เพื่อเตรียมรับการมาของ Wake Up, Girls! Shin Shou ที่กำลังจะฉายในสัปดาห์หน้า
ผมจึงขอนำเนื้อหาของ Wake Up, Girls! ในแต่ละภาค ทั้งอนิเมและมังงะเฉพาะภาคที่เสริมเนื้อหาหลักมาสรุปเรื่องราวให้ได้อ่านทบทวนกันอีกครั้ง
และผู้ที่อาจจะดูไม่จบ ไม่ได้ติดตามตั้งแต่แรก หรือขี้เกียจดูภาคแรกๆแต่รอชมภาคใหม่นี้ก็มาอ่านปูพื้นกันได้ครับ
ก่อนอื่นเรามาดูกันว่าซีรี่ย์นี้มีด้วยกันทั้งหมดกี่ภาคและมีมังงะภาคเสริมที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักอย่างไรบ้าง
เรื่องนี้ใช้การดำเนินเรื่องแบบ Real time ดังนั้นปีในเนื้อเรื่องแต่ละภาคคือปีเดียวกันกับที่ออกอากาศครับ
ลำดับเหตุการณ์ดังนี้
ภาค 1
1. Anime - Wake Up, Girls! Shichinin no Idol (Movie) ปี 2013
2. Manga - Little Challenger : Wake Up, Girls! side I-1 club ปลายปี 2013
3. Anime - Wake Up, Girls! (TV Series) ปี 2014
ภาค 2
4. Anime - Wake Up, Girls! Zoku Gekijouban (Movie) ปี 2015
- Part 1 Seishun no Kage (ครึ่งปีแรกของปี 2015)
- Part 2 Beyond the Bottom (ครึ่งปีหลังของปี 2015)
ภาค 3
5. Manga - Wake Up, Girls! Eternal senses ปี 2016
6. Anime - Wake Up, Girls! Shin Shou (TV Series)
ภาคล่าสุดกำลังจะฉายในวันที่ 10 ต.ค. 2017
จะขอใส่ Spoil เอาไว้เพื่อที่จะได้ไม่ลำบากเวลาเลื่อนจอนะครับ
เพราะถึงจะบอกว่าสรุปแต่ก็มีเนื้อหาและรูปเยอะอยู่ดี
1. Wake Up, Girls! Shichinin no Idol (Movie) ปี 2013
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 2013
ในยุคนี้เป็นยุคสมัยที่วงการไอดอลมีการแข่งขันสูงมาก และกลุ่มไอดอลที่จัดว่าเป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่นในขณะนั้นก็คือ I-1 club
ที่บริษัท Green Leaves Entertainment บริษัทเอเจนซี่เล็กๆแห่งหนึ่งในเซนได มีพนักงานแค่ 2 คนคือ
ทังเกะ จุนโกะ ตำแหน่งประธานบริษัท
มัตสึดะ โคเฮ ตำแหน่งผู้จัดการศิลปิน
Green Leaves กำลังประสบปัญหาขาดแคลนศิลปินเนื่องจากศิลปินคนสุดท้ายของบริษัท
ซัฟไฟร์เรโกะได้ลาออกไปทำงานที่โตเกียว (ตัวละครนี้จะมีบทอีกครั้งในภายหลัง)
ขณะนั้นเองประธานของบริษัท ทังเกะ จุนโกะ ก็เห็นข่าวของ I-1 club ในทีวี ก็เลยเกิดไอเดียอยากจะตั้งยูนิตไอดอลขึ้นมาบ้าง ทังเกะและมัตสึดะจึงได้ออกไปเป็นแมวมองหาเด็กสาวในเซนไดที่มีความสนใจจะเป็นไอดอลมาเข้าสังกัดของตน
มีเด็กสาวสมัครเข้าออดิชั่นด้วยกันทั้งหมด 6 คน ดังนี้
นานาเสะ โยชิโนะ
อดีตนักแสดงเด็ก แต่พอโตขึ้นงานก็น้อยลง ปัจจุบันทำงานเป็นนางแบบอยู่ในเซนได
