ลงสถานีนี้ไม่มากเท่าไรครับ
ส่วนสัญลักษณ์ห้ามป้ายด้านหลัง คือห้ามจอดจักรยานครับ .. แต่ในรูปผมแค่พักวางของเท่านั่นครับ ไม่มีปัญหาครับ
ตอนนี้ปั่นมาถึงสะพาน Rainbow Bridge แล้วครับ
เอะ!!! เจ้าหน้าที่กำลังทำอะไรกับจักรยานของเหล่านักปั่นกันนะ.....ติดตั้งอุปกรณ์อะไรแปลกๆ....เพื่ออะไรกัน มาดูกันครับ
ในการข้ามสะพาน Rainbow Bridge สำหรับจักรยานนั้น เราจะต้องจูงจักรยาน (ห้ามปั่น) ไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ให้เท่านั้น เนื่องจากเป็นพื้นที่อันตราย และให้การช่วยเหลือได้ยากหากเกิดอุบัติเหตุจากการชนกันของจักรยาน หรืออุบัติเหตุการชนคนที่เดินอยู่บนสะพาน สำหรับอุปกรณ์พิเศษคือก็ แอ่นๆๆๆ ไม้ล้อเลื่อนล็อกล้อหลังนั่นเองครับ
เท่านี้เจ้าหน้าที่ก็จะมั่นใจได้ว่าไม่มีใครสามารถปั่นข้ามไปได้แน่นอน ชาวญี่ปุ่นเค้าละเอียดและรอบคอบจริงๆครับ นับถือๆ
บรรยากาศและวิวใต้สะพาน Rainbow Bridge ถือว่าแปลกตา สวยงามไม่น้อยเลยครับ
วิวสวยไหมครับ
เข้ามาในพื้นที่ใต้สะพานมีป้ายบอกนำทางชัดเจนตามสไตล์ญี่ปุ่น
จากด้านล่างขึ้นบนตัวสะพานฯ ด้วยลิฟท์
ออกจากลิฟท์ถึงบนสะพานฯ โดยเป็นพื้นที่ของการเดินเท้าและจักรยาน
ในระหว่างการจูงจักรยานบนสะพาน Rainbow Bridge เราสามารถเก็บภาพวิวสวยๆ มุมที่ไม่ซ้ำใคร และไม่ค่อยมีใครมาถ่ายได้อย่างสบายๆ
บรรยายกาศสวยมากครับ ต่างจากตอนมีหิมะไปอีกแบบ ผมมาในเดือน 10 อากาศไม่ร้อน ไม่หนาว อากาศกำลังดีครับ
โดยความยาวรวมของสะพานฯ อยู่ที่ 1.523 km
เรื่อยๆกับรูปวิวที่ถ่ายจากบนสะพานในมุมต่างๆ อันนี้ผมยังสงสัยอยู่ครับว่า เป็นเกาะอะไร เพื่ออะไร
ยังไง ทำไมถึงมีป้ายห้ามเข้า
รูปนี้เป็นวิวที่มองไปยัง Odaiba ตึกขวามือเหลี่ยมๆใหญ่ๆมีกลมๆคือตึก สนญ ของ FUJI TV
อีกรูปชัดๆกับ สนญ FUJI TV
นั่งเรือข้ามฟาก Hotaluna หน้าตาแปลก ล้ำสมัย
อีกหนึ่งเกาะกลางทะเล ที่สวยงาม และไม่เข้าใจว่า มีไว้เพื่ออะไร
ความสวยของหลายๆมุมบนสะพานครับ
มาถึงปลายสะพาน แล้วนะครับ
ลงจากสะพาน เริ่มปั่นจักรยานเพื่อเก็บภาพมุมต่างๆของโอไดบะกันเลยครับ ลุย
ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่พบได้ทั่วๆไป ในหลายเมืองใหญ่บนเกาะญี่ปุ่น
ตึกของ Hotel Trusty Tokyo Bayside สวยโด่ดเด่น
อีกมุมครับ สวยเหมือนกันนะ
ตึกนี้ต้องรู้จักนั้นคือ Tokyo Bay Side เป็นตึกที่มีชื่อเสียง ใช้ในการจัดแสดงนิทรรศการสำคัญใหญ่ๆ ของญี่ปุ่น
ในพื้นที่ลานกว้างๆ จะพบเห็นเด็กชาวญี่ปุ่นแต่งตัวในรูปแบบของ COSPLAY มาถ่ายภาพกันอยู่อย่างกระจัดกระจาย
เนื่องจากผมเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบเรื่องรถ จึงไม่พลาดที่จะแวะ MEGA WEB TOYOTA CITY SHOWCASE
ที่จอดรถยนต์ในแนวดิ่ง เป็นที่นิยมในญี่ปุ่น เนื่องจากมีพื้นที่จำกัด
CUT MODEL สำหรับการอธิบายถึงโครงสร้าง และอุปกรณ์ต่างๆได้อย่างชัดเจน
