ปกติเราจะชอบหารีวิวอ่านตามพันทิป แต่ไม่ค่อยเห็นใครเขียนอันนี้ เลยขออนุญาตมาแชร์ประสบการณ์นะคะ
น้ำตกปางสีดา อยู่ที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดสระแก้ว ในช่วงปลายฤดูร้อนถึงต้นฤดูฝน เหมือนจะดังในเรื่องการไปดูผีเสื้อ
ส่วนปลาย ๆ ปี น่าจะเด่นที่น้ำตก
วันที่เราไปคือ 3-4 ตุลา 60
น้ำตกค่อนข้างมีน้ำพอสมควร
ผีเสื้อพอเห็นบ้าง แต่เรียกได้ว่าน้อย
การเดินทางจากที่หาอ่านตามพันทิป กับเว็บอื่น ๆ เหมือนจะมีทั้งรถตู้ รถทัวร์ มาลงที่ บขส.
จาก บขส. ถ้ามากันหลายคน เหมารถ หรือตุ๊ก ๆ ไปที่ปางสีดาน่าจะสะดวกกว่า
เรายังเรียนอยู่ งบน้อย แถมยังไปคนเดียว จึงพยายามหาวิธีเดินทางโดยรถสาธารณะที่พอจะเซฟเงินได้บ้าง โดยเลือกไปรถไฟ
การเดินทางคือ ขึ้นรถไฟจากหัวลำโพงไปลงที่สถานีสระแก้ว รอบ 5.55 น.
รถไฟจากหัวลำโพงจะมี 2 รอบ คือ 5.55 กับ บ่ายโมงกว่า ๆ
ต้องเลือกรอบเช้า เพราะเราต้องการไปต่อรถสองแถวเข้าไปที่ปางสีดา
ถ้าไปรอบบ่าย จะถึงเกือบ ๆ หกโมงเย็น ถ้าไม่หาที่พักในสระแก้วนอนคืนนึง ก็คงต้องเหมารถไปเลย
จากหัวลำโพง ตามตาราง รถไฟจะถึงสถานีสระแก้วตอนสิบโมงครึ่งกว่า ๆ
แต่วันที่เราไป รถไฟเลท ถึงประมาณสิบเอ็ดโมง (เลทตั้งแต่ตอนออกจากหัวลำโพง 25 นาที)
ลงจากรถไฟ หน้ารถไฟจะมีรถตุ๊ก ๆ อยู่
จากการถามราคา ถ้าเหมาไปปางสีดาเลย รอบละ 350 บาท แต่ถ้าไปท่ารถสองแถวไปปางสีดา 60 บาท
ขามา เรายังไปรู้ว่าท่ารถอยู่ตรงไหน เลยขึ้นตุ๊ก ๆ ไป
(แต่เมื่อดูระยะทาง ท่ารถ จะห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 1.2 กิโลเมตร พอเดินได้ชิล ๆ )
พิกัดท่ารถสองแถว สระแก้ว-คลองทราย (เป็นรถสองแถวรถสีน้ำเงิน)
https://goo.gl/maps/8GbNQF3p6r42
ไม่รู้ว่าปกติรถสองแถวมีกี่รอบ แต่วันที่เราไปลุงคนขับบอกมี 2 รอบ คือ 10.30 กับ 12.30
เราเลยต้องนั่งรออีกพักนึง (ลุงออกรถตรงเวลา ไม่ออกก่อน เพราะงั้นไปหาอะไรกินก่อนได้ // ตอนเเรกเรากลัวลุงทิ้งเราเลยนั่งเฝ้ารถ มียายมาขายสาคูไส้หมู ยายทำอร่อย แถมถูก กล่องละ 20 บาทเอง)
