คือขอเกริ่นเรื่องก่อนนะค่ะ คือก่อนที่เรื่องมันจะเกิดขึ้น เรากับแฟน(เก่า)เรา คุยกันมาได้สักระยะหนึ่งก่อนที่จะตอบตกลงคบกัน
ซึ่งก่อนหน้านี้ ผช เลิกกับแฟนเก่าของนางมาประมาณ 4-5 เดือน เท่าที่เรารู้มานะ นางโตกว่าเราประมาณ 4 ปี
นางทำงานแล้วนะค่ะ ซึ่งถ้าถามว่าการงานโอเคมั้ย ก็โอเคค่ะ งานเขาต้องอยู่ในกฏระเบียบ วินัย อะไรประมาณนี้แหละ
ในขณะที่เราทั้งเรียนไปด้วยแล้วก็ทำงานไปด้วยค่ะ ผช เป็นคนเข้ามาจีบเราก่อนนะค่ะ คือก็ทำดีด้วยต่าง ๆ นา ๆ อะ ตามภาษาคนจีบกันแรก ๆ อะเนอะ
ซึ่งแรก ๆ เราก็ไม่อะไรนะ ก็คิดว่าคนเรามันก็คงทำดีแค่แรก ๆ คงไม่คิดมาจริงใจอะไรมากหรอก แต่ด้วยความพยายามของเขาหลาย ๆ อย่างพอนานไปมันเหมือนทำให้เราเริ่มเห็นความพยายามของนาง เราก็เลยโอเคค่ะยอมคุยด้วย ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนไม่ค่อยตอบแชทนางนะ #เราเป็นคนโลกส่วนตัวสูงไปหน่อย จากนั้นเราก็เริ่มคุยกันมากกว่าปกติ จากพิมพ์คุยก็เปลี่ยนเป็นโทรคุยกัน มันเลยทำให้เราสนิทกันมากกว่าเดิม จากนั้นเราก็มีนัดไปดูหนังกันบ้าง กินข้าวกันบ้าง เจอกันเหมือนคนปกติทั่วไปอะ ตอนนั้นก็เรียกว่าเป็นคนคุยก็ได้นะ หลังจากที่เราเริ่มรู้สึกว่าเรากลายเป็นรอยยิ้มของกันและกัน มันก็ทำให้เราเริ่มมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน แต่ยังไม่ได้คบกันนะ แค่คุยกันแล้วทำตัวเหมือนแฟน แต่ยังไม่ใช่แฟนอะ เข้าใจใช่ปะ ??
จนมาถึงวันหนึ่ง วันนั้นเป็นวันสอบมิดเทอมของเราค่ะ ซึ่งเรากำลังจะเข้าสอบ นางแชทมาบอกเราว่าหลังสอบเสร็จมีอะไรจะบอกนะ ในใจตอนนั้นก็คิดแบบเรื่องดีหรือไม่ดีนะ คิดไปต่าง ๆ นา ๆ แบบมันลุ้น ๆ อะ เราก็เลยบอกเขาไปว่า บอกมาเลยได้ไหม ไม่ต้องรอสอบเสร็จหรอก กลัวสอบไม่รู้เรื่อง นางเลยบอกเราว่าอีก 6 เดือนนางต้องไปเรียนนะ ไปเรียนเกี่ยวกับหลักสูตรเกี่ยวกับงานที่เขาทำแหละค่ะ ซึ่งคงจะไม่ค่อยได้เล่นโซเชียลสักเท่าไหร่ เพราะเรียนก็ จ-ศ แล้ว โทรศัพท์ก็ต้องเอาไว้บ้าน 3 เดือนแรกได้กลับบ้าน ส-อา แต่ 3 เดือนสุดท้ายไม่ได้กลับค่ะ หลังจากพอรู้เรื่องตอนนั้นความรู้สึกเหมือนแบบ เอ้าเห้ย !! เพิ่งคุยกันเพิ่งรู้สึกดีด้วย จะต้องห่างกันแล้วหรอ นู้นนั้นนี่บลา ๆ ก็เลยบอกเขาว่าเดี๋ยวสอบเสร็จมาคุยด้วยนะ พอสอบเสร็จเราก็มาคุยกับเขาค่ะ ถามว่าทำไมเพิ่งบอกว่าจะไป เขาก็บอกว่าผลประกาศเพิ่งออกมา ที่ยังไม่บอกตั้ง ๆ แรก ๆ ที่คุยกัน เพราะกลัวเราจะหายไปแบบไม่คุยกับนางอีกเพราะว่าเดี๋ยวนางก็ไม่อยู่แล้วอะไรแบบนี้ เราก็แบบไม่ต้องคิดมาก ๆ เธอไปเรียนเถอะ เดี๋ยวเรารอ ก็พูดคุยกันแบบขำ ๆ อะ ไม่อยากให้เขาคิดมาก แต่ก็ยังไม่ได้คบกันนะ เราก็ไม่รู้ว่าทำไมเราต้องเลือกที่จะรอนาง หลังจากนั้นเราก็คุยกันปกติเหมือนเดิมค่ะ เพราะกว่านางจะไปก็ 2 พย 60 นู้น ซึ่งวันที่เรารู้เรื่อง คือเรามีเวลาที่จะใช้ร่วมกับนางอีกแค่สองเดือนเอง เราก็เลยแกล้งพูดชวนนางว่า เอ้อ ! ก่อนจะไปฝึกเราไปเที่ยวกันไหม เพราะเดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันแล้ว กว่าจะเจอกันก็อีกตั้ง 6 เดือน นางก็โอเคค่ะ นางเลยชวนเราไปภูทับเบิก เราก็บอกโอเคก็คุย ๆ กันแล้วก็นัดวันกันไป
วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน 2560 คือวันที่เราไปเที่ยวภูทับเบิกด้วยกัน พร้อมกับตกลงคบกันค่ะ
บอกก่อนนะว่าก่อนหน้าที่ราจะคบกัน เราคุยกันแทบทุกเวลา เวลาทำงานเราไลน์หากันตลอดแล้วแต่เวลาว่างของแต่ล่ะคน โทรหากันทุกเที่ยงเวลากินข้าว พอเลิกงานประมาณ 5 โมง กลับมาบ้าน เราก็คุยกันตลอดจนถึงเวลานอน เพราะเราค้างสายคุยกันแล้วเล่นเกม ROV ด้วยกัน นี่เป็นกิจวัตรประจำวันของเราทั้งคู่ จนเมื่อมาถึงวันที่ไปเที่ยวทุกอย่างก็ดูปกตินะ ปกติทุกอย่าง โทรศัพท์างก็ไม่มีคนโทรเข้า ไม่มีคนแชทเข้ามา เราขอยืมโทรศัพท์นางก็ยื่นให้แบบไม่หวงค่ะ ซึ่งเราก็คิดว่านางคงไม่มีใครจริง ๆ เพราะตอนกลางคืนตอนที่นางหลับแต่เรายังไม่หลับ เราก็ดูโทรศัพท์นางก็ไม่มีแม้แต่การโทรเข้าหรือแชทใด ๆ ทั้งสิ้น มันเลยทำให้เรายิ่งเชื่อใจเขาไปอีก ว่าเขาไม่มีใคร เพราะเราคุยด้วยกันตลอดเวลาไง
จนวันที่เรากลับมาจากไปเที่ยวกัน เราก็คุยกันปกตินะ เหมือนเดิมทุกอย่างไม่มีทีท่าว่านางจะมีคนอื่นหรือทำตัวไม่ปกติ เพราะเราก็ยังมาเจอกัน ไปกินข้าวด้วยกันหลังจากที่กลับมาจากไปเที่ยว จนเมื่อวันที่ 28 กันยายน นางทักมาบอกเราว่า มีงานเข้าด่วนนางต้องไปทำงานนะวันเสาร์ซึ่งนางจะกลับก็คงวันอาทิตย์เย็น ๆ นางบอกเราว่าที่ที่นางไปอาจจะไม่ค่อยมีคลื่นนะ อาจจะทำให้ไม่ค่อยได้คุยกัน ซึ่งจริง ๆ เสาร์ที่นางจะไปคือเสาร์ที่นางไม่ได้ทำงาน แต่เราก็เข้าใจนะก็เลยไม่ถามอะไร เพราะรู้ว่านางทำงานเกี่ยวกับอะไรเลยไม่ถามอะไรมากมาย คืนนั้นก็ผ่านไปปกติ จนวันศุกร์ที่ 29 กันยายน ประมาณบ่าย 3 นาง Line มาบอกว่า นางทำงานเสร็จแล้วนะกำลังจะกลับไปเตรียมของเพราะต้องขึ้นเครื่องคืนวันศุกร์ เราก็บอกว่าโอเคเตรียมของไปให้ครบนะ เดินทางปลอดภัยนะ คงไม่ค่อยได้คุยกันสินะ ไปตั้ง 2 วัน คิดถึงกันบ้างนะ นู้นนั้นนี่ตามภาษาคนเพิ่งคบกันอะเนอะ แต่วันศุกร์ตอนที่นางกำลังจะไปอยู่ดี ๆ เราก็รู้สึกแปลก ๆ อะ เหมือนเซ้นต์ของตัวเองบอกว่านางไม่ได้ไปทำงาน ตอนนั้นก็คิดแค่อย่างเดียวว่าคิดมากไปรึป่าว คงไม่มีอะไรหรอก เขาแค่ไปทำงาน จนประมาณ 6 โมงเย็น