ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียง 7/10/2560 - มารู้จักวง "จานบิน" กัน

กระทู้คำถาม


สวัสดีครับอมยิ้ม17 สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันเสาร์ เป็นคิวของ MC แอ๊ด (WANG JIE) เข้าประจำการครับ อมยิ้ม36

วันนี้ พาพวกเรามาทำความรู้จักกับ วงดนตรีเฮฟวี่(ฮาร์ท)ร็อกดังวงหนึ่ง ดังมานานแต่อดีต ปัจจุบันก็ยังมีวงนี้อยู่ วง "จานบิน" UFO


การเริ่มต้นก่อตั้ง (1969-1972)
ฟีล มอค นักร้องนำ, มิก โบลตัน มือกีตาร์,พีท เวย์ มือเบสเวย์ และแอนดี้ ปาร์กเกอร์ มือกลอง ได้ก่อตั้งวงดนตรีขึ้นในเดือนสิงหาคม 2512 ชื่อเดิมคือ โฮคัส โพคัส (Hocus Pocus) แล้วเปลี่ยนชื่อในเดือนตุลาคมปี 1969 เป็น UFO เพื่อเป็นเกียรติแก่สโมสรลอนดอน ซึ่งเป็นที่ๆพวกเขาได้รับการทาบทามจาก โนเอล มัวร์ (Noel Moore) ผู้เซ็นสัญญากับค่าย Beacon Records นำโดย "แอนตี้กวน" มิลตันซามูเอล อัลบั้มแรกของพวกเขาที่ชื่อ Eponymously ออกมาในปี 1970 และเป็นแบบอย่างทั่วไปของฮาร์ดร็อคยุคแรก ๆ รวมทั้งเพลงคลาสสิก "C'mon Everybody" ของ Eddie Cochran ตามมาด้วย UFO 2: Flying ประสบความสำเร็จในญี่ปุ่น (โดยเฉพาะเพลง "C'mon Everybody" ที่นั่นฮิตกันมาก) และในเยอรมนี (เพลง "Boogie For George" จากอัลบั้มแรก ติดอันดับที่ 30 ในซิงเกิ้ลชาร์ตของเยอรมันและ "Prince Kajuku" จากอัลบั้ม Flying ติดอันดับที่ 26) แต่กลับไม่โด่งดังในอังกฤษและอเมริกา ดังนั้นความพยายามครั้งที่สามของพวกเขาส่วนหนึ่งของการทำงานในช่วงต้นของ UFO จึงได้รับอิทธิพลอย่างมากจาก Space Rock (อัลบั้มที่สองของพวกเขารวมถึงแทร็คความยาว 26 และ 19 นาทีในเพลง "Star Storm" ได้ขนานนามว่า One Hour Space Rock) ได้รับความนิยมถูกที่ถูกเวลา แต่ทางวงก็ตระหนักดีว่าพวกเขามีสไตล์ค่อนข้างจำกัด, เดือนมกราคม 1972 มิก โบลตัน ออกจากวงไป และ UFO จำต้องหานักกีตาร์ผู้ที่จะให้วงมีเสียงดนตรีร็อกเป็นมาตรฐานมากขึ้น

ความสำเร็จในประเทศต่างๆ (1973-1978)

หลังจากการทดลองใช้เวลาสั้น ๆ กับ Larry Wallis (กุมภาพันธ์ - ตุลาคม 1972) และ Bernie Marsden (เขาได้ออกทัวร์คอนเสิร์ตกับ UFO ในยุโรปและได้บันทึกเดโมของเพลง "Oh My" และ "Sixteen") วงดนตรีได้เลือก Michael Schenker จาก Scorpions มาเป็นมือกีตาร์ในเดือนมิถุนายน 1973 เช็งเกอร์อายุแค่ 18 ปี แต่เป็นนักกีตาร์ที่คนยอมรับนับถือกันมานานแล้ว วง UFO ได้สังกัดใหม่คือ Chrysalis Records, เพลงวง UFO ที่อัดใหม่ไม่ใช่แผ่นซิงเกิ้ล LP ในปี 1973 และเพลง "Give Your Gun", "Sweet Little Thing" มี Derek Lawrence เป็นโปรดิวเซอร์ในปี 1974 และมีโปรดิวเซอร์คนใหม่คือ ลีโอ ลียง (ก่อนหน้าสิบปีหลัง)  UFO บันทึกเสียงโดยเน้นเสียงกีตาร์ที่หนักแน่นขึ้น ในอัลบั้ม "ปรากฏการณ์" (Phenomenon) มีเพลงฮิตซึ่งแฟนๆหลายคนชอบ เช่น

