5 วิธีฝึกภาษาอังกฤษที่ควรฝึกให้เป็นนิสัย

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้อ่านพวก 'เคล็ดลับในการเรียนภาษาอังกฤษ' 'เทคนิคในการพัฒนาภาษาอังกฤษ' อะไรพวกนี้มาบ้าง (ส่วนหนึ่งก็อาจจะมาจากผมเอง)

วันนี้ (จริง ๆ ต้องบอก ตอนนี้!) ว่าง ๆ เลยอยากจะมาแบ่งปันวิธีง่าย ๆ ที่ผมใช้ช่วยให้ตัวเองฝึกภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

กำหนดไว้ตรงนี้เลยว่าเอาแค่ 5 ข้อพอ จะไม่เกินนี้ เอาแบบ 5 นาทีอ่านจบ!

1. "เปลี่ยนทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ"

เริ่มจากโทรศัพท์ก่อนเลย ตามด้วยเฟสบุ๊ค ต่อมาก็ช่องทางการรับข้อมูล (จากปกติที่ดูยูทูปรายการของคนไทย ก็ลองเปลี่ยนมาดูของฝรั่งบ้าง จากเดิมที่อ่านข่าวภาษาไทย ก็ลองเปลี่ยนมาเป็นภาษาอังกฤษบ้าง)

พูด ๆ ง่ายคือเราต้องพยายามสร้างสภาพแวดล้อมภาษาอังกฤษให้ตัวเอง การทำแบบนี้จะส่งผลดีกับเรามาก ๆ ในระยะยาว ทั้งเรื่องของความคุ้นเคบกับภาษา และคำศัพท์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันที่เจออยู่แทบทุกวัน  

เปลี่ยนมาลองพูดภาษาอังกฤษกับเพื่อน/แฟนบ้างก็ดีนะ อาจเริ่มจากแชทกันเป็นภาษาอังกฤษก่อนก็ได้ แล้วก็ขยับมาเป็นประโยคง่าย ๆ เช่นการทักทาย บอกลา และพวกคำถามที่ใช้บ่อย ๆ (กินไร/ไปไหน/ทำไร) ลองใช้ภาษาอังกฤษในการพูดประโยคพวกนี้ดู

อาจจะแปลก ๆ ช่วงแรก (การเริ่มต้นทำอะไรใหม่ ๆ ต้องรู้สึกแปลก ๆ ในช่วงแรกอยู่แล้ว) แต่พอเริ่มชินจะเริ่มสนุกกับมันเองครับ

ผมแชทกับเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษแต่พอเจอหน้ากันพูดภาษาไทยก็มีเยอะไป 55555
.

2. "เรียน/ศึกษา/อ่านสิ่งที่ชอบเป็นภาษาอังกฤษ"

อันนี้ก็เป็นอีกวิธีที่ผมใช้อยู่ตลอดจนกลายเป็นนิสัยละ อาจจะคล้าย ๆ กับข้อ 1 หน่อย

จากแต่ก่อนเวลาเราจะศึกษาเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ (เช่น เรียนร้องเพลงในยูทูปและพวก How to ทั้งหลาย วิธีตัดต่อวิดีโอ อ่านรีวิวหนัง อ่านประวัติชีวิตของบุคคลสำคัญ ศึกษาวิทยาศาสตร์) เป็นภาษาไทย จากเวปคนไทย จากยูทูปคนไทย ก็ลองมาอ่านพวกนี้จากฝรั่งดูบ้าง ทุกอย่างมีในกูเกิ้ลและยูทูปครับ ต้องลองหาดู ง่าย ๆ เลย

เช่นถ้าอยากเรียนร้องเพลงและอยากฝึกอังกฤษไปด้วย ก็เข้ากูเกิ้ลแล้วพิมพ์ How to sing แค่นี้ก็มีบทความ + วิดีโอที่เป็นภาษาอังกฤษขึ้นมาเพียบแล้ว

แต่อย่างที่ย้ำอยู่เสมอว่าการเริ่มต้นมันยากที่สุด!

แรก ๆ อาจจะงง ๆ มึน ๆ หน่อย อ่านจบแล้วรู้สึกเหมือนยังไม่ได้อะไรเลย หรือจำเรื่องที่เพิ่งอ่านหรือเพิ่งฟังไปไม่ได้สักอย่าง เลยพาลหาว่าตัวเองโง่ภาษาอังกฤษอะไรแบบนี้ก็ไม่ใช่นะครับ อย่ากดดันตัวเอง มันต้องทำซ้ำ ๆ อ่านซ้ำ ๆ ฟังซ้ำ ๆ กว่าเราจะเข้าใจ
.

3. "เอาหนังสือแกรมมาร์มาทวนบ้าง"

เคยได้ยินประโยคนี้มั้ยครับ "หนังสือแกรมมาร์ไม่เคยฆ่าใคร..."

