ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียง 30/9/2560 - รำลึกดาราหนุ่ม เจมส์ ดีน

กระทู้คำถาม


สวัสดีครับอมยิ้ม17 สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันเสาร์ เป็นคิวของ MC แอ๊ด (WANG JIE) เข้าประจำการครับ อมยิ้ม36

วันนี้ MC ขอนำทุกท่านมาร่วมกันระลึกถึง ดารานักแสดงหนุ่มรูปหล่อชาวอเมริกันในอดีต ซึ่งจากโลกนี้ไปในวัยอันแสนสั้นอย่างน่าเสียดาย หากเขาไม่ตายและอยู่มาจนถึงปัจจุบัน คาดว่า วงการภาพยนตร์ น่าจะมีภาพยนตร์ที่มีเขาแสดงมากมาย แข่งกับดารารุ่นเก่าๆเป็นแน่...เขาคนนั้นคือ "เจมส์ ดีน" ดาราหนังขวัญใจของ "แดง ไบร์เล่" ในหนังไทยย้อนยุค 2499 อันธพาลครองเมือง นั่นเอง


เจมส์ ดีน (James Dean) มีชื่อเต็มๆ ว่า เจมส์ ไบรอน ดีน (James Byron Dean) เกิดวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1931 เป็นนักแสดงชาวอเมริกันผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึงสองครั้งในช่วงเวลาสองปีซ้อนจากหนังที่ได้แสดงไว้ คือจากเรื่อง East of Eden ในปี 1955 และ Giant ในปี 1956 (ซึ่งหนังเรื่อง Giant ถ่ายทำเสร็จในปี 1955 แต่ออกฉายในปี 1956) ทำให้เขาเป็นเจ้าของหลายสถิติ ทั้งเป็น 1 ใน 5 นักแสดงในประวัติศาสตร์ออสการ์ที่ได้เข้าชิงรางวัลจากการเป็นนักแสดงนำครั้งแรก และยังเป็นนักแสดง คนแรกของประวัติศาสตร์ออสการ์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล หลังจากที่เสียชีวิตแล้ว


หล่อมาตั้งแต่เด็ก


ปฐมบทแห่งชีวิต
เจมส์ ดีน เกิดที่เมืองแมริออน รัฐอินเดียนา เป็นบุตรชายของ วินตัน ดีน ผู้เป็นช่างเทคนิคการแพทย์ด้านทันตกรรม กับ มิลเดรด ต่อมาครอบครัวย้ายมาอยู่ที่เมืองซานตาโมนิก้า รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อเขาอายุได้ 9 ปี แม่ของเขาได้จากโลกนี้ไปด้วยโรคมะเร็ง พ่อของเจมส์ตัดสินใจส่งเขากลับไปอยู่กับญาติซึ่งเป็นลุงกับป้าที่เมืองแฟร์เมาท์ รัฐอินเดียนา

ขณะที่เรียนหนังสือ เจมส์ ดีน ทำกิจกรรมมากมาย ทั้งการโต้วาทีและเล่นบาสเกตบอล แต่ที่เจมส์ให้ความสนใจมากที่สุด คือการแสดงละครเวที นี่คือจุดเริ่มต้นให้เจมส์สนใจที่จะเป็นนักแสดง จนกระทั่งปี 1949 เมื่อเจมส์ ดีนจบมัธยม อายุได้ 18 ปี ก็ได้ย้ายกลับไปอยู่กับพ่อและแม่เลี้ยงที่แคลิฟอร์เนีย เพื่อเตรียมเข้าศึกษาวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัยซานตาโมนิก้า ต่อมา เจมส์ได้ย้ายจากมหาวิทยาลัยซานตาโมนิก้า ไปมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเพื่อเรียนการแสดงที่เขาชอบแทน นั่นทำให้เขาทะเลาะกับพ่อ และถูกไล่ออกจากบ้าน

หลังจากที่ต้องออกมาอยู่นอกบ้าน เจมส์ ดีนก็จำต้องลาออกจากมหาวิทยาลัย และต้องหาเลี้ยงชีพด้วยตัวเองโดยทำงานรับจ้างหลายอย่าง รวมไปถึงการทำงานเป็นเด็กรับรถที่โรงถ่ายของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ได้มีโอกาสเล่นหนังโฆษณาของ โคคา-โคล่า และเป็นตัวประกอบในรายการเกมโชว์อยู่บ้าง และเมื่อเขาเห็นว่าไม่ก้าวหน้า เจมส์ ดีนจึงตัดสินใจออกเดินทางไปนิวยอร์ก ตามคำแนะนำของเพื่อน