"DOCTOR DOCTOR" (เพลงนี้ต่อมาถูกตัดมาทำเป็นซิงเกิ้ลอย่างเดียว)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
และ "ROCK BOTTOM" (ซึ่งถูกขยายออกไปเพื่อให้ Schenker เล่นโชว์)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ในช่วงเวลาของการทัวร์คอนเสิร์ตอัลบั้ม "ปรากฏการณ์" อดีตนักกีตาร์คือ Paul Chapman จากวง Skid Row ได้เข้าร่วมวง แต่เขาก็ออกจากวงไปตั้งวงใหม่ชื่อ Lone Star ในเดือนมกราคม 1975

สองอัลบั้มหลังจากนั้นคือ FORCE IT (กรกฏาคม 1975) และ NO HEAVY PETTING (พฤษภาคม 1796 อัลบั้มชุดสุดท้ายที่แต่งเนื้อร้อง ทำนอง และบันทึกโดยมือคีย์บอร์ด Danny Peyronel) การทัวร์คอนเสิร์ตทำให้ UFO มีโอกาสแสดงต่อหน้าผู้ชมชาวอเมริกันและชาวสหราชอาณาจักร มีแฟนเพลงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพลง "Belladonna" จากอัลบั้ม No Heavy Petting เป็นที่นิยมอย่างมากในสหภาพโซเวียต หลังจากได้ COVER เวอร์ชั่นของ Alexander Barykin

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ในเดือนกรกฎาคมปี 1976 UFO ได้เลือกมือคีย์บอร์ดและมือกีตาร์ริธึ่ม Paul Raymond จาก Savoy Brown เพื่อออกอัลบั้มใหม่ LIGHTS OUT ในปี 1977 อัลบั้มนี้เป็นสุดยอดอัลบั้มที่บันทึกเสียงในสตูดิโอของ UFO มีเพลงเช่น

"Too Hot to Handle"

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
"Lights Out"

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
"Love to Love"

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
อัลบั้มนี้ได้รับการตอบรับอย่างถล่มทลาย และทางวงก็กลับเข้าไปในสตูดิโอเพื่อบันทึกอัลบั้ม "ความหลงใหล" (OBSESSION) ในปี 1978 หลังจากปีนั้น ทางวงก็ได้เดินทางไปทัวร์อเมริกาและได้บันทึกอัลบั้มแสดงสด Strangers In The Night ซึ่งออกวางแผงในเดือนมกราคม 1979 อัลบั้ม Strangers In The Night นับเป็นความสำเร็จที่สำคัญ มันฮิตมากและขายดีด้วย จึงประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ โดยได้รับความสำเร็จเป็นอันดับ 8 ในชาร์ตอัลบั้มเพลงยอดนิยมแห่งสหราชอาณาจักร ในเดือนกุมภาพันธ์ 1979

ยุคเช็งเกอร์ ก่อนล่มสลาย

เริ่มมีความตึงเครียด ระหว่าง Mogg และ Schenker ในช่วงปลายทศวรรษ 1970 บางทีอาจจะมาจากการที่เช็งเกอร์มักจะหลบออกไปก่อนหรือระหว่างการแสดงไปดื้อๆ ไม่นานหลังจากการแสดงของยูเอฟโอในพาโลอัลโตรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 1978 เช็งเกอร์ก็ออกจากวง เขาได้กลับเข้าวง Scorpions ก่อนที่จะตั้ง Michael Schenker Group ของเขาเอง

หลังจากเช็งเกอร์ออกไป UFO ได้ว่าจ้าง Paul "Tonka" Chapman เข้ามาใหม่ในตำแหน่งมือในกีต้าร์ ซึ่งไม่ได้ใช้สิ่งที่มือกลองของ Lone Star Dixie Lee คิดแต่งไว้ ไม่นานหลังจากที่พวกเขาออกแผ่นเสียงชุดต่อไปคือ NO PLACE TO RUN ในเดือนมกราคม 1980 โดยมี จอร์จ มาร์ติน อดีตโปรดิวเซอร์ของวง 4 เต่าทองเป็นโปรดิวเซอร์ แต่อัลบั้ม NO PLACE TO RUN ไม่ประสบความความสำเร็จเทียบเท่าชุดก่อนๆได้ แม้ว่าจะพลาดจากอันดับท็อปเท็นในสหราชอาณาจักรอย่างหวุดหวิด พอล เรย์มอนด์ ออกจากวง ในตอนท้ายของช่วงทัวร์คอนเสิร์ต No Place To Run และถูกแทนที่ด้วย John Sloman จากวง Uriah Heep เป็นเวลาสองถึงสามเดือนแล้วก็ถูกแทนที่อีกโดย "ไอ้ม้าป่า" Neil Carter อดีตมือกีต้าร์และมือคีย์บอร์ด ผู้มาช่วยเติมเต็มช่องว่างในการแต่งเพลง แทนการจากไปของเช็งเกอร์ คาร์เตอร์เปิดตัวกับ UFO บนเวที ในงาน 3-day Reading Festival เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 1980 เมื่อวงดนตรีได้เล่นก็ได้ถูกพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์เมื่อคืนวันเสาร์ ในช่วงต้นปีถัดมา UFO ได้ออกอัลบั้ม The Wild,the Willing and the Innocent ซึ่งมีเสียงเพลงออกสไตล์ ป๊อปร็อค เล็กน้อย ซึ่งเป็นที่นิยมในเวลานั้น อัลบั้มประสบความสำเร็จน้อยมากในสหราชอาณาจักร ติดแค่ 1 ใน 20 อันดับเพลงฮิตในสหราชอาณาจักร แล้วก็ออกซิงเกิ้ล "Lonely Heart"

