[CR] ภาษาอังกฤษ กับชีวิตที่เปลี่ยนไป

เมื่อราวๆกลางปี2012 เราก็ตัดสินใจเข้าไปทดสอบ วัดระดับภาษาอังกฤษ ที่สถาบันลิ้นเป็นธงชาติอเมริกา ผลออกมาเราพอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษในเรื่องขอการอ่าน และคำศัพท์ค่อนข้างโอเค แต่ที่เน่าที่สุดน่าจะเป็นแกรมม่า ที่เราได้คะแนนแค่10% พนักงานจึงแนะนำว่า เราควรจะเริ่มที่เลเวลต่ำกว่าที่เราทดสอบได้1 เลเวล เพื่อปรับพื้นฐานแกรมม่าให้ดีขึ้น เราตกลงลงเรียน6เล่ม อีก2เล่ม คือของแถม จ่ายเงินแบบผ่อนจ่ายราวๆ120,000บาท ระยะเวลาเรียน2ปี
ปีแรกที่ไปเรียน เราไปเรียนแทบทุกวัน สถาบันอยู่ในห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งหนึ่งย่านบางนา เราไปเรียน  เดินห้าง จนรู้ทุกซอก ทุกมุม รู้ขนาดแข่งช้อปปิ้งกับห้าง เรากับเพื่อนได้รองอันดับ1 ได้บัตรเงินสดมาถึง80,000บาท😂
วันแรกๆ ที่ไปเรียน ค่อนข้างตื่นเต้น เราเจอนักเรียนคนอื่น ที่มาจากหลากหลายอาชีพ บางคนพูกเก่งแล้ว มาเรียนเพิ่ม บางคนเรียนเพื่อเตรียมตัวสอบ ไปเรียนเมืองนอก เรายังไม่เชื่อมั่นในตัวเองนักว่า เราจะสามารถพูดได้จริงอย่างที่สถาบันการันตี ครั้งแรกที่จบบทเรียน เราจะต้องไปสอบกับครูหนุ่มหล่อ ชาวอเมริกัน ฮีหล่อเหมือนรูปปั้นเลย จบกายภาพบำบัด จากที่โน่น แล้วมาเที่ยวไทย เงินหมดจึงมาสอนหนังสือที่นี่ เราไปเกือบสายเพราะรถติดมาก แต่ก็ทันเวลา รีบวิ่งเข้าไปนั่ง ทั้งคลาสมีเราคนเดียว ฮีก็เริ่มถามให้เราแนะนำตัว เราก็พูดเรื่อยๆตามสไตล์เรา สำเนียงอเมริกันค่อนข้างชัดเจนและฟังง่าย พูดเทเบิ้ลชัดเจน โต๊ะแน่นอน เราเริ่มถามกลับว่าฮีชื่ออะไร มาจากที่ไหน มาไทยนานหรือยัง แต่ทุกครั้งที่ฮีถาม เราจะทวนประโยคซ้ำทุกครั้ง แล้วชอบขึ้นต้นประโยคด้วยเยส ฮีบอกหยุดๆ ไม่ได้ถามว่าใช่หรือไม่ ไม่ต้องพูด และห้ามพูดซ้ำประโยคที่ถามเด็ดขาด ให้ตอบกลับมาทันที เราร้อง โอ๊ย แล้วเราจะทำได้ยังไง ยูเป็นฝรั่งคนแรกเลยนะ ที่นั่งคุยกับชั้นนานแบบนี้
คลาสทดสอบจบลง ฮีชมว่าเรามีข้อดีอยู่1อย่างคือ เราไม่อาย เรากล้าพูด แบบนี้แป๊บเดียวก็พูดได้ ขอแค่อย่าเสียความมั่นใจ
ตอนนั้นที่สถาบัน นักเรียนยังน้อยมาก เราเป็นนักเรียนคนที่40 เพราะสถาบันเพิ่งมาเปิด ในห้างเปิดใหม่ เรียกว่าเปิดมาพร้อมๆกับห้างนั่นแหล่ะ เรามีเวลาว่างช่วงกลางวัน ซึ่งนักเรียนคนอื่นเค้าไม่ว่าง ความโชคดีจึงบังเกิด เรามีคลาสเรียน ซึ่เป็นคลาสกิจกรรม ส่วนใหญ่ก็นั่งคุยกัน บางครั้งคลาสเรียนเราได้ครูมานั่งคุยถึง2คน ครั้งหนึ่ง มีอาจารย์อังกฤษมาคุยด้วย เราจึงเริ่มรู้สึกว่า สำเนียงบริติช มันยากจัง เราจะต้องฝึกฝน เพื่อให้เราสามารถสื่อสารกับพวกฮีได้ ทำไงดีๆ