New York 1950


เมื่อมาถึงนิวยอร์ก เจมส์ ดีน ได้สมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนการแสดงของ ลี สตราสเบิร์ก ครูสอนการแสดงที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ซึ่ง ลี สตราสเบิร์กเจ้าของโรงเรียนก็เห็นแววดาราของเจมส์ ก็เลยรับไว้เป็นศิษย์โดยเก็บค่าเรียนเพียงเล็กน้อย จนกระทั่ง ในยุคช่วงต้นทศวรรษที่ 50 เจมส์ ก็ได้เริ่มมีผลงานการแสดงทางโทรทัศน์เล็กๆ น้อยๆ มากมาย เช่น รายการ Kraft Television Theater, Studio One, Lux Video Theatre และ Robert Montgomery Presents เป็นต้น

ต่อมา เจมส์ ดีน ก็เริ่มก้าวเข้าสู่วงการหนังจอใหญ่ โดยเริ่มจากการเป็นตัวประกอบโดยไม่ได้เครดิตใดๆ ในหนังเล็กๆ หลายเรื่อง

จนกระทั่งในปี 1955 เจมส์ ดีน ก็ได้มีโอกาสรับบทเด่นเป็นครั้งแรกในหนังเรื่อง 'East of Eden' โดยรับบทเป็นตัวละครสำคัญชื่อ 'คัล แทรกส์' ซึ่งบทนี้เอง ส่งผลให้ เจมส์ ดีน โด่งดัง แจ้งเกิด และเป็นที่กล่าวถึงเป็นอย่างมาก

ต่อมา เจมส์ ดีน ได้รับบทนำในหนังอีกสองเรื่องคือ 'Rebel Without a Cause' และ 'Giant' หนังทั้งสองเรื่องนี้ ทำให้เจมส์ กลายเป็นนักแสดงชาวอเมริกันคนแรก ผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึงสองครั้ง ในช่วงเวลาต่อเนื่องกันสองปีซ้อน (ซึ่งหนังเรื่อง Giant ถ่ายทำเสร็จในปี 1955 แต่ออกฉายในปี 1956) ทั้งยังเป็น 1 ใน 5 นักแสดงในประวัติศาสตร์ออสการ์ที่ได้เข้าชิงรางวัลจากการเป็นนักแสดงนำครั้งแรกอีกด้วย

จะมีดาราซักกี่คนได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์สองปีซ้อนจากหนังสองเรื่องต่อเนื่องกันแบบนี้ ?


ศิลปิน ดารา ผู้โด่งดัง มักจะอายุสั้น ?

วันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1955 เจมส์ ดีน และช่างยนต์ของเขา 'รอล์ฟ วูเทอริช' ได้ขับรถ Porsche 550 Spyder สีเงินเปิดประทุนคู่ใจของเขา ออกจากเมืองลอสแอนเจลิส เพื่อไปเข้าร่วมงานแข่งรถที่เมืองซาลีน่าส์ แคลิฟอร์เนีย

ขณะที่เขาขับรถอยู่บนทางหลวงสาย 466 ช่วงเมืองโชเลม แคลิฟอร์เนีย รถจากเลนฝั่งตรงข้ามซึ่งขับโดยนักศึกษาวัย 23 ปี ชื่อนาย 'โดนัลด์ เทิร์นอัพสีด' ซึ่งไม่ได้สังเกตเห็นรถของเจมส์ ได้เลี้ยวตัดหน้าเลนของเจมส์ เพื่อจะเข้าสู่ทางหลวงสาย 41 ทำให้รถทั้งสองคันประสานงากันอย่างจัง

ผลจากอุบัติเหตุจากรายงานของตำรวจที่ประสบเหตุ พบว่านายโดนัลด์ เพียงจมูกฟกช้ำและได้รับบาดแผลที่ศีรษะด้านหน้าเล็กน้อย รอล์ฟ วูเทอริช ช่างยนต์ กระเด็นตกจากรถขากรรไกรหัก และได้รับบาดเจ็บตามร่างกายเล็กน้อย ในขณะที่เจมส์ ดีน ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส ตำรวจจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที เขาทนพิษบาดแผลไม่ไหว สิ้นใจเมื่อเวลา 17.59 น. ของวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1955 ซึ่งขณะนั้น เจมส์ ดีน มีอายุได้เพียง 24 ปี ซึ่งตอนนั้นเขากำลังเป็นผู้นำแฟชั่นในสมัยนั้นด้วย โลกจึงได้สูญเสียดารานักแสดงหนุ่มผู้มีอนาคตสดใสไปอย่างน่าเสียดาย

