ตั้งใจพยายามเขียนรีวิวนี้มาก เพราะประทับใจกับสถานที่นี้จริงๆ แต่เป็นกระทู้แรกถ้าผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ
จุดเริ่มต้นทริปนี้มาจาก จขกท ได้ฤกษ์ลาออกจากงาน เลยอยากหาทริปไปเที่ยวเพื่อรีเฟรชตัวเองก่อนไปทำงานใหม่ เพราะหลายเดือนที่ผ่านมาเหนื่อยมามากจริงๆ555+ พอได้ฤกดิ์เซ็นใบลาออกปุ๊บ ก็ยกหูโทรหาแฟน ชวนกันไปผจญภัยด้วยกัน โดยเตรียมตัวประมาณ 5 วันก่อนเดินทางเท่านั้นเอง...
แผนการเดินทางที่เราวางไว้ คือ เราจะเช่ารถยนต์ส่วนตัวสำหรับการเดินทางทริปนี้
Day1 : ลงเครื่องที่เมือง Medan-->เที่ยวระหว่างทางไปเมือง Berastagi และพักที่เมือง Berastagi
Day2 :เที่ยวในเมือง Berastagi และไปนอนที่เมือง Parapat
Day3 :เอารถข้ามเกาะจากเมือง Parapat ไปเที่ยวบนเกาะ Samosir และนอนค้างบนเกาะ 1 คืน
Day4 :ขับรถออกจากเกาะSamosir ชมวิวระหว่างทางกลับเมือง Medan
ค่าใช้จ่ายตลอดทริป
ค่าตั๋วเครื่องบิน =7640
ค่าSimcard =Rp110,000 (273บาท)
ค่าเช่ารถ 4 วัน =Rp 1,555,000 (3,855บาท)
ค่าน้ำมัน 4วัน = Rp585,000 (1,450บาท)
ค่าแรง+ค่ากินคนขับ 4 วัน = Rp350,000(868 บาท)
ค่ารร 3 คืน =Rp965,000 (2,392บาท)
ค่ากิน = Rp1,250,000 (3100 บาท)
ค่าตั๋วเข้าสถานที่ต่างๆ =Rp264,500(ุ660บาท)
รวม 20,238 ตกคนละ10,000 บาท
***********************************************************************************
Day1 : วันออกเดินทาง
สายการบินของเราวันนี้เป็นDirect Flight จาก ดอนเมือง --> เมดาน- กัวลานามู เวลา 08.15น-10.20น. ใครจะรู้ว่าแค่เหยียบพื้นดินเมดานเราจะได้ผจญภัยกันเลย ต้องเกริ่นก่อนว่า เราได้ติดต่อจองรถกับเวปไซด์ Medan rent Car โดยรถที่เราเลือกคือ รถ Honda Preed แบบเกียร์ ออร์โต้ และขับเองในราคาRp500,000 /วัน หลังจากตกลงสถานที่และเวลารับรถเรียบร้อย เมื่อเรามาถึงจึงได้ไปเดินหาซื้อซิม (แนะนำว่าถ้าซื้อนอกสนามบินได้จะราคาถูกกว่า และควรคุยให้ดีว่าซิมสามารถเล่นเน็ตได้อย่างเดียวหรือว่าสามารถโทรได้ด้วย ถ้าโทรได้ด้วยจะสะดวกมาก) เราได้ซิมอินเตอร์เน็ตมาในราคา Rp110,000 แล้วก็มาแชร์wifi กันเอา หลังจากนั้นก็ติดต่อไปที่บริษัทรถว่ารอเราอยู่ตรงไหน เซอร์ไพรส์แรก เค้าบอกว่ายังไม่ถึง ให้รอ 15 นาที สรุป รอไป2 ชม ไม่พอ เอารถมาให้คนละคัน และที่สำคัญเป็นเกียร์กระปุก!! ปรี๊ดเลย เสียเวลารอมากกกกกก
ระหว่างรอรถที่สนามบิน
