รีโนเวทตึกเก่าให้เป้นร้านอาหาร งบประมาณจำกัดจำเขี่ย

กระทู้สนทนา

ขอเกริ่นนิดนึงนะครับ ผมเองไม่ได้จบทางด้านก่อสร้าง หรือ ทางออกแบบนะครับ ตัวผมเองจบบริหารธุรกิจการตลาด แต่มีความชอบในเรื่องตกแต่งบ้าน และ ทำงานด้านประตูและหน้าต่างมานาน ถ้ามีอะไรผิดพลาดสามารถแนะนำได้เลยนะครับ ขอสุภาพๆนะครับเป็นคนจิตใจหวั่นไหวง่าย

มันเริ่มต้นมาจากที่ว่าปีที่แล้วผมได้ไปเริ่มทำร้านอาหร แต่เป็นการไปเซ้งร้านเค้าต่อ แต่ทางเจ้าของที่มีความจำเป็นจะขอใช้พื้นที่ผมจึงต้องคืนพื้นที่ไป และทำให้ผมต้องเริ่มมองหาร้านใหม่ กอรปกับตึกผมผู้เช่าเค้าย้ายออกพอดี ผมจึงมีความคิดว่าทำใส่ตึกตัวเองก็ดี ทำทีเดียวไม่ต้องย้ายไปไหนอีก ก็เลยได้เริ่มสำรวจตึกและออกแบบ

สภาพตึกครับ

สภาพภายใน

เนื่องจากตึกมีสภาพค่อนข้างเก่าและ โทรมมาก แต่มีข้อดีคือเป็นทรงค่อนข้างจะคลาสสิค ผมจึงมีแนวความคิดที่จะตกแต่งร้านไปในแนวคลาสสิค พอดีตอนนี้เบื่อแบบโมเดริน์ค่อนข้างมากเห็นบ่อย และ ดูนานๆมันน่าเบื่อคับ (ความชอบส่วนตัว อาจจะเกิดมากจากอายุเริ่มเยอะ )

หลังจากที่คิดหลายตลบอยู่หลายวัน ก็พอสรุปแบบ และวางผังได้ ปัญหาแรกที่ต้องแก้เลยคือ มันทึบ ผมไม่ค่อยชอบห้องอะไรที่ค่อนข้างทึบ มืดๆอยู่และ และ ตึกนี้โชคดีที่เป็นห้องหัวมุม ผมจึงเริ่มด้วยกการทุบก่อนเลยครับ เปิดข้างออกซะ ตามรูป

ผมไม่ได้เก็บรูปไว้ทุกตอนนะครับ มันอาจจะดูข้ามๆขั้นตอนบางอย่างไปบ้าง อย่างในรูปนี้มีการทาสีข้างตึกไปแล้วคับ

งานนี้เนื่องจากงบประมาณมีจำกัด ผมได้พยายามเอาของเก่ามาใช้ อย่างหน้าต่างทุกช่องนี้ได้จากของที่เป็นของเสีย ผิดขนาด ที่ลูกค้าไม่เอา เอามาใช้งานให้ได้ลงตัวที่สุด

หลังจากทุบและใส่หน้าต่างเสร็จก็มาเริ่มงานภายในกันต่อคับ

เริ่มกันโครง 2 ชั้น เพื่อความสวยงาม และ กันเสียงไปรบกวนข้างบ้านด้วยครับ

ส่วนระเบียงจากเเต่เดิมเป็นลูกกรงปูน ผมทุบมันออกเพื่อที่จะทำเป็นที่นั่ง

เริ่มลงมือทำ เคราเตอร์

อีกทีมก็เริ่มทำงานฝ้า

อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่อง lighting

จัดไปโคมไฟนี่ก็ของเก่าเก็บครับ ไปเดินงานเจอเค้าลดราคาก็ซื้อมาเก็บไว้ ราคาถูกแสนถูกครับ

ปํญญาของงานตึกแถวคือสายไฟครับ มันค่อนข้างจะอยู่ด้านหน้าเลย ทำให้ดูไม่สวยงามผมจึงจัดไป ใช้แผ่นสมาร์ทบอร์ดตีโครง ซ่อนสายไฟมันซะ

