สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้ต้องขอบอกเลยว่ากระทู้นี้ถือว่าพิเศษที่สุดแล้ว เพราะเราจะพาทุกคนไปอยู่ในช่วงเวลาในความฝันของเราเกือบตลอด3เดือนที่ผ่านมา ฉบับผญที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็น ตัดสินใจลุยเดี่ยวไปWork and Travel
https://www.facebook.com/chaneekaeng/
Part 1: การเริ่มต้นใน YMCA
Part 2: Life in YMCA
Part 3: Work Work Work
Part 4: Happy Wednesday
Part 5: เวลาว่างฉันทำอะไร?
Part 6: We are young
Part 7: Too Good To Say Goodbye
Part1: การเริ่มต้นใน YMCA
พอทันที่ที่จองงานได้ ทางอเจนที่ไทยก็จะดำเนินการต่างๆให้ค่ะ
หลังจากที่ได้รับการคอนเฟริ์ม ทำวีซ่ากันไปแล้ว ทางYMCA ก็จะให้เราดูคลิปวีดีโอและทำแบบทดสอบ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิของตนเองและเด็ก เรื่องความเท่าเทียมกันของมนุษย์ค่ะ เนื่องจากเราต้องทำงานกับเด็กๆในทุกสัปดาห์
ขอบอกเลยว่า ที่ให้ทำนั้นเยอะมากกกกกค่ะ เยอะมากขนาดไหน ก็ประมาณ4ชม.ค่ะทั้งหมด55555
พอถึงวันเดินทางนั้น เราออกเดินทางจากกรุงเทพไปลง LAX
และจาก Lax นายจ้างจองรถ Supershuttle เป็นเหมือนรถบัสไปลงตรงเมือง Redlands และนายจ้างก็ขับรถพาเราไปยังค่ายค่ะ
แต่ แต่ แต่! ความทรหดอดทนมันมีจริง คือการเมารถนั้นเอง! เรียกได่ว่าปราบเซียนสุดไรสุด เพราะอย่างเราเป็นคนที่ไม่เมารถเลย ดอยอินนี่ชิวไปเลย555 แต่อันนี้ยอมจริง ทางขึ้นเขาโค้งเยอะมาก นั่งขึ้นเขาไปก็ประมาณ45นาทีก็จะถึงค่ายค่ะ
YMCA Camp นั้นเป็นค่ายที่เก่าแก่ค่ายหนึ่งของอเมริกา ที่ทุกsummer จะมีเหมือนเด็กๆไปเข้าค่ายทุกอาทิตย์ ซึ่งแต่ละอาทิตย์ก็เปลี่ยนเด็กกลุ่มใหม่เวียนกันไปค่ะ ซึ่งค่าย YMCAมีหลายที่ในอเมริกามากๆ แต่ครั้งนี้เราไปคือ Round Meadow Camp ซึ่งอยู่ห่างจากLAประมาณ2ชม.ค่ะ
และสถานที่ที่เราไปในครั้งนี้นั้น ยังเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานตามบางโอกาสด้วย แน่นอนว่าในเรื่องของบรรยากาศ คือสวย ธรรมชาติ และอากาศดีเวอร์
พอเราไปถึงวันต่อไปที่เราต้องทำกันเลยนั้นคือการ Orientaion! ซึ่ง Orientation ก็จะกินเวลาประมาณ1อาทิตย์ค่ะ เรียกได้ว่าเป็นการปรับตัวก่อนทำงานจริง ซึ่งก็มีจัดกิจกรรม Icebreaking สำหรับstaffทุกคนเพื่อละลายพฤติกรรมและทำให้รู้จักกันมากขึ้น กิจกรรมก็จะทำในห้องนี้ที่เรียกว่าDining hall หรือห้องอาหารนั้นเอง