นางก็ส่งรูปมาแล้วบอกว่ากำลังรอขึ้นเครื่องนะ เดี๋ยวจะไปขึ้นเครื่องแล้ว แล้วหลังจากนั้นก็หายไปเลยจ้า เราก็เลยแบบไม่อยากงี่เง่าเนอะ ก็เลยไม่ได้อะไรมากเพราะคิดว่าเขาไปทำงาน แต่เซ้นต์ตัวเองบอกไม่ใช่ จนวันเสาร์ที่ 30 กันยายน ประมาณ 7 โมงเช้า นาง Line มาหาเราพร้อมกับส่งรูปมาให้ดูแล้วถามเราว่า เป็นยังไงบ้างเขาหล่อไหม นี่เขาส่งรูปตั้งแต่ตี 5 นะ แต่เวลาที่ขึ้นในไลน์ตอนนั้นมัน 7 โมงกว่า ๆ เราก็ไม่ได้อะไร คิดว่าคลื่นมันคงไม่ค่อยมีจริง ๆ มันคงดีเลย์ คิดในแง่ดีไปอี๊กกกกกกก แล้วหลังจากนั้นนางก็หายไปเลยจ้ะทั้งวันเสาร์ เราก็ทักคุยกับเพื่อนเราตลอดนะว่ากูคิดว่าเขาไม่ได้ไปทำงานวะ กูคิดว่าเขาไปกับ ผญ แต่เพื่อนก็พยายามบอกว่าอย่าไปคิดมาก เขาไปทำงาน เราก็เออ ๆ ทำงานวะทำงาน สงสัยคิดมากไป
จนวันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม ประมาณ 11 โมงนางทักมาหาเราค่ะ บอกกำลังจะกลับ แล้วโทรมาหาเราเสียงอยู่ในห้องน้ำ โทรมาบอกเราว่ากำลังกลับนะ เนี้ยเขาท้องเสียเลยขอเขาแวะปั๊ม เดี๋ยวกลับถึงบ้านเดี๋ยวทักหานะ เราก็แบบโอเคทักมาด้วยนะ แต่ในใจตอนนั้นมันเหมือนเซ้นต์มันยิ่งบอกแรงกว่าเดิมว่าเขาไม่ได้ไปทำงาน เราเลย Line ไปทิ้งไว้ว่า รีบ ๆ กลับมานะมีเรื่องไรคุยด้วยเยอะแยะเลย แบบขำ ๆ จนประมาณบ่ายกว่า ๆ มีแชทหนึ่งแชทมาหาเรา Facebook พร้อมกับส่งรูปมาให้เราดู เป็นรูปแฟน(เก่า)เรากำลังยืนชมวิวแบบมีความสุขจ้า ตอนนั้นรู้สึกแบบเห้ยโดนโกหกหรอวะ ทำไมเนียนจัง ไม่รู้ว่าเพราะไว้ใจมากเกินไปรึป่าว ที่ไม่จี้ไม่ตาม ซึ่งแชทที่แชทเข้ามาหาเราเป็นแฟนเก่านางจ้า พีคสุดคือพาไปที่เดียวกันด้วยนะจ้ะ ภูทับเบิกที่เดียวกันเลย ตอนนั้นรู้สึกแบบจุกมาก ทำอะไรไม่ถูกแต่ก็ไม่ร้องไห้นะ แค่ในหัวมีแต่คำถามว่าทำไม ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ สิ่งที่เราคิดไว้คือมันเกิดขึ้นจริง ๆ นางไม่ได้ไปทำงาน เราเลยถามกลับไปว่าอยู่ด้วยกันใช่ไหม ผญ ก็ตอบมาว่าใช่ เราก็เลยแคปที่ ผญ คนนี้ทักมาแล้วส่งไปให้แฟน(เก่า)ดู แล้วถามว่าคืออะไร นางก็โทรมาแล้วก็บอกว่าคือ ผญ ให้พามา เราเลยถามกลับไปแบบใจเย็นว่าแล้วพาไปทำไม สมองคิดอะไรอยู่ ตอนนี้เธอมีแฟนอยู่แล้วนะทำไมทำอะไรไม่คิดถึงเราบ้าง แล้วเราก็เลยถามไปอีกคำถามหนึ่งว่ามีอะไรกันด้วยใช่ปะ นางก็ตอบกลับมาแค่ขอโทษจ้า ถึงบ้านเดี๋ยวโทรหานะ ตัวคุยกับเขาก่อนนะนู้นนั้นนี่ เราก็ไม่อะไรนะไม่ตื้อไม่ตามไม่อะไร แล้วแฟนเก่านางก็โทรเฟสมาหาเราจ้า ถามเราว่าจะเอายังไง เราก็บอกไม่รู้สิ ยังไงก็ได้แล้วแต่เลย แล้วนางก็เล่าว่าแฟน(เก่า)เราชอบไปหานาง ชอบไปตามง้อนาง ซึ่งเราก็ งง หน่อย ๆ นะไม่รู้จะเชื่อใคร