มาต่อกันที่ VENUS FORT OUTLET
อีกหนึ่งสิ่งที่มา Odaiba แล้วต้องมาเก็บภาพกับเทพีสัญติภาพจูเนียร์
แดดเริ่มน้อยลง ในเวลาบ่ายแก่ๆ เริ่มเห็นคนแต่งตัวในชุดญี่ปุ่น ผู้ชายสวมใส่ชุดยูกาตะ ผู้หญิงใส่ชุดกิโมโน มาจับจองที่นั่งบริเวณริมชาดหาดของ Odaiba เพื่อที่จะดูพลุในเวลาช่วงค่ำ คนเยอะมากครับ เมาปริ้นไปแล้วก็มีให้เห็นเหมือนกันครับ
มาจับจองที่นั่งบริเวณริมชาดหาดกันแล้วครับ คนเริ่มทยอยมากันเรื่อยๆครับ บางคนมากันตั้งแต่เที่ยง
บรรยากาศสะพาน Rainbow Bridge ในช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน พร้อมผู้คนจำนวนมาก เพื่อมารอชมดอกไม้ไฟ
คนเยอะมากครับ เมาปริ้น ตะโกนโวกเวก ก็มีให้เห็นเหมือนกันนะครับ K A M P A I ! ! ! (ชนเเก้ว!!!)
พลุมาแล้ว แต่ถ่ายภาพไว้ไม่ค่อยเยอะครับ
หลังจบงานแสดงพลุระหว่างทางกลับพบเห็นการให้สัมภาษณ์ของรายการ TV ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเทศกาลใหญ่ประจำปีของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ครับ
สำหรับวันนี้ขอตัวรีบปั่นจักรยานกลับไปขึ้นรถไฟก่อนนะครับ
หาทางกลับบ้านก่อนนะครับ ไปทางนี้จริงๆหรอ พี่ GPS ????
รบกวนพี่ GPS นำทางไปเลยครับบบบบบบ
ประสบการณ์ครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่ามากครับ เพราะได้เห็นบรรยากาศของเทศกาลแบบญี่ปุ่นๆ ผู้คนใส่ชุดแบบญี่ปุ่นๆ สำหรับใครชื่นชอบการปั่นจักรยานอยู่แล้ว ลองดูนะครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน ... ผมมีโอกาสได้มาเรียนและทำงานอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น การใช้จักรยานในการเดินทางทำให้ได้สัมผัสกับชีวิต และวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นอย่างเข้มข้น อีกทั้งยังประหยัดและได้สุขภาพด้วยครับ
ขอบคุณทุกครั้งที่มีโอกาสเดินทาง ขอบคุณพื้นที่ ppantip.com ที่ให้รีวิวในครั้งนี้และ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านรีวิวนี้ครับ ขอบคุณครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รีวิวที่พัก สำหรับใครที่จะเดินทางไป เที่ยวทะเลสาปคาวากูชิโกะ เพื่อไปชมฟูจิซัง
https://ppantip.com/topic/36746849
รีวิวห้องพักที่ คาวากูชิโกะ สำหรับใคร ที่กำลังหาที่พักที่มีออนเซ็นส่วนตัวในห้องพัก
https://ppantip.com/topic/36743027
1 วัน ใน Takayama (ทาคายาม่า) บรรยายกาศเมืองเก่า กับหิมะที่ขาวโพน
https://ppantip.com/topic/36942778
ทริป 5 วัน 4 คืน Hokkaido พัก Hilton Niseko Ski Resort ท้าความหนาวติดลบ
https://ppantip.com/topic/36801954
[CR] 1 วันกับเทศกาลชมดอกไม้ไฟที่ Odaiba ช่วงเดือน 10 กับการเดินทางด้วยจักรยาน