ซึ่งกิจกรรมก็จะมีทั้งการ ถามคำถามกับคนที่ต่างประเทศกัน จ้องตากัน มีเต้น ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าคนละตินเต้นเก่งมากกกก เหมือนมียีนเต้นอยู่ในตัวกันทุกคนเลย กิจกรรมทั้งหมดนี้ทำให้เราได้รู้จักคนอื่นมากขึ้น คลายความกดดัน ได้รับความสนุกสนาน และย้อนวัยเหมือนอยู่ในวัยเรียนอีกครั้งจริงๆ
นอกจากนี้ก็จะมีการอบรมเพื่อเข้าใจกฎต่างๆ สิ่งที่ทำได้ สิ่งที่ห้ามทำ อย่างเช่น ห้ามกลับดึกเกินกี่โมง ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล หรือสูบบุหรี่ใดๆ บ้านชายหญิงแยกกันชัดเจน ห้ามเข้าบ้านกันและกัน นอกจากนี้ก็ยังอบรมเรื่องความปลอดภัยต่างๆ เพราะว่าเราอยู่บนเขา ก็จะมีสัตว์ป่าไม่ว่าจะเป็นหมี หมาป่า หรือว่างู อีกทั้งยังมีการบอกการป้องกันในกรณีที่เกิดไฟไหม้ หรือแผ่นดินไหว เรียกได้ว่าอบรมเพื่อป้องกันเหตุการณ์ต่างๆ เรื่องความปลอดภัยเราว่าเขาค่อนข้างซีเรียสพอสมควรค่ะ เรียกได้ว่าช่วงอาทิตย์แรกนั้นคือการอธิบายให้เข้าใจกฎระเบียบต่างๆของการอยู่ร่วมกันในค่าย
ซึ่งมีสัปดาห์นึงในค่ายน้องหมีมันก็มาจริงๆค้าา55555
ในอาทิตย์แรกนั้นความว่างมีจริงเนื่องจากเรายังไม่มีงานการทำเท่าไหร่ เขาจะมีให้เทรนบ้างนิดหน่อย(แต่จ่ายตังค่าจ้างนะคะ ระหว่างOrientation) และก็ลองทำกิจกรรมที่เด็กๆจะต้องทำกัน เหมือนเป็นการซ้อมก่อนเด็กจะมาจริง
อย่างเช่นการ night hike, camp fire, หรือลองเล่นกิจกรรมตามฐานต่างๆ
Night hike: คือการเดินป่าเดินเขาตอนกลางคืนที่ไม่เปิดไฟอะไรเลย และคือเขาก็ไม่มีไฟ นึกออกถึงความมืดไหมค่ะ มันมืดสนิท!55555 และบนเขาคือแบบหินเรียงราย เดินขึ้นเขาว่ายากแล้ว เดินลงเขากับกองฟางที่สร้างความลื่นยากกว่า หัวจะทิ่มจ้า แต่กิจกรรมนี้ก็ทำให้เราได้ช่วยเหลือกันและกัน พากันรอดไปด้วยกัน
Campfire: หรือการนั่งรอบล้อมกองไฟนั้นเอง เด็กทุกคนที่มาค่ายต้องมา campfireค่ะ ซึ่งก่อนที่เด็กจะมา ก็มีcampfireของเหล่าstaffกันก่อน แน่นอนว่ากิจกรรมนั้นก็มีเล่นเกม ร้องเล่น เต้นกันไปค่ะ พร้อมกับทำsmoreกินกัน อ้วนกันถ้วนหน้าจริงๆ
Camp Name: และในCampfireนั้น สิ่งที่ทุกคนต้องทำคือบอก Campnameตัวเอง ทุกคนในค่ายนั้นต้องพบปะเด็กๆมากมาย แต่สิ่งหนึ่งคือเขาจะไม่ให้เด็กรู้ชื่อจริงเราค่ะ ดังนั้นเราทุกคนเลยต้องมี Camp Name ก็คือชื่ออะไรก็ได้เลย ตั้งขึ้นมาเอง ก็คือคล้ายชื่อเล่นของคนไทยอยู่นะ แต่ละคนก็จะมีชื่อที่แตกต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นตัวการ์ตูนที่ชอบ สีที่ชอบ หรืออะไรก็ได้ และแต่ละคนก็จะบอกชื่อCamp Nameกับเด็กๆ แทนชื่อจริงๆ