เพราะ ผช พูดอีกอย่าง ผญ พูดอีกอย่าง เราก็เลยไม่ค่อยอะไร หลังจากคุยจบก็มีประโยคหนึ่งที่แฟนเก่านางพิมพ์มาว่า "ไม่ได้อะไรนะ อยากจะคบต่อก็เชิญ" ซึ่งเราก็ไม่ได้ตอบอะไรไป จนนางไปส่งกันเสร็จ แฟน(เก่า)เราก็โทรมาคุยกับเรา โทรมาขอโทษเรา บอกว่ารักเราอย่างนู้นอย่างนี้ ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำ แต่ความรู้สึกเราตอนนั้นเหมือนมันชาไปหมดแล้วอะ คืองงใจมาก ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
สรุปคือ อาทิตย์ก่อนหน้านี้นางพาเราไปเที่ยวที่ภูทับเบิกมา แล้วอาทิตย์ต่อมานางก็พาแฟนเก่านางไปที่เดียวกับเรา เราก็แค่อยากรู้ว่าคนที่เขาทำแบบนี้อะเขาคิดอะไรปะวะก่อนทำอะ ?? คือเพิ่งพาเราไปเที่ยวมาเพิ่งคบกับเรา แล้วแฟนเก่าคือนางเลิกกันไปนานแล้ว แต่ที่กลับมาคุยกันคือพ่อ ผญ เพิ่งเสีย อันนี้เราเข้าใจนะ ว่าแสดงความเสียใจต่อกันได้ เราก็ไม่ได้ใจร้ายอะไรขนาดนั้น แต่มันถึงขั้นที่จะต้องพากันไปเที่ยว ไปแอบมีอะไรกันทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีแฟนแล้วอะหรอ ?? เราเข้าใจนะว่าก่อนหน้านี้คุณเคยคบกันมาก็จริง แต่คุณค่ะตอนนี้คุณคบฉันอยู่นะคุณใช้สมองส่วนไหนคิดที่เลือกที่จะทำแบบนี้ ทำอะไรไม่ละอายใจตัวเองบ้างหรอ ต่อให้คุณจะเคยคบกันแต่ถ้าหากคุณยังรักกันอยู่คุณจะมาขออีกคนคบทำไม คุณเพิ่งกลับมาคุยกันตอนที่คุณเพิ่งขอเราคบ แล้วสุดท้ายคุณก็ทิ้งเราเพื่อกลับไปคบกับแฟนเก่า แต่คุณก็ยังทักมาบอกว่ารักเรา แต่เลือกอะไรไม่ได้ What ? เลือกอะไรไม่ได้คืออะไรค่ะ ทำไมไม่ไปง้อกันก่อนจะมาขอคนอื่นคบ คือเราก็ไม่รู้นะว่าเจอแบบนี้แล้วเราควรที่จะรู้สึกยังไงทั้งที่ก่อนหน้านี้ทุกอย่างมันดีมาก ๆ เลย ไม่คิดว่าจะเจออะไรแบบนี้..
**ที่แสดงความคิดเห็นตอบบนกระทู้ แล้วให้เข้าไปดูใน Facebook จริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะโปรโมทหรืออะไรนะ แต่แค่มีคนพยายามบอกว่าเราแต่งเรื่อง ตอนแรกจะตอบแบบแนบรูปให้ดูแล้ว แต่มันไม่สามารถแนบได้เพราะต้องยืนยันตัวตนก่อนเลยให้เข้าไปดูที่อธิบายใน Facebook เราก็แค่อยากให้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ว่ามันเกิดขึ้นมาจริง ๆ ถ้าใครไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้ว่ามันแย่จริง ๆ แล้วกระทู้ก็ไม่ได้โทษใครด้วยนะ เอาจริง ๆ อ่านแล้วควรกรองในสิ่งที่พิมพ์มาทั้งหมดให้ดี เราแค่แชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับตัวเองให้คนอื่นได้ฟัง ว่ามันมีคนที่เคยเจอเรื่องแบบนี้ ใครจะมองว่ามันดูเหมือนนิยายก็ได้นะ เราไม่สามารถบังคับให้ใครมาเชื่อในสิ่งที่เราอธิบายได้...
