คิดอยู่นานว่าจะแชร์ประสบการณ์นี้ดีมั๊ย แต่พอดีวันนี้เสร็จงานเร็วแต่ยังกลับไม่ได้เพราะต้องนั่งรองานจากเพื่อนร่วมงานที่จะเสร็จช้านิดหน่อย เลยฆ่าเวลาที่
เหลือด้วยการพยายามเรียบเรียงประสบการณ์และแชร์ให้ทุกคนในพันทิปได้อ่าน
จขกทเกิดที่ต่างจังหวัดไม่ไกลจากกทม จบตรีสาขาบริหารธุรกิจ และโท Leadership and Management in internal context ที่สวีเดนค่ะ
ตอนนี้ย้ายมาอยู่สวีเดนได้ 3 ปี แต่ว่าทำงานที่เดนมาร์กได้ เกือบ 2 ปีแล้วค่ะ ที่ย้ายมาอยู่นี่เพราะว่าจขกทมีแฟนเป็นคนสวีดิช เราเจอกันตอนที่แฟนจขกทไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ไทย ตอนนั้นจขกทเพิ่งเรียนจบตรีใหม่ๆ เราคบกันก่อนที่แฟนจะต้องกลับสวีเดนไม่นาน จากนั้นก็ได้เจอกันปีละครั้ง หลังจากทำงานได้ 2 ปีแล้วรู้สึกมันไม่ใช่ ทั้งความสนุกของงานและวัฒนธรรมองกรค์ เลยคิดว่าอยากกลับไปเรียนต่อ แล้วมองหางานที่ใช่สำหรับตัวเองต่อไป พอดีช่วงนั้นเพื่อนโทรมาชวนให้สมัครไปเรียนที่สวีเดนด้วยกัน เพราะว่ามันเป็นปีสุดท้ายที่นักศึกษานอก EU ไม่ต้องจ่ายค่าเรียน เลยคิดว่าเอาวะ เปิดโอกาสให้ตัวเองค้นหาตัวเองต่อไป แล้วก็จะได้เจอแฟนบ่อยขึ้นด้วย ถือโอกาสดูลาดเลาไปด้วย ถ้าเราต้องย้ายไปที่นั่นแล้วเราจะอยู่ได้มั๊ย เพราะเวลาพูดถึงสวีเดน ในภาพมันมีแต่ความหนาวเหมือน Game of throne………….
ตอนเรียน จขกทอยู่คนละเมืองกับแฟนนะคะ แต่ก็เจอกันเกือบทุกสุดสัปดาห์ หลังเรียนจบ แฟนชวนให้อยู่ต่อ ย้ายไปอยู่กับเค้า แต่จขกทก็บินกลับ เพราะคิดว่ายังเด็กเกินไปจะใช้ชีวิตคู่ (ตอนนั้นอายุ 26) แล้วการที่จะหางานในประเทศที่ใช้ภาษาสวีดิชมันดูไม่ง่ายสำหรับเรา เพราะช่วงที่เรียนก็ลองหางานไปด้วย แต่มันไม่มีที่ใหนเรียกไปสัมพาษณ์
กลับมาไทย ทำงานบริษัทของสัญชาติเดนมาร์กอยู่ 3 ปีค่ะ ก่อนย้ายมาอยู่กับแฟน ต้องขอเล่าเรื่องงานที่นี่หน่อย เพราะว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดี และคิดว่ามันเป็นใบเบิกทางให้จขกทได้งานที่เดนมาร์ก ตอนหางานที่ไทยตั้งใจไว้เลยว่าจะไม่ทำงานในกทม เพราะมันเหนื่อยรถติด ต้องตื่นเช้า ไม่ถูกจริตเด็กอนามัยที่ต้องนอน 8 ชม แล้วจขกทก็ได้งานที่โรงงานแห่งหนึ่ง ทำงานได้อาทิตย์เดียวน้ำท่วมเลยหยุดงานรับเงินเดือนฟรีๆ 1 เดือน ^^ งานที่จขกททำ ยังอยู่ในสายงานเดิมคือ supply chain แต่ว่าเป็นบริษัทที่มีความหลากหลายมากทำไปได้ไม่กี่เดือนก็ได้มีโอกาสได้ร่วม management trainee program ได้ย้ายแผนกทุกๆ 3-5 เดือน มันเลยสนุกมาก พอปีสุดท้าย งานมันย้ายไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมาย ไม่มี career path ที่ชัดเจน เลยตัดสินใจเดินไปคุยกับ MD เนื่องจากprogram นี้มันดูแลโดย MD แต่ว่าบริษัทก็เปลี่ยน MD ใหม่ช่วงระหว่างกลางโปรแกรม เราเลยคิดว่า MD คนใหม่เค้าอาจจะไม่รุ้นะว่าเค้าต้องดูแลโปรแกรมนี้ เพราะหลังจากที่เราทำงานให้เค้าไปหลายโปรเจคแล้ว เค้าไม่เคยเอ่ยถึงโปรแกม Management trainee เลย หลังจากคุยได้ผลดีเกินคาดค่ะ เค้ายุติโปรแกรมทันที แล้วให้เหตุผลว่า ถ้าโปรแกรมที่บริษัททำอยู่มันไม่มีจุดประสงค์ที่ชัดเจนก็ต้องยกเลิกไป เพราะมันทำให้คนๆหนึ่งเสียเวลาไป 2 ปี
อ่าวแล้วดียังไง......
MD ก็ไปคุยกับ Director แผนกต่างๆถึงเหตุผลที่ยุติโครงการ และถามว่าแผนกใหนอยากรับเราเค้าไปร่วมงานบ้าง หลังจากนั้นเราก็ได้รับการติดต่อจากหลายๆแผนกที่เราได้มีโอกาสร่วมงานด้วยให้ไปร่วมงานกับเค้า เพราะเค้ามีตำแหน่งว่าง แต่เราเลือกกลับมาอยู่ แผนก supply chain เหมือนเดิม แล้วได้ทำงานอยู่ศูนย์กระจายสินค้า เพราะตำแหน่งนี้มันว่าง ทำได้ 1 ปีก็ลาออกเพราะมีปัจจัยหลายๆอย่าง แต่ที่สำคัญที่สุดคือเราคิดว่าจะ 30แล้ว มันจะช้าเกินไปถ้าเราต้องเริ่มเรียนภาษาใหม่จากศูนย์
นอกเรื่องมานาน เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ
พอย้ายมาอยู่ที่นี่ก็เริ่มหางานอย่างจริงจัง ตอนนั้นพยายามหางานที่ไม่ต้องการคนพูดสวีดิชได้ ต้องบอกก่อนนะคะคนสวีเดนพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก เหมือนเจ้าของภาษา แต่เวลารับสมัครงานหลายบริษัทก็ยังต้องการคนที่พูดสวีดิชได้ ตอนมีบริษัท head hunter โทรมาเรียกไปสัมพาษณ์ดีใจมาก แล้วการสัมพาษณ์ก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่.....
หลังจากรอมา 3 อาทิตย์ก็คิดว่ามันไม่ใช่ละ มันเงียบผิดปกติ จขกทเลยโทรไปถาม สรุปลูกค้าต้องการให้รับมัครใหม่เนื่องจากต้องการคนพูดภาษาสวีดิชได้ ตอนนั้นเสียใจมาก แต่ก็เข้าใจว่าการทำงานในโรงงาน มันมีคนหลากหลายแล้วภาษาอังกฤษทุกคนก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน มันจำเป็นต้องใช้ภาษาสวีดิชประกอบด้วย อันนี้ถือว่าเป็นความผิดพลาดของทางบริษัทที่ไม่ได้ระบุความต้องการตรงนี้ไว้ ทำให้เราเสียเวลาและเสียความรู้สึก แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ได้เริ่มเรียนภาษา ทำให้เลิกฟุ้งซ่าน แต่หารู้ไม่ นรกจริงๆกำลังมาเยือน Winter is coming......
