Until Death Do Us Part ตอนที่ 3 : ซอยเปลี่ยว

สวัสดีครับทุกท่าน เอาเรื่องใหม่มาให้อ่านกันครับ แต่จะว่าเป็นเรื่องใหม่ก็ไม่เชิง มันคือเรื่องที่ผมเขียนไว้นานล่ะ แล้วมาเขียนต่อเพิ่ม ส่วนจะเป็นแนวอะไรนั้น ลองอ่านกันดูครับ

ใครยังไม่ได้อ่านตอนเก่า เชิญครับ
ตอนที่ 1 : ภาพยนตร์
http://ppantip.com/topic/30829838
ตอนที่ 2 : มหาวิทยาลัย
https://ppantip.com/topic/30951579

=====================================================================================

ตอนที่ 3 : ซอยเปลี่ยว


    ปราณกับฮาร์ทกำลังเดินอยู่ในซอยแห่งหนึ่ง

    วันนี้ทั้งสองนัดกันมาซื้อของที่จะใช้ในการเรียน ซึ่งตอนนี้ก็ได้ครบถ้วนแล้ว

    “กว่าจะหาของได้” ปราณพูดขึ้นมา เพราะของที่เขาซื้อนั้น ร้านที่ขายดันอยู่ในซอยที่ไม่คุ้นเคย แถมพื้นที่แถวนี้ก็ห่างไกลจากบ้านของเขามาก

    “เอาเถอะ ไงก็ได้มาแล้ว รีบ ๆ กลับเถอะ” ฮาร์ทบอก

    “อื้อ” หนุ่มตี๋พยักหน้ารับ แล้วกวาดมือใช้ปัดร่างภูตขนาดเล็กขวางอยู่ข้างหน้า

    เป็นเรื่องปกติของทั้งสองไปแล้วสำหรับการต้องเจอพวกภูตพรายเล็ก  ๆ ปีศาจจิ๋วพวกนี้มักเข้ามาหาพวกเขาเองโดยอัตโนมัติ

    เป็นชะตากรรมของผู้ถูกเลือก

    ไม่สิ ต้องเรียกว่าผู้ถูกสาปมากกว่า

    แต่ยังไงทั้งคู่ต่างโชคดีที่เกิดเป็นคนในตระกูลที่สืบทอดวิชาที่สามารถจัดปีศาจพวกนี้ได้สบาย การพบเจอปีศาจจึงกลายเป็นชีวิตประจำวัน

    ทว่าคนเราต้องมีครั้งแรก การพบเจอปีศาจครั้งแรกย่อมทำให้ทั้งคู่ต้องตื่นกลัวและจดจำจนถึงทุกวันนี้

    สำหรับปราณตอนเจ็ดขวบเป็นเวลาที่เขาได้พบเจอปีศาจครั้งแรก

    วันนั้นปราณได้เล่นตามประสาเด็ก ๆ กับเพื่อนแถวบ้าน ถึงในตอนนั้นเกมและคอมพิวเตอร์เข้ามาครองใจและเป็นการเล่นตามปกติของเด็กไปเสียแล้ว แต่ว่าการเล่นของปราณก็ไม่ใช่พวกนี้

    เป็นการเล่นผีถ้วยแก้ว

    ไม่รู้ว่าเด็ก ๆ พวกนั้นไปหาข้อมูลและวิธีเล่นชนิดนี้มาจากไหน แต่พวกเขาก็เล่นผีถ้วยแก้วได้อย่างถูกต้องจริง ๆ

    ผีถ้วยแก้วเป็นการเล่นที่อัญเชิญวิญญาณหรือผีมาสถิตที่ถ้วยหรือแก้ว เพื่อสอบถามเรื่องต่าง ๆ ตามความต้องการของคนเล่น วิญญาณที่สถิตในถ้วยจะตอบคำถามโดยถ้วยจะเคลื่อนที่ไปตามตัวอักษรที่เขียนไว้บนกระดาษ

    ปราณและเพื่อนเล่นตามวิธีไปเรื่อย ๆ ถ้วยขยับตามคำถามของแต่ละคน

    แต่แล้วมีเพื่อนของเขาคนหนึ่งที่ทำผิดข้อห้าม

    เป็นที่รู้กันของผู้เล่นผีถ้วยแก้วว่ามีข้อควรระวังอยู่ว่าห้ามดึงมือออกขณะที่เล่น แต่เพื่อนเขานั้นดันดึงมือออกด้วยสาเหตุที่จำเป็น