1)เรากลับมายืนพูดหน้ากระจกทุกวัน วันละเป็นชั่วโมงๆเลย ว่าวันนี้เราทำอะไรมาบ้าง เจออะไรบ้าง ศัพท์ไหนไม่รู้จด ค่อยไปหาคำแปลเอาทีหลัง บางทีก็กำหนดหัวข้อว่าเราอยากจะพูดเรื่องอะไร แล้วก็นึกๆ พูดๆไปเรื่อยๆ
2)เราไม่เคยท่องศัพท์ อาศัยใช้บ่อยๆ เดี๋ยวจำได้ไปเอง
3)คิดทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจำวัน บางทีมีคนมาถามเราแบบนี้ เราก็มานั่งเรียบเรียง ว่าภาษาอังกฤษประโยคนี้พูดยังไง
4)เวลาฟังฝรั่งคุยกัน ให้ผ่อนคลายตัวเอง อย่าเครียด อย่าพยายามจับจุด บางทีการตั้งใจฟังมากเกิน ทำให้เรามัวแต่ไปจดจ่ออยู่กับคำพูดด้านหน้า ที่พูดผ่านไปแล้ว ที่เค้าพูดมาทีหลังก็ไม่ได้ฟัง คราวนี้สรุปว่า เลยไม่รู้เรื่องไปเลย
5)สร้างสภาพแวดล้อมในการใช้ภาษาอังกฤษ หาเพื่อนที่ต้องการ ฝึกฝนภาษาเหมือนกัน แล้วพูดกันเป็นภาษาอังกฤษ ยิ่งมีเพื่อนเป็นNative speker เลยยิ่งดี ถ้าเค้ายินดีช่วย จะมีประโยชน์กับผู้ที่กำลังฝึกฝนภาษามากๆ เราเริ่มสร้างเพื่อนกลุ่มแรกๆ จากครูของเรา ทำขนมไปฝาก ชวนออกไปเที่ยว เพื่อที่จะได้ใช้ภาษาและบทสนทนาที่หลากหลายขึ้น และทางสถาบันจะมีแอพลิเคชั่นนึงมาให้ เป็นลักษณะคล้ายห้องแชท ที่จะมีนักเรียนจากสถาบัน ทุกสาขาทั่วโลก เข้ามาออนไลน์ เราก็ไปได้เพื่อนจากที่นั่นมาหลายคน จากเวปฝึกภาษาต่างๆ จากPenpalsก็มี
ผ่านไปเพียง1เดือน เราก็กลายมาเป็นเพื่อนกับครูของตัวเอง บทสนทนาเริ่มหลากหลายขึ้น มีความใกล้ชิด และเป็นกันเองมากขึ้น เริ่มมีกิจกรรมกับเพื่อนๆคนอื่น ชวนครูออกไปเที่ยว ไปทำกิจกรรมนอกสถาบัน อารมณ์เพื่อนชวนกันเที่ยวนั่นแหล่ะ
ภาษาอังกฤษของเราพัฒนาไปเร็วมาก จนหลายๆคนเอ่ยปาก รวมถึงครูๆเอง เธอดีขึ้นเยอะจริงๆ วันแรกๆชั้นจำเธอได้ เธอยังทวนประโยคคำถามของชั้นอยู่เลย
เริ่มพูดได้แล้ว แต่ทำไมฟังสำเนียงบริติช มันช่างอย่างเย็น ผ่านไปอีก3-4เดือน เราเริ่มคุ้นเคยกับสำเนียงของเมืองผู้ดีมากขึ้น และครูชาวอเมริกันคนแรกของเรา เค้าก็จากลาสถาบันสอนภาษา ออกเดินทางไปประเทศอื่นต่อไป ต่อมาในสถาบันจึงมีครูทั้งหมดมาจากเมืองผู้ดี ตายๆ สำเนียงบ้านเค้า เหมือนเมืองไทยในหลายๆภาคเลย มีพูดช้า มีพูดเร็ว มีพูดรัว โดยรวม เอ๋อไปเป็นเดือน สุดท้ายจึงเริ่มฟังเข้าใจ
8เดือนผ่านไป กับกิจกรรมในสถาบันที่มีมากมาย ปาร์ตี้ใหญ่ๆ มีทุกเดือน มีเพื่อนเพิ่มขึ้น ได้แต่งตัวเข้าร่วมกิจกรรมมากขึ้น การเรียนการสอนเป็นไปแบบธรรมชาติ เน้นการใช้ชีวิต และสถานการณ์จริงที่ต้องเจอ มีไปเข้าคลาสชงกาแฟ ไปดูหนัง พาไปกินไอติม จัดปาร์ตี้ฮาโลวีน ฉลองคริสต์มาส ปาร์ตี้ชุดนอน ชุดนักเรียน ตีมชายหาด และอื่นๆ
