เมื่อฉัน " ไม่กล้าให้ความร่วมมือ กับตำรวจ "

สวัสดีค่ะ สมาชิกทุกๆท่าน

วันนี้ดิฉันมีเรื่องกลุ้มใจอยากจะขอคำปรึกษา จาก ชาวสมาชิกทุกๆท่านค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่า

ปัจจุบัน....30/08/2017

ดิฉันเป็นเจ้าของหอพักแห่งนึง แถวภาคเหนือ

ดิฉันมีลูกบ้านอยู่ประมาณ 50 กว่าห้อง และ 1 ในนั้น ทางตำรวจได้แจ้งมาว่า

' เป็นคนขายยาเสพติด ' จะขอให้ทางหอพักดิฉันให้ความร่วมมือกับตำรวจ

โดยทางตำรวจ ได้แจ้งว่า สายของตำรวจ ได้ทำการล่อซื้อ โดยการที่สาย จะมารับยาจากคนขาย ที่สวนสาธารณะของหอพักดิฉัน

โดยตำรวจมีข้อมูลผู้ขาย คือ ชื่อเล่น อายุ รถยนต์แต่ไม่ทราบทะเบียน โดยขอความร่วมมือกับดิฉัน

โดยให้ดิฉันบอกข้อมูลรายละเอียด เวลาเข้าออก แก่ตำรวจ

ซึ่งทางหอพักดิฉันเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดี เกี่ยวกับกรณีแบบนี้มาก่อน

อดีต 2012...

โดยเรื่องมีอยู่ว่า ดิฉันได้รับสมัคร รปภ เข้ามาใหม่ เป็น ชาย อายุประมาณ 35 ปี

รปภ คนใหม่ มีหลายชายแวะเวียนมาหาเป็นครั้งคราวในเวลาทำงาน โดยที่ รปภ ไม่เคยทราบ ว่าหลานตัวเอง ติดยาเสพติด

และได้มีการ นัดซื้อขายยาเสพติด ที่หอพักของดิฉัน

จนวันนึง รปภ ได้ทราบเรื่อง และได้เข้ามาปรึกษากับสามีดิฉัน และ รปภ ขอรับผิดชอบด้วยการลาออก

แต่จะรอจนกว่า ดิฉันจะหา รปภ คนใหม่ได้ ซึ่งสามีดิฉัน เป็นเพื่อนกับตำรวจ ซึ่งอยู่สถานีใกล้ๆกับหอพักดิฉัน

เพื่อนสามี อยู่ในหน่วยงานที่ไม่ได้เกี่ยวกับด้านสืบสวนหรือยาเสพติด แต่เพื่อนสามีได้ไปปรึกษากับนาย

และมาร่วมกันวางแผนที่จะล่อซื้อยาเสพติดเพื่อจับกุมคนขาย

โดยสายที่จะใช้ในการล่อซื้อ ก็คือ หลานชายของ รปภ ซึ่ง หลานชายของ รปภ ยอมร่วมมือ เพื่อแลกกับโทษที่เบาลง

หลังจากได้วางแผน และเริ่มแผนการจนกระทั่งแผนการเสร็จสิ้น จับกุมผู้ขายได้เรียบร้อย ทุกอย่างผ่านพ้นไปเพียงหนึ่งคืน

ทางสามีเห็นว่า รปภ คนนี้ มีความซื่อสัตย์ ถึงแม้หลานตัวเองจะกระทำผิด แต่ก็ไม่ยอมให้หลาน สร้างความเดือดร้อน

สามีเลยตัดสินใจจ้างให้ทำงานต่อ โดยมีข้อแม้ว่า ทางดิฉันจะไม่อนุญาติให้ รปภ นำบุคคลอื่น เข้ามาในที่ทำงานโดยเด็ดขาด

รปภ ได้ตกลงในข้อเสนอนี้ หลังจากคืนแรกที่ล่อซื้อยาผ่านไป คืนที่ 2  ได้มีกลุ่มคนชายวัยรุ่นจำนวน 5 คน รถยนต์ 2 คัน

ได้ขับเข้ามาที่หอพัก ซึ่งขณะนั้น รปภ ยังไม่ได้มาทำงาน จะมีแค่ สามี หลานชายสามี พี่ชายสามี อยู่ในส่วนของออฟฟิศ

ดูแลลูกบ้านอยู่ ได้มีกลุ่มวัยรุ่นนี้ เข้ามาถามหา รปภ และหลานชาย ของ รปภ ซึ่ง สามีดิฉันจำได้แม่นว่า

1 ในนั้น คือคนขายยาเสพติด ในวันที่ล่อซื้อยากัน ซึ่งสามีดิฉัน งงมาก ว่าทำไม คนขายยา ถึงไม่ได้อยู่ในคุก

เพราะยาเสพติดที่อยู่ในตัว มีเกิน 10 เม็ด

สามีดิฉันรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล จึงได้บอกกับกลุ่มชายวัยรุ่นไปว่า รปภ ขอลาออกไปเมื่อเช้านี้แล้ว มีอะไรกันหรือเปล่า