ขอบคุณที่รับฟัง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
จะมีสักกี่คนที่กล้าทำแบบนี้ พาแฟนเก่าไปเที่ยวที่เดียวกับเรา ทั้งที่เพิ่งพาเราไปเที่ยวที่เดียวกันมา ????
ซึ่งก่อนหน้านี้ ผช เลิกกับแฟนเก่าของนางมาประมาณ 4-5 เดือน เท่าที่เรารู้มานะ นางโตกว่าเราประมาณ 4 ปี
นางทำงานแล้วนะค่ะ ซึ่งถ้าถามว่าการงานโอเคมั้ย ก็โอเคค่ะ งานเขาต้องอยู่ในกฏระเบียบ วินัย อะไรประมาณนี้แหละ
ในขณะที่เราทั้งเรียนไปด้วยแล้วก็ทำงานไปด้วยค่ะ ผช เป็นคนเข้ามาจีบเราก่อนนะค่ะ คือก็ทำดีด้วยต่าง ๆ นา ๆ อะ ตามภาษาคนจีบกันแรก ๆ อะเนอะ
ซึ่งแรก ๆ เราก็ไม่อะไรนะ ก็คิดว่าคนเรามันก็คงทำดีแค่แรก ๆ คงไม่คิดมาจริงใจอะไรมากหรอก แต่ด้วยความพยายามของเขาหลาย ๆ อย่างพอนานไปมันเหมือนทำให้เราเริ่มเห็นความพยายามของนาง เราก็เลยโอเคค่ะยอมคุยด้วย ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนไม่ค่อยตอบแชทนางนะ #เราเป็นคนโลกส่วนตัวสูงไปหน่อย จากนั้นเราก็เริ่มคุยกันมากกว่าปกติ จากพิมพ์คุยก็เปลี่ยนเป็นโทรคุยกัน มันเลยทำให้เราสนิทกันมากกว่าเดิม จากนั้นเราก็มีนัดไปดูหนังกันบ้าง กินข้าวกันบ้าง เจอกันเหมือนคนปกติทั่วไปอะ ตอนนั้นก็เรียกว่าเป็นคนคุยก็ได้นะ หลังจากที่เราเริ่มรู้สึกว่าเรากลายเป็นรอยยิ้มของกันและกัน มันก็ทำให้เราเริ่มมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน แต่ยังไม่ได้คบกันนะ แค่คุยกันแล้วทำตัวเหมือนแฟน แต่ยังไม่ใช่แฟนอะ เข้าใจใช่ปะ ??
จนมาถึงวันหนึ่ง วันนั้นเป็นวันสอบมิดเทอมของเราค่ะ ซึ่งเรากำลังจะเข้าสอบ นางแชทมาบอกเราว่าหลังสอบเสร็จมีอะไรจะบอกนะ ในใจตอนนั้นก็คิดแบบเรื่องดีหรือไม่ดีนะ คิดไปต่าง ๆ นา ๆ แบบมันลุ้น ๆ อะ เราก็เลยบอกเขาไปว่า บอกมาเลยได้ไหม ไม่ต้องรอสอบเสร็จหรอก กลัวสอบไม่รู้เรื่อง นางเลยบอกเราว่าอีก 6 เดือนนางต้องไปเรียนนะ ไปเรียนเกี่ยวกับหลักสูตรเกี่ยวกับงานที่เขาทำแหละค่ะ ซึ่งคงจะไม่ค่อยได้เล่นโซเชียลสักเท่าไหร่ เพราะเรียนก็ จ-ศ แล้ว โทรศัพท์ก็ต้องเอาไว้บ้าน 3 เดือนแรกได้กลับบ้าน ส-อา แต่ 3 เดือนสุดท้ายไม่ได้กลับค่ะ หลังจากพอรู้เรื่องตอนนั้นความรู้สึกเหมือนแบบ เอ้าเห้ย !! เพิ่งคุยกันเพิ่งรู้สึกดีด้วย จะต้องห่างกันแล้วหรอ นู้นนั้นนี่บลา ๆ ก็เลยบอกเขาว่าเดี๋ยวสอบเสร็จมาคุยด้วยนะ พอสอบเสร็จเราก็มาคุยกับเขาค่ะ ถามว่าทำไมเพิ่งบอกว่าจะไป เขาก็บอกว่าผลประกาศเพิ่งออกมา ที่ยังไม่บอกตั้ง ๆ แรก ๆ ที่คุยกัน เพราะกลัวเราจะหายไปแบบไม่คุยกับนางอีกเพราะว่าเดี๋ยวนางก็ไม่อยู่แล้วอะไรแบบนี้ เราก็แบบไม่ต้องคิดมาก ๆ เธอไปเรียนเถอะ เดี๋ยวเรารอ ก็พูดคุยกันแบบขำ ๆ อะ ไม่อยากให้เขาคิดมาก