ตัดภาพข้ามมาที่เราได้พยายามติดต่อบริษัทรถเช่าอีกเจ้าที่เราเจอในเวปตั้งแต่ก่อนบินมา นั้นก็คือ Yoga rent car มันทำให้เรารู้ว่าฟ้าหลังฝนงดงามเสมอ เราได้คุยกับคุณNicky คนที่ดูแลเวปและที่สำคัญพูดสื่อสารภาษาอังฤษได้ เค้าได้เดินทางมาหาเรา และแนะนำเราว่าทริปสถานที่ๆเราอยากไปนั้นควรใช้คนขับเพราะนักท่องเที่ยวไม่คุ้นชินกับเส้นทาง เกิดอุบัติเหตุบ่อย แฟนเราก็เห็นด้วยจึงตกลงเช่ารถพร้อมคนขับมา โดยค่าเช่ารถ เค้าคิด Rp1,550,000/4 วัน และค่าแรง+อาหารและที่พักคนขับRp400,000/4วัน รวมถึงคนขับรถคนนี้ พูดอังกฤษได้ เราเอาแพลนให้เค้าได้เลย และเค้าก็สามารถแนะนำสถานที่ๆไม่มีในรีวิวได้ด้วยนะ จากนั้นก็เม้าท์กันเยอะแยะระหว่างรอรถมา รวมๆ 3 ชม
คุณ Nickyและรถของเรา
คืนนี้เราจะพักที่ Hotel Kalang Ulu Exclusive Residence (**คนขับของเราแนะนำว่าถ้าจะจองที่พักเวลามาเที่ยวMedan ควรจองผ่านแอป traveloka เป็นที่นิยมมากกว่า booking หรือ Agoda) และด้วยความที่เป็นรร.เปิดใหม่ คนขับเราไม่รู้จัก เราก็เซอร์ไพรส์กันอีกแล้วกับการตามหารร. พอเจอรร. ปุ๊บ ตื่นเต้นเลย รร.น่ารักมากกกกก ค่าห้องคืนละ 734 บาท เท่านั้น แต่อย่าหวังจะเจอแอร์ในห้องนะจ๊ะ อากาศที่นี่ตอนกลางคืนมันเย็นมากกกก ประมาณ 19-25 องศา ส่วนเครื่องทำน้ำอุ่นมีทุกห้อง
Day 2 :เช้านี้เราก็เตรียมตัวออกมาทานอาหารเช้า เจอ คุณ Agus เจ้าของรร. ออกมาต้อนรับเราด้วยตัวเอง เพราะเราเป็นแขกคนไทยคนแรกของเค้า เค้าเลยพาชมรร.ด้วยตัวเอง^^ ตอนเรามานี่ทางรรยังทำไม่เสร็จ100% เป็น สไตล์ญี่ปุ่นผสมบาหลี ซึ่งเจ้าของเป็นคนออกแบบเอง
ใครอยากตามรอยไปพักที่นี้ขอบอกเลยว่ามุมถ่ายรูปเยอะมากกกก เผื่อเวลาดีๆนะ
วันนีเรานัดคุณ Mada คนขับของเราไว้ 8.00น เพื่อไปชมภูเขาไฟ Sibayak Volcano ใช้เวลาเดินทางจากที่พักเราประมาณ 1 ชม. เมื่อมาถึงเราก็ต้องเสียค่าเข้าชม คนละ Rp10,000
ใช้เวลาขึ้นและลง ประมาณ 2 ชม ควรเตรียมรองเท้าให้เหมาะกับการเดินป่า น้ำดื่ม และ ยาดม ยาหม่องอะไรก็ว่าไปเพราะทางค่อนข้างชัน อากาศก็เย็นด้วย แต่พอเดินๆไปมันจะเริ่มร้อนนะ เหงื่อออกเลยหละ55
เดินเรียบริมหน้าผา
บอกเลยว่าเราจะได้เพลินกับการชมความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติตลอดเส้นทาง เป็นช่วงเวลาที่ประทับใจมาก ประกอบกับยิ่งเราเดินขึ้นไปสูงขึ้นเท่าไหร่ เราจะเห็นหมอกที่ปกคลุมด้านล่าง เป็นภาพที่ประทับใจมากๆ
เดินขึ้นทางชัน
มุดป่าก็มา
เห็นทางเดินนั้นไหม...ใช่แล้วภูเขาไฟมันอยู่ที่ปลายทาง
