ขอพูดในมุมมองเจ้าของสวนผลไม้หน่อยครับ

คือคุณพ่อผมแกเกษียณอายุราชการเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ก็เลยมาทำสวนผลไม้อย่างจริงๆจัง (ก่อนหน้านั้นให้เขาเช่าที่ทำการเกษตรฯ) คือไม่อยากว่าง โดยปลูกฝรั่งกิมจู 30 ไร่ จ้างคนงาน 2 คนเพื่อดูแล
เพิ่งขายผลิตเมื่อซัก 3 ปี ที่ผ่านมา ทั้งขายเองหน้าสวน และมีแม่ค้ามารับซื้อ

ในช่วง 1 - 2 ปีแรกที่ผลผลิตออกมา ไม่เคยใช้ยา ใส่แต่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกเพราะราคาถูก กลับพบว่าขายไม่ได้ ขายไม่ดี โดนแม่ค้ากดราคา ขนาดลดราคาก็ขายไม่ค่อยได้ เพราะลูกเล็กกว่าสวนอื่น ผิวไม่สวย เนื่องจากไม่ได้ใช้ยาใดๆ ก็เลยเหลือทิ้ง (บริเวณดังกล่าวปลูกฝรั่งกันตลอดแนว)
ผมก็ทานเป็นประจำพบว่ามันไม่หวาน ผิวไม่สวย แต่กรอบใช้ได้ ได้กินทุกปี
ก็เลยไปปรึกษาแม่ของพื่อนๆผมที่อยู่จังหวัดสุพรรณฯ (คือผมทำสวนฝรั่งตามเพื่อนคนนี้ เนื่องจากไปนอนที่บ้าน แล้วพบ่วาขายดี มีคนมารับซื้อถึงสวน)
ก็เลยไปขอสูตรการบำรุงรังษาจากแม่ของเพื่อน
และเอามาทำตาม
พบว่า
1.ต้องใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ย 25-7-7 หลังจากนั้นอีก 10-15 วัน ใส่ 16-16-16
2.พ่นแคลเซียม-โบรอนเพื่อช่วยเรื่องเพิ่มความสมบูรณ์ของดอก
3.ช่วงใกล้เก็บเกี่ยวใส่ปุ๋ยน้ำตาล
4. ต้องใช้สารเคมีฉีดผลก่อนห่อผล (ไวท์ออยด์) + (สารมาลาไธออน)
5.พ่นสารเคมีกำจัดโรค-แมลง จะพ่นหนักหน่อยในช่วงก่อนห่อผล  แต่หลังห่อผลแล้วก็จะพ่น ไม่ถี่ (คลอร์ไพรีฟอส ไซเปอร์เมทริน เมโทมิล สารกำจัดเชื้อราก็ใช้แมนโคเซ็บ คาร์เบนดาซิม)
6.ใส่ไบโอฟีด ซึ่งจะทำให้ฝรั่งผิวสวย
ฯลฯ
จนทำตามวิธีดังกล่าวพบว่าปีนี้ ฝรั่งสวนผมขายดิบขายดี อร่อย หวาน ลูกใหญ่ กรอบ
ขายจนขายไม่ทัน (ได้กำไรจนหลุดทุนทำสวนเลย)
นี้แหละครับวิถีชาวสวน ลูกไม่ใหญ่ ผิวไม่สวย ขายไม่ออก ราคาตก
ช่วงเดือนก่อนผมกลับบ้านจะเอาฝรั่งมาแจกจ่ายที่ทำงาน
พ่อบอกว่าอย่ากินเลย
ยาเยอะ
อดกิน
โชคดีชาวไทย
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 49
ตรงข้ามกับบ้านเราเลยคะ พ่อเราลาออกมาทำสวนเหมือนกัน แต่ของเราเนื้อที่ไม่มากเท่าคุณ จขกท.
เรามีที่ 10 กว่าไร่ แบ่งขุดทำบ่อน้ำ ส่วนนึงปลูกข้าวไว้ทาน ทำที่อยู่อาศัย ที่เหลือก็ทำสวน
ในสวนหลักๆคือฝรั่ง รองลงมาคือกล้วย มะพร้าว กระท้อน มะขามเปรี้ยวฝักโต มะม่วง
และที่ปลูกไม่ได้หวังผลอีกหลายอย่างเช่น ลิ้นจี่ ม่อน มะเฟือง ละมุด มะกอก ฯล
หน้าบ้านมีผักสวนครัวต่างที่ปลูกเอาไว้ทาน และกิ่งพันธ์ไม้ที่ตอนไว้ขาย
ทั้งหมดนี้ ไม่ใช้เคมีเลยคะเพราะสวนนี้ทำกันแค่ 2 คน พ่อกับแม่ และแม่เราแพ้ยามากๆ