โยชิโนะเคยมีความพยายามที่จะไปทำงานที่โตเกียวแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
ทังเกะจึงได้โน้มน้าวด้วยการบอกเธอให้ทำงานที่เซนไดให้ประสบความสำเร็จก่อนแล้วจึงค่อยไปในระดับโตเกียว
คาตายามะ มินามิ
เด็ก ม.ต้น ที่ทังเกะไปเจอเธอเข้าตอนที่ชนะเลิศการประกวดร้องเพลงพื้นบ้าน
มินามิถือเป็นขวัญใจของกลุ่มผู้สูงอายุในชมรมเพลงพื้นบ้านที่อิชิโนะมากิ
เป็นเด็กไร้เดียงสาที่กินเก่งยิ่งกว่าผู้ชาย ให้บรรยากาศแบบน้องสาว
ฮิซามิ นานามิ
เด็ก ม.ต้น ที่มีพื้นฐานการร้องเพลงและการเต้นดีมาก
เพราะเธอสนใจที่จะสมัครเข้าเรียนในสถาบันดนตรีฮิคาริสุกะ (เป็นพวกการแสดงละครเพลงด้วยนักแสดงหญิงล้วน)
จึงได้ฝึกฝนทั้งร้องเพลง เต้นบัลเล่ต์ เล่นเปียโนมาตั้งแต่เด็กแต่พอถามถึงความสนใจในไอดอลแล้วนานามิกลับไม่มีความสนใจสักเท่าไหร่
ที่มาออดิชั่นนี่ก็เพื่อมาทำงานเป็นประสบการณ์เท่านั้น
โอคาโมโต้ มิยุ
ทำงานเป็นเมดอยู่ที่เมคคาเฟ่แห่งหนึ่งในเซนไดเป็นคนสดใสร่างเรีง
มีความสนใจในวงการไอดอลและอนิเม
เวลาทำงานในร้านเมดคาเฟ่เธอจะขึ้นเวทีร้องเพลงบ่อยๆเลยทำให้มีประสบการณ์ทั้งการร้องเพลงและเต้นอยู่แล้ว
ฮายาชิดะ ไอริ
เด็กสาว ม.ปลาย ผู้ที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง
ไม่ว่าจะเรื่องร้องเพลงหรือเต้นก็ไม่เคยทำมาก่อน
แถมตอนออดิชั่นก็ยังลืมเนื้อเพลงอีกเลยทำให้ต้องร้องเพลงเด็กอย่างเพลงผีเสื้อแทน
คิคุมะ คายะ
เด็กสาวผู้ที่อายุมากที่สุดในกลุ่มที่มาออดิชั่นเธอเป็นคนที่เปลี่ยนงานพาร์ทไทม์บ่อยๆ
เพราะมักจะมีปัญหากับที่ทำงานอยู่เรื่อยและไม่มีความอดทน ที่มาออดิชั่นก็เพราะอยากจะหาที่ทำงานเป็นหลักแหล่ง
ทังเกะให้ทั้ง 6 คนผ่านการออดิชั่นหมด เพราะว่ามีมาสมัครกันแค่นี้ ขืนตัดออกเดี๋ยวคนยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่แต่ก็ยังขาด 1 คน ที่จะมาเป็นเซ็นเตอร์
จริงๆแล้วก่อนหน้านั้นมัตสึดะได้เจอกับเด็กผู้หญิงน่าสนใจเข้าโดยไม่รู้ว่าเธอคือชิมาดะ มายุ
ชิมาดะ มายุ
อดีตเซ็นเตอร์คนแรกของ I-1 club ที่ลาออกไปเมื่อ 2 ปีก่อน โดยไม่มีใครทราบเหตุผลแน่ชัดว่าเพราะอะไร
และเจ้าตัวก็ไม่ยอมบอกเหตุผลกับใครด้วยแม้จะเป็นเพื่อนสนิทอย่างไอริที่เรียนห้องเดียวกันก็ตาม
ทังเกะจึงบอกให้มัตสึดะและไอริช่วยโน้มน้าวมายุ เพื่อเอาเธอมาเข้ากลุ่มให้ได้ แต่ก็ไม่เป็นผล
มายุบอกว่าตัวเธอเองไม่สามารถทำให้ใครมีความสุขได้หรอก มัตสึดะจึงเอา DVD สมัยมายุอยู่ I-1 ไปให้มายุลองดูอีกครั้ง
เพราะเห็นว่าในตอนนั้นมายุเปล่งประกายมาก