Activities: ตอนเด็กๆเชื่อว่าหลายคนเคยเข้าค่ายลูกเสือสมัยเด็ก ที่จะมีกิจกรรมตามฐานต่างๆ ที่นี้ก็เช่นเดียวกัน ในค่ายนี้จะมีกิจกรรมตามฐานต่างๆ ซึ่งก่อนที่เด็กๆจะมา staffทุกคนจะมีโอกาสได้เล่นก่อน
กิจกรรมก็มีหลายอย่างแต่ที่เราชอบที่สุดคงจะเป็นยิงธนู คือรู้สึกว่าโคตรเท่! เพราะอยู่ไทยไม่เคยมีโอกาสได้ทำมาก่อน55555
อีกฐานที่เหนื่อยมากคือปืนผา คือเกิดมาในชีวิตไม่เคยออกกำลังกายเหนื่อยขนาดนี้มาก่อน! คือมันต้องใช้กำลังทั้งหมดที่มีทั้งแขนและขาเพื่อถีบตัวเองขึ้นไปข้างบน
ซึ่งนอกจากฐานเหล่านี้ก้อมีอีกมากมายให้ได้เล่นและร่วมสนุกไปกับเพื่อนๆstaffชาวต่างชาติ ไม่รู้จะอธิบายความโชคดีของตัวเองยังไงเพราะคิดว่าโมเม้นเข้าค่ายน่าจะจบไปนานแล้ว แต่อันนี้เหมือนย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กมาเข้าค่ายอีกครั้ง ชอบมาก
Talented Show: คือโชว์ความสามารถพิเศษ ครั้งแรกที่เรารู้ว่าต้องทำนี่เครียดมากกก55555 เพราะเป็นคนไม่ได้มีความสามารถพิเศษ แต่ยังดีที่ให้ทำร่วมกับเพื่อนได้ ทางทีมThailandของเรานั้นเลยตัดสินใจเต้นหญิงลีมันไปเลยค้า5555 เรียกได้ว่าพิเศษสุดๆ แต่เพื่อนชาติอื่นคือแบบเออมันtalentกันจริงๆเห็นแล้วอาย5555 ไม่ว่าจะร้องเพลง โชว์ เล่นดนตรี เต้นประจำชาติ ก็ถือว่าเป็นอีกค่ำคืนนึงที่สนุกดีค่ะ อายด้วย5555
Part 2: Life in YMCA
การมาอยู่ที่นี้นั้น ข้อดีนี้ว่าคือการที่อยู่ฟรีกินฟรีค่ะ!
ในส่วนของบ้านนั้น เราจะพักกันแบบแยกชายหญิงค่ะ อยู่บ้าน Staffกันคนละหลังเลยค่ะ
ซึ่งบ้านที่เราอยู่นั้นก็ตั้งกันอยู่กลางป่ากลางเขากันแบบนี้แหละค่ะ ช่วงที่เราไปแรกๆอากาศค่อนข้างหนาวในตอนกลางคืนค่ะ แต่พอกลางวันมีแดดคือร้อนแดดมากจริงๆ
ในบ้านไม่ว่าจะชายหรือหญิงสิ่งที่มีเหมือนกันคือ ห้องอาบน้ำ1ห้องและห้องน้ำ1ห้อง และใช่ค่ะ ชะนีมีเป็นสิบกว่าชีวิตในบ้าน พออ่านถึงตรงนี้จะรู้สึกว่า อ้าว ละทำไง ก็คือทำอะไรไม่ได้ค้า55555 ในช่วงแรกนั้นทุกคนOrientation เลยเลิกพร้อมกัน ก็มีความวอแวในการแย่งห้องน้ำสูงมากกก และความผู้หญิงก็ใช้เวลากันเยอะ รอต่อคิวกันไปค่ะ