กลุ่มชายวันรุ่นพอได้รับคำตอบ ไม่ได้พูดอะไร แล้วเดินออกไปขึ้นรถ แล้วขับออกไปทันที ในขณะนั้น ทางสามี

ได้โทรไปหา รปภ ว่า ให้หยุดงานไปก่อน 3-4 วัน ซึ่ง รปภ ก็คงทราบเรื่องดี จึงได้บอกออกมาว่า จะขอลาออกเพื่อไม่ให้หอพักได้รับความเดือดร้อน

ทางสามีจึงได้ตอบตกลง หลังจากนั้น สามีได้โทรหาเพื่อนตำรวจ ที่ในวันที่ล่อซื้อ เพื่อนสามีไม่ได้มาด้วย เพราะคนละหน่วยงานกัน

ทางเพื่อนสามีได้แจ้งว่า ทางตำรวจต้องการจะจับคนขายยาที่เป็นรายใหญ่ โดยคนขายที่เพิ่งโดนจับไป เป็นเพียงรายย่อย จึงใช้คนขายรายย่อยนี้

เป็นสายต่อ เพื่อขยายผลไปสู่รายใหญ่ จึงได้รับการปล่อยตัว แล้วเพื่อนสามีคาดว่าคนขาย คงจะคิดว่า รปภ ได้เป็นคนแจ้งตำรวจ จึงแค้น

เลยตั้งใจจะกลับมาหาเพื่อแก้แค้น สามีดิฉัน จึงทำได้แค่ โทรบอกให้ รปภ ระวังตัว

ผ่านไปประมาณ 1 เดือน ทาง รปภ ได้โทรมาหาสามีเพื่อร่ำลา และบอกว่า เค้าจะต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น เพราะในช่วง 1 เดือน ที่ผ่านมา

รปภ โดนตามล่าตัวจากคนขายยาหนักมาก จนทำให้อยู่บ้านไม่ได้โดยที่หลานชาย ได้หนีไปอยู่แถบภาคอีสาน ก่อนแล้ว 1 อาทิตย์ เพราะโดนล่าเหมือนกัน

ก่อนจะลา รปภ ได้บอกว่า ทางตำรวจที่มาทำแผนในวันนั้น ได้บอกกับคนขาย ว่าคนที่ให้ข้อมูล ก็คือ รปภ นั่นเอง

ซึ่งเหตุการณ์นี้ ไม่เคยทำให้ดิฉัน สามี และครอบครัว ลืมได้เลย เพราะตลอดเวลาที่ผ่าน หากเกิดเรื่องร้ายแรงอะไร ทางดิฉันจะหวังพึ่งพา

จากตำรวจในทุกๆเหตุการณ์ แต่เหตุการณ์นี้ ดิฉันคิดว่า แม้กระทั่งตำรวจเอง ก็คงจะช่วยเหลืออะไรไม่ได้เช่นกัน เพราะทางตำรวจ ก็ต้องอาศัย

คนร้าย เพื่อการจับกุมคนร้ายที่ใหญ่กว่า

พอมาตอนนี้ ดิฉันไม่กล้า ให้ความร่วมมือใดๆกับทางตำรวจอีกเลย เพราะกลัวถึงผลที่จะตามมา กลัวถึงความไม่ปลอดภัย

แต่ดิฉันไม่ได้สนับสนุนคนร้ายเช่นกัน และดิฉัน ก็ไม่มีทางออก กับสิ่งที่ตำรวจมาขอความร่วมมือ

ตอนนี้ดิฉันและสามี คิดหนัก ว่าจะทำยังไงกันดี โดยมี 3 ข้อให้คิด

1.จะให้ข้อมูลกับตำรวจก็ไม่กล้า เพราะทางเราก็ยังไม่แน่ใจ ว่าใช่ลูกบ้านห้องนี้จริงๆมั้ย

ถ้าใช่ลูกบ้านคนนี้จริง จะโดนปล่อยตัวเพื่อขยายผลอีกมั้ย หากโดนปล่อยตัวแล้ว จะกลับมาแก้แค้น ดิฉันและครอบครัวมั้ย

2.บอกกับลูกบ้านที่โดนสงสัยไปตรงๆ เพื่อให้เค้าย้ายออกไป โดยที่ยังไม่มีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้น แต่ ในข้อกฎหมาย ดิฉัน จะผิดหรือไม่ ที่บอก

ให้คนร้ายรู้ตัว

และ 3. อยู่เฉยๆ ให้เป็นเรื่องของตำรวจจัดการกันเอาเอง โดยที่ทางหอต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นใดๆทั้งสิ้น

ดิฉันจึงอยากขอความเห็น ของสมาชิกทุกๆท่าน ว่าดิฉันควรจะทำอย่างไรต่อไป

ขอบพระคุณค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่