คนส่วนใหญ่ที่ขึ้นรถ จะเป็นตา ๆ ยาย ๆ กันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเอื้อเฟื้อให้เขาได้นั่งก่อนนะคะ เรามาเที่ยว ยังเด็ก ยังพอยืนไหว (แต่ถ้าวันที่ไปคนกับของเต็มรถแบบวันที่เราไป สุดท้ายยายก็ให้เรานั่งบนกระสอบข้าวสารนะคะ ไม่ได้ลำบากอะไร อย่าลืมไหว้ขอพระแม่โพสพก่อนด้วย)
ค่ารถสองแถว 30 บาท บอกลุงคนขับก่อนว่าเราจะไปปางสีดา เขาจะได้แวะไปส่งเราที่หน้าด่านทางเข้าอุทยาน แล้วก็ขอเบอร์ลุงเผื่อวันกลับมาด้วยนะคะ ลุงจะได้แวะมารับเราถูก (ลุงบอก ถ้าไม่โทรมาลุงไม่เข้ามารับนะคะ)
ถึงอุทยานจะมีร้านค้าอยู่ เป็นแหล่งของกินของใช้แห่งเดียวของที่นี่ เพราะงั้น ขาดอะไรถ้าไม่ซื้อในตลาดตรงท่ารถ ก็ซื้อที่นี่นะคะ จะได้ไม่ต้องออกมาบ่อย
ค่าเข้าอุทยาน ผู้ใหญ่ 40 บาท เป็นนิสิต นักศึกษาลดเหลือ 20 บาทค่ะ
จากด่านเดินอีกประมาณ 400 เมตร จะถึงจุดบริการนักท่องเที่ยว เพื่อขอเช่าพื้นที่กางเต๊นท์ (เราบังเอิญเจอพี่เจ้าหน้าที่ขี่มอไซด์ผ่านพอดี เลยได้อานิสงส์ซ้อนพี่เขาไปด้วย)
ช่วงนี้ฝนตก แถมเราเป็นผู้หญิงคนเดียว พี่เจ้าหน้าที่เขาเลยให้กางในศาลาใกล้ ๆ ฝั่งตรงข้ามจุดบริการนักท่องเที่ยว (ศาลานั้นมดออกจะเยอะซักหน่อยนะ ระวังดี ๆ )
จัดการกางเต๊นท์ หาที่หลับนอนให้เรียบร้อย ก่อนขึ้นไปเล่นน้ำตก (ล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าจากข้างล่างไปก่อน เพราะข้างบนจากที่เดินดูมีแต่ห้องน้ำ ไม่มีที่อาบน้ำ)
น้ำตกปางสีดา จะอยู่เลยจากจุดบริการนักท่องเที่ยวไปอีกประมาณ 1 กิโล ทางเป็นเนินเล็กน้อย ค่อย ๆ เดินไปค่ะ เดี๋ยวก็ถึง
ได้เห็นอย่างนี้ เดี๋ยวเราก็จะหายเหนื่อย
คนที่มาเที่ยว บ้างก็เป็นวัยรุ่น บ้างก็เป็นครอบครัว ไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไหร่ มีจุดให้เล่นน้ำหลายช่วงอยู่
ที่จริงจากน้ำตกนี้ ขึ้นไปข้างบนอีกประมาณยี่สิบกว่าโล ก็จะถึงจุดกางเต๊นท์ ว่ากันว่าบางวันอาจได้เจอหมอก แล้วก็มีจุดชมวิวอีกที่ กม. 25
แต่ไม่มีรถคืออดค่ะ
เล่นน้ำเสร็จ ก็เดินลง (ขาลง เราเจอคนใจดีน่าจะจากอุดรธานีขับลงมาส่งที่จุดบริการนักท่องเที่ยว ขอบคุณพี่เขามาก เป็นรถเก๋งแท้ ๆ ยังกล้ารับหนูที่มาคนเดียวขึ้นไปด้วย แถมตัวเปียกอีกต่างหาก
)
ประมาณห้าโมงเย็น ยุงเริ่มมา ควรจะเตรียมยากันยุงแบบทาหรือฉีดก็ได้ไปเยอะ ๆ หน่อย (เราเอามาแค่ซองเดียว เอาไม่อยู่แฮะ ตอนกินข้าวเลยลงมาซื้อร้านหน้าด่านอีกที)