จขกทอยู่ทางตอนไต้ของสวีเดน ติดทะเลทำให้ฝนตกบ่อยมาก ทุกฤดูกาลเลยทีเดียว พอหน้าหนาวมาเยือน แถบที่อยู่อุณภูมิและความชื้นมันไม่ได้เหมาะสมให้หิมะตกได้ มันมาแต่ฝน และไม่มีแดด ทำให้ไม่ค่อยได้มีบรรยากาศโรแมนติคนั่งมองหิมะตกทางหน้าต่างบ่อยนัก ที่นี่เวลาฟ้าเทามันไม่ได้เทาเหมือนบ้านเราที่ฝนตกปรอยๆ แต่มันเทามากกว่า ประกอบกับอากาศหนาว ฝนตก ลมแรง ไม่อยากออกจากบ้าน เพื่อนก็ยังน้อย ทำให้เราหดหู่ได้ง่าย ช่วงที่เป็นใหม่ๆ ประกอบกับเราก็ไม่ตัวว่าเรากำลังหดหู่ เราคิดว่าเราเครียดเรื่องหางาน และเงินเก็บที่ร่อยหรอไปทุกวัน เวลาอยู่กับแฟนเราไม่ได้ช่วยเค้าจ่ายค่าเช่าและค่าอาหาร เราเลยคิดว่า ของใช้ส่วนตัวเราจะไม่ยุ่งกับเงินเค้า ช่วงนั้นเราไม่อยากตื่น ไม่อยากไปโรงเรียนเวลาไปเรียนเราจะห่อข้าวไปกิน เราก็ไปนั่งกินคนเดียวที่มุมแคบๆ เพราะไม่อยากคุยกับใคร เลิกเรียนก็รีบกลับบ้าน เวลาอยู่บ้านก็นั่เงล่นแต่อินเตอร์เนต หงุดหงิดง่าย แฟนเลยรู้สึกได้ว่าเรากำลังหดหู่ เลยชวนเราทำกิจกรรมมากขึ้น ทำให้ผ่านหน้าหนาวมาแบบไม่โหดร้ายกับจิตใจมากนัก ช่วงนี้ก็หางานตลอดนะคะ ส่งใบสมัครไปหลายที่มากๆ แต่ไม่มีที่ใหนเรียกเลยค่ะ
ก่อนหน้าหนาวกำลังหมด เราก็ได้งานที่ร้านอาการไทยค่ะ พอดีเจ้าของร้านกำลังจะขยายสาขา เลยได้มีโอกาสเข้าไปทำกับเค้าตั้งแต่ตกแต่งร้าน ติดตั้ง furniture จนเปิดร้าน ช่วงแรกสนุกมากเลยค่ะ ได้ทานอาหารไทยบ่อยๆ ไม่ฟุ้งซ่าน หาเงินได้แล้ว ช่วงนี้ไม่ได้หางานที่ใหนเลยนะคะ เพราะว่าทั้งเรียนภาษาและงานร้านอาหารมันใช้เวลาไปแทบจะหมด ซึ่งถือว่าไม่ดีเลยนะคะ คนที่กำลังหางานแบบเรา ต้องอัพเดทตำแหน่งงานตลอดเวลาค่ะ จะได้ไม่พลาดอะไรไป
แต่ทำไปได้ 7 เดือนก็มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน (ขอข้ามเรื่องปัญหานะคะ เพราะนอกเรื่งมาเยอะแล้ว) นั่งอยู่บ้านคนเดียวก็ร้องไห้ ทำไมเราจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ เลยรู้สึกว่ามันไม่ใช่ละ ต้องหางานใหม่ละ เราไม่สามารถอยู่ในสังคมแบบนี้ได้ตลอดไป เลยเริ่มหางานอีกครั้งตอนสิ้นเดือนพฤศจิกายน ตอนนั้นพยายามคุยกับเพื่อนร่วมงานจากที่เก่าทั้งที่ไทย และเดนมาร์ก จนได้คำแนะนำให้หางานบริษัทที่มีสาขา หรือโรงงานที่ไทย เพื่อดึงจุดแข็งด้านภาษาและวัฒนธรรมมาใช้
เราเลยเริ่มเบนเข็มมาหางานที่โคเพนเฮเกน เข้าเวปของบริษัทหนึ่งที่เพื่อนสมัยเรียนโท ทำงานอยู่ ทำให้เจอว่าเค้ากำลังหา supply planner ของ ศูนย์กระจายสินค้าเอเชีย ที่ตั้งอยู่ที่ไทย เหมาะเหม็งมาก แต่มันจะหมดเขตรับสมัครอีก 2 วัน เราเลยรีบกลับเตรียมเอกสารสมัครใหม่ หลังจากยื่นสมัครทางออนไลน์แล้ว เราก็โทรหาว่าที่เจ้านายเราทันทีค่ะ แสดงตัวให้เค้ารู้ว่าเราสนใจ แล้วเราเพิ่งสมัครไป เพิ่มโอกาสในการที่เค้าจะอ่านจดหมายสมัครงานเรามากขึ้น เพราะตอนที่เรายื่นสมัครไปมันใกล้จะปิดรับแล้ว กลัวเค้าไม่เห็น