    เขาคันใต้ร่มผ้า

    เด็ก ๆ มักไม่ยอมอาบน้ำหรือทำความสะอาดร่างกายได้ไม่ทั่วถึง บางครั้งย่อมเกิดอาการคันและระคายเคืองจุดสำคัญ ซึ่งหากใครเคยเกิดอาการเช่นนี้ย่อมรู้ว่ามันทรมาณเพียงใด มือข้างเดียวไม่เพียงพอต่อการเกาแน่นอน

    เด็กคนทนไม่ไหวแล้ว เขาถอนมือออกจากถ้วยมาเการะหว่างขาของตัวเอง

    เพื่อนที่เหลือต่างร้องโวยวายทันที ทุกคนรู้ว่าไอ้นี่ทำเรื่องร้ายแรงเสียแล้ว

    ถ้วยคว่ำลง ควันธูปที่อยู่ข้างในโพยออกมา

    วิญญาณในถ้วยพุ่งออกจากถ้วยมุ่งหมายเข้าสิงสู่เด็กที่ชักมือออก แต่ว่าพอมันพบเห็นปราณที่อยู่ข้าง ๆ กลับไปเปลี่ยนไปเข้าหาเขาแทน

    นี่เป็นปฎิกิริยาอัตโนมัติของภูตปีศาจที่พบเจอคนที่ถูกเลือก พวกปีศาจชั้นต่ำไม่อาจบังคับตนไม่ให้ไปหาไม่ได้

    วิญญาณที่อัญเชิญเข้าปราณโดยที่เขาไม่รู้ตัว ร่างชักกระตุกหนึ่งครั้งจนเพื่อนทั้งหมดสะดุ้ง เหงื่อกายผุดเต็มใบหน้าของทุกคน

    เพื่อนผู้ชักมือตกใจมากที่สุด เขาทีแรกนึกว่าตัวเองเป็นคนโดน ตัวสั่นระริกมองปราณที่ชักกระตุกนั้น

    ทว่าวิญญาณที่เข้าร่างปราณต้องคิดผิด มันอาจจะไม่ได้คิด แต่ว่าที่แน่ ๆ การเข้าร่างปราณทำให้เป็นจุดจบสุดท้ายของมัน

    ด้วยเทคโนโลยีเวทอันสืบทอดมาตั้งแต่ต้นตระกูล ภายในร่างปราณถูกฝังด้วยแหล่งพลังงานเวทอันแข็งแกร่งไว้ที่หน้าอก ซึ่งแหล่งพลังงานเวทนี้มีสถานะเป็นตัวขับพลังเวทของปราณออกมาเพื่อใช้งานควบคุมกับอุปกรณ์เทคโนโลยีเวท

    และมันมีความสามารถในการสร้างพลังเวทเพื่อปกป้องร่างกายตัวเองโดยอัตโนมัติด้วย

    ดังนั้นเมื่อวิญญาณเข้าสิงร่าง มันก็ต้องสลายหายไป

    ปราณไม่มีอาการใด ๆ ต่อไป แต่เขาก็จดจำเหตุการณ์นี้เป็นทั้งชีวิต ซึ่งหลังจากนั้นได้เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีเพิ่มเติมเพื่อรับมือปีศาจที่เข้ามาหา เพราะจากการที่โดนสิงครั้งนี้มันกลายเป็นสัญญาณเริ่มต้นให้ปีศาจตนอื่นรับรู้ว่าเขาเป็นผู้ถูกเลือกและเข้ามาทำร้ายตน

    “ซอยนี้มันเปลี่ยวเนอะ ไม่ค่อยมีคนเลย” ปราณหันไปบอกแฟนสาว ตอนนี้ทั้งคู่ยังเดินออกจากซอยอยู่ โดยซอยนี้มีลักษณะเป็นซอยแคบ ๆ มีบ้านช่องอยู่ไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นที่รกร้าง

    “เปลี่ยวแล้วไง” ฮาร์ทสวนไป “นายจะทำอะไรฉันหรือไง”