เอ่าไม่ใช่เหรอ อ่องานหนักไม่เคยฆ่าใคร ๆ 5555

มันเหมือนกันนั่นแหละ เอามา apply ด้วยกันได้ เพราะเห็นว่าบางคนเนี่ยกลัวเหลือเกินที่จะต้องเรียนภาษาอังกฤษจากหนังสือแกรมมาร์
อารมณ์ประมาณ "ไม่ได้นะ อย่าอ่านแกรมมาร์เยอะ เดี๋ยวพูดไม่ได้' "มัวแต่เรียนแกรมมาร์แล้วเมื่อไหร่จะเก่ง" อะไรพวกนี้

เลยอยากบอกว่า เฮ้ยย!! อ่านแกรมมาร์ผิดตรงไหนฟ้ะะ แกทเชื่อมโยงได้เท่าไหร่นิ อ่านแกรมมาร์แล้วพูดไม่เก่งมันมีที่ไหนกันเล่าา มีแต่พูดไม่เก่งเพราะไม่ฝึกพูด ฟังไม่เก่งเพราะไม่ฝึกฟัง ภาษาอังกฤษไม่คล่องเพราะไม่ฝึกใช้ อย่ามาโทษการอ่านหนังสือแกรมมาร์สิ

ซื้อมาเก็บไว้บ้าง พวกหนังสือรวมรวบ/สรุปแกรมมาณ์อะไรพวกนี้ มันช่วยได้จริง ๆ  แล้วหยิบมาทบทวนบ่อย ๆ อ่านซ้ำ ๆ อะไรที่รู้แล้วก็อ่าน ๆ ไปเถอะเพื่อให้มันเป๊ะขึ้นไปอีก ผมเองยังหยิบเอาหนังสือแกรมมาร์มานั่งอ่านอยู่บ่อย ๆ เลยย  

ส่วนถ้าอยากพูดเก่ง ฟังเก่ง ก็ต้องหาเวลาไปฝึกอีกที แต่เวลาของหนังสือแกรมมาร์ก็ต้องมีด้วย!
.

4. "อย่าปล่อยผ่านแม้เพียงหนึ่งคำ!"

คนที่ใช่เข้ามาให้ดูแลเขาไว้ให้ดี คนที่ไม่ใช่ก็จงปล่อยเขาไป

แต่นั่นไม่ใช่สำหรับคำศัพท์แน่นอน! เพราะทุกคำมันคือคำที่ใช่ ห้ามปล่อยผ่านไปแม้แต่คำเดียว โหลดแอปดิกชันนารีไว้ในโทรศัพท์แล้วจงเปิดมันทุกครั้งที่เจอคำใหม่ หรือถ้าไม่สะดวกให้หากระดาษมาจดไว้ก็ได้ (แนะนำให้หาสมุด 1 เล่มเพื่อที่จะพกติดตัวไป เอาไว้จดเวลาที่ยังไม่สะดวกแปลคำศัพท์ในตอนนั้น)

ฝึกไว้ในมันเป็นนิสัยครับ (นิสัยเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการเรียนรู้เลยจริง ๆ จะเก่งหรือไม่เก่งอยู่ที่นิสัยของเรานี่แหละ) ห้ามผลัด ห้ามพูดประโยคอะไรแนวนี้เช่น "เดี๋ยวเจออีกรอบค่อยแปล' "คำนี้ไม่น่าจะได้ใช้หรอก" "เอ้ยคุ้น ๆ นะเดี๋ยวก็นึกออก" "วันนี้ได้มาหลายคำแล้ว" หรืออื่น ๆ อีกมากมายที่จะเป็นการหยุดตัวเองจากการแปลหรือการจดคำศัพท์ใหม่คำนั้น ห้ามม!!

No ข้ออ้าง เจอปุ๊ปแปลปั๊ป ไม่สะดวกก็จดไว่ก่อน
.

5. "เพจดี ๆ ก็ติดตามไว้บ้าง"

ให้ความรู้สึกเหมือนโฆษณาประกันชีวิตมั้ย ที่แบบเดินเรื่องมาซะซึ้งสุดท้ายจบที่โฆษณา 55555555 เฮ้ยย แต่เราไม่ได้โฆษณาน๊ะ (เสียงสูง) แค่อยากถามว่ากดไลค์เพจ พ่อผมเป็นคนอังกฤษ ยัง??

ถ้ายังให้รีบไปไลค์แล้วกดติดดาวไว้เลยย อิอิ

ไม่ใช่แค่เพจเรานะ เพจอื่น ๆ ที่ดี ๆ อีกหลายเพจก็ไปกดตาม ๆ ไว้บ้าง ไม่ใช่แค่เพื่อเอาไว้หาความรู้ แต่เวลาที่เรากำลังเลื่อนนิวส์ฟีดมันส์ ๆ ตามสืบเรื่องคนนู้นคนนี้อยู่จะได้มีเพจที่แชร์ความรู้ภาษาอังกฤษเด้งขึ้นมาให้ฉุกคิดได้บ้าง ว่าเอออ อย่าลืมแบ่งเวลามาเรียนอังกฤษด้วยยย

อาจจะไม่ใช่แค่เพจสอนอังกฤษก็ได้ แต่เพจความรู้อื่น ๆ ด้วยก็ดี เพราะอย่างที่บอกไป นิสัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเรียนภาษา (และเรื่องอื่น ๆ) ดังนั้นก็อย่าลืมสร้างนิสัยรักการเรียนรู้ให้ตัวเองด้วย แล้วจะพบว่าแรงบันดาลใจในการเรียนภาษามันมีมากขึ้น ไม่ได้ทำไปให้เสร็จ ๆ เหมือนแต่ก่อน
.

JGC.

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่