แต่พอหลังจากนั้นเราก็มีการจัดคิวอาบน้ำกัน แต่คือฝรั่งไม่ได้อาบน้ำกันบ่อยคือวันละครั้งกันทุกคน ไม่ก็ไม่อาบมันเลยก็มีค่ะ ในตัวบ้านนั้นก็จะมีโซนที่เหมือนเป็นห้องนั่งเล่น ตรงนี้ก็จะเป็นที่ที่มาเม้ามอย ดูหนัง หรือเล่นเกมกันค่ะ ก็เรียกได้ว่าสนุกสนาน และไม่เคยเหงาเลย เพราะทุกครั้งกลับบ้านก็จะเจอเพื่อนๆมานั่งกันอยู่ตรงนี้ทุกวัน
พอพูดถึงอาหารนั้นก็คืออาหารค่าย สิ่งที่เรากินก็คือเหมือนกับสิ่งที่เด็กมาเข้าค่ายต้องกินค่ะ คือสำหรับเรามันไม่ได้แย่นะ แต่ด้วยความที่เป็นอาหารเมกันมั้ง maxican มั้ง กินบ่อยๆนี่เริ่มเบื่อค่ะ เอียนขนมปังกับชีสมากๆ และคนที่นี้ชอบกินเนื้อค่ะ ซึ่งเราไม่กินเนื้อก็ค่อนข้างเป็นปัญหาชีวิตอยู่
ซึ่งหลังจากผ่านไปประมาณ2เดือนทางทีมThailandก็ไม่ไหวแล้ว คือเบื่ออาหารค่ายมาก เอียนอาหารเมกันสุดชีวิต ก็ต้องขอขอบคุณผงต่างๆของไทย ก็เลยทำกินกันเองเลยค้า ซึ่งปกตินั้นในบ้านจะไม่สามารถทำอาหารได้นะคะ แต่อันนี้พวกเราทำครัวและพอหลังเลิกงานเลยทำกินกันเองเลย
Sunday Sundae: ทุกวันอาทิตย์ของที่ค่าย ตอนประมาณ2-3ทุ่ม หลังจากที่เด็กมีCampfireกันเสร็จแล้ว Staffทุกคนก็จะมานั่งกันที่ห้องอาหาร พูดคุย และกินไอติมฟรีจากห้องครัว เพิ่มความอ้วนกันไปค่ะ55555
กาลครึ่งหนึ่งชีวิตเหมือนฝันที่ YMCA Camp California USA
Part 1: การเริ่มต้นใน YMCA
Part 2: Life in YMCA
Part 3: Work Work Work
Part 4: Happy Wednesday
Part 5: เวลาว่างฉันทำอะไร?
Part 6: We are young
Part 7: Too Good To Say Goodbye
Part1: การเริ่มต้นใน YMCA
พอทันที่ที่จองงานได้ ทางอเจนที่ไทยก็จะดำเนินการต่างๆให้ค่ะ
หลังจากที่ได้รับการคอนเฟริ์ม ทำวีซ่ากันไปแล้ว ทางYMCA ก็จะให้เราดูคลิปวีดีโอและทำแบบทดสอบ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิของตนเองและเด็ก เรื่องความเท่าเทียมกันของมนุษย์ค่ะ เนื่องจากเราต้องทำงานกับเด็กๆในทุกสัปดาห์
ขอบอกเลยว่า ที่ให้ทำนั้นเยอะมากกกกกค่ะ เยอะมากขนาดไหน ก็ประมาณ4ชม.ค่ะทั้งหมด55555
พอถึงวันเดินทางนั้น เราออกเดินทางจากกรุงเทพไปลง LAX
และจาก Lax นายจ้างจองรถ Supershuttle เป็นเหมือนรถบัสไปลงตรงเมือง Redlands และนายจ้างก็ขับรถพาเราไปยังค่ายค่ะ
แต่ แต่ แต่! ความทรหดอดทนมันมีจริง คือการเมารถนั้นเอง! เรียกได่ว่าปราบเซียนสุดไรสุด เพราะอย่างเราเป็นคนที่ไม่เมารถเลย ดอยอินนี่ชิวไปเลย555 แต่อันนี้ยอมจริง ทางขึ้นเขาโค้งเยอะมาก นั่งขึ้นเขาไปก็ประมาณ45นาทีก็จะถึงค่ายค่ะ