ใกล้แล้วววว ปลายทางนั้นก็คือปากภูเขาไฟแล้วว
และแล้วก็มาถึงภูเขาไฟ ต้องบอกเลยว่าหายเหนื่อย สวยมากก ภาพภูเขาไฟที่กำลังปะทุอยู่ ตื่นตาตื่นใจมากๆ
ตรงนี้เลยกลิ่นกำมะถันแรงมากๆ
อดไม่ไหว คุณแฟนเลยขอโพสงามๆซะหน่อย
หลังจากถ่ายภาพจนจุใจก็ได้เดินทางต่อ ที่ต่อไปที่เราจะไปชมก็คือ ภูเขาไฟอีกหนึ่งลูกที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้ นั้นก็คือ Sinabung Volcano ภูเขาไฟลูกนี้ ฟิวได้ประมาณฟูจิเลย แต่อันนี้ค่อนข้างโหดเพราะมันยังปะทุอยู่เนื่องๆ เลย
คนขับของเราก็ช่างพยายามหามุมให้เราถ่ายได้แบบที่เห็นมุมชัดมาก ไม่มีมีต้นไม้บังเลย
จากนั้นเราก็ไปหาอาหารทานกันในเมือง Berastagi เพื่อเตรียมตัวไปต่อ
ระหว่างทางจากเมือง Berastagi ไปยัง Parapat ใช้เวลาประมาณ 2 ชม ระหว่างนั้นเราก็งีบจ้า ตื่นมาอีกที ก็ตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้ามาก ไม่อยากเชื่อว่าเราจะได้เห็นภาพวิวที่สวยขนาดนี้ มันสวยจนไม่รู้จะหาคำอะไรมาบรรยายเลยจริงๆ
เรากำลังขับรถเลียบไปกับทะเลสาบ Toba Lake ระหว่างทางคือช่วงเวลาที่ประทับใจมากๆ คือบอกได้คำเดียวว่ากล้องไม่สามารถบันทึกสิ่งที่ตาเห็นได้ทั้งหมดจริงๆ
หลังจากตะลึงกับความสวยวิวแล้ว เราก็ได้มาถึง น้ำตก Sipiso-Piso ซึ่งจะต้องเสียค่าเข้ารวม Rp 8000(เค้าคิดราคาตามจำนวนคนนะคะ)และค่าที่จอดรถRp5000 จุดที่เราจอดรถจะเป็นจุดที่อยู่ระดับประมาณเดียวกันกับยอดของน้ำตก โดยจะมีทางลงให้สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะลงมาเล่นน้ำ หรือชมวิว ซึ่งแน่นอนว่ามันแทบจะเป็นทางลงในลักษณะ ดิ่ง 90 องศาเลย ตอนลงอาจไม่เหนื่อยแต่ขาขึ้นเนี่ย อยากจะขอกระเช้ากันเลยทีเดียว 555+
ยืนตรงนี้ แค่โพสไม่กี่ที บอกเลยว่าเปียก ฉุ่มฉ่ำ ทั้งตากล้องทั้งคนถ่าย ชื่นใจมากๆๆ
ระหว่างทางขึ้นไปที่รถก็สามารถเห็นทะเลสาบได้ด้วย
จากนั้นเราก็หลับสนิท บนรถ และบอกตัวเองว่าโชคดีแล้วที่ไม่ได้ขับรถกันเอง ไม่งั้นแย่แน่ๆ ใช้พลังงานเยอะมาก วันนี้ คุณ Mada ก็มาส่งเราทานอาหารใกล้ๆที่พัก ที่ เมือง Parapat ( เราจะไม่แนะนำรีวิวที่เรานอนคืนนี้ เพราะไม่ดีเลย แพงด้วย) ที่เราเลือกนอนที่Parapat เพราะเป็นเมืองที่ใกล้กับท่าเรือที่เราจะเอารถข้ามไปเที่ยวต่อยังเกาะ Samosir ในวันรุ่งขึ้น
Day3 : วันนี้เราจะข้ามเกาะไปยัง Samosir ใช้เรือFerry ขนรถข้ามฝั่ง ที่ท่าเรือ Ajibata เส้นทางคือ Parapat-->Tomok โดยใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1 ชม เราเลยเลือกรอบเช้าสุด คือ 8.30 เพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวเกาะนี้ให้เต็มที่