    “ไม่ ๆ ไม่คิดแบบนั้นเลย หรือว่าฮาร์ทอยากทำ”

    “ก็นึกว่าคิดแบบนั้น ปกติเห็นว่าอยู่สองต่อสองนายชอบหื่นใส่ฉันนี่”

    ปราณยิ้ม ๆ มองเธอ เขาก็หื่นจริง ๆ แหละ

    แต่ว่าเมื่อทั้งสองไปได้อีกสักพักก็พบเจอคนที่หื่นยิ่งกว่า

    ที่ข้างทางนั้นมีกลุ่มนักเลงเจ้าถิ่นครอบครองพื้นที่ พวกมันนั่งสูบบุหรี่ จ้องมองมายังทั้งสองด้วยหน้าตาหื่นกระหาย

    ไม่สิ ต้องบอกว่าจ้องมาที่ฮาร์ทคนเดียวมากกว่า

    พวกมันมีด้วยกันห้าคน แต่ละคนหน้าตาโหดเหี้ยมอย่างกับสังคมทำร้ายตน

    พอปราณกับฮาร์ทเดินเข้ามาใกล้ สองในห้าลุกขึ้นขวางหน้าพวกเขาทันที

    “จะไปไหนจ๊ะคนสวย” หนึ่งในสองนั้นพูดขึ้น สายตามองฮาร์ทอย่างโลมเลีย

    ฮาร์ทไม่ตอบคำมัน เป็นปราณที่พูดขึ้นมาว่า

    “ขอทางหน่อย”

    แน่นอนว่านักเลงเจ้าถิ่นไม่เชื่อฟังอยู่แล้ว มันเดินเข้ามาใกล้ทั้งสองขึ้นอีก จนปราณต้องขวางไว้ไม่ให้เข้าใกล้ฮาร์ท

    “หลบทางไอ้เตี้ย” มันที่เข้ามาพูดกับปราณ

    ปราณมองหน้า ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะว่านักเลงคนนั้นกลับทำอะไรเขาเสียก่อน

    มือของนักเลงคนนั้นจับไปที่หัวของปราณ ขยี้ผมดันให้เขาหลบออก

    ทันทีที่มือของมันกระทบถูกผม อารมณ์ของปราณก็แปรเปลี่ยน

    ปราณโคจรลมหายใจ ควบคุมแหล่งพลังงานเวทของตน ปรากฎเกราะร่างโปร่งแสงที่คนทั่วไปมองไม่เห็นขึ้นมาปกคลุมร่างกายตน

    นักเลงทั้งหมดมองไม่เห็นว่าปราณกระทำสิ่งใด ดูท่าปราณคงคิดจัดการมนุษย์ธรรมดาเสียแล้ว

    “พวกนายรีบหนีไปซะ!”

    ฮาร์ทพูดสวนขึ้นก่อนอย่างฉับพลัน แต่ว่าพวกมันไม่เชื่ออยู่แล้ว

    “มีอะไรหรือคนสวย จะไล่พวกพี่ทำไม”

    “อย่าพูดมาก รีบออกไปเร็ว ๆ” หญิงสาวว่าต่อ พยายามจะไล่พวกมันออกไป

    มีหรือนักเลงจะกลัวกับแค่ผู้ชายตัวเล็กกับผู้หญิงสองคน คราวนี้มันทั้งหมดลุกขึ้นมา ล้อมกรอบพวกเขาเอาไว้

    พลังเวทเริ่มเปล่งประกายขึ้นทั่วชุดเกราะ ซึ่งเกราะนี้เป็นเกราะโกเล็มอาร์มเมอร์ ชุดเดียวกับที่ปราณใช้จัดการปีศาจสาวในห้องน้ำ

    “เฮ้อ..” ฮาร์ทส่ายหัว ท่าทางหน่ายที่ไม่พวกมันไม่เชื่อ

    แต่แล้วเธอก็ตัดสินใจ เรียกศาสตราแห่งจิตขึ้นมาทันที

    พวกมันย่อมมองไม่เห็นสิ่งที่ฮาร์ทเรียกเช่นกัน ซึ่งสิ่งอาวุธวิญญาณที่เธอเรียกขึ้นมาก็คือ กรงล้อมขนาดใหญ่