ที่นี่จะมืดไว ห้าโมงกว่า ๆ ควรจะออกมากินข้าวที่หน้าด่านให้เรียบร้อย (เจอคนใจดีขี่มอไซด์พามาส่งข้างนอกอีกแล้ว คนสระแก้วน้ำใจงามค่ะ ^__^)
น้ำเป็นสิ่งสำคัญ และไม่ควรลืมยากันยุง
กลับเต๊นท์ก็เก็บของ อาบน้ำ เตรียมนอนค่ะ
เหมือนเวลาผ่านไปไว รู้ตัวอีกทีทุ่มนึงฟ้าก็มืดแล้ว
ช่วงนี้ฟรีไทม์
ตรงที่เรากางเต๊นท์มี 4G 3G มีไฟพอสว่างให้อ่านหนังสือได้ (อย่าลืมเอาเพาเวอร์แบ๊งค์มาหรือหนังสือมา ถ้าไม่มีเพื่อนให้เมาท์มอย)
ตื่นเช้า อาบน้ำ
ถ้ามีเวลาว่าง เรากะเดินขึ้นไปข้างบนต่อ เพราะอย่างมากก็เดินแค่ห้าหกชั่วโมง ถ้ามีคนให้ขึ้นรถไปด้วยก็อาจร่นระยะเวลาลง แต่เวลาเรามีจำกัด+ถ้าเดินขึ้น ก็ต้องเผื่อเวลาขากลับ ให้ลงมาทันรถลุงสองแถวตอนแปดโมงของอีกวัน ดังนั้น กลับเช้านี้จึงดีที่สุด เมื่อสนองนี๊ดความอยากมาน้ำตกของตนเองได้แล้ว คราวหน้าค่อยมาใหม่
รถสองแถวรอบเช้าจาก คลองทราย-สระแก้ว จะมี 2 รอบ รอบแรกลุงบอกคือโมงกว่า ๆ อีกรอบคือสองโมงเกือบ ๆ สามโมง (6 โมงเช้ากว่า ๆ กับ 8โมงเกือบ ๆ 9 โมงเช้า)
รอรถที่ร้านป้าหน้าด่าน ถึงเก้าโมงสิบห้า ลุงก็ยังไม่มา เราเลยโทรถามอีกครั้งนึงว่าลุงลืมเราหรือเปล่า ลุงบอกลุงไม่ลื๊มมม (มาคิดได้ทีหลังว่า ลุงเขาอาจจะไม่ได้ลืมหรอก น่าจะรอคนขึ้นที่คลองทราย เพราะเที่ยวที่เราขึ้นขากลับ มียายนั่งมาคนเดียว --> ยายบอกว่าคนส่วนใหญ่เขาจะไปรอบเช้ากันหมดเเล้ว)
ระหว่างทางลุงก็จะบีบแตรเรียกคนเป็นบางจุด พอพ้นจุดชุมชน มีผู้โดยสาร 3 คน ลุงก็ฟาสแอนด์ฟิวเรียสยาว ๆ
ลุงจะแวะบขส. ก่อนเข้าตลาด ถ้าใครจะกลับรถทัวร์ น่าจะขึ้นที่นี่ได้
หรือถ้าใครจะไปสถานีรถไฟเลย บอกให้ลุงจอดตรงรางรถไฟก่อนถึงบขส. ก็จะเดินใกล้กว่าไปจอดในตลาด (เราอยากเดินดูตลาดก่อน เลยบอกลุงว่าให้ไปที่ท่ารถในตลาดเลย)
จากตลาดกลับไปท่ารถก็ทางเดิม 1.2 กิโล (ควรมีเสื้อแขนยาว หรือหมวกมาด้วย เพราะจะร้อนนิดนึง // เราพกเสื้อกันฝนไปด้วย แต่สองวันที่ไปฝนไม่ตก มาตกตอนขึ้นรถไฟแล้ว)
รถไฟจากสระแก้วกลับกรุงเทพจะมีรอบบ่ายสอง
ตอนที่เราถึงสถานีรถไฟ ใกล้กับเวลาที่รถไฟจากกรุงเทพไปอรัญจะมาพอดี เลยลองไป เผื่อได้ไปโรงเกลือ (ห้องน้ำที่สถานีรถไฟสระแก้วใช้ไม่ได้ น้ำไม่ไหล ฉะนั้น ทำธุระให้เสร็จตั้งแต่ที่อุทยาน หรือที่ตลาด)