หลังจากคุยจบไม่เกิน 30 นาทีเราก็ได้สายจากบริษัท head hunter ให้เข้าไปสัมพาษณ์ในวันถัดไปเลยค่ะ ตอนได้รับสายนี่ดีใจมาก น้ำตาแทบไหล สัมพาษณ์รอบแรกผ่านไปด้วยดี แนวทางการสัมภาษณ์งานก็เหมือนกับเวลาสัมภาษณ์งานบริษัทต่างชาติในไทยค่ะ
หลังจากนั้นภายในอาทิตย์เดียวกันก็ได้รับโทรศัพท์ว่าเราผ่านสัมภาษณ์รอบแรก ให้เราเข้าไปสัมภาษณ์งานอีกรอบกับว่าที่เจ้านายเราที่บริษัท แต่ก่อนไป เรามีข้อสอบที่ต้องทำมากมาย แต่ว่าช่วงนั้นเราซื้อตั๋วไปเที่ยวสเปนกับแฟนไว้แล้วเลยแบกคอมไปทำกับเราด้วย เป็นการทำข้อสอบสำหรับสมัครงานที่เยอะที่สุดในชีวิตเลยค่ะ มีทั้งยากง่ายปนกันไปหมด
หลังจากกลับมาจากเที่ยวก็ได้เข้าไปสัมพาษณ์งานรอบสอง รอบนี้ตื่นเต้นมาก จนคิดว่าตอบคำถามได้ไม่ดี แล้วก็คิดว่าคงไม่ได้งาน
หลังจากนั้นไม่เกิน อาทิตย์เราก็ได้รับโทรศัพท์ว่าเราผ่านสัมพาษณ์รอบสอง เย่ๆๆๆๆ ให้เราเข้าไปสัมพาษณ์รอบสุดท้ายกับ Vice president ของทีม ลืมบอกค่ะที่นี่ตำแหน่งสูงกันทุกคน เจ้านายเราตำแหน่ง Director ถ้าเทียบกับที่ไทยก็คง Manager ค่ะ
รอบนี้เราได้ฟังผลสอบ ผลประเมิน personality แล้วเราก็ได้งานค่ะ รวมๆแล้วตั้งแต่ส่งจดหมายสมัครงานจนเซ็นต์สัญญาเริ่มงาน ใช้เวลาไปทั้งหมดแค่ครึ่งเดือนเองค่ะ ถือว่าได้ของขวัญปีใหม่ล่วงหน้าที่ตัวเองถูกใจที่สุดในชีวิต เพราะจขกทเชื่อว่าหลายๆคนที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ ถ้าเลือกได้ทุกคนอยากมีงานทำ ไม่ได้อยากรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของใครค่ะ
ลืมบอก ทุกรอบเราใช้เวลาสัมภาษณ์ราวๆ 1.30-2.00 ช.ม.ค่ะ ออกมาจากห้องนี่หิวกันเลยทีเดียว เพราะต้องใช้สมองค่อนข้างเยอะ คิดตลอดเวลา
ส่วนตัวมองว่าทางตอนใต้ของสวีเดน เป็นที่ที่หางานค่อนข้างยากสำหรับต่างชาติ ถ้าคุณไม่ได้จบหรือมีประสบการ์ในสาขาที่ขาดแคลน เช่น สายงาน IT สายงานสุขภาพ เช่นแพทย์ พยาบาล หรือสายการศึกษา อย่างครู อย่างสายงานที่จขกทหาส่วนมากก็ต้องการคนที่พูดสวีดิชได้ ยกเว้นจะไปหางานที่สต๊อกโฮล์ม ที่นั่นก็จะมีความหลากหลายเพราะเป็นเมืองหลวงเหมือนกับโคเพนเฮเกน
ส่วนที่โคเพนเฮเกน เป็นเมืองใหญ่ที่มีโอกาสมากกว่าเนื่องจากสำนักงานใหญ่ หรือสาขาใหญ่ของหลายๆบริษัทตั้งอยู่ที่นี่ ทำให้ความต้องการในตลาดแรงงานค่อนข้างหลากหลาย และบริษัทส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง ทำให้ไม่จำเป็นว่าคุณต้องพูดเดนนิชได้
จขกทใช้เวลาเดินทางไปทำงานจากบ้าน 1 ช.ม.ค่ะ ตอนนี้ทำงานมาได้เกือบสองปีแล้วค่ะ
ใครมีคำถามอะไรเกี่ยวกับการหางาน เตรียมตัวสัมภาษณ์งาน หรือการใช้ชีวิตที่นี่ทิ้งคำถามไว้ได้นะคะ ช่วงว่างๆจะเข้ามาตอบค่ะ
หางานที่สวีเดน เดนมาร์กเหรอ (ความ)ง่าย ..... (มี)แค่นิดเดียว
เหลือด้วยการพยายามเรียบเรียงประสบการณ์และแชร์ให้ทุกคนในพันทิปได้อ่าน
จขกทเกิดที่ต่างจังหวัดไม่ไกลจากกทม จบตรีสาขาบริหารธุรกิจ และโท Leadership and Management in internal context ที่สวีเดนค่ะ
ตอนนี้ย้ายมาอยู่สวีเดนได้ 3 ปี แต่ว่าทำงานที่เดนมาร์กได้ เกือบ 2 ปีแล้วค่ะ ที่ย้ายมาอยู่นี่เพราะว่าจขกทมีแฟนเป็นคนสวีดิช เราเจอกันตอนที่แฟนจขกทไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ไทย ตอนนั้นจขกทเพิ่งเรียนจบตรีใหม่ๆ เราคบกันก่อนที่แฟนจะต้องกลับสวีเดนไม่นาน จากนั้นก็ได้เจอกันปีละครั้ง หลังจากทำงานได้ 2 ปีแล้วรู้สึกมันไม่ใช่ ทั้งความสนุกของงานและวัฒนธรรมองกรค์ เลยคิดว่าอยากกลับไปเรียนต่อ แล้วมองหางานที่ใช่สำหรับตัวเองต่อไป พอดีช่วงนั้นเพื่อนโทรมาชวนให้สมัครไปเรียนที่สวีเดนด้วยกัน เพราะว่ามันเป็นปีสุดท้ายที่นักศึกษานอก EU ไม่ต้องจ่ายค่าเรียน เลยคิดว่าเอาวะ เปิดโอกาสให้ตัวเองค้นหาตัวเองต่อไป แล้วก็จะได้เจอแฟนบ่อยขึ้นด้วย ถือโอกาสดูลาดเลาไปด้วย ถ้าเราต้องย้ายไปที่นั่นแล้วเราจะอยู่ได้มั๊ย เพราะเวลาพูดถึงสวีเดน ในภาพมันมีแต่ความหนาวเหมือน Game of throne………….
ตอนเรียน จขกทอยู่คนละเมืองกับแฟนนะคะ แต่ก็เจอกันเกือบทุกสุดสัปดาห์ หลังเรียนจบ แฟนชวนให้อยู่ต่อ ย้ายไปอยู่กับเค้า แต่จขกทก็บินกลับ เพราะคิดว่ายังเด็กเกินไปจะใช้ชีวิตคู่ (ตอนนั้นอายุ 26) แล้วการที่จะหางานในประเทศที่ใช้ภาษาสวีดิชมันดูไม่ง่ายสำหรับเรา เพราะช่วงที่เรียนก็ลองหางานไปด้วย แต่มันไม่มีที่ใหนเรียกไปสัมพาษณ์
กลับมาไทย ทำงานบริษัทของสัญชาติเดนมาร์กอยู่ 3 ปีค่ะ ก่อนย้ายมาอยู่กับแฟน ต้องขอเล่าเรื่องงานที่นี่หน่อย เพราะว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดี และคิดว่ามันเป็นใบเบิกทางให้จขกทได้งานที่เดนมาร์ก ตอนหางานที่ไทยตั้งใจไว้เลยว่าจะไม่ทำงานในกทม เพราะมันเหนื่อยรถติด ต้องตื่นเช้า ไม่ถูกจริตเด็กอนามัยที่ต้องนอน 8 ชม แล้วจขกทก็ได้งานที่โรงงานแห่งหนึ่ง ทำงานได้อาทิตย์เดียวน้ำท่วมเลยหยุดงานรับเงินเดือนฟรีๆ 1 เดือน ^^ งานที่จขกททำ ยังอยู่ในสายงานเดิมคือ supply chain แต่ว่าเป็นบริษัทที่มีความหลากหลายมากทำไปได้ไม่กี่เดือนก็ได้มีโอกาสได้ร่วม management trainee program ได้ย้ายแผนกทุกๆ 3-5 เดือน มันเลยสนุกมาก พอปีสุดท้าย งานมันย้ายไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมาย ไม่มี career path ที่ชัดเจน เลยตัดสินใจเดินไปคุยกับ MD เนื่องจากprogram นี้มันดูแลโดย MD แต่ว่าบริษัทก็เปลี่ยน MD ใหม่ช่วงระหว่างกลางโปรแกรม เราเลยคิดว่า MD คนใหม่เค้าอาจจะไม่รุ้นะว่าเค้าต้องดูแลโปรแกรมนี้ เพราะหลังจากที่เราทำงานให้เค้าไปหลายโปรเจคแล้ว เค้าไม่เคยเอ่ยถึงโปรแกม Management trainee เลย หลังจากคุยได้ผลดีเกินคาดค่ะ เค้ายุติโปรแกรมทันที แล้วให้เหตุผลว่า ถ้าโปรแกรมที่บริษัททำอยู่มันไม่มีจุดประสงค์ที่ชัดเจนก็ต้องยกเลิกไป เพราะมันทำให้คนๆหนึ่งเสียเวลาไป 2 ปี
อ่าวแล้วดียังไง......