สองหนุ่มเราก็มาซื้อตั๋ว ราคา Rp115,000 โดนเก็บค่าที่จอดตอนต่อคิวเข้าแถวด้วย Rp5000 จ่ายไปแบบงงๆ555+
เกาะ Samosir เป็นเกาะที่อยู่กลางทะเลสาบโทบา มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ Mada เลยเสนอพาเราไปชมการแสดงพื้นเมือง Batak dance และชมพิพิธภัณฑ์ Museum Huta Bolon Simanindo เสียค่าเข้าชมคนละ Rp100,000
ก่อนชมเค้าก็จะมีกระดาษให้อ่านสำหรับทำความเข้าใจเกี่ยวกับการแสดงต่างๆ
ที่นั่งชมการแสดง
การแสดงใช้เวลาประมาณ 1 ชม และในส่วนของพิพิธภัณฑ์ ก็ไม่ใหญ่
หน้าทางเข้าพิพิธภัณท์
หลังจากนั้นเราก็แวะทานอาหารเที่ยงก่อนจะไปยังจุดที่ Mada บอกว่า จะพาไปจุดที่เราไม่ได้แพลนเอาไว้ เพราะยังไม่ค่อยมีคนรู้จักนั้นก็คือ คือจุดชมวิว Panoramic Pointview จุดนี้จะเป็นจุดที่ทำให้เราเห็นวิว 180องศาเลย สถานที่เป็นร้านขายเครื่องดื่มเป็นระเบียงยื่นออกไปยังภูเขา ไม่ต้องเสียค่าเข้าด้วย แค่อุดหนุนน้ำ เค้าก็พอใจละ แล้วถ้าคุณสั่งเบียร์นะ เค้าจะเสิร์ฟด้วยแก้วแช่เย็น ชมวิวไปจิบไป อากาศก็เย็น คือฟินมากค่าา
และในช่วงเย็นวันนี้คุณแฟนอยากซึมซับบรรยากาศริมทะเลสาบ เลยเข้าที่พักตั้งแต่เย็นๆ เราจึงให้ Mada มาส่งที่ Mas Cottage ระหว่างทางก่อนถึงที่พักก็แวะซื้อขนมมานั่งกินหน้าห้อง
บรรยากาศหน้าห้องพักของเราก็ติดกับทะเลสาบเลย สามารถลงไปเล่นน้ำได้ น้ำใสแจ๋ววววว
จริงๆบนเกาะนี้มันก็มีที่ให้เที่ยวอีกหลายที่เลย มีชายหาด Botu Hoda Beach ,มีน้ำตก แต่เราไม่ได้ไปเพราะแค่นี้ก็ฟินแล้ว อีกอย่างขามันก็เริ่มออกอาการปวดเมื่อย จากการเดินเขา 2 ลูกเมื่อวาน555+
***เดี๋ยวมาต่อ Day 4 พร้อมกับทริคการเตรียมตัวต่างๆในคอมเม้นนะคะ
[CR] รีวิว ใช้เงิน 10,000 บาท(รวมทุกอย่าง) บินไป ดูภูเขาไฟ ชมน้ำตก เล่นน้ำในทะเลสาบ ที่ Medan 5 วัน 4 คืน
ตั้งใจพยายามเขียนรีวิวนี้มาก เพราะประทับใจกับสถานที่นี้จริงๆ แต่เป็นกระทู้แรกถ้าผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ
จุดเริ่มต้นทริปนี้มาจาก จขกท ได้ฤกษ์ลาออกจากงาน เลยอยากหาทริปไปเที่ยวเพื่อรีเฟรชตัวเองก่อนไปทำงานใหม่ เพราะหลายเดือนที่ผ่านมาเหนื่อยมามากจริงๆ555+ พอได้ฤกดิ์เซ็นใบลาออกปุ๊บ ก็ยกหูโทรหาแฟน ชวนกันไปผจญภัยด้วยกัน โดยเตรียมตัวประมาณ 5 วันก่อนเดินทางเท่านั้นเอง...
