สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ถ้าคนจะซื้อถามคุณแบบนี้ แล้วคุณตอบได้ทันที แสดงว่า รถคันที่จะขายค่อนข้างจะเป็นรถเต็นท์ครับ
แต่ถ้าคุณบอกว่า ไม่ทราบเหมือนกันว่า ต้องดาวน์เท่าไหร่ หรือ จัดได้เท่าไหร่ คุณบอกไปเลยว่า ไม่ทราบครับ เพราะเป็นรถคุณเอง ไม่ใช่รถเต็นท์
การขายรถมี 2 แบบ คือ ขายเงินสด กับ ขายให้คนที่เข้าไฟแนนซ์ครับ
อย่างแรก ขายเงินสด ซึ่งส่วนใหญ่ ผมว่าเกิน 80 % มักจะเป็นพ่อค้าครับ อันนี้ เขามักจะรู้อยู่แล้ว ว่าต้องทำอะไรบ้าง ใช้เอกสารอะไรบ้าง กี่ชุด หรือ ในเว็บของ ขนส่งทางบกก็บอกครับ
ถ้าเป็นเต็นท์ เขาจะเอาเอกสารทุกอย่างมาให้คุณเซ็นครับ เช่น ใบโอน ใบมอบอำนาจ คุณแค่เตรียม รถ กับ เล่มทะเบียนให้เขาแค่นั้น
ปกติเต็นท์ จะจ่ายเงินให้คุณก่อนครับ สมัยนี้ โอนกันต่อหน้า ผ่าน APP ธนาคารเลยครับ หรือ โอนผ่านตู้ ATM กันแล้วก็เซ็นโอนกันครับ
การขายจบเสร็จสิ้น คุณได้เงิน เขาขับรถคุณไป
แต่ถ้าเป็นการขายผ่านไฟแนนซ์ บอกเลยว่า จะเสียเวลามากกว่าครับ
1. เมื่อคนซื้อตกลงจะซื้อรถของเรา ก็ต้องติดต่อไฟแนนซ์ครับ ในเมื่อเขาไม่มีเงิน ทีนี้ การติดต่อไฟแนนซ์ ก็เลือกได้ว่า จะให้ใครติดต่อ คือ ผู้ซื้อติดต่อก็ได้ หรือ เราติดต่อเองก็ได้ แต่ถ้าไม่อยากยุ่งวุ่นวาย ก็ให้ผู้ซื้อติดต่อก็ได้
โดยเราก็ต้องเตรียมหลักฐาน เช่น สำเนารถ ถ่ายเอกสารไปให้เขา เขาก็จะเอาสำเนาเรา หรือ ถ่ายรูปรถไปด้วยก็ได้ เข้าไปคุยกับไฟแนนซ์ ว่า จัดไฟแนนซ์ได้เท่าไหร่
สมมติ คุณขายราคา 400,000 บาท แล้ว ไฟแนนซ์บอกว่า จัดได้ที่ 400,000 บาท อย่างนี้ ก็ไม่ต้องดาวน์ครับ เพราะคุณจะได้รับเงินจากไฟแนนซ์เต็ม ๆ 400,000 บาท
แต่ถ้า คุณขายราคา 400,000 บาท แต่ไฟแนนซ์ปล่อยสินเชื่อให้แค่ 350,000 บาท เท่ากับว่า คุณต้องไปเก็บเงินจากคนซื้ออีก 50,000 บาท
ทีนี้ สมมติว่า เขาไปคุยกับไฟแนนซ์เรียบร้อย ก็จะนัดไฟแนนซ์มา และนัดเรา โดยที่ไฟแนนซ์ ก็จะเข้ามาดูเรื่องเอกสาร เช่น เล่มทะเบียนเล่มจริง รถคันที่จะขาย พร้อมทั้ง ถ่ายรูปรถของเรา ดูสภาพโดยรวม พร้อมทั้งคอนเฟิร์มยอดที่จะสามารถปล่อยได้ อีกครั้งนึง