    มันคือ กรงขังแห่งวิญญาณ

    กรงขังแห่งวิญญาณถูกฮาร์ทเรียกใช้ ครอบร่างของพวกนักเลงเจ้าถิ่น

    ทั้งสองที่เข้ามาถูกขังไว้ทันที ไม่สามารถขยับต่อจากนั้นได้ ต่างมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

    “คงช่วยได้แค่นี้” ฮาร์ทว่า ซึ่งหลังจากนั้นก็ปรากฎบางสิ่งขึ้นมาบริเวณนั้น

    บางสิ่งที่ว่าเข้ากัดร่างนักเลงที่เหลือทั้งสาม พวกเขาไม่มีเวลาแม้จะคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน ทั้งหมดต่างตายทันที

    เพราะสิ่งที่ปรากฎมาคือ ปีศาจตนหนึ่งที่ร่างกายใหญ่โตเกินสองเมตร มีขนปกคลุมทั่วร่าง ใบหน้าดุร้ายราวกับสัตว์ป่า

    หน้าตาใกล้เคียงสุนัข น่าจะเรียกว่าเป็นปีศาจสุนัขก็ได้

    เมื่อมันกัดกินร่างของนักเลงเจ้าถิ่นที่เหลือแล้ว มันก็พุ่งตรงมายังฮาร์ทกับปราณทันที

    แต่ว่าไม่ทันที่มันจะเข้าถึง ปราณก็พุ่งกายด้วยความเร็วสูง เปล่งพลังจากชุดโกเลมอาร์มเมอร์ซัดโจมตีอย่างรวดเร็ว

    หน้าท้องของปีศาจสุนัขทะลุออกเป็นรู จากนั้นเขาก็ใช้มืออีกข้างปล่อยพลังทำลายบริเวณหัวของมัน

    ศีรษะของปีศาจสุนัขแตกกระจายราวกับลูกโป่งโดยเจาะรู

    “แกมันซวยมาให้ระบายอารมณ์พอดี” ปราณพูดขึ้น แล้วเขาก็ควักสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมา เชื่อมต่อกับแฟลชไดวฟ์ ดูดร่างปีศาจสุนัขเข้ามาจนสลายไปทั้งหมด

    ฮาร์ทยืนดูไม่ห่างจากนักเลงที่โดนขัง ซึ่งสองคนนี้มองไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแต่อย่างใด แล้วฮาร์ทก็พูดขึ้นว่า

    “อารมณ์ดีขึ้นยัง”

    ปราณจัดการถอดแฟลชไดว์ฟ และเก็บสมาร์ทโฟน ค่อยหันไปตอบว่า

    “ก็ดีแล้ว ไม่งั้นไอ้พวกนี้ซวยแน่”

    ไอ้พวกนี้ที่ว่าย่อมคือสองนักเลงที่ถูกกรงขังแห่งวิญญาณขังอยู่

    “นายก็เป็นแบบนี้ทุกที เรื่องทรงผมเนี่ยใครจับ ใครถูกก็ไม่ได้ มีอันต้องโมโหตลอด ยังดีนะที่ฉันขังพวกมันไว้ก่อน แล้วพอดีมีปีศาจออกมาให้นายระบาย ไม่งั้นสองคนนี้มันลำบากแน่ ๆ”

    “ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะฮาร์ท” ปราณเดินเข้ามาใกล้เธอ “ก็เรามันเป็นพวกรักทรงผมเป็นชีวิตนี่ ใครมาจับผม ทำให้ผมเสียทรง อารมณ์มันขึ้นเองเลย”

    “เอาเถอะ มันผ่านไปแล้ว คงมีแต่ฉันเท่านั้นใช่ไหมที่จับผมนายได้” ฮาร์ทว่า

    “เพราะเรารักฮาร์ทมากกว่าทรงผมเรานี่” หนุ่มร่างเล็กตอบ คลี่ยิ้มเล็ก ๆ

    ฮาร์ทยิ้มรับ แล้วทั้งคู่ก็เดินออกจากซอยนี้ไป ซึ่งหลังจากนั้นกรงขังแห่งวิญญาณก็สลายตัวปล่อยให้ทั้งสองออกมาเห็นร่างเพื่อนที่เสียชีวิต


………………………………………….จบตอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่