แผนการเดินทางที่เราวางไว้ คือ เราจะเช่ารถยนต์ส่วนตัวสำหรับการเดินทางทริปนี้
Day1 : ลงเครื่องที่เมือง Medan-->เที่ยวระหว่างทางไปเมือง Berastagi และพักที่เมือง Berastagi
Day2 :เที่ยวในเมือง Berastagi และไปนอนที่เมือง Parapat
Day3 :เอารถข้ามเกาะจากเมือง Parapat ไปเที่ยวบนเกาะ Samosir และนอนค้างบนเกาะ 1 คืน
Day4 :ขับรถออกจากเกาะSamosir ชมวิวระหว่างทางกลับเมือง Medan
ค่าใช้จ่ายตลอดทริป
ค่าตั๋วเครื่องบิน =7640
ค่าSimcard =Rp110,000 (273บาท)
ค่าเช่ารถ 4 วัน =Rp 1,555,000 (3,855บาท)
ค่าน้ำมัน 4วัน = Rp585,000 (1,450บาท)
ค่าแรง+ค่ากินคนขับ 4 วัน = Rp350,000(868 บาท)
ค่ารร 3 คืน =Rp965,000 (2,392บาท)
ค่ากิน = Rp1,250,000 (3100 บาท)
ค่าตั๋วเข้าสถานที่ต่างๆ =Rp264,500(ุ660บาท)
รวม 20,238 ตกคนละ10,000 บาท
***********************************************************************************
Day1 : วันออกเดินทาง
สายการบินของเราวันนี้เป็นDirect Flight จาก ดอนเมือง --> เมดาน- กัวลานามู เวลา 08.15น-10.20น. ใครจะรู้ว่าแค่เหยียบพื้นดินเมดานเราจะได้ผจญภัยกันเลย ต้องเกริ่นก่อนว่า เราได้ติดต่อจองรถกับเวปไซด์ Medan rent Car โดยรถที่เราเลือกคือ รถ Honda Preed แบบเกียร์ ออร์โต้ และขับเองในราคาRp500,000 /วัน หลังจากตกลงสถานที่และเวลารับรถเรียบร้อย เมื่อเรามาถึงจึงได้ไปเดินหาซื้อซิม (แนะนำว่าถ้าซื้อนอกสนามบินได้จะราคาถูกกว่า และควรคุยให้ดีว่าซิมสามารถเล่นเน็ตได้อย่างเดียวหรือว่าสามารถโทรได้ด้วย ถ้าโทรได้ด้วยจะสะดวกมาก) เราได้ซิมอินเตอร์เน็ตมาในราคา Rp110,000 แล้วก็มาแชร์wifi กันเอา หลังจากนั้นก็ติดต่อไปที่บริษัทรถว่ารอเราอยู่ตรงไหน เซอร์ไพรส์แรก เค้าบอกว่ายังไม่ถึง ให้รอ 15 นาที สรุป รอไป2 ชม ไม่พอ เอารถมาให้คนละคัน และที่สำคัญเป็นเกียร์กระปุก!! ปรี๊ดเลย เสียเวลารอมากกกกกก
ระหว่างรอรถที่สนามบิน