ซึ่งถ้า ผู้ซื้อ โอเคตามนั้น ก็จะทำการเซ็นสัญญา โดยที่ ไฟแนนซ์ ที่มาเซ็นปัจจุบัน สามารถเช็คเครดิตบูโรได้ทันทีเลย และสามารถประเมินคร่าว ๆ ได้ ณ ตอนนั้นเลยว่า มีแนวโน้มว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน
ทีนี้ หลังจาก ไฟแนนซ์ผ่านแล้ว คุณจะต้องเซ็นโอนรถคันนี้ให้กับบริษัทไฟแนนซ์ก่อนนะครับ ซึ่งคุณจะยังไม่ได้เงินนะครับ ใจหายนะครับ คุณเซ็นโอนไปแล้ว แต่เงินยังไม่ได้สักบาท
หลังจากนั้น ไฟแนนซ์ก็จะนำเอกสารที่คุณเซ็นโอน ไปโอนที่ขนส่งครับ และถ้าไม่มีปัญหาอะไร โอนเปลี่ยนชื่อจากชื่อคุณ เป็นชื่อบริษัทไฟแนนซ์ได้เรียบร้อย คุณก็เตรียมรับเช็คได้เลยครับ
ทีนี้ การซื้อขายกันเอง กับการซื้อขายผ่านเต็นท์นั้น จะค่อนข้างแตกต่างกันครับ เช่น วงเงินในการให้สินเชื่อนั้น ซื้อขายกันเองมักจะได้น้อยกว่า เพราะ ไฟแนนซ์จะเชื่อใจเต็นท์มากกว่า
ดังนั้น ถ้ามีเต็นท์ที่รู้จัก ก็สามารถให้เต็นท์เนี่ย ช่วยเหลือ โดยอาจจะให้ค่าเสียเวลาเขา ทำทีเป็นว่า รถคันนี้ เป็นรถเต็นท์ แล้วให้ผู้ซื้อติดต่อกันโดยตรง แต่เงินที่โอนจากไฟแนนซ์ ก็จะเป็นเงินที่จ่ายให้กับเต็นท์นะครับ ทางเต็นท์ก็จะโอนให้เราอีกทีนึง จะว่าไป มันก็ยิ่งเสี่ยงมากขึ้นไปอีก เพราะหากเต็นท์ไม่โอนให้เรา ก็จบครับ จะใช้บางกรณีเท่านั้น เช่น ยอดจัดได้น้อย หรือ เครดิตของลูกค้าไม่ดี อะไรแบบนี้ เต็นท์จะช่วยได้ครับ
แต่ถ้าคุณบอกว่า ไม่ทราบเหมือนกันว่า ต้องดาวน์เท่าไหร่ หรือ จัดได้เท่าไหร่ คุณบอกไปเลยว่า ไม่ทราบครับ เพราะเป็นรถคุณเอง ไม่ใช่รถเต็นท์
การขายรถมี 2 แบบ คือ ขายเงินสด กับ ขายให้คนที่เข้าไฟแนนซ์ครับ
อย่างแรก ขายเงินสด ซึ่งส่วนใหญ่ ผมว่าเกิน 80 % มักจะเป็นพ่อค้าครับ อันนี้ เขามักจะรู้อยู่แล้ว ว่าต้องทำอะไรบ้าง ใช้เอกสารอะไรบ้าง กี่ชุด หรือ ในเว็บของ ขนส่งทางบกก็บอกครับ
ถ้าเป็นเต็นท์ เขาจะเอาเอกสารทุกอย่างมาให้คุณเซ็นครับ เช่น ใบโอน ใบมอบอำนาจ คุณแค่เตรียม รถ กับ เล่มทะเบียนให้เขาแค่นั้น
ปกติเต็นท์ จะจ่ายเงินให้คุณก่อนครับ สมัยนี้ โอนกันต่อหน้า ผ่าน APP ธนาคารเลยครับ หรือ โอนผ่านตู้ ATM กันแล้วก็เซ็นโอนกันครับ
การขายจบเสร็จสิ้น คุณได้เงิน เขาขับรถคุณไป
แต่ถ้าเป็นการขายผ่านไฟแนนซ์ บอกเลยว่า จะเสียเวลามากกว่าครับ