สภาพรถของเจมส์ ดีน หลังเกิดอุบัติเหตุ



หนังสือพิมพ์ ลงข่าวการเสียชีวิตของเจมส์ ดีน บนหน้า 1 ทุกฉบับ



ทางแยกที่เกิดเหตุ ได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น "ทางแยก เจมส์ ดีน รำลึก" (James Dean Memorial Junction)


มีเรื่องราวเกี่ยวกับ "อาถรรพ์" ของรถพอร์ช ของเจมส์ ด้วย...

ก่อนที่ เจมส์ ดีน จะเสียชีวิตได้เพียงไม่กี่วัน เขาบอกกับเพื่อนสนิทของตัวเองว่า เขามีความรู้สึกแปลกๆ กับเจ้า “Little Bastard” ซึ่งเป็นชื่อเล่นที่เขาเอาไว้เรียกรถสปอร์ตคันโปรด “Porsche 550 Spyder” มันเป็นรถที่เขานิยมขับไปไหนมาไหนอยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ เจมส์ ดีน ยังพูดประโยคชวนขนหัวลุกอีกว่า “เขาเชื่อว่าตัวเองต้องเสียชีวิตจากอาถรรพ์บางอย่างของรถคันนี้ แล้วเหตุการณ์นั้นน่าจะเกิดในอีกไม่เกิน 1 อาทิตย์ข้างหน้า” แต่เพื่อนของ เจมส์ ดีน ก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะคิดว่าเรื่องที่พูดนั้นน่าจะเป็นเรื่องที่อำเล่นซะมากกว่า

แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ เจมส์ ดีน เสียชีวิตจากการประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้นมาจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นรถยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุยังเป็นรถยนต์คันโปรดที่ เจมส์ ดีน เชื่อว่ามันมีอาถรรพ์จริงๆเสียด้วย ในเวลานั้นยังไม่มีใครกล้าปักใจเชื่อได้ 100% ว่าสาเหตุที่แท้จริงเป็นเพราะความบังเอิญ หรือเป็นเพราะอาถรรพ์ของรถยนต์คันนี้กันแน่

ซากของรถยนต์ที่เหลือได้รับการซ่อมแซม และถูกขายต่อในเวลาต่อมา และที่น่าตกใจก็คือ รถยนต์คันที่ประกอบด้วยซากของรถเจมส์ดีน จะอยู่กับเจ้าของคนใหม่ได้ไม่ได้นาน มักจะมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเจ้าของอู่ซ่อมรถ ที่ซื้อซากรถมาซ่อมเป็นคนแรก แต่ดันโชคร้ายโดนเครื่องยนต์หล่นใส่เท้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และอีกรายหนึ่งที่ซื้อชิ้นส่วนของรถคันนี้ไปใช้กับรถของตัวเอง ปรากฏว่ารถของเขาประสบอุบัติเหตุจนทำให้เขาถึงแก่ความตาย เมื่อมีการเสียชีวิตเกิดขึ้น ทำให้หลายคนเชื่อว่ารถคันนี้น่าจะมีอาถรรพ์จริงๆ และนับแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้รถคันนี้อีกเลย

ผลงานการแสดงภาพยนตร์ของ เจมส์ ดีน
Fixed Bayonets (1951)
Sailor Beware (1952)
Deadline - U.S.A. (1952)
Has Anybody Seen My Gal? (1952)
Trouble Along the Way (1953)
East of Eden (1955)
Rebel Without a Cause (1955)
Giant (1956)

วันนี้ คือวันคล้ายวันเสียชีวิตของเจมส์ ดีน ซึ่งผ่านมา 62 ปีแล้ว

R.I.P. James !!!


เครดิต : ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย และ https://www.spokedark.tv/posts/james-dean-ghost-car/
รวมทั้ง ภาพประกอบจาก กูเกิ้ล

พบกันวันพรุ่งนี้ อีก 1 วันครับ อมยิ้ม04หัวใจดอกไม้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่