เริ่มกันเลยครับ .. ด้วยการพับจักรยานใส่ถุงจักรยาน (น้ำหนักจักรยานประมาณ 10 กิโล) เพื่อนำขึ้นรถไฟ เดินทางจากบ้านที่ Yokohama แล้วไปลงที่สถานี Omotesando ซึ่งเป็นสถานีถัดไปจากสถานี Shibuya หลังจากนั้นก็เริ่มต้นปั่นจักรยานชมเมืองไปเรื่อยๆโดยมี Highlight อยู่ที่การเดินทางข้ามสะพาน Rainbow Bridge (ระยะทางประมาณ 1.523 km) ครับ
ทดสอบการถอดล้อหน้าของจักรยานสำหรับใส่ถุงจักรยานขณะขึ้นรถไฟครับ
ต่อมาก็ทดสอบการแบกจักรยาน ไหวอยู่ครับ งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุดเพื่อเดินทางก่อนนะครับ พอดียังไม่ได้อาบน้ำแปรงฟันเลยครับ 55+
ปั่นออกจากบ้าน ขอชักภาพสักรูปก่อนครับ
ขึ้นรถไฟจากบ้านเพื่อมุ่งหน้าไปยัง Tokyo ครับ
ถึงแล้วครับ สถานี Omotesando ขอพักให้หายเหนื่อยซักครู่ครับ
ผมเลือกลงที่ สถานี Omotesando เนื่องจากคนจะไม่ค่อยพลุกพลาน จำนวนคนที่ลงสถานีนี้ไม่มากเท่าไรครับ
ส่วนสัญลักษณ์ห้ามป้ายด้านหลัง คือห้ามจอดจักรยานครับ .. แต่ในรูปผมแค่พักวางของเท่านั่นครับ ไม่มีปัญหาครับ
ตอนนี้ปั่นมาถึงสะพาน Rainbow Bridge แล้วครับ
เอะ!!! เจ้าหน้าที่กำลังทำอะไรกับจักรยานของเหล่านักปั่นกันนะ.....ติดตั้งอุปกรณ์อะไรแปลกๆ....เพื่ออะไรกัน มาดูกันครับ
ในการข้ามสะพาน Rainbow Bridge สำหรับจักรยานนั้น เราจะต้องจูงจักรยาน (ห้ามปั่น) ไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ให้เท่านั้น เนื่องจากเป็นพื้นที่อันตราย และให้การช่วยเหลือได้ยากหากเกิดอุบัติเหตุจากการชนกันของจักรยาน หรืออุบัติเหตุการชนคนที่เดินอยู่บนสะพาน สำหรับอุปกรณ์พิเศษคือก็ แอ่นๆๆๆ ไม้ล้อเลื่อนล็อกล้อหลังนั่นเองครับ เท่านี้เจ้าหน้าที่ก็จะมั่นใจได้ว่าไม่มีใครสามารถปั่นข้ามไปได้แน่นอน ชาวญี่ปุ่นเค้าละเอียดและรอบคอบจริงๆครับ นับถือๆ
บรรยากาศและวิวใต้สะพาน Rainbow Bridge ถือว่าแปลกตา สวยงามไม่น้อยเลยครับ
วิวสวยไหมครับ
เข้ามาในพื้นที่ใต้สะพานมีป้ายบอกนำทางชัดเจนตามสไตล์ญี่ปุ่น
จากด้านล่างขึ้นบนตัวสะพานฯ ด้วยลิฟท์
ออกจากลิฟท์ถึงบนสะพานฯ โดยเป็นพื้นที่ของการเดินเท้าและจักรยาน
ในระหว่างการจูงจักรยานบนสะพาน Rainbow Bridge เราสามารถเก็บภาพวิวสวยๆ มุมที่ไม่ซ้ำใคร และไม่ค่อยมีใครมาถ่ายได้อย่างสบายๆ
บรรยายกาศสวยมากครับ ต่างจากตอนมีหิมะไปอีกแบบ ผมมาในเดือน 10 อากาศไม่ร้อน ไม่หนาว อากาศกำลังดีครับ
โดยความยาวรวมของสะพานฯ อยู่ที่ 1.523 km
เรื่อยๆกับรูปวิวที่ถ่ายจากบนสะพานในมุมต่างๆ อันนี้ผมยังสงสัยอยู่ครับว่า เป็นเกาะอะไร เพื่ออะไร
ยังไง ทำไมถึงมีป้ายห้ามเข้า
รูปนี้เป็นวิวที่มองไปยัง Odaiba ตึกขวามือเหลี่ยมๆใหญ่ๆมีกลมๆคือตึก สนญ ของ FUJI TV
อีกรูปชัดๆกับ สนญ FUJI TV
นั่งเรือข้ามฟาก Hotaluna หน้าตาแปลก ล้ำสมัย
อีกหนึ่งเกาะกลางทะเล ที่สวยงาม และไม่เข้าใจว่า มีไว้เพื่ออะไร
ความสวยของหลายๆมุมบนสะพานครับ
มาถึงปลายสะพาน แล้วนะครับ
ลงจากสะพาน เริ่มปั่นจักรยานเพื่อเก็บภาพมุมต่างๆของโอไดบะกันเลยครับ ลุย
ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่พบได้ทั่วๆไป ในหลายเมืองใหญ่บนเกาะญี่ปุ่น
ตึกของ Hotel Trusty Tokyo Bayside สวยโด่ดเด่น
อีกมุมครับ สวยเหมือนกันนะ
ตึกนี้ต้องรู้จักนั้นคือ Tokyo Bay Side เป็นตึกที่มีชื่อเสียง ใช้ในการจัดแสดงนิทรรศการสำคัญใหญ่ๆ ของญี่ปุ่น
ในพื้นที่ลานกว้างๆ จะพบเห็นเด็กชาวญี่ปุ่นแต่งตัวในรูปแบบของ COSPLAY มาถ่ายภาพกันอยู่อย่างกระจัดกระจาย
เนื่องจากผมเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบเรื่องรถ จึงไม่พลาดที่จะแวะ MEGA WEB TOYOTA CITY SHOWCASE
ที่จอดรถยนต์ในแนวดิ่ง เป็นที่นิยมในญี่ปุ่น เนื่องจากมีพื้นที่จำกัด
CUT MODEL สำหรับการอธิบายถึงโครงสร้าง และอุปกรณ์ต่างๆได้อย่างชัดเจน
มาต่อกันที่ VENUS FORT OUTLET
อีกหนึ่งสิ่งที่มา Odaiba แล้วต้องมาเก็บภาพกับเทพีสัญติภาพจูเนียร์
แดดเริ่มน้อยลง ในเวลาบ่ายแก่ๆ เริ่มเห็นคนแต่งตัวในชุดญี่ปุ่น ผู้ชายสวมใส่ชุดยูกาตะ ผู้หญิงใส่ชุดกิโมโน มาจับจองที่นั่งบริเวณริมชาดหาดของ Odaiba เพื่อที่จะดูพลุในเวลาช่วงค่ำ คนเยอะมากครับ เมาปริ้นไปแล้วก็มีให้เห็นเหมือนกันครับ
มาจับจองที่นั่งบริเวณริมชาดหาดกันแล้วครับ คนเริ่มทยอยมากันเรื่อยๆครับ บางคนมากันตั้งแต่เที่ยง
บรรยากาศสะพาน Rainbow Bridge ในช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน พร้อมผู้คนจำนวนมาก เพื่อมารอชมดอกไม้ไฟ
คนเยอะมากครับ เมาปริ้น ตะโกนโวกเวก ก็มีให้เห็นเหมือนกันนะครับ K A M P A I ! ! ! (ชนเเก้ว!!!)
พลุมาแล้ว แต่ถ่ายภาพไว้ไม่ค่อยเยอะครับ
หลังจบงานแสดงพลุระหว่างทางกลับพบเห็นการให้สัมภาษณ์ของรายการ TV ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเทศกาลใหญ่ประจำปีของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ครับ
สำหรับวันนี้ขอตัวรีบปั่นจักรยานกลับไปขึ้นรถไฟก่อนนะครับ
หาทางกลับบ้านก่อนนะครับ ไปทางนี้จริงๆหรอ พี่ GPS ????
รบกวนพี่ GPS นำทางไปเลยครับบบบบบบ
ประสบการณ์ครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่ามากครับ เพราะได้เห็นบรรยากาศของเทศกาลแบบญี่ปุ่นๆ ผู้คนใส่ชุดแบบญี่ปุ่นๆ สำหรับใครชื่นชอบการปั่นจักรยานอยู่แล้ว ลองดูนะครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน ... ผมมีโอกาสได้มาเรียนและทำงานอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น การใช้จักรยานในการเดินทางทำให้ได้สัมผัสกับชีวิต และวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นอย่างเข้มข้น อีกทั้งยังประหยัดและได้สุขภาพด้วยครับ
ขอบคุณทุกครั้งที่มีโอกาสเดินทาง ขอบคุณพื้นที่ ppantip.com ที่ให้รีวิวในครั้งนี้และ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านรีวิวนี้ครับ ขอบคุณครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น