1. เมื่อคนซื้อตกลงจะซื้อรถของเรา ก็ต้องติดต่อไฟแนนซ์ครับ ในเมื่อเขาไม่มีเงิน ทีนี้ การติดต่อไฟแนนซ์ ก็เลือกได้ว่า จะให้ใครติดต่อ คือ ผู้ซื้อติดต่อก็ได้ หรือ เราติดต่อเองก็ได้ แต่ถ้าไม่อยากยุ่งวุ่นวาย ก็ให้ผู้ซื้อติดต่อก็ได้
โดยเราก็ต้องเตรียมหลักฐาน เช่น สำเนารถ ถ่ายเอกสารไปให้เขา เขาก็จะเอาสำเนาเรา หรือ ถ่ายรูปรถไปด้วยก็ได้ เข้าไปคุยกับไฟแนนซ์ ว่า จัดไฟแนนซ์ได้เท่าไหร่
สมมติ คุณขายราคา 400,000 บาท แล้ว ไฟแนนซ์บอกว่า จัดได้ที่ 400,000 บาท อย่างนี้ ก็ไม่ต้องดาวน์ครับ เพราะคุณจะได้รับเงินจากไฟแนนซ์เต็ม ๆ 400,000 บาท
แต่ถ้า คุณขายราคา 400,000 บาท แต่ไฟแนนซ์ปล่อยสินเชื่อให้แค่ 350,000 บาท เท่ากับว่า คุณต้องไปเก็บเงินจากคนซื้ออีก 50,000 บาท
ทีนี้ สมมติว่า เขาไปคุยกับไฟแนนซ์เรียบร้อย ก็จะนัดไฟแนนซ์มา และนัดเรา โดยที่ไฟแนนซ์ ก็จะเข้ามาดูเรื่องเอกสาร เช่น เล่มทะเบียนเล่มจริง รถคันที่จะขาย พร้อมทั้ง ถ่ายรูปรถของเรา ดูสภาพโดยรวม พร้อมทั้งคอนเฟิร์มยอดที่จะสามารถปล่อยได้ อีกครั้งนึง
ซึ่งถ้า ผู้ซื้อ โอเคตามนั้น ก็จะทำการเซ็นสัญญา โดยที่ ไฟแนนซ์ ที่มาเซ็นปัจจุบัน สามารถเช็คเครดิตบูโรได้ทันทีเลย และสามารถประเมินคร่าว ๆ ได้ ณ ตอนนั้นเลยว่า มีแนวโน้มว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน
ทีนี้ หลังจาก ไฟแนนซ์ผ่านแล้ว คุณจะต้องเซ็นโอนรถคันนี้ให้กับบริษัทไฟแนนซ์ก่อนนะครับ ซึ่งคุณจะยังไม่ได้เงินนะครับ ใจหายนะครับ คุณเซ็นโอนไปแล้ว แต่เงินยังไม่ได้สักบาท
หลังจากนั้น ไฟแนนซ์ก็จะนำเอกสารที่คุณเซ็นโอน ไปโอนที่ขนส่งครับ และถ้าไม่มีปัญหาอะไร โอนเปลี่ยนชื่อจากชื่อคุณ เป็นชื่อบริษัทไฟแนนซ์ได้เรียบร้อย คุณก็เตรียมรับเช็คได้เลยครับ
ทีนี้ การซื้อขายกันเอง กับการซื้อขายผ่านเต็นท์นั้น จะค่อนข้างแตกต่างกันครับ เช่น วงเงินในการให้สินเชื่อนั้น ซื้อขายกันเองมักจะได้น้อยกว่า เพราะ ไฟแนนซ์จะเชื่อใจเต็นท์มากกว่า
ดังนั้น ถ้ามีเต็นท์ที่รู้จัก ก็สามารถให้เต็นท์เนี่ย ช่วยเหลือ โดยอาจจะให้ค่าเสียเวลาเขา ทำทีเป็นว่า รถคันนี้ เป็นรถเต็นท์ แล้วให้ผู้ซื้อติดต่อกันโดยตรง แต่เงินที่โอนจากไฟแนนซ์ ก็จะเป็นเงินที่จ่ายให้กับเต็นท์นะครับ ทางเต็นท์ก็จะโอนให้เราอีกทีนึง จะว่าไป มันก็ยิ่งเสี่ยงมากขึ้นไปอีก เพราะหากเต็นท์ไม่โอนให้เรา ก็จบครับ จะใช้บางกรณีเท่านั้น เช่น ยอดจัดได้น้อย หรือ เครดิตของลูกค้าไม่ดี อะไรแบบนี้ เต็นท์จะช่วยได้ครับ