ตัดภาพข้ามมาที่เราได้พยายามติดต่อบริษัทรถเช่าอีกเจ้าที่เราเจอในเวปตั้งแต่ก่อนบินมา นั้นก็คือ Yoga rent car มันทำให้เรารู้ว่าฟ้าหลังฝนงดงามเสมอ เราได้คุยกับคุณNicky คนที่ดูแลเวปและที่สำคัญพูดสื่อสารภาษาอังฤษได้ เค้าได้เดินทางมาหาเรา และแนะนำเราว่าทริปสถานที่ๆเราอยากไปนั้นควรใช้คนขับเพราะนักท่องเที่ยวไม่คุ้นชินกับเส้นทาง เกิดอุบัติเหตุบ่อย แฟนเราก็เห็นด้วยจึงตกลงเช่ารถพร้อมคนขับมา โดยค่าเช่ารถ เค้าคิด Rp1,550,000/4 วัน และค่าแรง+อาหารและที่พักคนขับRp400,000/4วัน รวมถึงคนขับรถคนนี้ พูดอังกฤษได้ เราเอาแพลนให้เค้าได้เลย และเค้าก็สามารถแนะนำสถานที่ๆไม่มีในรีวิวได้ด้วยนะ จากนั้นก็เม้าท์กันเยอะแยะระหว่างรอรถมา รวมๆ 3 ชม
คุณ Nickyและรถของเรา
คืนนี้เราจะพักที่ Hotel Kalang Ulu Exclusive Residence (**คนขับของเราแนะนำว่าถ้าจะจองที่พักเวลามาเที่ยวMedan ควรจองผ่านแอป traveloka เป็นที่นิยมมากกว่า booking หรือ Agoda) และด้วยความที่เป็นรร.เปิดใหม่ คนขับเราไม่รู้จัก เราก็เซอร์ไพรส์กันอีกแล้วกับการตามหารร. พอเจอรร. ปุ๊บ ตื่นเต้นเลย รร.น่ารักมากกกกก ค่าห้องคืนละ 734 บาท เท่านั้น แต่อย่าหวังจะเจอแอร์ในห้องนะจ๊ะ อากาศที่นี่ตอนกลางคืนมันเย็นมากกกก ประมาณ 19-25 องศา ส่วนเครื่องทำน้ำอุ่นมีทุกห้อง
Day 2 :เช้านี้เราก็เตรียมตัวออกมาทานอาหารเช้า เจอ คุณ Agus เจ้าของรร. ออกมาต้อนรับเราด้วยตัวเอง เพราะเราเป็นแขกคนไทยคนแรกของเค้า เค้าเลยพาชมรร.ด้วยตัวเอง^^ ตอนเรามานี่ทางรรยังทำไม่เสร็จ100% เป็น สไตล์ญี่ปุ่นผสมบาหลี ซึ่งเจ้าของเป็นคนออกแบบเอง
ใครอยากตามรอยไปพักที่นี้ขอบอกเลยว่ามุมถ่ายรูปเยอะมากกกก เผื่อเวลาดีๆนะ
วันนีเรานัดคุณ Mada คนขับของเราไว้ 8.00น เพื่อไปชมภูเขาไฟ Sibayak Volcano ใช้เวลาเดินทางจากที่พักเราประมาณ 1 ชม. เมื่อมาถึงเราก็ต้องเสียค่าเข้าชม คนละ Rp10,000
ใช้เวลาขึ้นและลง ประมาณ 2 ชม ควรเตรียมรองเท้าให้เหมาะกับการเดินป่า น้ำดื่ม และ ยาดม ยาหม่องอะไรก็ว่าไปเพราะทางค่อนข้างชัน อากาศก็เย็นด้วย แต่พอเดินๆไปมันจะเริ่มร้อนนะ เหงื่อออกเลยหละ55
เดินเรียบริมหน้าผา
บอกเลยว่าเราจะได้เพลินกับการชมความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติตลอดเส้นทาง เป็นช่วงเวลาที่ประทับใจมาก ประกอบกับยิ่งเราเดินขึ้นไปสูงขึ้นเท่าไหร่ เราจะเห็นหมอกที่ปกคลุมด้านล่าง เป็นภาพที่ประทับใจมากๆ
เดินขึ้นทางชัน
มุดป่าก็มา