MD ก็ไปคุยกับ Director แผนกต่างๆถึงเหตุผลที่ยุติโครงการ และถามว่าแผนกใหนอยากรับเราเค้าไปร่วมงานบ้าง หลังจากนั้นเราก็ได้รับการติดต่อจากหลายๆแผนกที่เราได้มีโอกาสร่วมงานด้วยให้ไปร่วมงานกับเค้า เพราะเค้ามีตำแหน่งว่าง แต่เราเลือกกลับมาอยู่ แผนก supply chain เหมือนเดิม แล้วได้ทำงานอยู่ศูนย์กระจายสินค้า เพราะตำแหน่งนี้มันว่าง ทำได้ 1 ปีก็ลาออกเพราะมีปัจจัยหลายๆอย่าง แต่ที่สำคัญที่สุดคือเราคิดว่าจะ 30แล้ว มันจะช้าเกินไปถ้าเราต้องเริ่มเรียนภาษาใหม่จากศูนย์
นอกเรื่องมานาน เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ
พอย้ายมาอยู่ที่นี่ก็เริ่มหางานอย่างจริงจัง ตอนนั้นพยายามหางานที่ไม่ต้องการคนพูดสวีดิชได้ ต้องบอกก่อนนะคะคนสวีเดนพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก เหมือนเจ้าของภาษา แต่เวลารับสมัครงานหลายบริษัทก็ยังต้องการคนที่พูดสวีดิชได้ ตอนมีบริษัท head hunter โทรมาเรียกไปสัมพาษณ์ดีใจมาก แล้วการสัมพาษณ์ก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่.....
หลังจากรอมา 3 อาทิตย์ก็คิดว่ามันไม่ใช่ละ มันเงียบผิดปกติ จขกทเลยโทรไปถาม สรุปลูกค้าต้องการให้รับมัครใหม่เนื่องจากต้องการคนพูดภาษาสวีดิชได้ ตอนนั้นเสียใจมาก แต่ก็เข้าใจว่าการทำงานในโรงงาน มันมีคนหลากหลายแล้วภาษาอังกฤษทุกคนก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน มันจำเป็นต้องใช้ภาษาสวีดิชประกอบด้วย อันนี้ถือว่าเป็นความผิดพลาดของทางบริษัทที่ไม่ได้ระบุความต้องการตรงนี้ไว้ ทำให้เราเสียเวลาและเสียความรู้สึก แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ได้เริ่มเรียนภาษา ทำให้เลิกฟุ้งซ่าน แต่หารู้ไม่ นรกจริงๆกำลังมาเยือน Winter is coming......