แต่ก็ยังไม่ได้คบกันนะ เราก็ไม่รู้ว่าทำไมเราต้องเลือกที่จะรอนาง หลังจากนั้นเราก็คุยกันปกติเหมือนเดิมค่ะ เพราะกว่านางจะไปก็ 2 พย 60 นู้น ซึ่งวันที่เรารู้เรื่อง คือเรามีเวลาที่จะใช้ร่วมกับนางอีกแค่สองเดือนเอง เราก็เลยแกล้งพูดชวนนางว่า เอ้อ ! ก่อนจะไปฝึกเราไปเที่ยวกันไหม เพราะเดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันแล้ว กว่าจะเจอกันก็อีกตั้ง 6 เดือน นางก็โอเคค่ะ นางเลยชวนเราไปภูทับเบิก เราก็บอกโอเคก็คุย ๆ กันแล้วก็นัดวันกันไป
วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน 2560 คือวันที่เราไปเที่ยวภูทับเบิกด้วยกัน พร้อมกับตกลงคบกันค่ะ
บอกก่อนนะว่าก่อนหน้าที่ราจะคบกัน เราคุยกันแทบทุกเวลา เวลาทำงานเราไลน์หากันตลอดแล้วแต่เวลาว่างของแต่ล่ะคน โทรหากันทุกเที่ยงเวลากินข้าว พอเลิกงานประมาณ 5 โมง กลับมาบ้าน เราก็คุยกันตลอดจนถึงเวลานอน เพราะเราค้างสายคุยกันแล้วเล่นเกม ROV ด้วยกัน นี่เป็นกิจวัตรประจำวันของเราทั้งคู่ จนเมื่อมาถึงวันที่ไปเที่ยวทุกอย่างก็ดูปกตินะ ปกติทุกอย่าง โทรศัพท์างก็ไม่มีคนโทรเข้า ไม่มีคนแชทเข้ามา เราขอยืมโทรศัพท์นางก็ยื่นให้แบบไม่หวงค่ะ ซึ่งเราก็คิดว่านางคงไม่มีใครจริง ๆ เพราะตอนกลางคืนตอนที่นางหลับแต่เรายังไม่หลับ เราก็ดูโทรศัพท์นางก็ไม่มีแม้แต่การโทรเข้าหรือแชทใด ๆ ทั้งสิ้น มันเลยทำให้เรายิ่งเชื่อใจเขาไปอีก ว่าเขาไม่มีใคร เพราะเราคุยด้วยกันตลอดเวลาไง
จนวันที่เรากลับมาจากไปเที่ยวกัน เราก็คุยกันปกตินะ เหมือนเดิมทุกอย่างไม่มีทีท่าว่านางจะมีคนอื่นหรือทำตัวไม่ปกติ เพราะเราก็ยังมาเจอกัน ไปกินข้าวด้วยกันหลังจากที่กลับมาจากไปเที่ยว จนเมื่อวันที่ 28 กันยายน นางทักมาบอกเราว่า มีงานเข้าด่วนนางต้องไปทำงานนะวันเสาร์ซึ่งนางจะกลับก็คงวันอาทิตย์เย็น ๆ นางบอกเราว่าที่ที่นางไปอาจจะไม่ค่อยมีคลื่นนะ อาจจะทำให้ไม่ค่อยได้คุยกัน ซึ่งจริง ๆ เสาร์ที่นางจะไปคือเสาร์ที่นางไม่ได้ทำงาน แต่เราก็เข้าใจนะก็เลยไม่ถามอะไร เพราะรู้ว่านางทำงานเกี่ยวกับอะไรเลยไม่ถามอะไรมากมาย คืนนั้นก็ผ่านไปปกติ จนวันศุกร์ที่ 29 กันยายน ประมาณบ่าย 3 นาง Line มาบอกว่า นางทำงานเสร็จแล้วนะกำลังจะกลับไปเตรียมของเพราะต้องขึ้นเครื่องคืนวันศุกร์ เราก็บอกว่าโอเคเตรียมของไปให้ครบนะ เดินทางปลอดภัยนะ คงไม่ค่อยได้คุยกันสินะ ไปตั้ง 2 วัน คิดถึงกันบ้างนะ นู้นนั้นนี่ตามภาษาคนเพิ่งคบกันอะเนอะ แต่วันศุกร์ตอนที่นางกำลังจะไปอยู่ดี ๆ เราก็รู้สึกแปลก ๆ อะ เหมือนเซ้นต์ของตัวเองบอกว่านางไม่ได้ไปทำงาน ตอนนั้นก็คิดแค่อย่างเดียวว่าคิดมากไปรึป่าว คงไม่มีอะไรหรอก เขาแค่ไปทำงาน จนประมาณ 6 โมงเย็น นางก็ส่งรูปมาแล้วบอกว่ากำลังรอขึ้นเครื่องนะ เดี๋ยวจะไปขึ้นเครื่องแล้ว แล้วหลังจากนั้นก็หายไปเลยจ้า เราก็เลยแบบไม่อยากงี่เง่าเนอะ ก็เลยไม่ได้อะไรมากเพราะคิดว่าเขาไปทำงาน แต่เซ้นต์ตัวเองบอกไม่ใช่ จนวันเสาร์ที่ 30 กันยายน ประมาณ 7 โมงเช้า นาง Line มาหาเราพร้อมกับส่งรูปมาให้ดูแล้วถามเราว่า เป็นยังไงบ้างเขาหล่อไหม นี่เขาส่งรูปตั้งแต่ตี 5 นะ แต่เวลาที่ขึ้นในไลน์ตอนนั้นมัน 7 โมงกว่า ๆ เราก็ไม่ได้อะไร คิดว่าคลื่นมันคงไม่ค่อยมีจริง ๆ มันคงดีเลย์ คิดในแง่ดีไปอี๊กกกกกกก แล้วหลังจากนั้นนางก็หายไปเลยจ้ะทั้งวันเสาร์ เราก็ทักคุยกับเพื่อนเราตลอดนะว่ากูคิดว่าเขาไม่ได้ไปทำงานวะ กูคิดว่าเขาไปกับ ผญ แต่เพื่อนก็พยายามบอกว่าอย่าไปคิดมาก เขาไปทำงาน เราก็เออ ๆ ทำงานวะทำงาน สงสัยคิดมากไป
จนวันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม ประมาณ 11 โมงนางทักมาหาเราค่ะ บอกกำลังจะกลับ แล้วโทรมาหาเราเสียงอยู่ในห้องน้ำ โทรมาบอกเราว่ากำลังกลับนะ เนี้ยเขาท้องเสียเลยขอเขาแวะปั๊ม เดี๋ยวกลับถึงบ้านเดี๋ยวทักหานะ เราก็แบบโอเคทักมาด้วยนะ แต่ในใจตอนนั้นมันเหมือนเซ้นต์มันยิ่งบอกแรงกว่าเดิมว่าเขาไม่ได้ไปทำงาน เราเลย Line ไปทิ้งไว้ว่า รีบ ๆ กลับมานะมีเรื่องไรคุยด้วยเยอะแยะเลย แบบขำ ๆ จนประมาณบ่ายกว่า ๆ มีแชทหนึ่งแชทมาหาเรา Facebook พร้อมกับส่งรูปมาให้เราดู เป็นรูปแฟน(เก่า)เรากำลังยืนชมวิวแบบมีความสุขจ้า ตอนนั้นรู้สึกแบบเห้ยโดนโกหกหรอวะ ทำไมเนียนจัง ไม่รู้ว่าเพราะไว้ใจมากเกินไปรึป่าว ที่ไม่จี้ไม่ตาม ซึ่งแชทที่แชทเข้ามาหาเราเป็นแฟนเก่านางจ้า พีคสุดคือพาไปที่เดียวกันด้วยนะจ้ะ ภูทับเบิกที่เดียวกันเลย ตอนนั้นรู้สึกแบบจุกมาก ทำอะไรไม่ถูกแต่ก็ไม่ร้องไห้นะ แค่ในหัวมีแต่คำถามว่าทำไม ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ สิ่งที่เราคิดไว้คือมันเกิดขึ้นจริง ๆ นางไม่ได้ไปทำงาน เราเลยถามกลับไปว่าอยู่ด้วยกันใช่ไหม ผญ ก็ตอบมาว่าใช่ เราก็เลยแคปที่ ผญ คนนี้ทักมาแล้วส่งไปให้แฟน(เก่า)ดู แล้วถามว่าคืออะไร นางก็โทรมาแล้วก็บอกว่าคือ ผญ ให้พามา เราเลยถามกลับไปแบบใจเย็นว่าแล้วพาไปทำไม สมองคิดอะไรอยู่ ตอนนี้เธอมีแฟนอยู่แล้วนะทำไมทำอะไรไม่คิดถึงเราบ้าง แล้วเราก็เลยถามไปอีกคำถามหนึ่งว่ามีอะไรกันด้วยใช่ปะ นางก็ตอบกลับมาแค่ขอโทษจ้า ถึงบ้านเดี๋ยวโทรหานะ ตัวคุยกับเขาก่อนนะนู้นนั้นนี่ เราก็ไม่อะไรนะไม่ตื้อไม่ตามไม่อะไร แล้วแฟนเก่านางก็โทรเฟสมาหาเราจ้า ถามเราว่าจะเอายังไง เราก็บอกไม่รู้สิ ยังไงก็ได้แล้วแต่เลย แล้วนางก็เล่าว่าแฟน(เก่า)เราชอบไปหานาง ชอบไปตามง้อนาง ซึ่งเราก็ งง หน่อย ๆ นะไม่รู้จะเชื่อใคร เพราะ ผช พูดอีกอย่าง ผญ พูดอีกอย่าง