ทั้ง 6 คนที่ผ่านการออดิชั่นมาได้รับชื่อยูนิตว่า Wake Up, Girls! เรียกสั้นๆว่าวะกุ
ระหว่างที่กำลังรอเพลงของตัวเองเขียนเสร็จก็ออกแสดงมินิไลฟ์ด้วยการร้องคัฟเวอร์ตามจุดต่างๆในเซนไดไปก่อนแต่ก็ไม่มีคนสนใจกัน
เวลาล่วงเลยมาจนถึงฤดูใบไม้ร่วง เพลงก็เสร็จเรียบร้อย จัดทำ CD พร้อมเดบิวต์แล้ว
แต่กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ประธานทังเกะได้หายตัวไปพร้อมกับเงินทุนของบริษัทแล้ว
เหลือเพียงโน้ตหนึ่งแผ่นกับหนี้ก้อนหนึ่งไว้ให้มัตสึดะและ Wake Up, Girls! ทั้ง 6 คน
ส่งผลให้ Wake Up, Girls! อาจจะต้องยุบวงก่อนที่จะได้เดบิวต์เสียอีก
ไอริมาบอกเรื่องที่ต้องยุบวงก่อนที่จะได้เดบิวต์กับมายุด้วยความเสียใจ
และบอกว่า “แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลย”
ทำเอามายุคิดถึงเรื่องของตัวเองตอนที่ต้องออกจาก I-1 ตอนนั้นเธอเองก็พูดเหมือนกับไอริว่า “แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลย” เช่นกัน
มายุจึงได้ตัดสินใจนำ DVD ที่มัตสึดะให้มาเปิดดู และก็รู้ตัวว่าจริงๆแล้วตัวเองยังอยากเป็นไอดอลอยู่แต่ก็หลอกตัวเองไม่ยอมรับความจริงมาตลอด เธอขอร้องว่าอย่าล้มเลิกกันเลยเพราะตัวเองก็เคยออกจากการเป็นไอดอลมาแล้วครั้งหนึ่ง จึงรู้ดีว่า ถ้าล้มเลิกตอนนี้ต้องเสียใจกันไปตลอดแน่ๆ
จากนั้นจึงได้ไปขอเข้าร่วมกับ Wake Up, Girls! เพื่อเป็นไอดอลอีกครั้ง
และทุกคนก็เลยตัดสินใจที่จะจัดแสดงเดบิวต์ไลฟ์ ซึ่งจะเป็นการแสดงครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
ในวันคริสต์มาสอีฟ ปี 2013 Wake Up, Girls! ทั้ง 7 คน ได้แสดงเดบิวต์ไลฟ์ที่สวนโคโตได
แต่ด้วยความที่เวลาจำกัดและเงินทุนไม่เพียงพอทำให้ต้องมาแสดงบนเวทีประกวดดนตรีเมทัล และชุดก็ไม่มีจึงต้องใส่ชุดนักเรียนกัน
การแสดงนั้นแทบจะไม่มีคนดูเลย แต่ถึงอย่างนั้นทั้ง 7 คน ก็ตั้งใจทำการแสดงในเพลง Tachiagare! อย่างเต็มที่
หลังสิ้นสุดการแสดงก็มีชายผู้หนึ่งประทับใจจนต้องขออังกอร์
เขาคนนั้นคือโอตะ คุนิโยชิ ซึ่งเคยเป็นแฟนเพลงของ I-1 สมัยที่มายุเป็นเซ็นเตอร์มาก่อนที่ได้มาดูการแสดงครั้งนี้ด้วยความบังเอิญ
สร้างความดีใจให้กับทั้ง 7 คนอย่างมาก
ในขณะเดียวกันทางด้านไอดอลอันดับ 1 ของประเทศอย่าง I-1 club ก็ประสบความสำเร็จในการได้มาแสดงที่โตเกียวโดมแล้ว
จบภาค Shichinin no Idol
หมายเหตุ
ชื่อภาค Shichinin no Idol หรือไอดอลทั้ง 7 นั้นเป็นการจงใจตั้งชื่อโดยล้อจากเรื่อง Shichinin no Samurai หรือ 7 เซียนซามูไร
ปก Blu-ray แบบลิมิเต็ดของภาคนี้เองก็ออกแบบมาให้คล้ายกับภาพของ 7 เซียนซามูไรด้วย