จขกทอยู่ทางตอนไต้ของสวีเดน ติดทะเลทำให้ฝนตกบ่อยมาก ทุกฤดูกาลเลยทีเดียว พอหน้าหนาวมาเยือน แถบที่อยู่อุณภูมิและความชื้นมันไม่ได้เหมาะสมให้หิมะตกได้ มันมาแต่ฝน และไม่มีแดด ทำให้ไม่ค่อยได้มีบรรยากาศโรแมนติคนั่งมองหิมะตกทางหน้าต่างบ่อยนัก ที่นี่เวลาฟ้าเทามันไม่ได้เทาเหมือนบ้านเราที่ฝนตกปรอยๆ แต่มันเทามากกว่า ประกอบกับอากาศหนาว ฝนตก ลมแรง ไม่อยากออกจากบ้าน เพื่อนก็ยังน้อย ทำให้เราหดหู่ได้ง่าย ช่วงที่เป็นใหม่ๆ ประกอบกับเราก็ไม่ตัวว่าเรากำลังหดหู่ เราคิดว่าเราเครียดเรื่องหางาน และเงินเก็บที่ร่อยหรอไปทุกวัน เวลาอยู่กับแฟนเราไม่ได้ช่วยเค้าจ่ายค่าเช่าและค่าอาหาร เราเลยคิดว่า ของใช้ส่วนตัวเราจะไม่ยุ่งกับเงินเค้า ช่วงนั้นเราไม่อยากตื่น ไม่อยากไปโรงเรียนเวลาไปเรียนเราจะห่อข้าวไปกิน เราก็ไปนั่งกินคนเดียวที่มุมแคบๆ เพราะไม่อยากคุยกับใคร เลิกเรียนก็รีบกลับบ้าน เวลาอยู่บ้านก็นั่เงล่นแต่อินเตอร์เนต หงุดหงิดง่าย แฟนเลยรู้สึกได้ว่าเรากำลังหดหู่ เลยชวนเราทำกิจกรรมมากขึ้น ทำให้ผ่านหน้าหนาวมาแบบไม่โหดร้ายกับจิตใจมากนัก ช่วงนี้ก็หางานตลอดนะคะ ส่งใบสมัครไปหลายที่มากๆ แต่ไม่มีที่ใหนเรียกเลยค่ะ
ก่อนหน้าหนาวกำลังหมด เราก็ได้งานที่ร้านอาการไทยค่ะ พอดีเจ้าของร้านกำลังจะขยายสาขา เลยได้มีโอกาสเข้าไปทำกับเค้าตั้งแต่ตกแต่งร้าน ติดตั้ง furniture จนเปิดร้าน ช่วงแรกสนุกมากเลยค่ะ ได้ทานอาหารไทยบ่อยๆ ไม่ฟุ้งซ่าน หาเงินได้แล้ว ช่วงนี้ไม่ได้หางานที่ใหนเลยนะคะ เพราะว่าทั้งเรียนภาษาและงานร้านอาหารมันใช้เวลาไปแทบจะหมด ซึ่งถือว่าไม่ดีเลยนะคะ คนที่กำลังหางานแบบเรา ต้องอัพเดทตำแหน่งงานตลอดเวลาค่ะ จะได้ไม่พลาดอะไรไป
แต่ทำไปได้ 7 เดือนก็มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน (ขอข้ามเรื่องปัญหานะคะ เพราะนอกเรื่งมาเยอะแล้ว) นั่งอยู่บ้านคนเดียวก็ร้องไห้ ทำไมเราจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ เลยรู้สึกว่ามันไม่ใช่ละ ต้องหางานใหม่ละ เราไม่สามารถอยู่ในสังคมแบบนี้ได้ตลอดไป เลยเริ่มหางานอีกครั้งตอนสิ้นเดือนพฤศจิกายน ตอนนั้นพยายามคุยกับเพื่อนร่วมงานจากที่เก่าทั้งที่ไทย และเดนมาร์ก จนได้คำแนะนำให้หางานบริษัทที่มีสาขา หรือโรงงานที่ไทย เพื่อดึงจุดแข็งด้านภาษาและวัฒนธรรมมาใช้
เราเลยเริ่มเบนเข็มมาหางานที่โคเพนเฮเกน เข้าเวปของบริษัทหนึ่งที่เพื่อนสมัยเรียนโท ทำงานอยู่ ทำให้เจอว่าเค้ากำลังหา supply planner ของ ศูนย์กระจายสินค้าเอเชีย ที่ตั้งอยู่ที่ไทย เหมาะเหม็งมาก แต่มันจะหมดเขตรับสมัครอีก 2 วัน เราเลยรีบกลับเตรียมเอกสารสมัครใหม่ หลังจากยื่นสมัครทางออนไลน์แล้ว เราก็โทรหาว่าที่เจ้านายเราทันทีค่ะ แสดงตัวให้เค้ารู้ว่าเราสนใจ แล้วเราเพิ่งสมัครไป เพิ่มโอกาสในการที่เค้าจะอ่านจดหมายสมัครงานเรามากขึ้น เพราะตอนที่เรายื่นสมัครไปมันใกล้จะปิดรับแล้ว กลัวเค้าไม่เห็น