เห็นทางเดินนั้นไหม...ใช่แล้วภูเขาไฟมันอยู่ที่ปลายทาง
ใกล้แล้วววว ปลายทางนั้นก็คือปากภูเขาไฟแล้วว
และแล้วก็มาถึงภูเขาไฟ ต้องบอกเลยว่าหายเหนื่อย สวยมากก ภาพภูเขาไฟที่กำลังปะทุอยู่ ตื่นตาตื่นใจมากๆ
ตรงนี้เลยกลิ่นกำมะถันแรงมากๆ
อดไม่ไหว คุณแฟนเลยขอโพสงามๆซะหน่อย
หลังจากถ่ายภาพจนจุใจก็ได้เดินทางต่อ ที่ต่อไปที่เราจะไปชมก็คือ ภูเขาไฟอีกหนึ่งลูกที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้ นั้นก็คือ Sinabung Volcano ภูเขาไฟลูกนี้ ฟิวได้ประมาณฟูจิเลย แต่อันนี้ค่อนข้างโหดเพราะมันยังปะทุอยู่เนื่องๆ เลย
คนขับของเราก็ช่างพยายามหามุมให้เราถ่ายได้แบบที่เห็นมุมชัดมาก ไม่มีมีต้นไม้บังเลย
จากนั้นเราก็ไปหาอาหารทานกันในเมือง Berastagi เพื่อเตรียมตัวไปต่อ
ระหว่างทางจากเมือง Berastagi ไปยัง Parapat ใช้เวลาประมาณ 2 ชม ระหว่างนั้นเราก็งีบจ้า ตื่นมาอีกที ก็ตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้ามาก ไม่อยากเชื่อว่าเราจะได้เห็นภาพวิวที่สวยขนาดนี้ มันสวยจนไม่รู้จะหาคำอะไรมาบรรยายเลยจริงๆ
เรากำลังขับรถเลียบไปกับทะเลสาบ Toba Lake ระหว่างทางคือช่วงเวลาที่ประทับใจมากๆ คือบอกได้คำเดียวว่ากล้องไม่สามารถบันทึกสิ่งที่ตาเห็นได้ทั้งหมดจริงๆ
หลังจากตะลึงกับความสวยวิวแล้ว เราก็ได้มาถึง น้ำตก Sipiso-Piso ซึ่งจะต้องเสียค่าเข้ารวม Rp 8000(เค้าคิดราคาตามจำนวนคนนะคะ)และค่าที่จอดรถRp5000 จุดที่เราจอดรถจะเป็นจุดที่อยู่ระดับประมาณเดียวกันกับยอดของน้ำตก โดยจะมีทางลงให้สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะลงมาเล่นน้ำ หรือชมวิว ซึ่งแน่นอนว่ามันแทบจะเป็นทางลงในลักษณะ ดิ่ง 90 องศาเลย ตอนลงอาจไม่เหนื่อยแต่ขาขึ้นเนี่ย อยากจะขอกระเช้ากันเลยทีเดียว 555+
ยืนตรงนี้ แค่โพสไม่กี่ที บอกเลยว่าเปียก ฉุ่มฉ่ำ ทั้งตากล้องทั้งคนถ่าย ชื่นใจมากๆๆ
ระหว่างทางขึ้นไปที่รถก็สามารถเห็นทะเลสาบได้ด้วย
จากนั้นเราก็หลับสนิท บนรถ และบอกตัวเองว่าโชคดีแล้วที่ไม่ได้ขับรถกันเอง ไม่งั้นแย่แน่ๆ ใช้พลังงานเยอะมาก วันนี้ คุณ Mada ก็มาส่งเราทานอาหารใกล้ๆที่พัก ที่ เมือง Parapat ( เราจะไม่แนะนำรีวิวที่เรานอนคืนนี้ เพราะไม่ดีเลย แพงด้วย) ที่เราเลือกนอนที่Parapat เพราะเป็นเมืองที่ใกล้กับท่าเรือที่เราจะเอารถข้ามไปเที่ยวต่อยังเกาะ Samosir ในวันรุ่งขึ้น