2. Little Challenger Wake Up, Girls! side I-1 club ปลายปี 2013
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เนื้อหาของมังงะเล่มนี้จะเป็นเรื่องราวของฝั่ง I-1 club ครับ
เรื่องราวเกิดในช่วง พ.ย.-ธ.ค. ปี 2013 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ Wake Up, Girls! กำลังจะจัดเดบิวต์ไลฟ์
แต่เกิดเรื่องประธานทังเกะหอบเงินหนีไปเสียก่อน
ช่วง 1 เดือนก่อนการขึ้นแสดงที่โตเกียวโดม
ทาคาชินะ ริกะ สมาชิกฝึกหัดในกลุ่ม I-3 ต้องมารับหน้าที่ “อันเดอร์” ให้กับอิวาซากิ ชิโฮะ เซ็นเตอร์คนปัจจุบัน
โดยหน้าที่ของอันเดอร์คือเข้าฝึกซ้อมแทนตัวจริงที่งานล้นมือจนไม่สามารถมาร่วมซ้อมได้ หากมีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ต้องนำมาถ่ายทอดให้ทีหลัง
ริกะได้มารู้ทีหลังว่าเหตุผลที่เธอถูกเลือกให้ทำหน้าที่นี้นั่นเพราะเธอมีส่วนสูงและรูปร่างใกล้เคียงกับชิโฮะที่สุด (ยกเว้นหน้าอก)
เนื่องจากเมมเบอร์ I- club มีจำนวนมากกว่า 200 ชีวิต จึงการแบ่งระดับของเมมเบอร์จะมีด้วยกัน 3 ระดับ คือ
I-1 กลุ่มนี้จะเป็นพวกที่มีความสามารถสูงที่สุด 7 คน เรียกกันว่า Top 7
I-2 กลุ่มที่มีความสามารถกลางๆ
I-3กลุ่มที่มีความสามารถอยู่ในระดับล่างแต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำสุดของ I-1 club ซึ่งริกะก็อยู่ในกลุ่มนี้
มาถึงตรงนี้ทุกคนคงรู้แล้วว่า I-1 club นั้นมีระบบที่ล้อมาจาก AKB ในโลกจริงทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกรุ่นแรกที่มีอยู่ราวๆ 20 คน ระบบอันเดอร์เกิร์ล เด็กฝึกหัด (เคงคิวเซ) หรือแม้กระทั่ง Top 7 ที่เป็นเหมือนคามิ 7
ในการซ้อมริกะค่อยๆได้ทำความรู้จักและเรียนรู้ความเป็นมืออาชีพของเมมเบอร์ Top 7
ทางด้านชิโฮะเองก็ค่อนข้างใส่ใจเธอเป็นพิเศษด้วย
มีช่วงหนึ่งที่ริกะได้คุยกับชิโฮะแล้วได้รับรู้ถึงสาเหตุที่มายุต้องออกจาก I-1 club เมื่อ 2 ปีก่อน
เนื่องจากเธอมีปากเสียงกับผู้จัดการชิรากิเพราะว่าเขาได้ไล่เซริกะหนึ่งในเพื่อสนิทของมายุที่เป็นเมมเบอร์ตั้งแต่รุ่นแรกคนหนึ่งออก
เพราะเซริกะไม่ปฏิบัติตามกฎเรื่องการห้ามมีความรัก ทำให้มีภาพหลุดและกลายเป็นข่าวฉาว
ชิรากิจึงได้ให้มีการจัดการแข่งขันด้วยยอดขายซิงเกิลระหว่างทีมที่มีมายุเป็นเซ็นเตอร์กับชิโฮะเป็นเซ็นเตอร์
ใครชนะก็จะได้ตำแหน่งเซ็นเตอร์ไป
แต่แล้วก็เกิดข่าวฉาวกับมายุขึ้นมาเสียก่อนว่าเธอได้นัดพบผู้ชายในตอนกลางคืน
ทำให้ความนิยมตกลง จริงๆแล้วน่าจะเป็นการจัดฉากจากทางพวกผู้บริหาร I-1 เองมากกว่าเพื่อลดคะแนนความนิยม
และบีบให้เมมเบอร์ที่แข็งข้อต้องลาออกจากสังกัด