จากสถานีสระแก้ว ถึงอรัญประเทศ เกือบ ๆ เที่ยง
ออกจากสถานี จะเจอรถตุ๊ก ๆ แล้วก็มีรถสองแถวสีเขียวคนขึ้นเยอะ ๆ (เรียกว่าแออัดยัดเยียดเลย) คิดว่าเขาน่าจะไปโรงเกลือกัน
ไม่ได้อยากไปขนาดต้องทรมานตัวเองขนาดนั้น แถมของเราเยอะ (สถานีรถไฟสายนี้ไม่มีที่รับฝากกระเป๋า) เลยนั่งพัก หาที่ไป รอรถไฟรอบ 13.55
ไหน ๆ ก็มาแล้ว เลยเดินไปไหวพระสยามเทวาธิราชซักหน่อยก่อนกลับ (เดินตรงออกมาจากสถานีรถไฟเลยหอนาฬิกาไปประมาณแยกนึง ไม่ไกลเท่าไหร่)
ทำไงกับกระเป๋าเสื้อผ้าและเต๊นท์ ?
อ่อ เรากองไว้ที่สถานีนั่นล่ะ
ไหว้พระเสร็จเดินกลับมาแถวหอนาฬิกา หาร้านนั่งชิล
เจอ ร้านคอฟฟี่เบรค (หันหน้าไปสถานีรถไฟ เดินไปทางถนนฝั่งขวาของหอนาฬิกา)
เค้กมะพร้าวอร่อยมากกกก (แต่แอบช็อคราคานิดหน่อย) ชาเขียวก็อร่อย ร้านสวย โซฟานั่งสบาย แอร์เย็น
เหมือนร้านนี้มาช่วยชีวิตในหลายอย่าง ข้างนอกร้อน เจอข้างในเย็นเหมือนสวรรค์ แถมแบตมือถือเรากำลังจะหมด เพาเวอร์แบงค์ก็หมด คิดว่าอาจอยู่ไม่ถึงกรุงเทพแน่ เลยถามพี่เจ้าของว่าคิดค่าชาร์ต ชม ละ เท่าไหร่ พี่เขาให้ชาร์ตได้เลยไม่คิดตังค์ ขอขอบคุณพี่เขามา ณ ที่นี้
13.15 เราต้องเตรียมกลับไปที่รถไฟได้เเล้ว เพราะจากประสบการณ์ ต้องรีบจองที่นั่งก่อน ไม่งั้นจะขาดที่นั่งดี ๆ ไป
หาเสบียงไปด้วยก่อนขึ้น เพราะวันนั้น ของกินหมดไว
ถึงหัวลำโพงประมาณเกือบทุ่มนึง
ปล. อันนี้เรามารู้ทีหลังตอนถึงหัวลำโพงแล้วว่า จากสถานีอรัญประเทศมีรถไปตาพระยาได้อีก ไม่รู้จริงเท็จเป็นไง ถ้ามีใครรู้ข้อมูล รบกวนเม้นต์บอกหน่อยนะคะ
ปล2. รีวิวไม่เป็น ไม่ค่อยถ่ายรูป พูดไม่ค่อยเก่ง ถ้าอ่านงง ๆ ขอโทษนะคะ
น้ำตกปางสีดา รถไฟ คนเดียว เอาเต๊นท์ไปกางเอง
น้ำตกปางสีดา อยู่ที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดสระแก้ว ในช่วงปลายฤดูร้อนถึงต้นฤดูฝน เหมือนจะดังในเรื่องการไปดูผีเสื้อ
ส่วนปลาย ๆ ปี น่าจะเด่นที่น้ำตก
วันที่เราไปคือ 3-4 ตุลา 60
น้ำตกค่อนข้างมีน้ำพอสมควร
ผีเสื้อพอเห็นบ้าง แต่เรียกได้ว่าน้อย
การเดินทางจากที่หาอ่านตามพันทิป กับเว็บอื่น ๆ เหมือนจะมีทั้งรถตู้ รถทัวร์ มาลงที่ บขส.