หลังจากคุยจบไม่เกิน 30 นาทีเราก็ได้สายจากบริษัท head hunter ให้เข้าไปสัมพาษณ์ในวันถัดไปเลยค่ะ ตอนได้รับสายนี่ดีใจมาก น้ำตาแทบไหล สัมพาษณ์รอบแรกผ่านไปด้วยดี แนวทางการสัมภาษณ์งานก็เหมือนกับเวลาสัมภาษณ์งานบริษัทต่างชาติในไทยค่ะ
หลังจากนั้นภายในอาทิตย์เดียวกันก็ได้รับโทรศัพท์ว่าเราผ่านสัมภาษณ์รอบแรก ให้เราเข้าไปสัมภาษณ์งานอีกรอบกับว่าที่เจ้านายเราที่บริษัท แต่ก่อนไป เรามีข้อสอบที่ต้องทำมากมาย แต่ว่าช่วงนั้นเราซื้อตั๋วไปเที่ยวสเปนกับแฟนไว้แล้วเลยแบกคอมไปทำกับเราด้วย เป็นการทำข้อสอบสำหรับสมัครงานที่เยอะที่สุดในชีวิตเลยค่ะ มีทั้งยากง่ายปนกันไปหมด
หลังจากกลับมาจากเที่ยวก็ได้เข้าไปสัมพาษณ์งานรอบสอง รอบนี้ตื่นเต้นมาก จนคิดว่าตอบคำถามได้ไม่ดี แล้วก็คิดว่าคงไม่ได้งาน
หลังจากนั้นไม่เกิน อาทิตย์เราก็ได้รับโทรศัพท์ว่าเราผ่านสัมพาษณ์รอบสอง เย่ๆๆๆๆ ให้เราเข้าไปสัมพาษณ์รอบสุดท้ายกับ Vice president ของทีม ลืมบอกค่ะที่นี่ตำแหน่งสูงกันทุกคน เจ้านายเราตำแหน่ง Director ถ้าเทียบกับที่ไทยก็คง Manager ค่ะ
รอบนี้เราได้ฟังผลสอบ ผลประเมิน personality แล้วเราก็ได้งานค่ะ รวมๆแล้วตั้งแต่ส่งจดหมายสมัครงานจนเซ็นต์สัญญาเริ่มงาน ใช้เวลาไปทั้งหมดแค่ครึ่งเดือนเองค่ะ ถือว่าได้ของขวัญปีใหม่ล่วงหน้าที่ตัวเองถูกใจที่สุดในชีวิต เพราะจขกทเชื่อว่าหลายๆคนที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ ถ้าเลือกได้ทุกคนอยากมีงานทำ ไม่ได้อยากรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของใครค่ะ
ลืมบอก ทุกรอบเราใช้เวลาสัมภาษณ์ราวๆ 1.30-2.00 ช.ม.ค่ะ ออกมาจากห้องนี่หิวกันเลยทีเดียว เพราะต้องใช้สมองค่อนข้างเยอะ คิดตลอดเวลา
ส่วนตัวมองว่าทางตอนใต้ของสวีเดน เป็นที่ที่หางานค่อนข้างยากสำหรับต่างชาติ ถ้าคุณไม่ได้จบหรือมีประสบการ์ในสาขาที่ขาดแคลน เช่น สายงาน IT สายงานสุขภาพ เช่นแพทย์ พยาบาล หรือสายการศึกษา อย่างครู อย่างสายงานที่จขกทหาส่วนมากก็ต้องการคนที่พูดสวีดิชได้ ยกเว้นจะไปหางานที่สต๊อกโฮล์ม ที่นั่นก็จะมีความหลากหลายเพราะเป็นเมืองหลวงเหมือนกับโคเพนเฮเกน
ส่วนที่โคเพนเฮเกน เป็นเมืองใหญ่ที่มีโอกาสมากกว่าเนื่องจากสำนักงานใหญ่ หรือสาขาใหญ่ของหลายๆบริษัทตั้งอยู่ที่นี่ ทำให้ความต้องการในตลาดแรงงานค่อนข้างหลากหลาย และบริษัทส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง ทำให้ไม่จำเป็นว่าคุณต้องพูดเดนนิชได้
จขกทใช้เวลาเดินทางไปทำงานจากบ้าน 1 ช.ม.ค่ะ ตอนนี้ทำงานมาได้เกือบสองปีแล้วค่ะ
ใครมีคำถามอะไรเกี่ยวกับการหางาน เตรียมตัวสัมภาษณ์งาน หรือการใช้ชีวิตที่นี่ทิ้งคำถามไว้ได้นะคะ ช่วงว่างๆจะเข้ามาตอบค่ะ