ชิโฮะเองก็ไม่พอใจตรงนั้น เพราะเธออยากแข่งขันกับมายุอย่างยุติธรรมมากกว่า ไม่ใช่การชนะมาเพราะอีกฝ่ายถูกทำให้ความนิยมตกลง
เมื่อถึงวันแสดงไลฟ์ที่โตเกียวโดม
การแสดงสำเร็จไปได้ด้วยดี อยู่ๆชิโฮะก็แนะนำริกะให้แฟนๆรู้จักในฐานะของอันเดอร์
แฟนๆก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดี และมอบชื่อเล่นให้กับเธอว่าริกัจจิ เพื่อให้คล้องจองกับชื่อเล่นชิโฮจจิของชิโฮะด้วย
หลังการแสดงจบลง ริกะบังเอิญได้คุยกับผู้จัดการชิรากิ
ชิรากิถามว่าในอนาคตริกะอยากทำอะไร ซึ่งก็ได้คำตอบว่าอยากเดินทางไปทั่วญี่ปุ่น
เมื่อได้ยินดังนั้นจึงได้เกิดไอเดียจัดไลฟ์ทัวร์ทั่วประเทศ Fure ai project หรือโปรเจ็กต์สัมผัสรัก 47 จังหวัดขึ้น
*Project นี้จะเชื่อมโยงกับใน TV series ต่อไป*
จบมังงะซีรี่ย์ Little Challenger Wake Up
ย้อนรอยอนิเม Wake Up, Girls! สรุปเรื่องราวตั้งแต่ 2013-2017 จากไอดอลท้องถิ่นสู่ท๊อปไอดอล
ผมจึงขอนำเนื้อหาของ Wake Up, Girls! ในแต่ละภาค ทั้งอนิเมและมังงะเฉพาะภาคที่เสริมเนื้อหาหลักมาสรุปเรื่องราวให้ได้อ่านทบทวนกันอีกครั้ง
และผู้ที่อาจจะดูไม่จบ ไม่ได้ติดตามตั้งแต่แรก หรือขี้เกียจดูภาคแรกๆแต่รอชมภาคใหม่นี้ก็มาอ่านปูพื้นกันได้ครับ
ก่อนอื่นเรามาดูกันว่าซีรี่ย์นี้มีด้วยกันทั้งหมดกี่ภาคและมีมังงะภาคเสริมที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักอย่างไรบ้าง
เรื่องนี้ใช้การดำเนินเรื่องแบบ Real time ดังนั้นปีในเนื้อเรื่องแต่ละภาคคือปีเดียวกันกับที่ออกอากาศครับ
ลำดับเหตุการณ์ดังนี้
ภาค 1
1. Anime - Wake Up, Girls! Shichinin no Idol (Movie) ปี 2013
2. Manga - Little Challenger : Wake Up, Girls! side I-1 club ปลายปี 2013
3. Anime - Wake Up, Girls! (TV Series) ปี 2014
ภาค 2
4. Anime - Wake Up, Girls! Zoku Gekijouban (Movie) ปี 2015
- Part 1 Seishun no Kage (ครึ่งปีแรกของปี 2015)
- Part 2 Beyond the Bottom (ครึ่งปีหลังของปี 2015)
ภาค 3
5. Manga - Wake Up, Girls! Eternal senses ปี 2016
6. Anime - Wake Up, Girls! Shin Shou (TV Series) ภาคล่าสุดกำลังจะฉายในวันที่ 10 ต.ค. 2017
จะขอใส่ Spoil เอาไว้เพื่อที่จะได้ไม่ลำบากเวลาเลื่อนจอนะครับ
เพราะถึงจะบอกว่าสรุปแต่ก็มีเนื้อหาและรูปเยอะอยู่ดี
1. Wake Up, Girls! Shichinin no Idol (Movie) ปี 2013
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2. Little Challenger Wake Up, Girls! side I-1 club ปลายปี 2013
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้