เมื่อแฟนเราต้องทำธุรกิจร่วมกับแฟนเก่า..

เรากับแฟนรู้จักกันมา2-3ปี แต่เพิ่งมาคบกันได้ไม่กี่เดือน
คือแฟนเราเพิ่งเลิกกับแฟนเก่าที่คบกันมาประมาณ 7-8ปี ด้วยเหตุผลที่ว่า แฟนเก่าเค้าเป็นคนต่างชาติ ต้องกลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่ประเทศเค้า
ส่วนแฟนเราก็ไม่สามารถไปอยู่ด้วยได้ และด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง เขาเลยตัดสินใจจบสถานะแฟนกัน

ขอใช้ ชื่อแทนแฟนเราว่า เจมส์ และแฟนเก่าของแฟนเรา ว่า จ๋า นะ
หลังจากที่เจมส์กับจ๋าเลิกกัน และจ๋าก็กลับประเทศเค้าไป
หลายเดือนต่อมา เจมส์ก็มาคบกับเรา .. เราไม่ได้มีอคติหรือความรู้สึกไม่ดีกับจ๋านะ ที่ผู้หญิงส่วนมากจะมีความคิดที่ว่า “ไม่ชอบแฟนเก่าของแฟนเรา” เพราะเรากับจ๋าก็เคยเจอกันอยู่บ้าง แต่ไม่เคยคุยกัน เพราะตอนเค้าคบกันอยู่เรากับเจมส์เคยร่วมงานกัน

ความจริงคือเราแอบปลื้ม ชื่นชมเจมส์มานานแล้วแหละ แต่ไม่เคยไปจีบนะ ไม่เคยคิดด้วย เพราะเราต่างคนก็ต่างมีแฟนอยู่แล้ว
และอีกอย่างเราคิดว่าความรู้สึกที่เรามีต่อเจมส์ขณะนั้นคือความชื่นชมที่เค้าทำงานเก่ง แค่นั้น
แต่เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น เรื่องที่เจมส์ตัดสินใจเลิกกับจ๋า เป็นช่วงเวลาที่เราก็เลิกกับแฟนที่เราคบอยู่พอดี

เราและเจมส์ในฐานะที่เป็นคนรู้จักกันก็เลยทักทายถามข่าวตามประสา คุยกันเรื่อยมา และไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไรทำให้เราคบกันได้ซะงั้น ก็คบกันมาถึงวันนี้
ที่ผ่านมาเรารู้มาตลอดว่าเจมส์กับจ๋าไม่เคยขาดการติดต่อกันเลย แม้ไม่ได้คุยกันทุกวัน ก็ยังถือว่าบ่อย อาทิตย์ละครั้ง อันนี้คือที่เรารู้ แต่ที่เราไม่รู้ก็ไม่รู้ว่าบ่อยกว่านี้อีกหรือเปล่า เพราะเรากับเจมส์ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เราต้องทำงานที่ต่างจังหวัด ซึ่งไกลกันพอสมควร จะเจอกันแค่เดือนละครั้ง สองครั้ง
เราเคยคุยกับเจมส์นะ..ว่าขอให้เลิกติดต่อกันได้มั๊ย เค้าก็บอกว่าไม่ได้คิดอะไรกันแล้ว เป็นเพื่อนกัน แต่ที่ยังติดต่อกัน คือติดต่อเรื่องงาน เพราะตอนที่เค้าคบกันอยู่เค้าทำงานร่วมกันหลายอย่าง มันยังค้างคาอยู่ เราก็เข้าใจ และบอกเค้าไปว่ายังไงก็ไม่อยากให้ติดต่อกันแล้ว เราให้เวลาเค้าเคลียร์สิ่งที่ยังค้างคากันอยู่ เค้าก็รับปากว่าจะรีบจัดการให้เสร็จ

แต่วันนี้.. เจมส์มาบอกเราว่า
จ๋ากำลังจะทำธุรกิจที่ประเทศเค้าแหละ เป็นธุรกิจเกี่ยวกับการรับสินค้าบางอย่างของไทย ไปเปิดตลาดที่ประเทศของเค้า
และต้องการให้เจมส์ช่วยดูแลเรื่องการติดต่อประสานงานต่างๆกับบริษัทที่จะมาเป็นคู่ค้า และหากว่าเจรจาสำเร็จ เค้าก็จะให้เจมส์คอยดูแลกิจการนี้ในส่วนที่อยู่ในไทย..แน่นอนว่าเจมส์ก็รับปากไปว่าตอนนี้จะช่วยดูแลเรื่องการติดต่อประสานงานก่อน ส่วนในอนาคตยังไม่รู้ว่าจะร่วมงานกันแน่นอนขนาดไหน

ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เราควรจะจัดการกับความรู้สึกเรายังไงดี เราไม่อยากห้ามหรือขัดขวางการทำงานนี้ของแฟนหรอก หากมันเป็นสิ่งที่จะทำให้ชีวิตของเค้าประสบความสำเร็จและเจริญก้าวหน้า เพราะหากเราทำแบบนั้นก็คือตัดโอกาสของแฟนเราหลายๆอย่าง ซึ่งส่วนมากโอกาสเหล่านี้มักมาจากจ๋าเสมอ ไม่ว่าจะเป็นงานที่จ๋าเคยลงทุนเป็นหุ้นส่วนร่วมกับเพื่อนของเจมส์ไว้ หรืออะไรต่างๆที่เค้าเคยวางแผนร่วมกันไว้

เราทำงานเป็นแค่ข้าราชการ รับเงินเดือนแค่ไม่กี่บาท รู้สึกน้อยใจที่ไม่มีโอกาสอะไรดีๆแบบนี้ให้แฟนเราบ้าง จะบอกแฟนว่าไม่ทำได้มั๊ยก็ละอายใจ
ความจริงเจมส์ไม่ใช่นักธุรกิจอะไรหรอก ทำอาชีพอิสระ แต่ที่ทำประจำคือเป็นอาจารย์พิเศษสอนในมหาวิทยาลัย

ที่เราทุกข์ใจอยู่ตอนนี้ คือกลางเดือนนี้ซึ่งเป็นช่วงที่เราหยุดงาน กะว่าจะกลับไปหาแฟน แต่บังเอิญเป็นช่วงที่จ๋าและกลุ่มที่เค้าจะทำงานร่วมกันจะมาไทยพอดี เพื่อมาคุยเรื่องธุรกิจ เจมส์บอกว่าจะไปกับเค้าด้วย ประมาณ 5-6 วัน
ทันทีที่ได้ยินว่าเค้าจะกลับมาเจอกัน เหมือนสิ่งที่เรากลัวมันกำลังจะเกิดขึ้น  เราไม่โวยวายอะไรเลยนะ เราไม่อยากให้แฟนเราไม่สบายใจ
แล้วคิดว่าเราไม่มีเหตุผล แต่หลังจากวางโทรศัพท์เราร้องไห้จนตัวสั่น หมดแรง ทำอะไรไม่ถูกไปหมด หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้คุยกับเจมส์
เพราะเราไม่รับโทรศัพท์เค้า เรายังทำใจไม่ได้ รู้สึกกลัวไปหมด เราไม่อยากรู้อะไรอีกแล้ว เราจะทำใจให้สบายได้ยังไง เมื่อรู้ว่าเค้ากำลังจะกลับมาเจอกัน เจมส์บอกเราเสมอว่าเค้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับจ๋าแล้ว แต่เราไม่รู้หรอกว่าจ๋าจะยังรู้สึกยังไงกับเจมส์
เพราะเรารู้ดีว่าเค้าไม่ได้เลิกกันเพราะเหตุผลว่าใครหมดรัก หรือใครนอกใจ แต่เค้าเลิกกันเพราะความจำเป็นและเหตุผลทางครอบครัว

เราเข้าใจเรื่องนี้มาตลอดและคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เรามีความเป็นผู้ใหญ่พอที่จะมองข้ามเรื่องนี้ และเชื่อใจแฟนเรา
และให้เวลาเค้าในการคบกันของเราด้วย
ก่อนหน้านี้เราเคยคิดว่าเรากับเจมส์ เจอกัน คบกันในเวลาที่มันเหมาะสมแล้ว ด้วยวัย ด้วยหน้าที่การงาน และอะไรต่างๆ
เจมส์เองก็มาคุยกับเราเสมอว่าเค้าจะวางแผนอนาคตไว้อย่างไรบ้าง ซึ่งมันมีเราอยู่ในนั้น เราก็โอเคไม่ได้ขัดข้องอะไรก็เห็นด้วยกับสิ่งต่างๆที่เค้าจะทำ.

แต่ก่อนจะถึงวันนั้น เราจะผ่านวันนี้ไปได้อย่างไร หรือไม่วันนั้นอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้
หากใครอ่านมาถึงตรงนี้ แล้วมีประสบการณ์ในการจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง เมื่อต้องพบเจอกับเรื่องที่เราไม่สามารถทำอะไรได้
ช่วยแนะนำเราหน่อยนะคะ ว่าเราควรทำอย่างไรกับตัวเองดี
เราต้องตัดสินใจและจัดการบังคับตัวเราเอง เพราะเราไม่สามารถจะไปบังคับคนอื่นได้
ตอนนี้เราไม่รู้เลยว่า เราควรจะทำยังไงดี
เพราะหากเค้าจะทำงานร่วมกันแบบนี้ สิ่งที่เราเคยขอให้เลิกติดต่อกัน มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลย
และเค้าเองอาจจะต้องติดต่อกันไปอีกนานเลยก็ได้
จึงมาขอความคิดเห็นจากทุกท่าน เผื่อจะได้มองเห็นหลายๆมุมมอง
ขอบคุณมากนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่