YMCA Camp นั้นเป็นค่ายที่เก่าแก่ค่ายหนึ่งของอเมริกา ที่ทุกsummer จะมีเหมือนเด็กๆไปเข้าค่ายทุกอาทิตย์ ซึ่งแต่ละอาทิตย์ก็เปลี่ยนเด็กกลุ่มใหม่เวียนกันไปค่ะ ซึ่งค่าย YMCAมีหลายที่ในอเมริกามากๆ แต่ครั้งนี้เราไปคือ Round Meadow Camp ซึ่งอยู่ห่างจากLAประมาณ2ชม.ค่ะ
และสถานที่ที่เราไปในครั้งนี้นั้น ยังเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานตามบางโอกาสด้วย แน่นอนว่าในเรื่องของบรรยากาศ คือสวย ธรรมชาติ และอากาศดีเวอร์
พอเราไปถึงวันต่อไปที่เราต้องทำกันเลยนั้นคือการ Orientaion! ซึ่ง Orientation ก็จะกินเวลาประมาณ1อาทิตย์ค่ะ เรียกได้ว่าเป็นการปรับตัวก่อนทำงานจริง ซึ่งก็มีจัดกิจกรรม Icebreaking สำหรับstaffทุกคนเพื่อละลายพฤติกรรมและทำให้รู้จักกันมากขึ้น กิจกรรมก็จะทำในห้องนี้ที่เรียกว่าDining hall หรือห้องอาหารนั้นเอง
ซึ่งกิจกรรมก็จะมีทั้งการ ถามคำถามกับคนที่ต่างประเทศกัน จ้องตากัน มีเต้น ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าคนละตินเต้นเก่งมากกกก เหมือนมียีนเต้นอยู่ในตัวกันทุกคนเลย กิจกรรมทั้งหมดนี้ทำให้เราได้รู้จักคนอื่นมากขึ้น คลายความกดดัน ได้รับความสนุกสนาน และย้อนวัยเหมือนอยู่ในวัยเรียนอีกครั้งจริงๆ
นอกจากนี้ก็จะมีการอบรมเพื่อเข้าใจกฎต่างๆ สิ่งที่ทำได้ สิ่งที่ห้ามทำ อย่างเช่น ห้ามกลับดึกเกินกี่โมง ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล หรือสูบบุหรี่ใดๆ บ้านชายหญิงแยกกันชัดเจน ห้ามเข้าบ้านกันและกัน นอกจากนี้ก็ยังอบรมเรื่องความปลอดภัยต่างๆ เพราะว่าเราอยู่บนเขา ก็จะมีสัตว์ป่าไม่ว่าจะเป็นหมี หมาป่า หรือว่างู อีกทั้งยังมีการบอกการป้องกันในกรณีที่เกิดไฟไหม้ หรือแผ่นดินไหว เรียกได้ว่าอบรมเพื่อป้องกันเหตุการณ์ต่างๆ เรื่องความปลอดภัยเราว่าเขาค่อนข้างซีเรียสพอสมควรค่ะ เรียกได้ว่าช่วงอาทิตย์แรกนั้นคือการอธิบายให้เข้าใจกฎระเบียบต่างๆของการอยู่ร่วมกันในค่าย
ซึ่งมีสัปดาห์นึงในค่ายน้องหมีมันก็มาจริงๆค้าา55555
ในอาทิตย์แรกนั้นความว่างมีจริงเนื่องจากเรายังไม่มีงานการทำเท่าไหร่ เขาจะมีให้เทรนบ้างนิดหน่อย(แต่จ่ายตังค่าจ้างนะคะ ระหว่างOrientation) และก็ลองทำกิจกรรมที่เด็กๆจะต้องทำกัน เหมือนเป็นการซ้อมก่อนเด็กจะมาจริง
อย่างเช่นการ night hike, camp fire, หรือลองเล่นกิจกรรมตามฐานต่างๆ
