.........วิธีที่พิสูจน์แล้วว่าเปลี่ยนมนุษย์เงินเดือนให้เป็นเศรษฐีได้จริง

ลำพังต้องใช้ชีวิตในยุคที่ “สตาร์ทอัพ” กลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่มาแรงแซงทุกกระแส
อาชีพฟรีแลนซ์ คืออาชีพในฝันที่หลายคนปรารถนาอยากลิ้มลองรสชาติการเป็นเจ้านายตัวเองดูสักครั้ง
ก็ทำให้หลายคนที่ยังก้มหน้าเป็นมนุษย์ออฟฟิศทำงานรอสิ้นเดือนหดหู่ใจมากพออยู่แล้ว
แถมบางคนยังซ้ำเติมตัวเองให้ยิ่งหมดหวังด้วยการป้อนความคิดลบๆใส่หัวว่า
ตราบที่ยังกินเงินเดือน ชาตินี้ ไม่มีวันรวย
ทั้งที่ความจริงแล้ว ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะเส้นทางสู่การเป็นเศรษฐีไม่ได้คับแคบขนาดนั้น
ถึงจะมีตัวอย่างของผู้คนมากมายที่สร้างตัวเป็นเศรษฐีจากการทำธุรกิจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า มนุษย์เงินเดือนจะไม่มีทางรวย

     จากผลการศึกษาเรื่อง Rich Habits โดยโธมัส คอร์ลีย์ นักเขียนชื่อดังที่อุทิศเวลาถึง 5 ปี
เพื่อศึกษาชีวิตของคนรวยที่รายได้ต่อปีไม่น้อยกว่า 160,000 เหรียญสหรัฐ
(ราว 5.4 ล้านบาท และมีทรัพย์สินโดยรวมไม่ต่ำกว่า 3.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 108 ล้านบาท) จำนวน 233 คน
เขาได้พบความลับที่น่าอัศจรรย์ใจ ว่าขณะที่หลายคนมองว่าเศรษฐีที่สร้างตัวด้วยสองมือ
ล้วนเริ่มต้นจากการแปลงแพชชั่นที่มีต่อยอดเป็นธุรกิจพันล้าน
เขากลับพบว่า 39% ของเศรษฐี สร้างตัวจากการเป็นเพียงมนุษย์เงินเดือนเหมือนเราๆ
แต่สิ่งที่พวกเขาแตกต่างคือ ทำตาม 7 กฎเหล็กดังต่อไปนี้


   1.ทุ่มเทเวลาให้กับงาน
หนึ่งในพฤติกรรมของกลุ่มตัวอย่างที่พบว่าเข้าข่ายมนุษย์เงินเดือนที่มีแววรวยทำ
คือ พวกเขาไม่เกี่ยงงอนที่จะทำงานหนัก พร้อมทุ่มเทเวลาให้กับงานมากกว่าคนอื่น
โดยเฉลี่ยพวกเขาทำงานสัปดาห์ละ 51 ชั่วโมง
แถมในจำนวนนี้ 44% ยังเริ่มทำงานก่อนเพื่อนพนักงานคนอื่นในบริษัทถึง 3 ชั่วโมง

    2.พัฒนาตัวเองให้อยู่กลุ่ม “นิช”
แทนที่จะปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นพนักงานที่ไม่ต่างจากสินค้าแมช (Mass) ที่หาได้อย่างดาษดื่น คู่แข่งสูง
มนุษย์เงินเดือนที่มีแววรวยเลือกที่จะพัฒนาศักยภาพของตัวเองให้เป็นสินค้านิช (Niche)
ที่มีความเฉพาะกลุ่ม คู่แข่งไม่มาก แต่เป็นที่ต้องการ
แม้กว่าจะพัฒนาตัวเองให้เป็นไปถึงจุดนั้นได้ ต้องแลกด้วยการทำงานหนัก ฝ่าฝันสารพัดอุปสรรคก็ตาม

    3.ผูกไมตรีกับผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ
คนกลุ่มนี้มักสานสัมพันธ์ สร้างคอนเนกชั่นกับเหล่าผู้บริหารระดับสูงทั้งในและนอกบริษัท
ตลอดจนคนในแวดวงธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

    4.หาโอกาสและสร้างเวทีให้ตัวเอง
พวกเขามักเข้าร่วมในโปรเจกต์ต่างๆ เพราะมองถึงประโยชน์สามต่อที่จะได้รับ
ต่อแรก คือ การได้ลองทำอะไรใหม่ๆ เท่ากับเป็นการพาตัวเองไปต่อยอดความรู้ พัฒนาทักษะใหม่ๆ
ต่อที่สองคือ เป็นการเปิดโอกาสให้ได้ออกไปพบปะผู้คน ทำงานร่วมกับผู้บริหารเก่งๆ
แถมยังได้สร้างเวทีให้ตัวเองได้โชว์ความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาคนในและนอกแผนก
ซึ่งด้วยเนื้องานปกติอาจไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือให้เห็น

    5.อดทนเป็นเลิศ
คนเก่งหลายคนเลือกที่จะลาออกและหลบไปเลียแผลใจที่บริษัทใหม่
เมื่อพลาดหวังจากตำแหน่งที่หมายปอง
แต่สำหรับคนกลุ่มนี้ พวกเขากลับเลือกที่จะใช้ความอดทนเข้าแลก เพื่อรอวันที่จะได้นั่งในตำแหน่งที่หวัง

    6.ควบคุมอารมณ์เป็นเลิศ
ใครๆ ก็ชอบทำงานกับคนที่มองโลกในแง่ดี ไม่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล
ทั้ง 2 ข้อนี้จึงกลายเป็นลักษณะเด่นของคนกลุ่มนี้ พวกเขาควบคุมอารมณ์ได้ดีเสมอ ไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์
ทำให้ใครที่ได้ร่วมงานด้วยก็รู้สึกสบายใจ
จนทำให้พวกเขามักกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เวลาเจ้านายคิดจะเลือกตำแหน่งเสมอ

    7.ขอเม้าท์เฉพาะเรื่องดีๆ
การนินทา คือ หายนะในทุกความสัมพันธ์
แต่บางครั้งก็มีข้อยกเว้นหากการนินทาลับหลังของคุณเป็นการนำเรื่องดีๆ ของคนอื่นมาพูดลับหลัง
เหล่ามนุษย์เงินเดือนที่สร้างตัวจนรวยพิสูจน์แล้วว่า การที่พวกเขาชอบพูดเรื่องดีๆของคนอื่นลับหลังทำให้พวกเขากลายเป็นที่รัก
และเชื่อถือของคนอื่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่