เดือนกุมภาพันธ์ 1982 วงออกอัลบั้ม Mechanix มันประสบความสำเร็จอย่างมากในสหราชอาณาจักร ขึ้นถึงอันดับที่ 8 ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดของวงที่เคถูกจัดอันดับมา หลังจากปีนั้น สมาชิกผู้ก่อตั้งวงคือ Pete Way ได้ออกจากวง ไปตั้งวงใหม่ชื่อ Fastway กับ Eddie Clarke มือกีตาร์ฉาสยา ไอ้หัวมอเตอร์ "เร็วโคดๆ" กับวง Waysted ของเขาเอง เขาถูกแทนที่ด้วยมือเบส Talas, Billy Sheehan, วง UFO ทำสัญญาใหม่ในปี 1983 แต่อัลบั้มใหม่ออกประสบความล้มเหลวครั้งสำคัญ เจ๊งไม่เป็นท่า ดังนั้นในเดือนมีนาคม วง UFO ตัดสินใจสลายวง ทางวงได้เล่นทัวร์คอนเสิร์ตอำลาในอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ก็มีการบอกเป็นนัยๆ ว่า มันอาจจะไม่เป็นการถาวร เมื่อ UFO เปิดตัวอัลบั้มซึ่งรวบรวมเนื้อเรื่องของวง UFO (รวมทั้งวงอื่น ๆ ที่มีอดีตสมาชิกของ UFO) ซึ่งมีชื่อว่า Headstone อันมีสัญลักษณ์ต่างๆที่หมายถึง UFO ด้วย แต่อัลบั้มก็เสร็จโดยไม่สมบูรณ์

แล้วเรื่องนี้ก็ได้รับการพิสูจน์ในช่วงสั้นๆแค่สองปีหลังจากนั้น ปลายปี 1984 Mogg ได้รวบรวมสมาชิกวง UFO ใหม่ขึ้นมา ประกอบด้วย พอล เกรย์ เป็นมือเบสอีกครั้ง อดีตมือกลอง Diamond Head ของ Robbie France (ซึ่งถูกแทนที่ในปี 1985 โดยมือกลอง "Magnum" จิม ซิมสัน) และ อะตอม ทอมมี่ เอ็ม (ทอมมี แม็คเคลนดอน) อดีตครูที่เขียนบทเพลงสำหรับ Loudness กีตาร์กับ พอล เรย์มอนด์ เข้าร่วมวงด้วย ไม่นานหลังจากนั้นก็ออกอัลบั้ม "ความผิดทางอาญา" (MISDEMEANOR) ตามมาด้วย EP Ain't Misbehavin ในปี 1988 แม้จะมีกิจกรรมใหม่ของวง การออกอัลบั้มใหม่ก็ประสบความสำเร็จ ขายดี แต่ทว่าพวกเขาก็ต้องยุบวงอีกครั้งในปี 1989 หลังจากเปลี่ยนมือกีตาร์คือ Myke Grey ของ วง Jagged Edge มาแทนแม็ค เคลนดอน ในปลายปี 1987, ในปี 1988 อดีตมือกีตาร์วง Legs Diamond คือ Rik Sanford และ Tony Glidewell มาร่วมวงในขณะที่ Pete Way กลับมาร่วมเล่นเบส และในที่สุด ปี 1989 ในมือกีต้าร์ผู้มีอนาคตของวง Cold Sweat คือ Erik Gamans มาร่วม ก่อนยุบวงไปอีกครั้ง และมีการ "คืนสู่เหย้า" กลับมารวมผองเพื่อนอีกทีในช่วงปี 1991-2003)

เครดิต : ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย ภาษาอังกฤษ https://en.wikipedia.org/wiki/UFO_(band)MC แปลเองครับ
รวมทั้ง ภาพประกอบจาก กูเกิ้ล

พบกันวันพรุ่งนี้ อีก 1 วันครับ อมยิ้ม04หัวใจดอกไม้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่