Night hike: คือการเดินป่าเดินเขาตอนกลางคืนที่ไม่เปิดไฟอะไรเลย และคือเขาก็ไม่มีไฟ นึกออกถึงความมืดไหมค่ะ มันมืดสนิท!55555 และบนเขาคือแบบหินเรียงราย เดินขึ้นเขาว่ายากแล้ว เดินลงเขากับกองฟางที่สร้างความลื่นยากกว่า หัวจะทิ่มจ้า แต่กิจกรรมนี้ก็ทำให้เราได้ช่วยเหลือกันและกัน พากันรอดไปด้วยกัน
Campfire: หรือการนั่งรอบล้อมกองไฟนั้นเอง เด็กทุกคนที่มาค่ายต้องมา campfireค่ะ ซึ่งก่อนที่เด็กจะมา ก็มีcampfireของเหล่าstaffกันก่อน แน่นอนว่ากิจกรรมนั้นก็มีเล่นเกม ร้องเล่น เต้นกันไปค่ะ พร้อมกับทำsmoreกินกัน อ้วนกันถ้วนหน้าจริงๆ
Camp Name: และในCampfireนั้น สิ่งที่ทุกคนต้องทำคือบอก Campnameตัวเอง ทุกคนในค่ายนั้นต้องพบปะเด็กๆมากมาย แต่สิ่งหนึ่งคือเขาจะไม่ให้เด็กรู้ชื่อจริงเราค่ะ ดังนั้นเราทุกคนเลยต้องมี Camp Name ก็คือชื่ออะไรก็ได้เลย ตั้งขึ้นมาเอง ก็คือคล้ายชื่อเล่นของคนไทยอยู่นะ แต่ละคนก็จะมีชื่อที่แตกต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นตัวการ์ตูนที่ชอบ สีที่ชอบ หรืออะไรก็ได้ และแต่ละคนก็จะบอกชื่อCamp Nameกับเด็กๆ แทนชื่อจริงๆ
Activities: ตอนเด็กๆเชื่อว่าหลายคนเคยเข้าค่ายลูกเสือสมัยเด็ก ที่จะมีกิจกรรมตามฐานต่างๆ ที่นี้ก็เช่นเดียวกัน ในค่ายนี้จะมีกิจกรรมตามฐานต่างๆ ซึ่งก่อนที่เด็กๆจะมา staffทุกคนจะมีโอกาสได้เล่นก่อน
กิจกรรมก็มีหลายอย่างแต่ที่เราชอบที่สุดคงจะเป็นยิงธนู คือรู้สึกว่าโคตรเท่! เพราะอยู่ไทยไม่เคยมีโอกาสได้ทำมาก่อน55555
อีกฐานที่เหนื่อยมากคือปืนผา คือเกิดมาในชีวิตไม่เคยออกกำลังกายเหนื่อยขนาดนี้มาก่อน! คือมันต้องใช้กำลังทั้งหมดที่มีทั้งแขนและขาเพื่อถีบตัวเองขึ้นไปข้างบน
ซึ่งนอกจากฐานเหล่านี้ก้อมีอีกมากมายให้ได้เล่นและร่วมสนุกไปกับเพื่อนๆstaffชาวต่างชาติ ไม่รู้จะอธิบายความโชคดีของตัวเองยังไงเพราะคิดว่าโมเม้นเข้าค่ายน่าจะจบไปนานแล้ว แต่อันนี้เหมือนย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กมาเข้าค่ายอีกครั้ง ชอบมาก
Talented Show: คือโชว์ความสามารถพิเศษ ครั้งแรกที่เรารู้ว่าต้องทำนี่เครียดมากกก55555 เพราะเป็นคนไม่ได้มีความสามารถพิเศษ แต่ยังดีที่ให้ทำร่วมกับเพื่อนได้ ทางทีมThailandของเรานั้นเลยตัดสินใจเต้นหญิงลีมันไปเลยค้า5555 เรียกได้ว่าพิเศษสุดๆ แต่เพื่อนชาติอื่นคือแบบเออมันtalentกันจริงๆเห็นแล้วอาย5555 ไม่ว่าจะร้องเพลง โชว์ เล่นดนตรี เต้นประจำชาติ ก็ถือว่าเป็นอีกค่ำคืนนึงที่สนุกดีค่ะ อายด้วย5555
Part 2: Life in YMCA
การมาอยู่ที่นี้นั้น ข้อดีนี้ว่าคือการที่อยู่ฟรีกินฟรีค่ะ!