จาก บขส. ถ้ามากันหลายคน เหมารถ หรือตุ๊ก ๆ ไปที่ปางสีดาน่าจะสะดวกกว่า
เรายังเรียนอยู่ งบน้อย แถมยังไปคนเดียว จึงพยายามหาวิธีเดินทางโดยรถสาธารณะที่พอจะเซฟเงินได้บ้าง โดยเลือกไปรถไฟ
การเดินทางคือ ขึ้นรถไฟจากหัวลำโพงไปลงที่สถานีสระแก้ว รอบ 5.55 น.
รถไฟจากหัวลำโพงจะมี 2 รอบ คือ 5.55 กับ บ่ายโมงกว่า ๆ
ต้องเลือกรอบเช้า เพราะเราต้องการไปต่อรถสองแถวเข้าไปที่ปางสีดา
ถ้าไปรอบบ่าย จะถึงเกือบ ๆ หกโมงเย็น ถ้าไม่หาที่พักในสระแก้วนอนคืนนึง ก็คงต้องเหมารถไปเลย
จากหัวลำโพง ตามตาราง รถไฟจะถึงสถานีสระแก้วตอนสิบโมงครึ่งกว่า ๆ
แต่วันที่เราไป รถไฟเลท ถึงประมาณสิบเอ็ดโมง (เลทตั้งแต่ตอนออกจากหัวลำโพง 25 นาที)
ลงจากรถไฟ หน้ารถไฟจะมีรถตุ๊ก ๆ อยู่
จากการถามราคา ถ้าเหมาไปปางสีดาเลย รอบละ 350 บาท แต่ถ้าไปท่ารถสองแถวไปปางสีดา 60 บาท
ขามา เรายังไปรู้ว่าท่ารถอยู่ตรงไหน เลยขึ้นตุ๊ก ๆ ไป
(แต่เมื่อดูระยะทาง ท่ารถ จะห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 1.2 กิโลเมตร พอเดินได้ชิล ๆ )
พิกัดท่ารถสองแถว สระแก้ว-คลองทราย (เป็นรถสองแถวรถสีน้ำเงิน)
https://goo.gl/maps/8GbNQF3p6r42
ไม่รู้ว่าปกติรถสองแถวมีกี่รอบ แต่วันที่เราไปลุงคนขับบอกมี 2 รอบ คือ 10.30 กับ 12.30
เราเลยต้องนั่งรออีกพักนึง (ลุงออกรถตรงเวลา ไม่ออกก่อน เพราะงั้นไปหาอะไรกินก่อนได้ // ตอนเเรกเรากลัวลุงทิ้งเราเลยนั่งเฝ้ารถ มียายมาขายสาคูไส้หมู ยายทำอร่อย แถมถูก กล่องละ 20 บาทเอง)
คนส่วนใหญ่ที่ขึ้นรถ จะเป็นตา ๆ ยาย ๆ กันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเอื้อเฟื้อให้เขาได้นั่งก่อนนะคะ เรามาเที่ยว ยังเด็ก ยังพอยืนไหว (แต่ถ้าวันที่ไปคนกับของเต็มรถแบบวันที่เราไป สุดท้ายยายก็ให้เรานั่งบนกระสอบข้าวสารนะคะ ไม่ได้ลำบากอะไร อย่าลืมไหว้ขอพระแม่โพสพก่อนด้วย)