และใช้ประโยชน์จากการต่อกล่องตรงนีทำเป็นป้ายหน้าร้านเลย

จากนั้นเอาประตูม้วนออก ใส่เป็นประตูบานเปิดคู่พร้อมช่องแสงข้างเข้าไป เพื่อจำกัดการเข้าของลูกค้าไปทางด้านข้าง และ ให้สามารถวางโต๊ะอีกฝั่งได้อย่างเต็มที่

หน้าต่างโล่งๆ มันไม่ค่อยเข้ากับแบบคลาสสิคคับ จัดแจงใส่ลูกฟัก ถ้าคนสมัยเก่าเรียกบันไดลิง บรรจงติดเข้าไปครับ

พอติดเสร็จหน้าตาก็ไปไปตามที่คิดเลยครับ

ผู้ดีขึ้นเยอะเลยครับ

ถึงตอนนี้ภายในก็เริ่มพอเป็นรูปเป็นร่างละครับ

เเละเพื่อเพิ่มบรรยากาศ และความเรียบร้อยโดยรวม ข้างหน้าก็ต้องติดกระเบื้องสักหน่อย กระเบื้องตรมละ 190 บาท จากโฮมโปร นี่มันช่างเข้าเสียจิง

หลังจากนั้นก็เริ่มทำสีเฟอร์ภายใน และตามด้วยการติดตั้งพื้นลามิเนต PANTHERA

อันนี้ทางตัวผมค่อนข้างทราบถึงข้อจำกัดของวัสดุดี พื้นลามิเนตนั้นไม่ค่อยจะทนน้ำ แต่ทางผมเคยได้ใช้ใน office ซึ่งผมเองใช้แบบสมบุกสมบัน ถูพื้นทุกวัน มันก็ยังไม่เคยเกิดปัญหาอะไร ใส่รองเท้าเอามาที่ office นะครับ (ใช้มา 6 ปีแล้วครับ) จึงค่อนข้างมั่นใจกับยี่ห้อนี้คับ (ปล.เป็นตัวแทนขายเค้าด้วยครับ ขอซื้อราคาพิเศษมาด้วยอ่ะ) สนใจสามารถติดต่อได้นะครับ อิอิ

และผมก็เริ่มติดหิน และ ติดกระเบื้องที่เคราเตอร์

งานนี้งานเล็กๆ ช่างเค้าไม่ค่อยอยากจะเข้ามาทำให้ครับ สุดท้ายลงมือเองหมดเลยครับ ลูกน้องก็ไม่มีใครเคยทำ สรุปลงมือเอง ตัดเอง ติดเอง 1 วันเต็มๆ แต่ก็สนุกดีครับ ปกติชอบสะสมเครื่องมือช่างอยู่แล้ว เลยมีค่อนข้างครบ ทำงานเลยง่าย ^^

ได้ฤกษ์เร่ิมเอาต้นไม้ลง

ลงมือเองอีกแล้ว ตอนทำนี่พายุเข้า ฝนตกทั้งวันเลยครับ

ผมพยายามวางให้ชิดกับตัวตึกให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้ขวางทางคับ ยื่นออกมาประมาณ 38cm โชคดีที่ซอยนี้ค่อนข้างใหญ่ และเพื่อไม่ให้มีปัญหากับคนข้างใน ผมก็ได้ไปขออนุญาติ และ คุยกับคนที่อยู่ในซอย แล้วก็เห็นว่าไม่ได้เป็นการกีดขวางอะไร เรามาทีหลังก็ต้องนอบน้อมต่อผู้อยู่ก่อน

ชั้นลอยผมได้ใช้ระเเนง และต้นไม้ บังสายตา เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว และ ดูสวยงาม

จากวันเเรกที่เริ่มทำ จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบ 8 เดือน เป็นการทำที่นานมาก เพราะ จะมาทำกันแค่วันอาทิตย์ซะเป็นส่วนใหญ่ วันธรรมดาก้ทำงานประจำ จนถึงตอนนี้ก็เกือบจะเสร็จละครับ อันนี้ผมยังไมไ่ด เอ่ยถึงเรื่องปรับปรุงห้องครัว และ ห้องน้ำอีกนะครับ ผมขอติดไว้ก่อน