แรกๆผลผลิตไม่ค่อยดีคะ ตามที่คุณว่าเลย ผลเล็กไม่หวานจัด ถึงจะกรอบฟู แต่ก็ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่
ผลไม้อย่างอื่นก็เช่นกันคะ ผิวไม่สวย ไม่น่าทาน โรคเยอะ แรกๆก็ขายยาก แต่พ่อเราเค้าก็ทนนะค่ะ
จนวันนึงมันก็ติดตลาด เพราะคำว่าปลอดสารพิษ ช่วง 5 ปีหลังมานี่ขายดีมากๆ เพราะปลอดภัยและราคาไม่แพง

ทุกวันนี้พ่อเราเปิดสวนเป็นศูนย์การเรียนรู้ของชุมชน ให้ชาวบ้านที่สนใจเข้ามาศึกษาดูงานว่าไร่นาสวนผสมมันทำได้จริง
ถึงไม่รวยแต่ก็ยั่งยืนและปลอดภัยกับชีวิต ทุกอย่างในสวนสามารถหมุนเวียนเอามาขายได้ตลอดทั้งปี ไม่ต้องง้อราคาตลาด
ช่วงไหนผลผลิตล้นตลาดก็แปรรูปออกมาขาย เช่น กล้วยฉาบ กล้วยตาก กระท้อนแช่อิ่ม มะขามแช่อิ่ม ฯล

สวนปลอดสารพิษมันทำได้นะคะแต่มันเหนื่อย บางทีขายได้ไม่คุ้มค่าเหนื่อย แต่พ่อเราว่าพ่อเอาเวลาว่างมาทำ
ถ้าไม่ทำสวนพ่อก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี เพราะงั้นความเหนื่อยมันเลยไม่ใช่ต้นทุน เอาที่สบายใจเลย 5555

อุปกรณ์รดน้ำ แม่เรา + คุถัง ที่บ้านไม่มีสปริงเกอร์คะ แม่ว่าทำเองจะได้ออกกำลังกายด้วย


ปิดท้าย มุมพักผ่อนของครอบครัว เหนื่อยจากสวนได้นอนรับลมเย็นๆใต้ร่มลำใย แค่นี้ก็มีความสุขแล้วคะ
ความคิดเห็นที่ 6
ผู้บริโภคลองหันมากินผลไม้แบบไม่สวยกันดูไหมครับ มีหนอนนิดนึง ผิวดำนิดหน่อย ถ้าเป็นความต้องการของตลาด ชาวสวนผลไม้เขาจะไม่ใช้สารเคมีแน่นอน เพราะมันเป็นต้นทุน
ความคิดเห็นที่ 7
เห็นใจเกษตรกรค่ะ  สมัยก่อนที่บ้านทำสวนผัก พ่นทั้งยา ซื้อทั้งปุ๋ย พอไม่ได้กำไร เลยเลิกทำ. หันมาทำสวนผสมแทน ปลูกเกือบทุกอย่างในสวน ทั้งผัก ผลไม้ กล้วย ไม้ยืนต้น ฯลฯ ของที่ชาวบ้านนิยมกินกัน  เลี้ยงไก่ไปด้วย  ไม่ใช้สารเคมี เก็บผลผลิตได้ตลอดปี ขายในตัวอำเภอ พบว่า เรามาถูกทางแล้ว มีลูกค้ามาซื้อถึงสวนเรื่อยๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่