ค่ารถสองแถว 30 บาท บอกลุงคนขับก่อนว่าเราจะไปปางสีดา เขาจะได้แวะไปส่งเราที่หน้าด่านทางเข้าอุทยาน แล้วก็ขอเบอร์ลุงเผื่อวันกลับมาด้วยนะคะ ลุงจะได้แวะมารับเราถูก (ลุงบอก ถ้าไม่โทรมาลุงไม่เข้ามารับนะคะ)
ถึงอุทยานจะมีร้านค้าอยู่ เป็นแหล่งของกินของใช้แห่งเดียวของที่นี่ เพราะงั้น ขาดอะไรถ้าไม่ซื้อในตลาดตรงท่ารถ ก็ซื้อที่นี่นะคะ จะได้ไม่ต้องออกมาบ่อย
ค่าเข้าอุทยาน ผู้ใหญ่ 40 บาท เป็นนิสิต นักศึกษาลดเหลือ 20 บาทค่ะ
จากด่านเดินอีกประมาณ 400 เมตร จะถึงจุดบริการนักท่องเที่ยว เพื่อขอเช่าพื้นที่กางเต๊นท์ (เราบังเอิญเจอพี่เจ้าหน้าที่ขี่มอไซด์ผ่านพอดี เลยได้อานิสงส์ซ้อนพี่เขาไปด้วย)
ช่วงนี้ฝนตก แถมเราเป็นผู้หญิงคนเดียว พี่เจ้าหน้าที่เขาเลยให้กางในศาลาใกล้ ๆ ฝั่งตรงข้ามจุดบริการนักท่องเที่ยว (ศาลานั้นมดออกจะเยอะซักหน่อยนะ ระวังดี ๆ )
จัดการกางเต๊นท์ หาที่หลับนอนให้เรียบร้อย ก่อนขึ้นไปเล่นน้ำตก (ล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าจากข้างล่างไปก่อน เพราะข้างบนจากที่เดินดูมีแต่ห้องน้ำ ไม่มีที่อาบน้ำ)
น้ำตกปางสีดา จะอยู่เลยจากจุดบริการนักท่องเที่ยวไปอีกประมาณ 1 กิโล ทางเป็นเนินเล็กน้อย ค่อย ๆ เดินไปค่ะ เดี๋ยวก็ถึง
ได้เห็นอย่างนี้ เดี๋ยวเราก็จะหายเหนื่อย
คนที่มาเที่ยว บ้างก็เป็นวัยรุ่น บ้างก็เป็นครอบครัว ไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไหร่ มีจุดให้เล่นน้ำหลายช่วงอยู่
ที่จริงจากน้ำตกนี้ ขึ้นไปข้างบนอีกประมาณยี่สิบกว่าโล ก็จะถึงจุดกางเต๊นท์ ว่ากันว่าบางวันอาจได้เจอหมอก แล้วก็มีจุดชมวิวอีกที่ กม. 25
แต่ไม่มีรถคืออดค่ะ
เล่นน้ำเสร็จ ก็เดินลง (ขาลง เราเจอคนใจดีน่าจะจากอุดรธานีขับลงมาส่งที่จุดบริการนักท่องเที่ยว ขอบคุณพี่เขามาก เป็นรถเก๋งแท้ ๆ ยังกล้ารับหนูที่มาคนเดียวขึ้นไปด้วย แถมตัวเปียกอีกต่างหาก )
ประมาณห้าโมงเย็น ยุงเริ่มมา ควรจะเตรียมยากันยุงแบบทาหรือฉีดก็ได้ไปเยอะ ๆ หน่อย (เราเอามาแค่ซองเดียว เอาไม่อยู่แฮะ ตอนกินข้าวเลยลงมาซื้อร้านหน้าด่านอีกที)
