ในปี2010 เราตัดสินใจ ไปพบหมอฟัน ซึ่งโดยปกติ เราเป็นคนที่รักษาสุขภาพฟันมาก คือเรียกได้ว่าพบหมอ จนหมอไม่มีอะไรจะทำให้ อยู่ดีๆ ฟันน้ำนมซี่สุดท้าย ในวัยเกือบ26 ปีซึ่งเป็นฟันกรามเล็กก็เกิดอาการโยก เราไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่ามันคือฟันน้ำนม เลยไปพบหมอ หมอตรวจฟันดูแล้วบอกว่า X-ray หน่อย โอย มันมีฟันแท้อยู่ด้านใน พร้อมเอานิ้วชี้ไปที่ภาพX-ray มาๆถอนออกดีกว่า เพียงแค่หมอสะกิดไปที่ฟันเบาๆ เจ้าฟันน้ำนมของเราก็แทบหลุดลงคอ หมอปรับเก้าอี้ให้ลุกขึ้นนั่ง ฟันหลอเรียบร้อย เอาไงดีล่ะทีนี้ หมอคะ หนูควรจัดฟัน หมอว่าเอางี้รอสัก3เดือน เผื่อฟันแท้มันจะเลื่อนลงมา วันเวลาผ่านไป ช่างไร้วี่แวว หมอคะ จัดฟันให้หนูเถอะ หมอจัดการX-ray คอมพิวเตอร์ทั้งปาก แล้วบอกว่า หนูเหงือกเยอะ ไม่ใช่ฟันยื่น ต้องไปผ่าตัด จัดฟันไป ยังไงก็ไม่สวยหรอก นึกในใจ ผ่าตัดขากรรไกร ราคาเป็นแสน แถมเจ็บตัวอีก ไม่ไหวๆ ลอไปปรึกษาหมอคลีนิคอื่นก็แล้วกัน เราไปพบหมอจัดฟันแบบทั่วไปของคลีนิคหนึ่ง หมอพูดแบบเดิม จัดไม่ได้ค่ะ ลองไปคุยกับคุณหมอจัดฟันแบบดาม่อน ด้านล่างดู เผื่อหมอจะมีคำแนะนำดีๆ เราไม่รอช้า เดินลงไป หมอสั่งอ้าปาก ชี้โน้น ชี้นี่ พร้อมบอกว่า จัดได้ๆ จัดแบบดาม่อน พร้อมปรับโครงสร้างใบหน้านะ 66,000 ไม่รวมค่าเคลียร์ช่องปาก เราตอบตกลง ไปถอนฟันเพิ่ม3ซี่ ตามที่หมอสั่ง แล้วมาพบหมออาทิตย์ถัดไป เริ่มติดเครื่องมือบน เครื่องมือล่าง มื้อแรกเรากินข้าวกับผัดสะตอ เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่ทรมาน หมอว่าใช้เวลาราวๆ2ปีครึ่ง ต้องพบหมอ เดือนเว้นเดือนเพื่อมาดึงลวด แล้วหมอก็ถามว่าเคยไปพบหมอที่อื่นมาก่อนไหม เราตอบเคย หมอถามต่อ เค้าว่าจัดไม่ได้ใช่ไหม เราตอบใช่ หมอบอกว่า จัดไปก็ไม่สวย สุดท้ายเรามาเจอคลินิกนี้
หมอบอกว่า เรามีปัญหา gummy smileคือยิ้มเห็นเหงือก เพราะเหงือกเยอะ ภาษาไทยเรีบกว่าภาวะแก้วหน้าม้า และมันยื่นเฉพาะเหงือกบน หมอวัดเบอร์ช่องปากให้เรา ข้างบนได้16 ข้างล่างได้เบอร์14 ซึ่งต่างกันถึง2เบอร์ แพลนการรักษาคือ ดึงเหงือกล่างออก ดันเหงือกบนเข้า วันเวลาผ่านไปจน2ปีครึ่ง เราได้งานที่ต่างประเทศทำ หมอจึงถอดเหล็กให้เรา เราไปติดต่อคลีนิคอีกแห่ง เพื่อตัดเหงือก เราว่าฟันเรามันเล็กไปนิด คุณหมอฟันคนนั้น คุยกับเราอยู่นาน แกอธิบายข้อเสียมากมาย จากการตัดเหงือก เหงือกจะร่นขึ้นไปอีก เมื่ออายุมากขึ้น หนูจะมีปัญหาโรคเหงือกตามมา คุณหมอเรียกผู้ช่วยในคลีนิค ทั้งหมด5คน มายืนเรียงกัน แบ้วถามเราว่า พี่ๆเค้าสวยไหม๊ เรายิ้ม หมอบอกว่า หนูสวยแล้ว สวยกว่าพี่ๆเค้าอีก เชื่อหมอเถอะ หมอเป็นหมอที่ดี มีจรรยาบรรณ หมอไม่อยากได้เงินหนู ขอให้มั่นใจ ในความเป็นตัวเราเอง
เราไปยุโรป พร้อมรีเทรนเนอร์2อัน อันแรกหาย อันที่2หัก 😅บัดซบจริง แต่เอาเถอะ ใส่แบบหักๆนี่ล่ะ เพราะมันขาดเฉพาะลวดด้านหน้า เราตัดลวดออก จนเหลือแต่โครง ผ่าน1ปีไปได้แบบใจหาย ใจคว่ำ กลัวจะต้องมาจัดฟันใหม่