เราซึมซับการใช้ภาษาอังกฤษ อย่างเป็นธรรมชาติ จนเราเรียนครบ1ปีเต็ม ความอยากพิสูจน์ตัวเองจึงเริ่มขึ้น เราจะสามารถใช้ภาษาอังกฤษ เอาตัวรอดในสถานการณ์จริงได้ไหมนะ อ่ะ ลองดู ไปอยู่ประเทศที่เค้าพูดภาษาอังกฤษดูสักปีดีกว่า
เราสนใจโปรแกรมออแพร์ คล้ายๆพี่เลี้ยงเด็ก และคนช่วยงานในบ้าน  เพราะไม่ต้องลงทุนมากมาย และได้เที่ยว ได้เรียนรู้วัฒนธรรมด้วย ระหว่างที่กำลังเลือก โชคก็เข้าข้างเรา เราออนไลน์ใบสมัครเพียงแค่2วัน เอเจนซี่ก็ทักมาว่า มีครอบครัวจากทางฮอลแลนด์ อยากสัมภาษณ์เรา การสัมภาษณ์ผ่านไปด้วยดี เราโต้ตอบได้ทุกคำถาม และผ่านไปอีก3วัน ครอบครัวนั้นก็ติดต่อกลับมา เค้าเลือกเรา จากทั้งหมด7คน ที่สัมภาษณ์ เอเจนซี่บอกเราว่า บ้านนี้เรื่องมาก เราก็แอบหวั่นใจ แต่ไม่เป็นไร ลองดูสักตั้ง ระหว่างที่กำลังรอวีซ่า เราก็ยังไปเรียนภาษาอย่างต่อเนื่อง และเตรียมตัวออกกำลังกาย เพราะจะไปอยู่ประเทศที่มีความหนาวเย็น
กลางเดือนตุลา ชีวิตใหม่ก็เริ่มขึ้น เราบินเอง ไปฮอลแลนด์ และนั่นคือการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของเรา โลกนี้มันใหญ่นัก ขอออกไปดูด้วยตาเราเสียหน่อยเถอะ
บินไปถึง หาแด๊ดไม่เจอ จึงไปเจรจากับคุณป้าท่านหนึ่งด้วยภาษาอังกฤษ ให้ช่วยโทรหาแด๊ดที เราหาฮีไม่เจอ เป็นอันเรียบร้อย แด๊ดมารับเรา
มาถึงบ้านหลังใหญ่มากๆ เราเจอมัมที่เป็นชาวแคนาดา และน้องอีก3คน เป็นความโชคดี เพราะมัมพูดภาษาอังกฤษกับน้อง จึงทำให้เราสามารถสื่อสารกับน้องได้ด้วยภาษาอังกฤษ เด็กเล็กๆที่นั่นหลายๆคน ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จึงสร้างความลำบากให้กับออแพร์มากเช่นกัน
ในช่วงเดือนแรก มัมเห็นว่าเราพูดภาษาได้ดี นางจึงเบาใจ เวลาสั่งให้ทำอะไร นางก็จะให้เราทวนงานอีกครั้ง ว่าเราเข้าใจจริงๆ กลางดึกของคืนวันหนึ่ง คืนเราเราเป็นพี่เลี้ยงนอกเวลา มัมโทรมา แล้วพูดอะไรสักอย่างเกือบ5นาที เราตั้งสติ และงงไปพักใหญ่ อ้าว มัมพูดกับเราเหรอ นึกว่าพูดกับคนข้างๆนางเสียอีก คนอะไรพูดเร็วมาก แต่ที่จับใจความได้คือ ให้ปิดบ้านให้ดี และเดินลงมาดูน้องที่ข้างล่างบ้าง อย่าปิดประตูห้องตัวเอง เผื่อน้องร้อง เราจะไม่ได้ยิน นางมีงานเลี้ยงในอัมสเตอร์ดัมและไม่สามารถกลับได้ตอนนี้
ใน1ปี ภาษาที่เราพูดคือภาษาอังกฤษ การพัฒนาทางภาษาจึงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ชื่อสินค้า:   เรียนภาษาอังกฤษ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่