ที่นี่จะมืดไว ห้าโมงกว่า ๆ ควรจะออกมากินข้าวที่หน้าด่านให้เรียบร้อย (เจอคนใจดีขี่มอไซด์พามาส่งข้างนอกอีกแล้ว คนสระแก้วน้ำใจงามค่ะ ^__^)
น้ำเป็นสิ่งสำคัญ และไม่ควรลืมยากันยุง
กลับเต๊นท์ก็เก็บของ อาบน้ำ เตรียมนอนค่ะ
เหมือนเวลาผ่านไปไว รู้ตัวอีกทีทุ่มนึงฟ้าก็มืดแล้ว
ช่วงนี้ฟรีไทม์
ตรงที่เรากางเต๊นท์มี 4G 3G มีไฟพอสว่างให้อ่านหนังสือได้ (อย่าลืมเอาเพาเวอร์แบ๊งค์มาหรือหนังสือมา ถ้าไม่มีเพื่อนให้เมาท์มอย)
ตื่นเช้า อาบน้ำ
ถ้ามีเวลาว่าง เรากะเดินขึ้นไปข้างบนต่อ เพราะอย่างมากก็เดินแค่ห้าหกชั่วโมง ถ้ามีคนให้ขึ้นรถไปด้วยก็อาจร่นระยะเวลาลง แต่เวลาเรามีจำกัด+ถ้าเดินขึ้น ก็ต้องเผื่อเวลาขากลับ ให้ลงมาทันรถลุงสองแถวตอนแปดโมงของอีกวัน ดังนั้น กลับเช้านี้จึงดีที่สุด เมื่อสนองนี๊ดความอยากมาน้ำตกของตนเองได้แล้ว คราวหน้าค่อยมาใหม่
รถสองแถวรอบเช้าจาก คลองทราย-สระแก้ว จะมี 2 รอบ รอบแรกลุงบอกคือโมงกว่า ๆ อีกรอบคือสองโมงเกือบ ๆ สามโมง (6 โมงเช้ากว่า ๆ กับ 8โมงเกือบ ๆ 9 โมงเช้า)
รอรถที่ร้านป้าหน้าด่าน ถึงเก้าโมงสิบห้า ลุงก็ยังไม่มา เราเลยโทรถามอีกครั้งนึงว่าลุงลืมเราหรือเปล่า ลุงบอกลุงไม่ลื๊มมม (มาคิดได้ทีหลังว่า ลุงเขาอาจจะไม่ได้ลืมหรอก น่าจะรอคนขึ้นที่คลองทราย เพราะเที่ยวที่เราขึ้นขากลับ มียายนั่งมาคนเดียว --> ยายบอกว่าคนส่วนใหญ่เขาจะไปรอบเช้ากันหมดเเล้ว)
ระหว่างทางลุงก็จะบีบแตรเรียกคนเป็นบางจุด พอพ้นจุดชุมชน มีผู้โดยสาร 3 คน ลุงก็ฟาสแอนด์ฟิวเรียสยาว ๆ
ลุงจะแวะบขส. ก่อนเข้าตลาด ถ้าใครจะกลับรถทัวร์ น่าจะขึ้นที่นี่ได้
หรือถ้าใครจะไปสถานีรถไฟเลย บอกให้ลุงจอดตรงรางรถไฟก่อนถึงบขส. ก็จะเดินใกล้กว่าไปจอดในตลาด (เราอยากเดินดูตลาดก่อน เลยบอกลุงว่าให้ไปที่ท่ารถในตลาดเลย)
จากตลาดกลับไปท่ารถก็ทางเดิม 1.2 กิโล (ควรมีเสื้อแขนยาว หรือหมวกมาด้วย เพราะจะร้อนนิดนึง // เราพกเสื้อกันฝนไปด้วย แต่สองวันที่ไปฝนไม่ตก มาตกตอนขึ้นรถไฟแล้ว)
