กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา ก่อนอื้นเราขอเล่าก่อนเราเรียนครูมาโดยตรง เรียนจบสามารถสอบบรรจุได้ที่ 1 ของจังหวัดหนึ่ง และรับราชการมาได้อย่างดี มีผลงานเป็นที่ประจักษ์มากมาย  สามารถสอบโครงการครูคืนถิ่นได้ (สอบภาษาผ่านครั้งแรกด้วย) จนได้เป็นนักเรียนทุนโครงการนี้  และเขาจะวัดว่าใครได้ลำดับ 1 หรือ 2 จากคะแนนสัมภาษณ์ 50 คะแนนเท่านั้น เพื่อให้เลือกโรงเรียนก่อน วันสัมภาษณ์เราเตรียมแฟ้ม และผลงานไปด้วย แต่อีกคนไม่มีอะไรเลย  (สอบบรรจุก็ไม่เคยติด ไม่เคยขึ้นบัญชีด้วยซ้ำ ภาษาอังกฤษก็สอบหลายรอบกว่าจะผ่าน)แต่เขาเป็นหลานของคนในเขตซึ่งเรารู้อยู่แล้ว ใครๆก็รู้ เราเลยเอาผลงานมาสู้ และมั่นใจจากประสบการณ์ แต่เมื่อผลออกมา เขาได้คะแนนมากกว่า หลายคนไม่เชื่อพอไปถามที่เขตแถว่า คะแนนเท่าๆกัน แต่มาตัดกันที่คนนั้นเก่งกว่า เพราะเขาได้เกียรตินิยมอันดับ 1 (จากมหาวิทยาลัยที่ไม่ใช่มหาวิทยาลัยรัฐบาล) และเขาบอกว่าเราต้องยอม เพราะเราด้อยกว่า (เกียรตินิยม อันดับ 2 ม.หลักของรัฐ) ******ขอเพิ่มเติม ของเรากรรมการสัมภาษณ์ไ่ได้ถามอะไรมาก แบบความคิดเห็นที่ 16 บอก กรรมการแค่ให้แนะนำตัว ถามว่าเป็นคนอำเภออะไร อยากได้ รร อะไร แค่นี้เอง เปิดๆดูแฟ้มของเราแล้วบอกว่าผลงานเยอะ ทำดีมากๆเลย (ปล.บ้านเราใกล้รร.ในเมืองมากๆ พอไปนอกก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก) ยอมใจถ้าจะโกงแล้วแถขนาดนี้  ประสบการณ์อะไรไม่ต้องมี ขอแค่มีเส้นพอ เเย่!!!!  มีสองโรงเรียน ให้เลือกใครได้คะแนนสัมภาษณ์มากกว่าเลือกก่อน มีในเมือง กับห่างไกล กลัวหลานตัวเองลำบากเลยโกง ไร้ศักดิ์ศรี แบบนี้เอื้อประโยชน์กันชัดๆ นี่หรือคือครูที่จะมาสอนคน

ปล.แก้ไขเพิ่มเติม ผมว่าข้อสอบโครงการนี้ง่ายครับ ข้อเขียน 3 ข้อ  วัดอะไรจริงๆไม่ได้ ภาษาอังกฤษ 400 นี่ไม่ต้องเอกภาษาอังกฤษก็ทำได้ครับ ผมว่าครูรุ่นก่อนๆหน้า หรือคนเก่งที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการนี้และไปบรรจุอยู่ต่างจังหวัดไกลๆ เพราะจังหวัดบ้านเกิดไม่เปิดสอบมีฝีไม้ลายมือที่เก่ง ควรได้รับการเข้าโครงการนี้มากกว่า (รุ่นที่เข้าโครงการนี้จำได้ไหมครับ ประท้วงจะขอลดคะแนนภาษา ขอให้เหลือ 250 บ้างล่ะ) เอาอัตราครูคืนถิ่น มารวมรอบสอบบรรจุทั่วไปเลยดีกว่า จะได้เเข่งขันอย่างสมบูรณ์คัดคนเน้นๆเป็นรูปธรรม และยุติธรรมที่สุดไปเลย(ถึงจะช่วยกันรอบสัมภาษณ์ได้ แต่สอบบรรจุทั่วไปเอาคะแนน สอบวิชาการภาค ก และ ข มาคิดด้วย) สัมภาษณ์อย่างเดียวเอื้อประโยชน์แน่นอน