ในส่วนของบ้านนั้น เราจะพักกันแบบแยกชายหญิงค่ะ อยู่บ้าน Staffกันคนละหลังเลยค่ะ
ซึ่งบ้านที่เราอยู่นั้นก็ตั้งกันอยู่กลางป่ากลางเขากันแบบนี้แหละค่ะ ช่วงที่เราไปแรกๆอากาศค่อนข้างหนาวในตอนกลางคืนค่ะ แต่พอกลางวันมีแดดคือร้อนแดดมากจริงๆ
ในบ้านไม่ว่าจะชายหรือหญิงสิ่งที่มีเหมือนกันคือ ห้องอาบน้ำ1ห้องและห้องน้ำ1ห้อง และใช่ค่ะ ชะนีมีเป็นสิบกว่าชีวิตในบ้าน พออ่านถึงตรงนี้จะรู้สึกว่า อ้าว ละทำไง ก็คือทำอะไรไม่ได้ค้า55555 ในช่วงแรกนั้นทุกคนOrientation เลยเลิกพร้อมกัน ก็มีความวอแวในการแย่งห้องน้ำสูงมากกก และความผู้หญิงก็ใช้เวลากันเยอะ รอต่อคิวกันไปค่ะ
แต่พอหลังจากนั้นเราก็มีการจัดคิวอาบน้ำกัน แต่คือฝรั่งไม่ได้อาบน้ำกันบ่อยคือวันละครั้งกันทุกคน ไม่ก็ไม่อาบมันเลยก็มีค่ะ ในตัวบ้านนั้นก็จะมีโซนที่เหมือนเป็นห้องนั่งเล่น ตรงนี้ก็จะเป็นที่ที่มาเม้ามอย ดูหนัง หรือเล่นเกมกันค่ะ ก็เรียกได้ว่าสนุกสนาน และไม่เคยเหงาเลย เพราะทุกครั้งกลับบ้านก็จะเจอเพื่อนๆมานั่งกันอยู่ตรงนี้ทุกวัน
พอพูดถึงอาหารนั้นก็คืออาหารค่าย สิ่งที่เรากินก็คือเหมือนกับสิ่งที่เด็กมาเข้าค่ายต้องกินค่ะ คือสำหรับเรามันไม่ได้แย่นะ แต่ด้วยความที่เป็นอาหารเมกันมั้ง maxican มั้ง กินบ่อยๆนี่เริ่มเบื่อค่ะ เอียนขนมปังกับชีสมากๆ และคนที่นี้ชอบกินเนื้อค่ะ ซึ่งเราไม่กินเนื้อก็ค่อนข้างเป็นปัญหาชีวิตอยู่
ซึ่งหลังจากผ่านไปประมาณ2เดือนทางทีมThailandก็ไม่ไหวแล้ว คือเบื่ออาหารค่ายมาก เอียนอาหารเมกันสุดชีวิต ก็ต้องขอขอบคุณผงต่างๆของไทย ก็เลยทำกินกันเองเลยค้า ซึ่งปกตินั้นในบ้านจะไม่สามารถทำอาหารได้นะคะ แต่อันนี้พวกเราทำครัวและพอหลังเลิกงานเลยทำกินกันเองเลย
Sunday Sundae: ทุกวันอาทิตย์ของที่ค่าย ตอนประมาณ2-3ทุ่ม หลังจากที่เด็กมีCampfireกันเสร็จแล้ว Staffทุกคนก็จะมานั่งกันที่ห้องอาหาร พูดคุย และกินไอติมฟรีจากห้องครัว เพิ่มความอ้วนกันไปค่ะ55555