รถไฟจากสระแก้วกลับกรุงเทพจะมีรอบบ่ายสอง
ตอนที่เราถึงสถานีรถไฟ ใกล้กับเวลาที่รถไฟจากกรุงเทพไปอรัญจะมาพอดี เลยลองไป เผื่อได้ไปโรงเกลือ (ห้องน้ำที่สถานีรถไฟสระแก้วใช้ไม่ได้ น้ำไม่ไหล ฉะนั้น ทำธุระให้เสร็จตั้งแต่ที่อุทยาน หรือที่ตลาด)
จากสถานีสระแก้ว ถึงอรัญประเทศ เกือบ ๆ เที่ยง
ออกจากสถานี จะเจอรถตุ๊ก ๆ แล้วก็มีรถสองแถวสีเขียวคนขึ้นเยอะ ๆ (เรียกว่าแออัดยัดเยียดเลย) คิดว่าเขาน่าจะไปโรงเกลือกัน
ไม่ได้อยากไปขนาดต้องทรมานตัวเองขนาดนั้น แถมของเราเยอะ (สถานีรถไฟสายนี้ไม่มีที่รับฝากกระเป๋า) เลยนั่งพัก หาที่ไป รอรถไฟรอบ 13.55
ไหน ๆ ก็มาแล้ว เลยเดินไปไหวพระสยามเทวาธิราชซักหน่อยก่อนกลับ (เดินตรงออกมาจากสถานีรถไฟเลยหอนาฬิกาไปประมาณแยกนึง ไม่ไกลเท่าไหร่)
ทำไงกับกระเป๋าเสื้อผ้าและเต๊นท์ ?
อ่อ เรากองไว้ที่สถานีนั่นล่ะ
ไหว้พระเสร็จเดินกลับมาแถวหอนาฬิกา หาร้านนั่งชิล
เจอ ร้านคอฟฟี่เบรค (หันหน้าไปสถานีรถไฟ เดินไปทางถนนฝั่งขวาของหอนาฬิกา)
เค้กมะพร้าวอร่อยมากกกก (แต่แอบช็อคราคานิดหน่อย) ชาเขียวก็อร่อย ร้านสวย โซฟานั่งสบาย แอร์เย็น
เหมือนร้านนี้มาช่วยชีวิตในหลายอย่าง ข้างนอกร้อน เจอข้างในเย็นเหมือนสวรรค์ แถมแบตมือถือเรากำลังจะหมด เพาเวอร์แบงค์ก็หมด คิดว่าอาจอยู่ไม่ถึงกรุงเทพแน่ เลยถามพี่เจ้าของว่าคิดค่าชาร์ต ชม ละ เท่าไหร่ พี่เขาให้ชาร์ตได้เลยไม่คิดตังค์ ขอขอบคุณพี่เขามา ณ ที่นี้
13.15 เราต้องเตรียมกลับไปที่รถไฟได้เเล้ว เพราะจากประสบการณ์ ต้องรีบจองที่นั่งก่อน ไม่งั้นจะขาดที่นั่งดี ๆ ไป
หาเสบียงไปด้วยก่อนขึ้น เพราะวันนั้น ของกินหมดไว
ถึงหัวลำโพงประมาณเกือบทุ่มนึง
ปล. อันนี้เรามารู้ทีหลังตอนถึงหัวลำโพงแล้วว่า จากสถานีอรัญประเทศมีรถไปตาพระยาได้อีก ไม่รู้จริงเท็จเป็นไง ถ้ามีใครรู้ข้อมูล รบกวนเม้นต์บอกหน่อยนะคะ
ปล2. รีวิวไม่เป็น ไม่ค่อยถ่ายรูป พูดไม่ค่อยเก่ง ถ้าอ่านงง ๆ ขอโทษนะคะ