ความคิดเห็นที่ 30
ถ้าขายเอง ส่วนใหญ่ถ้าคนไม่มีเงินก้อนก็อยากที่จะกู้เงินผ่านไฟแนนซ์ แต่เรื่องไฟแนนซ์นี้คิดว่าเราไม่สามารถทำเองได้ ต้องทำผ่านเต๊นท์เท่านั้น ก็แจ้งไปเลยว่าไม่ทราบเพราะเป็นรถบ้าน ตอนเราขายเองก็เจอมาแบบนี้ มาจองไว้ให้เขาไปทำเรื่องไฟแนนซ์เอง สุดท้ายบอกไม่ผ่าน เสียโอกาสและเวลา เพราะเราต้องลางานมาขาย
สุดท้าย เอาไปขายคนที่รับซื้อง่ายกว่าเยอะตัวเราที่ขายกับ BuyRodEasy ไม่เตรียมอะไรยุ่งยากค่ะเเค่นัดคุย เพื่อประเมินราคาคร่าวๆ และนัดหมายดูรถยนต์พร้อมทำสัญญา เเค่วันเดียวก็ขายเสร็จ เลยค่ะรับเงินวันนั้นเลย ราคาเราก็รับได้เทียบกับต้องมาปวดหัวเสียเวลามาขายเอง"
สุดท้าย เอาไปขายคนที่รับซื้อง่ายกว่าเยอะตัวเราที่ขายกับ BuyRodEasy ไม่เตรียมอะไรยุ่งยากค่ะเเค่นัดคุย เพื่อประเมินราคาคร่าวๆ และนัดหมายดูรถยนต์พร้อมทำสัญญา เเค่วันเดียวก็ขายเสร็จ เลยค่ะรับเงินวันนั้นเลย ราคาเราก็รับได้เทียบกับต้องมาปวดหัวเสียเวลามาขายเอง"
ความคิดเห็นที่ 27
หาร้านที่ตีราคารถของเราดีๆเลยค่ะ เราก็เอารถไปขายมา 2-3 ที่ เเต่ให้ราคาไม่คุ้ม ส่วนใหญ่ตีราคาก็จากตรงนั้นเลย ตรวจเช็คสภาพสักพักก็ตกลงราคาด้วย เเต่เราเอาไปขายที่ คุณพ้ง ผู้นำมาตรฐานรถมือสอง เเถวๆถนนกาญจนา บอกหมดว่ารถเราข้อดีข้อเสียตรงไหน ถามเราด้วยมีราคาในใจมั้ย (ก็บอกไปว่าจำเป็นจริงๆ) ถ้ารถสภาพดี ทางร้านก็ให้ราคาใกล้เคียงนั้นเลยค่ะ ได้มาราคาดีมากๆเเถมได้เงินวันนั้นเลย รวดเร็วทันใจดี
แสดงความคิดเห็น
การขายรถมือ2 จะต้องทำอย่างไรบ้างครับ
ผมได้ไปตั้งขายสักพัก
มีคนมาถามว่า ดาวน์ ... บาท ผ่อนกี่เดือน
บางคนก็ถามว่า จัด Finance ได้เท่าไร
คือ ผมไม่เข้าใจว่า หมายถึง ยังไงครับ แบบ ดาวน์ 150,000 บาท แล้วผ่อนกี่เดือน ผมจะทราบได้จากไหนครับ
แล้ว ที่เค้าถามว่า จัด Finance ได้เท่าไร เหมือนกันคับ ผมจะทราบได้อย่างไรว่า รถผมจะด Finance ได้เท่าไรครับ
แล้วต้องมีขั้นตอนอะไรบ้างครับ