เราก็เลยไม่ค่อยอะไร หลังจากคุยจบก็มีประโยคหนึ่งที่แฟนเก่านางพิมพ์มาว่า "ไม่ได้อะไรนะ อยากจะคบต่อก็เชิญ" ซึ่งเราก็ไม่ได้ตอบอะไรไป จนนางไปส่งกันเสร็จ แฟน(เก่า)เราก็โทรมาคุยกับเรา โทรมาขอโทษเรา บอกว่ารักเราอย่างนู้นอย่างนี้ ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำ แต่ความรู้สึกเราตอนนั้นเหมือนมันชาไปหมดแล้วอะ คืองงใจมาก ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
สรุปคือ อาทิตย์ก่อนหน้านี้นางพาเราไปเที่ยวที่ภูทับเบิกมา แล้วอาทิตย์ต่อมานางก็พาแฟนเก่านางไปที่เดียวกับเรา เราก็แค่อยากรู้ว่าคนที่เขาทำแบบนี้อะเขาคิดอะไรปะวะก่อนทำอะ ?? คือเพิ่งพาเราไปเที่ยวมาเพิ่งคบกับเรา แล้วแฟนเก่าคือนางเลิกกันไปนานแล้ว แต่ที่กลับมาคุยกันคือพ่อ ผญ เพิ่งเสีย อันนี้เราเข้าใจนะ ว่าแสดงความเสียใจต่อกันได้ เราก็ไม่ได้ใจร้ายอะไรขนาดนั้น แต่มันถึงขั้นที่จะต้องพากันไปเที่ยว ไปแอบมีอะไรกันทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีแฟนแล้วอะหรอ ?? เราเข้าใจนะว่าก่อนหน้านี้คุณเคยคบกันมาก็จริง แต่คุณค่ะตอนนี้คุณคบฉันอยู่นะคุณใช้สมองส่วนไหนคิดที่เลือกที่จะทำแบบนี้ ทำอะไรไม่ละอายใจตัวเองบ้างหรอ ต่อให้คุณจะเคยคบกันแต่ถ้าหากคุณยังรักกันอยู่คุณจะมาขออีกคนคบทำไม คุณเพิ่งกลับมาคุยกันตอนที่คุณเพิ่งขอเราคบ แล้วสุดท้ายคุณก็ทิ้งเราเพื่อกลับไปคบกับแฟนเก่า แต่คุณก็ยังทักมาบอกว่ารักเรา แต่เลือกอะไรไม่ได้ What ? เลือกอะไรไม่ได้คืออะไรค่ะ ทำไมไม่ไปง้อกันก่อนจะมาขอคนอื่นคบ คือเราก็ไม่รู้นะว่าเจอแบบนี้แล้วเราควรที่จะรู้สึกยังไงทั้งที่ก่อนหน้านี้ทุกอย่างมันดีมาก ๆ เลย ไม่คิดว่าจะเจออะไรแบบนี้..
**ที่แสดงความคิดเห็นตอบบนกระทู้ แล้วให้เข้าไปดูใน Facebook จริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะโปรโมทหรืออะไรนะ แต่แค่มีคนพยายามบอกว่าเราแต่งเรื่อง ตอนแรกจะตอบแบบแนบรูปให้ดูแล้ว แต่มันไม่สามารถแนบได้เพราะต้องยืนยันตัวตนก่อนเลยให้เข้าไปดูที่อธิบายใน Facebook เราก็แค่อยากให้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ว่ามันเกิดขึ้นมาจริง ๆ ถ้าใครไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้ว่ามันแย่จริง ๆ แล้วกระทู้ก็ไม่ได้โทษใครด้วยนะ เอาจริง ๆ อ่านแล้วควรกรองในสิ่งที่พิมพ์มาทั้งหมดให้ดี เราแค่แชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับตัวเองให้คนอื่นได้ฟัง ว่ามันมีคนที่เคยเจอเรื่องแบบนี้ ใครจะมองว่ามันดูเหมือนนิยายก็ได้นะ เราไม่สามารถบังคับให้ใครมาเชื่อในสิ่งที่เราอธิบายได้...
ขอบคุณที่รับฟัง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