Day3 : วันนี้เราจะข้ามเกาะไปยัง Samosir ใช้เรือFerry ขนรถข้ามฝั่ง ที่ท่าเรือ Ajibata เส้นทางคือ Parapat-->Tomok โดยใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1 ชม เราเลยเลือกรอบเช้าสุด คือ 8.30 เพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวเกาะนี้ให้เต็มที่
สองหนุ่มเราก็มาซื้อตั๋ว ราคา Rp115,000 โดนเก็บค่าที่จอดตอนต่อคิวเข้าแถวด้วย Rp5000 จ่ายไปแบบงงๆ555+
เกาะ Samosir เป็นเกาะที่อยู่กลางทะเลสาบโทบา มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ Mada เลยเสนอพาเราไปชมการแสดงพื้นเมือง Batak dance และชมพิพิธภัณฑ์ Museum Huta Bolon Simanindo เสียค่าเข้าชมคนละ Rp100,000
ก่อนชมเค้าก็จะมีกระดาษให้อ่านสำหรับทำความเข้าใจเกี่ยวกับการแสดงต่างๆ
ที่นั่งชมการแสดง
การแสดงใช้เวลาประมาณ 1 ชม และในส่วนของพิพิธภัณฑ์ ก็ไม่ใหญ่
หน้าทางเข้าพิพิธภัณท์
หลังจากนั้นเราก็แวะทานอาหารเที่ยงก่อนจะไปยังจุดที่ Mada บอกว่า จะพาไปจุดที่เราไม่ได้แพลนเอาไว้ เพราะยังไม่ค่อยมีคนรู้จักนั้นก็คือ คือจุดชมวิว Panoramic Pointview จุดนี้จะเป็นจุดที่ทำให้เราเห็นวิว 180องศาเลย สถานที่เป็นร้านขายเครื่องดื่มเป็นระเบียงยื่นออกไปยังภูเขา ไม่ต้องเสียค่าเข้าด้วย แค่อุดหนุนน้ำ เค้าก็พอใจละ แล้วถ้าคุณสั่งเบียร์นะ เค้าจะเสิร์ฟด้วยแก้วแช่เย็น ชมวิวไปจิบไป อากาศก็เย็น คือฟินมากค่าา
และในช่วงเย็นวันนี้คุณแฟนอยากซึมซับบรรยากาศริมทะเลสาบ เลยเข้าที่พักตั้งแต่เย็นๆ เราจึงให้ Mada มาส่งที่ Mas Cottage ระหว่างทางก่อนถึงที่พักก็แวะซื้อขนมมานั่งกินหน้าห้อง
บรรยากาศหน้าห้องพักของเราก็ติดกับทะเลสาบเลย สามารถลงไปเล่นน้ำได้ น้ำใสแจ๋ววววว
จริงๆบนเกาะนี้มันก็มีที่ให้เที่ยวอีกหลายที่เลย มีชายหาด Botu Hoda Beach ,มีน้ำตก แต่เราไม่ได้ไปเพราะแค่นี้ก็ฟินแล้ว อีกอย่างขามันก็เริ่มออกอาการปวดเมื่อย จากการเดินเขา 2 ลูกเมื่อวาน555+
***เดี๋ยวมาต่อ Day 4 พร้อมกับทริคการเตรียมตัวต่างๆในคอมเม้นนะคะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น