เราดูBefore After ของคนอื่นมาเยอะ แต่ของเรามันช่างต่างแบบสุดขั้วจริงๆ เราไม่ได้ทำศัลยกรรมใดๆ นอกจากจัดฟันแบบดาม่อนเท่านั้น และอีกอย่างที่เพิ่มมาคือ ความมั่นใจ ในปี2012ระหว่างที่กำลังจัดฟัน เราไปลงเรียนภาษาอังกฤษ กับสถาบันสอนภาษาแห่งหนึ่ง ตอนนั้นยังผอม ดำ แต่งหน้าไม่เป็น ยิ่งเรียนไป ยิ่งมีกิจกรรมให้ทำ เราพบผู้คนหลากหลายอาชีพ หลายวัยมากขึ้น เริ่มมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะได้ลองทำหลายๆสิ่ง ที่ในชีวิตประจำวันไม่มีโอกาสได้ทำ เราเริ่มสนุกกับการแต่งตัว เราไม่แต่งตัวตามแฟชั่น เราแต่งตัวตามใจตัวเอง เราเริ่มหาสไตล์ของตัวเองพบ เราเริ่มฝึกฝนแต่งหน้า จนได้ไปยุโรป เราเพลิดเพลินกับการแต่งตัว ไปเที่ยว ถ่ายรูป คุณจะแต่งตัวแบบไหน ยังไง ที่โน่นไม่มีใครสนใจ เค้าไม่แคร์ ความมั่นใจที่มี ก็เพิ่มขึ้นไปอีก มาทำงานที่ได้พบปะผู้คน บวกกับเราชอบดูแลตัวเอง เราชอบพอกหน้า ขัดตัว ด้วยอุปกรณ์ง่ายๆจากในครัว ไม่ต้องไปซื้อสครับหลอดละหลายร้อย เราใช้กากกาแฟผสมน้ำผึ้ง มะนาว ผงสมุนไพร ขัดวนๆไป เวลาว่าง ทำบ่อย ไม่บ่อย ขึ้นอยู่กับความขยันของช่วงนั้น และทาออยส์หลังอาบเสร็จ เช็ดตัวแล้วมาทาครีม ผิวเราสีสม่ำเสมอ หน้าเราไม่มีกระ มีแต่จางมากสำหรับวัย32 และเราไม่เคยเสียเงินรักษาสิว เลเซอร์ โบท็อกซ์ หรือฉีดฟิลเลอร์ เราไม่กินวิตามินใดๆ เพราะขี้เกียจ และคิดว่าจะส่งภาระให้ตับมากเกินไป เราไม่เสียเงินเข้าร้านทำผม เราสระผมเอง อบทรีทเม้นท์เย็น เอาครีมหมักมาชโลม แล้วครอบหมวกพลาสติกไว้ วิธีนี้ได้ผลดีเช่นกัน เราไม่ทำเล็บ เพราะเปลือง และเจ็บ เห็นคนเป็นเล็บขบแล้วทรมาน 😂เราเสียเงินเฉพาะตัดผมเท่านั้น เงินของเราหมดไปกับการท่องเที่ยว ของกิน ร้านอาหารบรรยากาศดีๆ และของเล่น ของสะสม
ไม่เคยอดนอน ได้นอนเต็มที่เสมอ
เราไม่กินกาแฟ เพราะขม ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะไม่อร่อย
ทุกคนมีความสวยในแบบของตัวเอง ขอแค่คุณหาสไตล์ของตัวเองให้เจอ การศัลยกรรมไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่เราพอใจกับตัวเอง มีความสุขกับตัวเองแล้ว หลายครั้งเห็นคนศัลยกรรม ทั้งๆที่เรามองว่าเค้าสวยมากแล้ว
[CR] ศัลยกรรมความมั่นใจ ศัลยกรรมนี้ ที่ไม่ต้องผ่าตัดใดๆ
หมอบอกว่า เรามีปัญหา gummy smileคือยิ้มเห็นเหงือก เพราะเหงือกเยอะ ภาษาไทยเรีบกว่าภาวะแก้วหน้าม้า และมันยื่นเฉพาะเหงือกบน หมอวัดเบอร์ช่องปากให้เรา ข้างบนได้16 ข้างล่างได้เบอร์14 ซึ่งต่างกันถึง2เบอร์ แพลนการรักษาคือ ดึงเหงือกล่างออก ดันเหงือกบนเข้า วันเวลาผ่านไปจน2ปีครึ่ง เราได้งานที่ต่างประเทศทำ หมอจึงถอดเหล็กให้เรา เราไปติดต่อคลีนิคอีกแห่ง เพื่อตัดเหงือก เราว่าฟันเรามันเล็กไปนิด คุณหมอฟันคนนั้น คุยกับเราอยู่นาน แกอธิบายข้อเสียมากมาย จากการตัดเหงือก เหงือกจะร่นขึ้นไปอีก เมื่ออายุมากขึ้น หนูจะมีปัญหาโรคเหงือกตามมา คุณหมอเรียกผู้ช่วยในคลีนิค ทั้งหมด5คน มายืนเรียงกัน แบ้วถามเราว่า พี่ๆเค้าสวยไหม๊ เรายิ้ม หมอบอกว่า หนูสวยแล้ว สวยกว่าพี่ๆเค้าอีก เชื่อหมอเถอะ หมอเป็นหมอที่ดี มีจรรยาบรรณ หมอไม่อยากได้เงินหนู ขอให้มั่นใจ ในความเป็นตัวเราเอง
เราไปยุโรป พร้อมรีเทรนเนอร์2อัน อันแรกหาย อันที่2หัก 😅บัดซบจริง แต่เอาเถอะ ใส่แบบหักๆนี่ล่ะ เพราะมันขาดเฉพาะลวดด้านหน้า เราตัดลวดออก จนเหลือแต่โครง ผ่าน1ปีไปได้แบบใจหาย ใจคว่ำ กลัวจะต้องมาจัดฟันใหม่
เราดูBefore After ของคนอื่นมาเยอะ แต่ของเรามันช่างต่างแบบสุดขั้วจริงๆ เราไม่ได้ทำศัลยกรรมใดๆ นอกจากจัดฟันแบบดาม่อนเท่านั้น และอีกอย่างที่เพิ่มมาคือ ความมั่นใจ ในปี2012ระหว่างที่กำลังจัดฟัน เราไปลงเรียนภาษาอังกฤษ กับสถาบันสอนภาษาแห่งหนึ่ง ตอนนั้นยังผอม ดำ แต่งหน้าไม่เป็น ยิ่งเรียนไป ยิ่งมีกิจกรรมให้ทำ เราพบผู้คนหลากหลายอาชีพ หลายวัยมากขึ้น เริ่มมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะได้ลองทำหลายๆสิ่ง ที่ในชีวิตประจำวันไม่มีโอกาสได้ทำ เราเริ่มสนุกกับการแต่งตัว เราไม่แต่งตัวตามแฟชั่น เราแต่งตัวตามใจตัวเอง เราเริ่มหาสไตล์ของตัวเองพบ เราเริ่มฝึกฝนแต่งหน้า จนได้ไปยุโรป เราเพลิดเพลินกับการแต่งตัว ไปเที่ยว ถ่ายรูป คุณจะแต่งตัวแบบไหน ยังไง ที่โน่นไม่มีใครสนใจ เค้าไม่แคร์ ความมั่นใจที่มี ก็เพิ่มขึ้นไปอีก มาทำงานที่ได้พบปะผู้คน บวกกับเราชอบดูแลตัวเอง เราชอบพอกหน้า ขัดตัว ด้วยอุปกรณ์ง่ายๆจากในครัว ไม่ต้องไปซื้อสครับหลอดละหลายร้อย เราใช้กากกาแฟผสมน้ำผึ้ง มะนาว ผงสมุนไพร ขัดวนๆไป เวลาว่าง ทำบ่อย ไม่บ่อย ขึ้นอยู่กับความขยันของช่วงนั้น และทาออยส์หลังอาบเสร็จ เช็ดตัวแล้วมาทาครีม ผิวเราสีสม่ำเสมอ หน้าเราไม่มีกระ มีแต่จางมากสำหรับวัย32 และเราไม่เคยเสียเงินรักษาสิว เลเซอร์ โบท็อกซ์ หรือฉีดฟิลเลอร์ เราไม่กินวิตามินใดๆ เพราะขี้เกียจ และคิดว่าจะส่งภาระให้ตับมากเกินไป เราไม่เสียเงินเข้าร้านทำผม เราสระผมเอง อบทรีทเม้นท์เย็น เอาครีมหมักมาชโลม แล้วครอบหมวกพลาสติกไว้ วิธีนี้ได้ผลดีเช่นกัน เราไม่ทำเล็บ เพราะเปลือง และเจ็บ เห็นคนเป็นเล็บขบแล้วทรมาน 😂เราเสียเงินเฉพาะตัดผมเท่านั้น เงินของเราหมดไปกับการท่องเที่ยว ของกิน ร้านอาหารบรรยากาศดีๆ และของเล่น ของสะสม
ไม่เคยอดนอน ได้นอนเต็มที่เสมอ
เราไม่กินกาแฟ เพราะขม ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะไม่อร่อย
ทุกคนมีความสวยในแบบของตัวเอง ขอแค่คุณหาสไตล์ของตัวเองให้เจอ การศัลยกรรมไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่เราพอใจกับตัวเอง มีความสุขกับตัวเองแล้ว หลายครั้งเห็นคนศัลยกรรม ทั้งๆที่เรามองว่าเค้าสวยมากแล้ว